ตรงคำสุดท้ายว่า “หืม…” นั่นนางเน้นเสียงหนัก แล้วค่อย ๆ หรี่ตาลงด้วยความโกรธ
“หม่ามี้…ลูกพาสุนัขจิ้งจอกเหล่านี้มาเอง” เด็กน้อยกัดริมฝีปาก พลันหยาดน้ำเริ่มไหลรินออกจากดวงตาของไป๋เสี่ยวเฉิน” ข้าอยากมีป๊ะป๋า หม่ามี้ท่านช่วยเลือกพวกมันสักตัวมาเป็นป๊ะป๋าให้ข้าได้มั้ยอะ ?”
เหล่าสุนัขจิ้งจอกที่ได้ยินคำกล่าวที่น่ากลัวนั้น ต่างก็เซ ก่อนจะทรุดลงกับพื้นโดยพร้อมเพรียงกัน ร่างของพวกมันสั่นเทาด้วยความตกใจ
โอ้พ่อทูนหัวตัวน้อยของพวกข้า ท่านไม่ควรกล่าวเรื่องน่าหวาดกลัวเช่นนั้น ? ให้เป็นบิดาของท่านกระนั้นหรือ ? ต่อให้พวกเรามีสักพันชีวิตพวกเราก็ไม่กล้าหรอก !
ครั้นเห็นน้ำตาค่อย ๆ เอ่อท้นในดวงตาของไป๋เสี่ยวเฉินแล้ว หัวใจของไป๋หยานพลันอ่อนยวบ น้ำเสียงของนางจึงอ่อนโยนขึ้นมาก ขณะกล่าวว่า “ลูกรัก สุนัขจิ้งจอกไม่สามารถเป็นป๊ะป๋าของเจ้าได้หรอก เพราะป๊ะป๋าของเจ้าต้องเป็นมนุษย์เหมือนกับแม่ เจ้าเข้าใจหรือไม่ ?”
เมื่อเห็นร่องรอยความโกรธเคืองของไป๋หยานจางหายไป ดวงตาของไป๋เสี่ยวเฉินก็แวววาวเป็นประกาย เด็กน้อยใช้วิธีนี้รับมือมารดาของตนเสมอ และวิธีนี้ก็ไม่เคยทำให้เขาผิดหวังเลย
“แล้วเหตุใดเราไม่ไปหาป๊ะป๋ากันล่ะ ?” ไป๋เสี่ยวเฉินกระโจนเข้าไปในอ้อมกอดของมารดา
ร่างของไป๋เสี่ยวเฉินช่างนุ่มนิ่ม เนื้อแน่น ตัวเล็กกำลังดี ทั้งยังมีกลิ่นหอมราวกับน้ำนม กลิ่นของเขาไม่เหมือนกลิ่นของสุนัขจิ้งจอกเลยแม้แต่นิดเดียว
ครั้นได้ยินข้อเสนอของไป๋เสี่ยวเฉิน ใบหน้าของไป๋หยานพลันแข็งกร้าวขึ้นมาทันที
อีกครั้ง ที่สายตาอันตรายของบุรุษผู้นั้นปรากฏขึ้นในใจของนาง “เอ่อ…ป๊ะป๋าของเจ้าตายไปแล้ว” ไป๋หยานพยายามหาข้ออ้างเช่นที่เคยใช้เป็นประจำ
“หม่ามี้…ท่านกำลังหลอกลวงข้า ท่านเห็นว่าข้าโง่เง่าไม่รู้จักอ่านหนังสือใช่หรือไม่ ? ป๊ะป๋าต้องยังมีชีวิตอยู่ ข้าสัมผัสได้ว่า เขายังมีชีวิตอยู่แน่ ๆ” ไป๋เสี่ยวเฉินทำปากจู๋ แก้มยุ้ย ๆ ของเขาเป็นสีชมพูราวกับหยกแดงด้วยความโกรธ
คำโป้ปดของไป๋หยานถูกจับได้ ทำให้นางรู้สึกอับอายนิดหน่อย “นี่มัน…เอ่อ…ความจริงก็คือ แม่เองก็ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นป๊ะป๋าของลูก แต่หากเราหาป๊ะป๋าของลูกพบ แล้วหากป๊ะป๋าของลูกต้องการที่จะพรากลูกไปจากแม่ล่ะ ?”
ไป๋เสี่ยวเฉินเงียบไป บอกตามตรงเขาเองก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้
ป๊ะป๋าจะพรากเขาไปจากหม่ามี้ได้อย่างไร ?
ไม่ ไม่มีทาง ! เขาจะไม่มีวันทิ้งหม่ามี้ไปเด็ดขาด !
“หม่ามี้ ลูกไม่ต้องการป๊ะป๋าแล้ว หากป๊ะป๋าคิดจะพรากลูกจากหม่ามี้”
ไป๋หยานเงียบ พลางคิดในใจว่า ยามนี้บุตรชายผู้นี้ของนางเป็นสิ่งเดียวที่นางเหลืออยู่ เช่นนั้นนางจะไม่ยอมให้ใครมาพรากเขาไป
และหากผู้ใดกล้าพอที่จะมาขโมยลูกไปจากนาง …
ก็ต้องข้ามศพนางไปก่อน
*****
ราชอาณาจักรหลิวฮั่ว
ภายในวังหลวง “ฮัดชิ้ว…” อันธพาลที่ถูกกล่าวถึงจามลั่น เขาพยายามคาดเดา
“หรือว่ามีผู้ใดนินทาข้าลับหลัง ?”
สงสัยจะเป็นเสนาบดีคนไหนสักคนในอาณาจักรอสูรของเขาเป็นแน่
อย่างไรก็ตาม เรื่องเร่งด่วนสำหรับเขาตอนนี้ ก็คือการควานหาตัวหญิงสาวผู้นั้น หญิงที่กล้าข่มขืนเขาเมื่อหกปีก่อน !
เพียงคิดว่า เขาต้องเสียความบริสุทธิ์ทันทีที่เหยียบถึงแดนมนุษย์ อสูรหนุ่มผู้น่าหลงใหลก็ขบเขี้ยวเคี้้ยวฟันด้วยความโกรธ หากหญิงสาวผู้นั้นมายืนอยู่ต่อหน้าเขาตอนนี้ เขาอาจจะเสียจริตฉีกนางออกเป็นชิ้น ๆ ก็เป็นได้
*****
ย้อนกลับมาที่บ้านไม้ไผ่ซึ่งงดงามประณีต ไป๋หยานกำลังนั่งเล่นอยู่บนตั่ง นางค่อย ๆ ยืดร่างอย่างเฉื่อยชาด้วยความเกียจคร้าน
“ลูกรัก วันนี้เราจะไปเยี่ยมอาจารย์ตาของเจ้ากัน พร้อมกันนั้นจะได้กล่าวอำลาท่านด้วย เพราะวันพรุ่งนี้พวกเราจะไปจากที่นี่ ถึงเวลาแล้วที่เราจะออกไปจากสถานที่แห่งนี้สักที”
ผ่านมาห้าปีแล้ว …
ข้าสงสัยเหลือเกินว่า คนพวกนั้นยังจดจำ และคิดถึงข้าบ้างหรือไม่ ?
ไป๋หยานหรี่ตาลง อุณหภูมิรอบกายของนางลดลงเป็นผลเนื่องมาจากไอแค้นอันเย็นเยือกที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างของนาง
“หม่ามี้…พวกเราจะไปจากที่นี่จริง ๆ หรือ ?” ไป๋เสี่ยวเฉินกระโดดโหยงเหยงด้วยความตื่นเต้น ใบหน้าไร้เดียงสาของเขาเต็มไปด้วยความสุข
ครั้นสุนัขจิ้งจอกที่ยังคงอยู่กันเต็มห้องได้ยินเช่นนั้น พวกมันต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ขอบคุณพระเจ้า ในที่สุดพ่อทูนหัวตัวน้อยก็จะไปจากที่นี่เสียที ต่อจากนี้ไปพวกเราจะได้ไม่ต้องหวาดผวาเช่นที่ผ่านมาอีก
“แม่จะพาเจ้ากลับไปหาท่านน้า นี่ก็ผ่านมาได้ห้าปีแล้ว แม่สงสัยเหลือเกินว่าเขาจะสบายดีหรือไม่อย่างไร ?”
ที่บ้านสกุลไป๋ มีเพียงน้องชายของนาง ไป๋เซียวผู้เดียวเท่านั้นที่นางห่วงใย
***จบบท กำเนิดจิ้งจอกน้อยจอมซ่าส์ (9)***