“เสี่ยวถง อย่าร้องไห้เลย ข้ามีของขวัญมาให้เจ้าด้วยนะ” เห็นหวังเสี่ยวถงร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียงดังต่อหน้า ทั้งหวังเสี่ยวผางก็เหมือนพยายามกลั้นน้ำตาตนเองไว้ ไป๋เสี่ยวเฉินก็ไม่อาจทนได้อีกต่อไป เขารู้สึกเสียใจเหลือเกิน เขาตัดสินใจหยิบของขวัญที่เตรียมไว้ออกมา “นี่คือขนมของข้ากับเสี่ยวมี่ ตอนนี้ข้าให้พวกเจ้า พวกเจ้าลองชิมดูสิว่าชอบหรือไม่ ?”
“ขนมอะไร ?” หวังเสี่ยวถงกระพริบตาด้วยความงุนงงหลังจากได้เห็นขวดยาบำรุง “ว้าย ! เหมือนขนมถั่วเลย ! ข้าชอบขนมถั่วที่สุด“
เด็กหญิงรับขวดยาจากมือของไป๋เสี่ยวเฉิน เปิดจุก จากนั้นก็เทเม็ดยาบำรุงเม็ดหนึ่งเข้าปาก
ความหวานซาบซ่าน กลิ่นหอมกระจายฟุ้งออกมาทั่วปาก
“ขนมถั่วนี่อร่อยมากเลย อร่อยกว่าที่ท่านพ่อข้าซื้อมาจากตลาดซะอีก“
ครั้นหวังเสี่ยวผางเห็นของกิน นัยน์ตาของเขาพลันเปล่งประกายเขารีบคว้าขวดยาบำรุงทั้งสองขวดจากมือของน้องสาว จากนั้นก็รีบเทยาบางส่วนเข้าปาก
“คืนขนมถั่วมาให้ข้า เสี่ยวเฉินมอบให้ข้านะ !“
หวังเสี่ยวถงหน้าแดงด้วยความโกรธ เด็กหญิงรีบวิ่งเข้าไปหาพี่ชาย
หวังเสี่ยวผางกลอกตามอง “ข้าไม่ให้ มีไรมั้ย ? เจ้าเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเจ้ากำลังลดน้ำหนัก ? เช่นนั้นขนมถั่วทั้งหมดนี่ก็ต้องเป็นของข้า เพราะไงข้าก็อ้วนอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องกลัวอ้วนอีก”
พี่ชายน้องสาวต่างกำลังแย่งขนมถั่วกันอย่างเมามัน ทั้งคู่ไม่สนใจไป๋เสี่ยวเฉินเพื่อนผู้กำลังเศร้าสร้อยของพวกเขาเลย
อะไรกันนี่ จู่ ๆ พวกเขาก็ไม่สนใจข้าซะงั้น ?
กะแค่ขนมถั่วไม่กี่เม็ดก็ลืมกันแล้วหรือ ? …
ไป๋เสี่ยวเฉินยืนมองพี่น้องที่ยังคงวิ่งไล่กันไม่เลิก ท้ายที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะจากไปอย่างเงียบ ๆ เพราะเวลานี้ขนมสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด …
เช่นนั้น ไป๋เสี่ยวเฉินจึงเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ แต่เพียงลำพัง
“เชอะ พวกเด็กเหลือขอ !”
เพียงชั่วครู่ที่ไป๋เสี่ยวเฉินจากไป เสียงคำรามก็ดังกึกก้องออกมาจากตัวเรือนใหญ่อีกครั้ง
หวังตี้จวิน เดินออกมาด้วยความหงุดหงิดอย่างรุนแรง เขาเห็นบุตรชายตัวเอง วิ่งหนีไปรอบ ๆ พร้อมกันนั้นก็ยัดอะไรบางอย่างใส่ปาก ขณะที่บุตรสาวของเขาก็วิ่งไล่ตามติดไม่ห่าง
“เจ้ารังแกน้องอีกแล้วรึ ?”
เขาหยุดหวังเสี่ยวผาง จากนั้นก็คว้าตัวเด็กอ้วนขึ้นมา ในขณะที่เขากำลังจะจัดการเด็กน้อย เขาก็สังเกตเห็นขวดยาบำรุงในมือของบุตรชาย…
“ท่านพ่อ … ” หวังเสี่ยวผางเงยหน้าขึ้นอย่างประหลาดใจ เขาเห็นใบหน้าของบิดาที่กำลังอารมณ์เสีย เด็กน้อยเกิดอาการตัวสั่น เขาพยายามปกป้องตนเอง เช่นนั้นมือของเขาจึงคลายจากขวดยา ครั้นขวดยาหลุดจากมือ หวังตี้จวินก็คว้าไว้ในทันที
หวังตี้จวินโยนบุตรชายลงพื้นอย่างไร้ปรานี จากนั้นเขาก็เปิดจุกขวด ใช้จมูกดมฟุดฟิดเบา ๆ ทันทีที่ได้กลิ่นหอม นัยน์ตาของเขาพลันเปล่งประกาย เขารีบเทยาออกมาจากขวดลงบนฝ่ามือ
ยาเม็ดกลม ๆ ไหลลงบนฝ่ามือของเขา นัยน์ตาของเขาวาวโรจน์ด้วยความปิติ กลิ่นหอมของยาเร่งเร้าให้เส้นประสาทของเขาสั่นระริกไปทั่วร่าง
“ผู้ใดมอบสิ่งนี้ให้เจ้า ?” หวังตี้จวินหายใจเข้าลึก ก่อนจะกลับมาไถ่ถาม
แม้หวังเสี่ยวผางจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น หากแต่ก็ไม่กล้าอิดออดไม่ตอบคำ
“นี่คือของขวัญ ที่ไป๋เสี่ยวเฉินมอบให้เสี่ยวถงกับข้า ท่านพ่อ ท่านก็อยากกินขนมถั่วเหล่านี้ด้วยเหรอ ?”
“ขนมถั่ว“
หวังตี้จวินหวนนึกถึงภาพบุตรชายของตนกำลังยัดอะไรบางอย่างเข้าปากได้ ใบหน้าของเขาเครียดลงเล็กน้อย “เอาล่ะ เช่นนั้นเมื่อครู่เจ้ากินขนมถั่วนี่ไปกี่เม็ด ?”
“เอ่อ … ” หวังเสี่ยวผางดูเหมือนไม่แน่ใจ “ข้าคิดว่าอาจจะประมาณสิบเม็ด”
“สิบเม็ด ?”
ชั่วอึดใจนั้น หวังตี้จวินถึงกับนิ่งงัน
ในขณะที่หวังเสี่ยวผางยังคงไม่รู้อิโหน่อิเหน่ใด ๆ หวังตี้จวินก็ค่อย ๆ ก้มตัว เขาดึงกางเกงของเด็กอ้วนลง พร้อมกระชับไม้เรียวในมือ จากนั้นก็เริ่มตีก้นบุตรชายอย่างหนัก
“ผู้ใดให้เจ้าปฏิบัติต่อยาเม็ดเหล่านี้เช่นเดียวกับขนมถั่ว ! ผู้ใดให้เจ้ากินยาเม็ดเหล่านี้จนหมด ! เจ้าเด็กไม่เอาถ่าน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าได้กินเงินไปเท่าไหร่แล้ว ? ครานี้หากข้าไม่ตีเจ้าให้ตาย ข้าก็ไม่ใช่คนแซ่หวัง !“
***จบบท ไป๋เสี่ยวเฉินเศร้า***