ทันใดนั้นเองหลานเสี่ยวหยุน ก็วิ่งผลุนผลันมาจากหน้าบ้าน เนื่องจากนางวิ่งมาอย่างไวมาก ทำให้เด็กสาวเกือบจะสะดุดคะมำ โชคดีที่มีสาวใช้อยู่ข้าง ๆ คอยช่วยพยุงนางไว้
“พี่ไป๋หยาน !”
หลานเสี่ยวหยุนเกาะเสาไว้ ใบหน้าของนางแดงก่ำจากความเหน็ดเหนื่อย “พี่ได้ยินข่าวลือข้างนอกบ้างหรือไม่ ?”
ไป๋หยานเก็บจดหมาย มุมปากของนางยกขึ้นก่อให้เกิดรอยยิ้ม “เจ้าหมายถึง เรื่องที่ไป๋จื่อจะได้เป็นชายาของอ๋องคังใช่หรือไม่ ?”
“พี่รู้แล้วกระนั้นหรือ ?” หลานเสี่ยวหยุนรู้สึกโกรธตะหงิด ๆ “ไป๋จื่อ นางแพศยานั่น ก็แค่อาศัยพี่สาวของนางที่เป็นพระชายาองค์รัชทายาทเท่านั้นแหละ ในงานเลี้ยงค่ำคืนนั้น ทุกคนต่างก็เห็นว่าอ๋องคังสนใจในตัวพี่ นางก็เลยจงใจแย่งอ๋องคังเพื่อหักหน้าพี่ ! พี่ไป๋หยาน พี่ต้องไม่ยอมแพ้นางแพศยานั่นนะ !“
ไป๋หยานหัวเราะ นางเท้าคางพร้อมกับโน้มตัวไปด้านข้างอย่างผ่อนคลาย “หยุนเอ๋อ เจ้าเชื่อหรือว่า คนอย่างอ๋องคังจะยอมให้ผู้อื่นควบคุม ?”
หากนางไม่รู้จักตัวตนของตี้คังดี นางก็คงจะเชื่อข่าวลือนั้นแล้วแหละ
ทว่า…
เฉินเอ๋อ… บุตรชายของนางก็เป็นจิ้งจอก หากชายผู้นั้นเป็นบิดาของบุตรชายนางจริงแล้วล่ะก็ นั่นย่อมหมายความว่าเขาก็ต้องเป็นจิ้งจอกด้วยเช่นกัน เช่นนั้นภูมิหลังของเขาย่อมไม่ธรรมดา
ต้องการควบคุมชายผู้นั้นน่ะรึ ก็ต้องดูว่าราชสำนักมีความสามารถพอหรือไม่ ?
“พี่ไป๋หยาน !” หลานเสี่ยวหยุนกระทืบเท้าด้วยความหงุดหงิด “ไม่ว่าอ๋องคังจะแข็งแกร่งสักเพียงใด ทว่าเขาก็เป็นเพียงอ๋องพระราชทาน หากฮองเฮามีพระเสาวนีย์ ไหนเลยเขาจะกล้าต่อต้านอำนาจของราชสำนัก เช่นนั้นข้าจึงคิดว่าเราควรจะไปหาไป๋จื่อ แล้วทำให้นางพิการซะ ! จากนั้นก็คอยดูสิว่าทางราชสำนักยังจะรับคนพิการอย่างนางไปเป็นชายาอ๋องคังอีกหรือไม่ ! “
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากเจ้าบ้านสกุลหลานเอาแต่นอนติดเตียงตลอดเวลา หลานเสี่ยวหยุนจึงมักถูกไป๋จื่อรังแก เมื่อเป็นเช่นนี้มีหรือที่นางจะยอมให้ไป๋จื่อสมปรารถนาในสิ่งที่ต้องการ ?
“ไม่จำเป็นต้องไปหานางหรอก” ไป๋หยานยิ้มหวานฉ่ำ “เพราะในไม่ช้านางก็จะมาหาเราเอง“
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ไป๋หยานกล่าวจบ เสียงแหลม ๆ ก็ดังทะลุทะลวงเข้ามา นั่นทำให้คิ้วเรียวงามของไป๋หยานขมวดเล็กน้อย
“ฮองเฮามีราชโองการ !”
ฮองเฮามีราชโองการรึ ?
“ฮองเฮามีราชโองการใดกับสกุลหลานของเราอีก ?” หลานเสี่ยวหยุนกล่าวอย่างไม่พอใจ
ในสายตาของนาง ฮองเฮากับบ้านสกุลไป๋ก็เป็นพวกเดียวกัน
ไป๋หยานลุกขึ้นอย่างแช่มช้า บิดร่างกายอย่างเกียจคร้าน “เราออกไปข้างนอกกันเถอะ ข้าอยากจะไปดูสิว่ามันคือเรื่องใด ?”
*****
ในขณะเดียวกันขันทีน้อยที่รับผิดชอบอัญเชิญราชโองการมา ยามนี้ก็กำลังยืนอยู่ในห้องโถงรับแขกพร้อมด้วยไป๋จื่อที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา
ก่อนจะมาที่บ้านสกุลหลาน ไป๋จื่อก็ได้พบกับขันทีน้อยผู้ทำหน้าที่อัญเชิญราชโองการ นางได้รู้ความจริงจากเขาว่า ฮองเฮาไม่เพียงจะพระราชทานสมรสให้นางเข้าตำหนักอ๋องคังเท่านั้น หากแต่จะให้ไป๋หยานเข้าตำหนักอ๋องคังในฐานะพระสนมด้วย
สตรีที่เสียความบริสุทธิ์ไปแล้วเยี่ยงนาง จะมาเป็นผู้หญิงของอ๋องคังได้อย่างไร ?
แม้แต่เป็นพระสนมก็ยังไม่คู่ควร !
สวบ ๆ ๆ
ภายใต้การนำของท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลาน คนตระกูลหลานทั้งหมดต่างก็ออกมารับราชโองการ
ด้วยฐานะหนึ่งในสามตระกูลขุนนางใหญ่ในอาณาจักรนี้ ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานจึงไม่จำเป็นต้องคุกเข่าต่อหน้าขันทีน้อยผู้ซึ่งทำหน้าที่ส่งสาร เขาเพียงแค่ยื่นมือด้วยทีท่านอบน้อมออกไปรับเท่านั้น
ขณะที่บรรดาบ่าวรับใช้ต่างก็คุกเข่าแสดงความเคารพ
“ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลาน แม่นางไป๋หยานอยู่ที่ใด ?” ขันทีผู้น้อยส่งเสียงแหลมเล็ก “ข้ามาที่นี่ก็เพื่อมอบราชโองการของฮองเฮาให้แม่นางไป๋หยาน ! ให้แม่นางไป๋หยานออกมารับราชโองการด้วย”
ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานขมวดคิ้วแน่น จนหน้าผากยับย่น “ขันทีน้อย ท่านพอจะบอกข้าหน่อยได้หรือไม่ว่าเนื้อหาในนั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องใด ? “
“ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลาน ข้ามาพร้อมด้วยข่าวดี ให้แม่นางไป๋หยานออกมารับราชโองการโดยเร็วเถอะ”
รึไม่จริง ?
สำหรับสตรีที่สูญเสียพรหมจารี ได้เป็นพระสนมของคนในราชวงศ์ก็นับว่าดีมากแล้วจริงหรือไม่ ?
ท่านผู้เฒ่าเจ้าบ้านหลานขยิบตาให้ชายที่อยู่ข้าง ๆ เขา เป็นสัญญาณให้ไปตามไป๋หยาน เขาคิดว่าน่าจะเป็นการดีที่สุด หากจะเรียกหลานสาวออกมา ก่อนที่จะตัดสินใจสิ่งใดลงไป แต่ก่อนที่บ่าวรับใช้จะทันได้ก้าวออกไป ไป๋หยานก็เดินออกมาจากด้านหลังพอดี
***จบบท เป็นพระสนม ? (1)***