ครั้นได้ยินคำแก้ตัวของฮองเฮา บรรดาขุนนางต่างก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์กัน
พวกเขาทุกคนต่างเคยได้ยินมาว่าในงานเลี้ยงต้อนรับไป๋หยานค่ำคืนนั้น ไป๋หยานสนิทสนมกับอ๋องคังมาก บัดนี้ดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองน่าที่จะเป็นเรื่องจริงแล้ว
ทว่าไป๋หยานมีชื่อเสียงไม่ดีเป็นที่รู้โดยทั่วกัน นางจะคู่ควรกับอ๋องคังกระนั้นหรือ ?
“อ๋องคัง เรื่องนี้ … ” หนานกงหยวนรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาอดไม่ได้ที่จะมองชายหนุ่มผู้อยู่เบื้องหน้า
นัยน์ตาเย็นยะเยือกของตี้คังมองไปทางหนิงไต้ เขาเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะลดสายตามองหนิงไต้ผู้ซึ่งกำลังคุกเข่าอยู่อย่างข่ม ๆ
“ไป๋จื่อ หญิงผู้นั้นไม่มีดีอะไรมากไปกว่าเป็นบุตรสาวของหญิงละโมบโลภมากอยากได้ของหมั้นของเด็กสาวกำพร้าคนหนึ่ง หญิงเช่นนี้เจ้าจะเรียกว่างดงาม เพียบพร้อมด้วยคุณธรรมได้อย่างไร”
น้ำเสียงของชายหนุ่มฟังดูมืดมน กระทั่งหนิงไต้ตัวสั่นเทา
เรื่องที่บ้านสกุลไป๋ยักยอกของหมั้นของหลานเยี่ยนั้น นางย่อมรู้ดีกว่าผู้ใด ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ไป๋รั่วได้ถวายของกำนัลทั้งเครื่องประดับเงิน เครื่องประดับทองให้แก่นางมากมายหลายชิ้น ส่วนใหญ่ก็ล้วนมาจากของหมั้นเหล่านั้น
ทว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับไป๋จื่อที่ตรงไหน ?
หนิงไต้ฝืนยิ้ม “ต้องมีความเข้าใจผิดบางประการเป็นแน่ นิสัยของไป๋จื่อนั้นเชื่อถือได้แน่นอน อ๋องคังท่านสามารถมั่นใจได้ว่า นอกเหนือจากรั่วเอ๋อแล้ว ไป๋จื่อเป็นสตรีที่ดีที่สุดในอาณาจักรนี้“
เมื่อมาถึงจุดนี้ หนิงไต้รู้เพียงว่านางต้องผลักดันไป๋จื่อให้สำเร็จให้จงได้ นางไม่ยอมหันไปมองพระพักตร์ที่มืดมนของฮ่องเต้เลยแม้แต่น้อย
นอกจากไป๋รั่วแล้ว ไป๋จื่อก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้วจริงหรือไม่ ? หญิงสาวทั้งสองเหมาะสมที่สุดที่จะเข้าร่วมราชวงศ์มิใช่รึ ? หญิงใดจะสามารถเทียบกับสองสาวบ้านสกุลไป๋นี้ได้กันเล่า ?
“สตรีทุกคนในโลกนี้ตายกันหมดแล้วกระนั้นหรือ ? ผู้หญิงที่ทำแต่เรื่องเลวร้ายเยี่ยงหญิงสาวทั้งสองนางนี้ถึงถูกยกย่องว่าเป็นสตรีที่ดีที่สุดได้ ?” ตี้คังหัวเราะเยาะ “ในสายตาของข้า แม้แต่สุนัขตัวเมียก็ยังดีกว่าหญิงทั้งสองคนนั่น ! “
ใบหน้าของหนิงไต้เปลี่ยนเป็นซีดเผือด
ต่อเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้ เหตุใดอ๋องคังถึงกล้ากล่าววาจาไม่ไว้หน้าเช่นนี้ ?
นางกัดฟันกล่าวอย่างดุดัน “อ๋องคัง ท่านกล่าวเกินไปแล้ว ท่านให้ร้ายสตรีที่อ่อนแอเช่นนี้ได้อย่างไร ? ไป๋จื่อมีอะไรไม่ดี ? อย่างไรเสียนางก็ยังดีกว่าไป๋หยาน ! “
ตี้คังอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
เสียงหัวเราะของเขาเย็นยะเยือก เขาก้าวช้า ๆ เข้าไปหาหนิงไต้ที่ซึ่งยามนี้กำลังคุกเข่า ใบหน้าของนางไร้สีเลือดแลดูไม่ต่างจากซากศพ
“ประการแรก เรื่องอภิเษกของข้าหาได้ขึ้นอยู่กับเจ้าไม่”
ในฐานะราชันแห่งแดนอสูรทั้งมวล แค่มนุษย์ตัวเล็ก ๆ ถือสิทธิ์ใดมาตัดสินราชันของแดนอสูร ?
“ประการที่สอง ไป๋จื่อในสายตาของข้านั้นไม่แตกต่างจากสุนัขตัวเมียที่ติดสัด ! หากเจ้ากล้าที่จะเดินหน้าทำเรื่องโง่ ๆ เช่นนี้ต่อ ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะหาสุนัขตัวผู้มาสมสู่กับนางแทน !“
หนิงไต้รู้สึกตกใจกับวาจาของตี้คังอย่างแท้จริง ริมฝีปากของนางสั่นระริก นางไม่เคยคาดคิดว่าจะมีชายใดใช้ถ้อยคำหยาบคายสกปรกเช่นนี้ได้ !
“ประการที่สาม … ” ตี้คังหยุดเดิน เขามองหนิงไต้ผู้ซึ่งกำลังคุกเข่า ด้วยสายตาคุกคาม และหยามเหยียด ก่อนจะโน้มตัวลงตรงหน้าหนิงไต้ พร้อมกับกล่าวว่า “ผู้ชายของไป๋หยานที่เจ้ากล่าวถึงนั้น…ก็คือข้า !”
ตูม~ ! ! !
ราวกับสายฟ้าฟาดลงมากลางท้องพระโรง ผู้คนในที่นั้นทั้งหมดต่างพากันตกตะลึงกับคำกล่าวของตี้คัง
ผู้ชายของไป๋หยานก็คือเขา ? หมายความเช่นไร ?
“หกปีที่แล้ว ข้าถูกศัตรูวางยาพิษ ช่วงเวลานั้นข้าได้พบไป๋หยานโดยบังเอิญ จึงบังคับใจนางให้ทำตามความต้องการของข้าโดยที่นางก็มิได้เต็มใจ ! เช่นนั้นนับจากนี้ หากมีผู้ใดกล้าให้ร้ายนางอีก ข้าจะตามล่าคนผู้นั้นจนสุดหล้า ไม่ตายไม่เลิกรา ! “
ตามล่าคนผู้นั้นจนสุดหล้า ไม่ตายไม่เลิกรา !
ไม่ต้องสงสัย ทุกคนต่างแน่ใจว่า ตี้คังจะกระทำตามที่ลั่นวาจาไว้อย่างแน่นอน !
หนิงไต้ตัวอ่อนระทวย ก่อนจะล้มฟุบลงกับพื้น ร่างเปราะบางของนางสั่นเทา ใบหน้าซีดเผือดของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
เป็นไปได้อย่างไร ?
นั่นก็หมายความว่าชายที่พาไป๋หยานหนีก็คืออ๋องคังกระนั้นรึ ? เช่นนั้นเด็กในครรภ์ของนางก็ต้องเป็นลูกของเขาด้วยงั้นสิ ?
***จบบท ไป๋หยานคือสตรีของข้า (2)***