หนีตามกัน ? ….
ราวกับถูกฉีดเลือดไก่ (ฉีดเลือดไก่ คือวิธีการรักษาที่นิยมในประเทศจีนช่วงทศวรรษที่ 1960 ถึงช่วงต้นของการปฏิวัติวัฒนธรรม เชื่อว่าจะทำให้ร่างกายแข็งแรงเหมือนยาวิเศษรักษาสารพัดโรค (万能) โดยฉีดเลือดไก่สดๆ เข้าทางเส้นเลือดของคน) หนิงไต้รีบลุกขึ้นจากพื้นทันที “อ๋องคัง ท่านกล่าวว่าผู้ชายของไป๋หยานก็คือท่าน เช่นนั้นผู้ใดเป็นคนพานางหนีไปเมื่อหกปีก่อนล่ะ ?”
หลายปีที่ผ่านมานี้ อ๋องคังอาศัยอยู่ในเมืองนี้ เช่นนั้นเขาจะเป็นชายคนนั้นได้อย่างไร ?
“แล้วเจ้าเคยเห็นชายผู้นั้นด้วยตาตนเองหรือไม่ล่ะ ตอนที่ไป๋หยานหนีตามผู้ชายไปน่ะ ?” แววตาของตี้คังวาววับ มุมปากโค้งขึ้นแลดูเหมือนรอยยิ้มกระหายเลือด
บรรดาขุนนางต่างก็รู้สึกสับสน
จะว่าไปแล้ว ก็เป็นเช่นที่ตี้คังกล่าวมา พวกเขาเพียงได้ยินข่าวลือเรื่องที่นางหนีตามผู้ชาย ทว่าก็ไม่มีผู้ใดเคยเห็นกับตาเลยสักคน
เช่นนี้ยังต้องกล่าวคำใดอีกล่ะ ?
“พอได้แล้ว !” หนานกงหยวนกระแทกโต๊ะอย่างสุดที่จะทน “ฮองเฮา เจ้ายังทำตัวน่าละอายไม่พออีกกระนั้นหรือ ? เจ้าควรกลับไปที่ตำหนักแล้วนั่งสำนึกผิด หากปราศจากคำสั่งของเรา ห้ามเจ้าออกจากตำหนักเฟิงหลวน !”
พระพักตร์ของหนิงไต้ซีดลงอีกเล็กน้อย นางก้มพระเศียรรับ “เพคะ ฝ่าบาท …. “
อย่างไรก็ตาม ขณะที่นางหันหลัง เพื่อจะเดินจากไปนั้น น้ำเสียงที่เย็นชาดุดันก็ดังขึ้นจากด้านหลังอีกครา
“แค่นี้เองหรือสำหรับการที่นางพยายามจัดการเรื่องการอภิเษกของข้า ?”
หนานกงหยวนนิ่งงัน ก่อนจะตรัสอย่างละอายใจขึ้นว่า “อ๋องคัง ฮองเฮาของเรานั้นอาจโง่เขลา และไม่รู้ดีชั่ว ทว่านางก็ยังคงเป็นพระมารดาขององค์รัชทายาท หากปลดนาง อาจจะก่อให้เกิดผลเสียต่อองค์รัชทายาทได้“
ตี้คังยิ้มอย่างโหดเหี้ยมไร้ปรานี “เรื่องนั้นเกี่ยวข้องอันใดกับข้าเล่า ?”
เรื่องของรัชทายาทอาณาจักรหลิงฮั่วเกี่ยวอะไรกับเขา ?
ต่อให้อาณาจักรนี้ถูกทำลายลง ก็หาได้เกี่ยวอะไรกับเขาไม่
หนานกงหยวนหลับพระเนตรลงอย่างช้า ๆ ทรงนิ่งเป็นเวลานาน ก่อนจะลืมพระเนตรขึ้นอีกครา จากนั้นจึงตรัสด้วยสุรเสียงเคร่งเครียดเด็ดขาดว่า “พวกเจ้า ลากตัวฮองเฮาไร้ประโยชน์นางนี้ไปที่ตำหนักเย็น ห้ามออกจากตำหนักนั้นอีก ! และไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าเยี่ยมนางด้วย !“
ถึงยามนี้ หนิงไต้ไม่อาจก้าวเดินได้อย่างมั่นคงอีกสืบไป นางเกือบจะล้มลงกับพื้น นางหันกลับไปมองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ขณะเปล่งเสียงร้องออกมาว่า “ฝ่าบาท !”
ฮ่องเต้เชื่อฟังคำสั่งของอ๋องคัง เรื่องนี้จะเป็นไปได้อย่างไร … ?
“พวกเจ้ายังมัวยืนเฉยอยู่ไย ? ลากนางออกไปสิ !” หนานกงหยวนไม่อาจยับยั้งสิ่งใดได้แล้ว เขาหันไปทางตี้คัง “อ๋องคัง ลงโทษเช่นนี้ดีหรือไม่ ?”
ก็ดี…
ตี้คังกล่าวเยาะ ๆ
ในเมื่อฮองเฮากล้าที่จะตัดสินใจเรื่องการอภิเษกของเขา ก็มีแต่การปลดนางเท่านั้น ถึงจะสามารถลดทอนความพิโรธของราชันอสูรลงได้
ตี้คังถอนสายตาที่เย็นชา เขาสะบัดแขนเสื้อพลางตรงไปที่เลื่อนบัลลังก์ แล้วนั่งลง
“ไปบ้านสกุลหลาน !“
ฝูงหมาป่าสีเงินต่างก็หอนรับ ก่อนจะทะยานตัวขึ้น กลายเป็นลำแสงสีเงินพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าในทันที
หนานกงหยวนทอดพระเนตรตามตี้คังที่ลับตาไปแล้ว ก่อนจะถอนพระปัสสาสะด้วยความโล่งพระอุระ เขาไม่รู้เลยว่าบนพระนลาฏยามนี้เปียกโชกไปด้วยพระเสโท
และดูเหมือนว่าพระองค์เพิ่งจะทรงตระหนักถึงสายตาที่เต็มไปด้วยความตกใจของเหล่าขุนนาง หนานกงหยวนรีบตรัสด้วยสุรเสียงเย็น ๆ ว่า “ปิดการประชุมเช้านี้ !”
จากนั้นฮ่องเต้ก็เสด็จออกจากท้องพระโรง โดยไม่มีกระแสรับสั่งกับผู้ใดอีกเลย
อย่างไรก็ตาม หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ เรื่องที่หนานกงหยวนเกรงกลัวอ๋องคังก็แพร่สะพัดไปทั่วราชอาณาจักรราวไฟไหม้ป่า
*****
ก่อนสิ้นการประชุมขุนนางในท้องพระโรงวันนี้ ข่าวของไป๋จื่อที่ว่าจะได้เป็นชายาของอ๋องคังก็ดังกระฉ่อนไปทั่วเมือง
สตรีมากมายต่างก็อิจฉาริษยาไป๋จื่อ ทุกคนต่างก็กระหายอยากจะแทนที่นาง ทว่าผู้ใดใช้ให้ไป๋จื่อมีบิดาที่ทรงอำนาจ ทั้งยังมีพี่สาวเป็นถึงพระชายาอีกเล่า
ในขณะนี้ที่บ้านสกุลหลาน ไป๋หยานกำลังนอนเอนกายบนเก้าอี้ตัวยาวภายในศาลา ในมือของนางถือจดหมายที่ผูกขานกพิราบสื่อสารมา
ไป๋หยานเปิดจดหมายออก แล้วอ่านตัวอักษรที่เขียนโย้ไปเย้มาทีละบรรทัด
“หม่ามี้ ลูกได้ยินมาว่า ป๊ะป๋ากำลังจะแต่งงานกับหญิงชั่วจากบ้านสกุลไป๋ หากป๊ะป๋าเต็มใจแต่งงานกับผู้หญิงเลวร้ายคนนั้น ป๊ะป๋าก็คงเป็นคนไม่มีวิสัยทัศน์ เช่นนั้นลูกคิดว่าอย่างไรเสียพ่อบุญธรรมก็ดีกว่ามาก…. “
ลงชื่อ : ลูกชายที่น่ารัก และหล่อเหลาที่สุดของหม่ามี้ ไป๋เสี่ยวเฉิน
เนื่องจากเด็กน้อยไม่ได้รับอนุญาตให้มาพบนาง เช่นนั้นเขาจึงทำได้เพียงส่งจดหมาย เพื่อสนทนากับมารดาของตนเท่านั้น
***จบบท ปลดฮองเฮา***