เสี่ยวมี่นิ่งอึ้ง พวกเขาเพิ่งจะได้ออกมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เอง นี่จะต้องกลับกันอีกแล้วเหรอ ?
ในขณะที่เสี่ยวมี่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ไป๋เสี่ยวเฉินก็เขวี้ยงจดหมายมาตรงหน้าเสี่ยวมี่ เขาลุกขึ้นยืน พร้อมกับตบกางเกงปัดเอาสิ่งสกปรกออก ก่อนจะเดินออกไปจากลานบ้าน
“นายน้อยนั่นท่านจะไปที่ใด ?” เสี่ยวมี่เอ่ยถาม
ไป๋เสี่ยวเฉินหยุดเดิน เขาบุ้ยปากพร้อมกล่าวว่า “วันก่อนหวังเสี่ยวผางบ้านข้าง ๆ เชิญข้าไปเยี่ยมบ้านของเขา มาวันนี้ข้าต้องไปจากที่นี่แล้ว ข้าจะไปโดยไม่ร่ำลาเขาได้อย่างไร แล้วน้องสาวของเขาหวังเสี่ยวถงก็อยากเป็นภรรยาข้า แม้ข้าจะไม่ต้องการแต่งกับนาง แต่หากข้าจากไปโดยไม่พูดไม่จา นางจะคิดเอาเองได้ว่าข้าใจเสาะ“
ครั้นกล่าวถึงตอนสุดท้าย สีหน้าของไป๋เสี่ยวเฉินก็แลดูหดหู่มากขึ้นเรื่อย ๆ
ที่เกาะศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่เคยมีเพื่อนเล่นวัยเดียวกันเลยแม้สักคน ทว่าตอนนี้เขาอุตส่าห์มีเพื่อน กลับต้องพรากจากกันในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว
“นายน้อย ข้าจำได้ว่า หวังเสี่ยวผางมอบสร้อยข้อมือทองคำให้ท่านเป็นของขวัญ หากท่านจะไปกล่าวอำลา ท่านควรนำของขวัญติดมือไปด้วยนะ” เสี่ยวมี่กล่าวเตือน
แน่นอนว่า ทันทีที่ไป๋เสี่ยวเฉินได้ยิน เขาก็เคาะหัวของตนเบา ๆ ราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้
“จริงด้วย ข้าลืมนำของขวัญไปให้หวังเสี่ยวผาง แต่ว่าเจ้ากินเนื้อชิ้นสุดท้ายของข้าไปแล้วนี่ ตอนนี้ข้าก็ทำได้แค่มอบขนมถั่วให้เขาเท่านั้น ไม่รู้ว่าหวังเสี่ยวผางจะชอบมั้ยนะ ?… “
เสี่ยวมี่รีบวิ่งไปข้าง ๆ ไป๋เสี่ยวเฉิน มันรีบล้วงกระเป๋าของเด็กน้อยคว้าขวดยาออกมาสองขวดในทันที
“สองขวดนี้บรรจุยาบำรุงกำลังสามารถใช้ได้ทั่วไป ปลอดภัยสำหรับมนุษย์ธรรมดา ๆ สามารถกินได้ แต่อย่าให้ยาอื่นมั่วซั่ว หาไม่แล้วยาอาจจะฆ่าพวกเขาได้ !“
ยาเม็ดจิตวิญญาณแบ่งออกเป็นสองชนิด หนึ่งใช้เพื่อรักษาบาดแผลของคนโดยตรง อีกหนึ่งใช้ช่วยเกื้อหนุนการฝึกฝนทักษะ และฟื้นฟูพลัง
ยาเม็ดจิตวิญญาณไม่สามารถกินเล่น ๆ ได้ เพราะหากกินในปริมาณมากเกินไป ก็อาจทำให้ถึงตายได้
ทว่ายาบำรุงกำลังนั้นช่วยเสริมส่งกำลังของคนที่ฝึกฝนทักษะ ไม่มีผลกระทบใดมากมายนัก
ยาบำรุงกำลังจึงไม่เป็นอันตราย เหมาะสำหรับให้เป็นของขวัญคนทั่วไปได้
ไป๋เสี่ยวเฉินกระพริบตา “เสี่ยวมี่ เจ้าไม่ต้องตามข้ามา หวังเสี่ยวถง นางกลัวเจ้า”
ครั้นได้ยินถ้อยคำดังกล่าว เสี่ยวมี่ก็จ้องมองไป๋เสี่ยวเฉินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความขุ่นข้องใจอย่างเงียบ ๆ ทว่าในใจมันคิดตำหนิว่า นายน้อยเห็นผู้หญิงดีกว่าเพื่อนอย่างมัน
หากแต่ไป๋เสี่ยวเฉินไม่สนใจมองมันด้วยซ้ำ เขายื่นมือเล็ก ๆ ของเขาออกไปหยิบขวดทั้งสองขึ้นมาถือไว้ แล้วในไม่ช้าเขาก็เดินหายลับไปจากประตูทางเข้า ทิ้งเสี่ยวมี่ให้มองตามหลังเขาอย่างหงุดหงิด …
บ้านสกุลหวังอยู่ติดกับคฤหาสน์โบราณของเขา มีเพียงแค่กำแพงรั้วกั้นกลาง เช่นนั้นเมื่อไป๋เสี่ยวเฉินเดินออกจากบ้าน เขาก็สามารถเดินเข้าบ้านสกุลหวังได้ทันที
พวกยามของตระกูลหวังรู้จักคุ้นเคยกับเด็กน้อยเป็นอย่างดี เพราะเด็กน้อยมาเยี่ยมนายน้อย และคุณหนูของพวกเขาบ่อย ๆ พวกเขาจึงปล่อยให้ไป๋เสี่ยวเฉินเดินเข้าไปด้านในแต่โดยดี อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ไป๋เสี่ยวเฉินกำลังเดินผ่านประตูเข้าไปนั้น เด็กน้อยพลันได้ยินเสียงเพื่อนของเขาคำรามเหมือนหมูจากระยะไกล ๆ
“นี่ นี่ ท่านพ่อหยุดตีข้าเถอะ ! ข้าถูกใส่ร้าย !”
ร่างอ้วนกลมราวลูกบอลกลิ้งออกมาจากตัวเรือนด้านใน พุ่งตรงมาทางประตู จากนั้นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งในมือถือกิ่งไม้ก็วิ่งไล่กวดตามติดออกมาราวกับสุนัขไล่ไก่ในทุ่ง
“เด็กชั่วนี่ ข้าสงสัยอยู่ว่าเอี๊ยมชั้นในของน้องสาวเจ้าหายไปที่ใด เป็นเจ้านี่เองที่เอาไปซ่อน วันนี้หากข้าไม่ตีเจ้าให้ตายแล้ว ข้าก็ไม่ใช่คนแซ่หวัง !”
ดูจากใบหน้าของบิดาหวังเสี่ยวผางแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขากำลังโกรธ
“ท่านพ่อ ข้าถูกใส่ร้ายจริงๆ ! ข้าจะทำเรื่องเลวร้ายเช่นนั้นได้อย่างไร ?” ขณะที่หวังเสี่ยวผางกำลังพยายามหนี เขาก็สังเกตเห็นไป๋เสี่ยวเฉิน ซึ่งยืนอยู่ที่บริเวณประตูทางเข้าพอดี นัยน์ตาของเขาเปล่งประกาย เขาวิ่งพร้อมกับร้องไห้ไปหลบอยู่ด้านหลังเพื่อนของตน “ไป๋เสี่ยวเฉิน ! ช่วยข้าด้วย ! ท่านพ่อของข้าชอบเจ้ามาก เขาจะต้องฟังคำพูดของเจ้าอย่างแน่นอน“
***จบบท เพื่อนของไป๋เสี่ยวเฉิน***