ซูเซียวยืนกำดาบดราก้อนแฟลชไว้แน่นมือ
“อึกๆ”
เสียงการกลืนกินดังขึ้นท่ามกลางสถานที่ที่เงียบสนิท
ซีโรโรจ้องมองห้องซูเซียว สายตาของเธอบ่งบอกได้เลยว่าเธอจำซูเซียวได้
ในตอนนี้ ในหัวของซีโรโรมีอย่างเดียวที่คิดคือ ชายคนนี้แหละแข็งแกร่ง ปกป้องเราได้
ซีโรโรแอบเสียใจเล็กน้อยที่ก่อนหน้าจะแยบกกัน เธอไม่ได้ขอช่องทางการติดต่อกับซูเซียวเอาไว้ เพราะไม่อย่างงั้นเธอคงจะจ้างซูเซียวมาป้องกันเธอแล้ว
“แกเป็นใคร ทำไมมาโผล่ที่นี่ได้!?”
เก็กโก จ้องมอง พร้อมกับมีรินคาคุอยู่ที่รอบเอว ซึ่งรินคาคุนี้แข็งแกร่งมากแต่ก็มีการป้องกันที่อ่อนแอ
มันมีคากูเนะทั้งหมด 4แบบ อุคาคุ รินคาคุ โควคาคุ และบีคาคุซึ่งแต่ละแบบนั้นจะมีข้อดีและข้อเสียต่างกันออกไป
ในตอนนี้การปรากฏตัว คากุเนะของเก็กโกนั้นเริ่มที่จะตั้งท่าต่อสู้
“ข้าเป็นใครงั้นหรอ? ข้าคือเบียคุยะ! คากุเนะของแกเท่ดีนิ ข้าขอล้ะกัน!”
เมื่อซูเซียวพูดเสร็จ เขาก็เปิดใช้ ชิงกางหยิงทันที ซึ่งแน่ล่ะ มันทำให้มานาของเขาลดลง 2 ทุกๆนาที
หลังจากที่เปิดใช้งานสกิลชิงกางหยิงแล้วเขาก็รู้สึกได้เลยว่าพลังในร่างกายของเขาตื่นขึ้น ซึ่งนั่นคือมานาของเขา
มานาไหลไปทั่วร่างกาย ราวกับมีพลังงานรูปแบบใหม่เกิดขึ้นในร่างกายของเขา
พลังงานนี้ส่งไปยังแขนของเขา และส่งไปยังดาบดราก้อนแฟลชที่ถืออยู่ในมือ ทั่วทั้งใบดาบ เคลือบไปด้วยพลังงาน ถ้าหากจ้องมองดีๆก็จะพบเลยว่ามีออร่าสีฟ้าแผ่ออกมาจากตัวดาบ
ชิงกางหยิง ถูกใช้งาน และหลังจากที่ถูกใช้งานแล้วเขาจะเสียมานา 2 หน่วยทุกๆ 1นาที ซึ่งถ้าหากสู้กันชั่วโมงนึง ก็จะเสียมานาไป 120หน่วย ซึ่งในตอนนี้ซูเซียวมีมานาอยู่ 153 หน่วย
ประโยชน์ของมานา ในตอนนี้เหมือนซูเซียวจะรู้แล้วว่ามันดียังไง ยิ่งมีมากขึ้น เขาก็จะสามารถสู้ได้นานมากขึ้น
และผลของสกิลนี้คือถ้าหากซูเซียวทำการโจมตีจะทำให้เผาผลาญมานาของศัตรู 10หน่วย
ถึงแม้ว่ามันไม่มาก แต่ถ้าหากโดนซูเซียวกระหน่ำโจมตีละก็ หมดตัวแน่มานาที่มี
และมันก็ไม่ได้เผาผลาญมานาเพียงอย่างเดียว มันยังทำความเสียหายจริงตามมานาที่เผาผลาญไปอีกด้วย
ซูเซียวเคยถาม RP แล้วว่าความเสียหายจริงคืออะไร
คำตอบที่ได้รับมาก็คือ การโจมตีนี้จะเข้าเนื้อเต็มๆโดยไม่สนการป้องกันใดๆของศัตรู ถ้าหากศัตรูที่มีการป้องกันที่สูงมากเท่าไหนก็สามารถบาดเจ็บได้
ซูเซียวสะบัดเสื้อที่ตนสวมใส่อยู่ทิ้งทันที จนท่อนบนของเขาเปลือยเปล่าเห็นกล้ามได้อย่างชัดเจน
เขามีนิสัยที่ชอบถอดเสื้อสู้ เพราะเขาจะรู้สึกดีกว่ามาก เหมือนกับว่ามันช่วยเพิ่มความกระหายเลือดของเขาได้
สเต้ง 13หน่วย เอจิ 13หน่วย และ อิ้น 12หน่วย ซูเซียวเองก็อยากลองเหมือนกันว่ามันจะทำให้เขาเก่งขึ้นมากเท่าไหน
อย่าคิดว่าค่าอิ้นจะไร้ประโยชน์ในการต่อสู้ระยะประชิด แม้ว่ามันจะช่วยเพิ่มความรุณแรงของสกิล แต่มันก็ไม่ได้มีแค่นั้น เพราะมันยังช่วยเรื่องมานาอีกด้วย ซึ่งถือว่ามีประโยชน์ต่อซูเซียวอยู่ดี
“หึ ขอลองที่แกล่ะกัน!!”
ซูเซียวย่ำเท้าและพุ่งเข้าหาเก็กโกทันที
เก็กโกที่กำลังมึนงงอยู่ก็พบว่าซูเซียวมาอยู่ด้านหน้าของเขาแล้ว ขณะที่ดาบยาวเคลือบแสงสีฟ้าพุ่งตรงมายังคอของเขา
บอกได้เลยว่าดาบของซูเซียวไวมาก การเรียนรู้จากโคจิโร่ทำให้เขาพัฒนาขึ้นมาก
ซูเซียวจับดาบสองมือแทงเข้าไปที่คอของเก็กโก แม้ว่าสิ่งมีชีวิตอย่างผีปอบพวกนี้จะแข็งแกร่ง แต่ถ้าหากมันถูกตัดหัว พวกมันก็ตายอยู่ใน
ในช่วงเวลาอันตรายแบบนี้ เก็กโกก็กรัดร้อง ยกแขนขึ้นมาป้องกันแต่มันก็สายไปแล้ว แต่ทว่า คากุเนะของเขาก็พุ่งขึ้นมาที่คอและรัดเอาไว้
ฉึก!
เสียงของดาบตัดเข้าไปที่คอ แต่ไม่มีรอยเลือดใดๆใหลออกมา
ซูเซียวรู้ดีว่าสิ่งที่เขาฟันไปนั้นคือคากุเนะของเก็กโก จึงไม่ตกใจอะไรที่เลือดไม่ใหลออกมา
ในตอนนี้เก็กโกคิดได้อย่างเดียวคือต้องหนี ศัตรูเบื่องหน้าคนนี้แข็งแกร่งเกินไป ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แม้แต่พวกระดับ SS ก็ต้องหนีเหมือนกันไม่อย่างงั้นถูกหั่นเป็นชิ้นๆอย่างแน่นอน
เก็กโกถึงกับกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
ซูเซียวก็เริ่มคิดแล้วว่าทำไมกัน? หรือบางทีสกิลชิงกางหยิงของเขาจะสามารถเผาผลาญอย่างอื่นได้ด้วย? อย่างเช่นเก็กโกที่ไม่มีมานาก็จะถูกเผาผลาญอย่างอื่นแทน?
คำอธิบายของสกิลชิงกางหยิงก็บอกไว้ว่า ถ้าหากโจมตีศัตรูสำเร็จ ศัตรูจะกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเหมือนกับถูกไฟเผาไหม้
หลังจากที่เก็กโกกำลังกรีดร้องตกใจอยู่ ซูเซียวก็โจมตีอีกครั้งทันที
ใบดาบตัดผ่านอากาศอีกครั้ง
ฝึบ!
แขนหนึ่งข้างและหูครึ่งนึงก็ปลิวออกไปทันที แน่นอนว่าการโจมตีครั้งที่สองของซูเซียวตัดเข้าที่หัวของเก็กโก
ด้วยการโจมตีเพียงสองครั้งก็ทำให้เก็กโกบาดเจ็บสาหัส คากุเนะก็ถูกฟันทิ้งไป ทำให้ในตอนนี้สมรรถภาพการต่อสู้ของเขาเหลือเพียง 50% เท่านั้น
ทางด้านริเสะเองก็ตกใจเล็กน้อยที่ในเขต 20 แบบนี้มีมนุษย์ที่แข็งแกร่งอยู่ด้วย
เขาไม่ได้ใช้ควิกเก้แต่ก็ยังเผชิญหน้ากับผีปอบได้โดยตรง นี่มันอันตรายเกินไป
ริเสะต้องการที่จะหนีออกไป แต่ก็ขาแข็งไม่กล้าออกไปไหนเพราะมีดวงตาที่เยือกเย็นจ้องมองเธออยู่
“อยากไปไหนงั้นหรอ? คามิชิโระ ริเสะ!”