หลานเสี่ยวหยุนรู้สึกไม่สบายใจเลย หากแต่นางก็ไม่อาจทักท้วงนางทำได้เพียงเดินตามหลังท่านปู่ของนางไปเงียบ ๆ
นางเหลียวกลับมามองคนทั้งคู่ทุก ๆ สามก้าว กระทั่งไป๋หยานหันมาสบตานาง นางก็ส่งสายตาให้กำลังใจ บ่งบอกเป็นนัย… หวังว่าไป๋หยานจะจัดการกับอ๋องคังได้ ….
“ท่าน … ” ไป๋หยานหันหลังกลับ พลันริมฝีปากเย็น ๆ ก็กดทับริมฝีปากของนาง ปิดกั้นถ้อยคำทั้งหมดของนางลง
มือใหญ่ของตี้คังโอบรอบเอวไป๋หยานแน่น ร่างของทั้งสองแนบชิดกัน ภายใต้ม่านดอกไม้ที่ร่วงหล่น ก่อเกิดภาพงดงามไร้ที่ติ
เนิ่นนาน… กว่าตี้คังจะปล่อยร่างหญิงสาวในอ้อมแขน ริมฝีปากแดงของเขาเผยรอยยิ้มเป็นต่อ “เจ้ายังติดหนี้ข้าอีกเจ็ดจูบ”
“ตี้คัง !” ไป๋หยานรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย “ท่านทำบ้าอะไรเนี่ย ?”
“จูบไง…”
ชายหนุ่มตอบแบบไร้ยางอาย เขาตั้งใจลดเสียงให้เบาลงอย่างมีเสน่ห์ “หากข้าพบว่าเจ้าแอบซุกซ่อนตัวบุตรชายของข้า เจ้าจะต้องชดเชยบุตรชายให้ข้าอีกสิบคน !“
บุตรชายสิบคน ?
ชายผู้นี้คิดว่านางเป็นแม่พันธุ์หรือไร ?
ไป๋หยานยิ้มเยาะ “พิจารณาจากความสามารถของท่านแล้ว จะหาสตรีสักกี่นางก็ได้ที่พร้อมเต็มใจให้กำเนิดบุตรชายแก่ท่าน ก็แล้วเหตุใดท่านถึงยืนกรานที่จะตามตื๊อข้า ?”
“จนถึงตอนนี้ก็มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่ข้าไม่รู้สึกรังเกียจ หรือขยะแขยง”
นางเป็นสตรีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถทำให้ร่างกายของเขาเกิดการตอบสนองได้
นัยน์ตาของไป๋หยานฉายประกายเย็นยะเยือก เหตุที่ชายผู้นี้ตามตอแยข้า เพียงเพราะเขาไม่รังเกียจข้ากระนั้นหรือ ?
“มีสตรีมากมายในโลกนี้ ท่านเพียงพบปะสนทนากับสตรีเพียงไม่กี่คน ท่านจะแน่ใจได้อย่างไรว่าข้าเป็นสตรีเพียงผู้เดียวที่ท่านไม่รังเกียจ ? จะเกิดอะไรขึ้น หากว่าในกาลข้างหน้าท่านได้เจอะเจอกับสตรีอีกคนที่ท่านก็ไม่รังเกียจเช่นกัน ?” ไป๋หยานยิ้มเยาะ “หากคิดว่าข้าจะยอมทำทุกอย่างเพื่อเอาใจท่านแล้วล่ะก็ เสียใจด้วย คนอย่างไป๋หยานไม่มีวันยอมแบ่งปันผู้ชายให้กับหญิงใด !”
หลังจากกล่าวจบประโยค ไป๋หยานก็ไม่มองชายหนุ่มอีกต่อไป นางหันหลังกลับ แล้วเดินไปทางลานด้านหลังบ้านสกุลหลาน
ตี้คังมองตามร่างของไป๋หยานที่กำลังเดินจากไป พร้อมกับขมวดคิ้วจนเป็นปม “นี่…ข้าพูดอะไรผิดไปหรือ ?”
สตรีผู้นี้ จู่ ๆ ก็อารมณ์ไม่ดีขึ้นมา ….
เขาบอกเมื่อไหร่กันว่าจะให้นางแบ่งปันสามีกับคนอื่น ?
องครักษ์ที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหนึ่ง ได้แต่ก้มหน้า ไม่กล้ากล่าวคำใด
ทั้งที่เขาก็อยากจะบอกท่านอ๋องของเขาเสียเหลือเกินว่า ที่สตรีผู้นั้นเดินจากไปก็ไม่แปลกหรอก ก็ท่านบอกเองว่าจะแต่งงานกับนางเพียงเพราะท่านไม่รังเกียวจนางมิใช่รึ ? ไม่มีสตรีใดหรอกที่ชอบฟังถ้อยคำเช่นนี้
“ท่านอ๋อง … ”
ทันใดนั้นเอง ชายชุดดำคนหนึ่งก็ร่อนลงมาจากท้องฟ้า เขาแสดงความเคารพตี้คัง ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าน้อยเพิ่งจะสืบพบว่าคุณหนูไป๋มีความสัมพันธ์ชิดใกล้กับฮัวหลัวมาม่าซังหอบุปผา ว่ากันว่าคุณหนูไป๋เคยช่วยชีวิตของฮัวหลัวไว้เมื่อหลายปีก่อน นับแต่นั้นมาฮัวหลัวก็จงรักภักดีต่อคุณหนูไป๋มาโดยตลอด“
เขาต้องใช้ความอดทนอย่างมากเพื่อให้ได้ข่าวสารนี้ เพราะมีเพียงผู้ที่สนิทชิดเชื้อกับฮัวหลัวเท่านั้นที่จะรู้ความจริงในเรื่องนี้
“และ … ” ชายชุดดำยังคงกล่าวรายงานต่อไป “จากการตรวจสอบของข้าน้อย พบว่าเมื่อไม่นานมานี้ ฮัวหลัวเพิ่งจะซื้อที่ดินในเมืองนี้“
สายตาของตี้คังสว่างวาบด้วยความยินดี “ไป๋หยาน ครานี้ข้าจะดูสิว่า เจ้ายังจะปากแข็งไปได้สักกี่น้ำ … “
*****
ทางทิศตะวันออกของเมือง บนถนนที่คึกคักเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ไป๋เฉิงเซียงกำลังยืนอยู่หน้าคฤหาสน์หลังเก่า สายตาของเขาจับจ้องบานประตูอย่างชั่งใจ
ครู่หนึ่ง ยามก็เดินออกมาจากข้างใน “โปรดกลับไปเถอะ ท่านเจ้าบ้านไป๋ นายน้อยของข้าไม่ประสงค์จะพบท่าน“
สีหน้าของไป๋เฉิงเซียงแลดูผิดหวังเล็กน้อย
“เอ่อ…เช่นนั้นข้าขอถามเจ้าหน่อยได้หรือไม่ว่า นายน้อยของเจ้าคือบุตรชายของฮัวหลัวใช่หรือไม่ ?”
ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เขารู้มาว่าหอบุปผาได้ซื้อคฤหาสน์หลังนี้ไว้ และจากข้อมูลที่ได้มา ผู้ที่ซื้อคฤหาสน์หลังนี้ ก็คือหนึ่งใน “ผู้คุ้มกัน” ของฮัวหลัวโดยตรง ในเมื่อฮัวหลัวเป็นมาม่าซังของหอบุปผา เช่นนั้นก็ไม่ต้องคิดว่าผู้ใดควรจะอาศัยในบ้านหลังนี้
***จบบท การมีตัวตนของไป๋เสี่ยวเฉินกำลังจะถูกเปิดเผย ?***