ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] – ตอนที่ 140: การประชุมใหญ่ของนรก(1)

บทที่ 140: การประชุมใหญ่ของนรก(1)

“ครั้งแรกที่ข้าเปิดร้าน ครั้งแรกที่ข้าเหลาคมมีด ครั้งแรกที่ข้าได้รับค่าจ้าง ครั้งแรกที่ข้ารู้สึกชื่นชอบในผลงานของตัวเอง”

ฉินเย่ชะงักไปก่อนจะยิ้มออกมา “ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาข้านั้นขี้เกียจและไม่ทะเยอทะยานเกินไปหรอกหรือ?”

“ข้าไม่โทษเจ้าในเรื่องนั้น” หาได้ยากที่อาร์ทิสจะไม่ดูถูกเขา “มันเป็นธรรมดาสำหรับผู้ที่ใช้ชีวิตมาเป็นเวลานานที่จะหลีกเลี่ยงอันตราย และมันก็เป็นธรรมดาของผู้มีชีวิตอันยืนยาวที่จะเบื่อหน่ายมันเช่นกัน มันเป็นเพราะว่าชีวิตนั้นเป็นสิ่งที่มีเวลาอยู่อย่างจำกัด และผู้คนต่างก็รู้สึกหวงแหนวันเวลาที่พวกเขามีอยู่ แต่เจ้าในอีกด้านหนึ่ง มีชีวิตอันเป็นนิรันดร์รออยู่เบื้องหน้า มันจึงเป็นธรรมดาที่เจ้าจะไม่มีแรงผลักดันใดและไม่รู้สึกหวงแหนมัน”

“ไม่ว่าจะเป็นวันที่ดีหรือไม่ดี หรือจะน่าเบื่อหรือยุ่งยาก…ไม่มีสิ่งไหนสามารถเปลี่ยนความจริงที่ว่าเจ้าจะยังคงใช้ชีวิตต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดได้ ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่คนอื่น ๆ ปรารถนาและไล่ตามจึงกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อและไร้จุดหมายในสายตาของเจ้า หากข้าเป็นเจ้า ข้าเองก็คงจะไม่สนใจสิ่งรอบตัวเช่นกัน แต่….”

นางยิ้ม “…‘เจ้า’ ในตอนนี้เองก็ไม่ได้แย่เช่นกัน”

อาร์ทิสมองไปยังตำแหน่งที่มีเครื่องจักรที่กำลังส่งเสียงดังตั้งอยู่ “ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ความรู้สึกประสบความสำเร็จแค่นี้นั้นเพียงพอแล้วอย่างนั้นหรือ? พวกเรากำลังพูดถึงการสร้างมิติหนึ่งมิติขึ้นมาใหม่ เมื่อใดก็ตามที่เจ้าสร้างอาคารหลังแรก หรือนครแห่งแรกเสร็จสิ้น ความรู้สึกประสบความสำเร็จนั้นจะทำให้เจ้าไปถึงจุดสูงสุดที่แท้จริง และสิ่งที่เจ้ารู้สึกในตอนนี้ก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของมันเท่านั้น”

ฉินเย่พยักหน้า ในตอนแรกที่เขาเริ่มการเดินทางอันแสนยากลำบากนี้ เขารู้สึกหลงทาง และหมดปัญญา ถึงแม้ว่านรกจะยังสิ้นเนื้อประดาตัว และเขาก็ยังใช้ชีวิตราวกับพวกขอทาน แต่เขาก็ยังสามารถรวบรวมชิ้นส่วนของปริศนาและจุดประกายความหวังในใจของตัวเองขึ้นมาได้ อย่างน้อยที่สุด…ทุกอย่างก็กำลังดีขึ้นไม่ใช่หรือ?

เวลาแห่งการขึ้นครองบัลลังก์และประกาศคำตัดสินเหนือความชั่วร้าย การกระทำผิดในแดนมนุษย์นั้นยังคงอยู่ที่ปลายขอบฟ้า แม้จะห่างไกลแต่มันก็ยังไม่สายเกินไป

“ไม่…ขั้นตอนแรกยังไม่เสร็จสมบูรณ์” ฉินเย่ละสายตาจากเครื่องจักรขนาดใหญ่และก้มลงมองแบบวาดในมือ จากนั้นเขาจึงกันไปหาซูตงเซวี่ยและเอ่ยว่า “เรียกหัวหน้าแผนกของบริษัทก่อสร้างหยินทั้งหมดมาประชุมเดี๋ยวนี้”

ขั้นตอนแรกจะถือได้ว่าเสร็จสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อกองกำลังหลักประจำที่แล้วเท่านั้น

ไม่… มันจะต้องมีอะไรมากกว่านั้น!

ทุกอย่างถูกเตรียมไว้หมดแล้ว สายลมตะวันออกก็พัดมากแล้ว การก่อตั้งนรกเป็นการพาดหัวข่าวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของปี! แล้วเขาจะไม่ประกาศเรื่องที่น่ายินดีแบบนี้ให้กับต่อพลเมืองของเขาได้อย่างไร?

รัฐบาลจะต้องไม่เพียงทำงานดีเท่านั้น แต่พวกเขาจะต้องทำทุกอย่างให้ชัดเจน!

พวกเขาจะต้องทำให้ประชากรวิญญาณทั้งหมดได้รู้ว่านรกที่สิ้นเนื้อประดาตัวในตอนนี้กำลังจะดีขึ้นเรื่อย ๆ

พวกเขาจะต้องทำให้ประชากรทั้งหมดรับรู้อย่างชัดเจนว่าหัวหน้าของพวกเขาในตอนนี้กำลังทุ่มเทแรงกายแรงใจในการพัฒนาชีวิตหลังความตายของทุกคนอยู่

พวกเขาจะต้องช่วยให้ประชากรวิญญาณเข้าใจว่าแม้ว่านรกจะยังเล็กมาก แต่อนาคตของมันจะต้องสว่างไสวอย่างแน่นอน

อืม….จะแสดงอย่างไรดี? ฉินเย่ไม่เคยทำอะไรพวกนี้มาก่อน ทว่าความหนาของชั้นผิวของเขาก็คง…ไม่น้อยไปกว่านักการเมืองคนไหนเหมือนกัน

นักการยมบาลจำนวนมากต่างลอยออกไปทันที เพื่อไปแจ้งให้หัวหน้าแผนกต่าง ๆ ทราบ ใช่แล้ว ฉินเย่สามารถเรียกพวกเขาออกมาได้เสมอ แต่เพราะว่าตอนนี้เขาอยู่ในนรก และเขาก็มีบุคลิกที่เยือกเย็นที่จะต้องรักษา เจ้านรกคนต่อไปจะต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ? แล้วเขาจะมีผู้ใต้บังคับบัญชาไปทำไม?

ในไม่ช้าวิญญาณกลุ่มหนึ่งก็ลอยขึ้นมา พวกเขาคือหัวหน้าแผนกทั้งเจ็ดของบริษัทก่อสร้างหยินนั่นเอง พวกเขามีสีหน้าเหนื่อยล้าเล็กน้อย ทว่ามันก็ถูกกลบด้วยความตื่นเต้นที่ฉายชัดไปทั่วใบหน้า

“นายท่าน!”

“ท่านกลับมาแล้ว” ชายทั้งเจ็ดเดินมาหยุดตรงหน้าของฉินเย่ ฉินเย่พยักหน้าและเดินนำคนทั้งหมดไปที่ห้องโถงด้านข้าง

“แบบร่างเสร็จแล้ว ในการประชุมที่กำลังจะขึ้นนี้ ข้าอยากจะหารือเกี่ยวกับการพัฒนาของย่านที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์แห่งแรก รวมถึงการตั้งชื่อ และการจัดสรรพื้นที่ และทิศทางของการดำเนินงาน หากพวกเจ้ามีความคิดหรือคำถามอะไรก็สามารถบอกข้ามาได้เลย เพราะข้าคงไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ตลอดเวลา” ครึ่งชั่วโมงต่อมา ฉินเย่ก็นั่งลงที่หัวโต๊ะและเริ่มการประชุม

แบบวาดถูกกางไว้บนโต๊ะในห้อง หัวหน้าแผนกทั้งหมดต่างมองไปยังแบบวาดอย่างพินิจ ในขณะที่ฉินเย่จ้องมองคนทั้งหมดนิ่ง ๆ

ชายทั้งเจ็ดดูตื่นเต้นอย่างไม่น่าเชื่อ และไม่มีใครแสดงสีหน้าในทางลบเลย แม้ว่าจะมีช่องว่างระหว่างอายุของคนที่อายุมากสุดและน้อยสุดอยู่มาก แต่พวกเขาก็ยังคงพูดคุยเกี่ยวกับแบบวาดอย่างตื่นเต้นและเท่าเทียมกัน หากฉินเย่ไม่รู้มาก่อน เขาคงไม่สามารถบอกได้เลยว่าพวกเขาคือบุคคลสำคัญของบริษัทคู่แข่งของกันและกันในชาติที่ผ่านมา

“ว่าไง?” ฉินเย่ถามขึ้นหลังจากการพูดคุยผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง เมื่อหัวหน้าแผนกทั้งเจ็ดเงยหน้าขึ้นมาในที่สุด

“มันดูดีทีเดียว” เฉียนเทียนอี้ตอบ “แต่ว่ามันยังมีข้อมูลเฉพาะอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้ระบุเอาไว้ เราคงไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น แต่ก็อย่างที่ทุกท่านรู้….”

เขากระแอมแห้ง ๆ และยิ้มออกมา “พวกเราไม่ต้องกังวลกับเรื่องอุบัติเหตุอีกต่อไป….”

ไม่น่ายอมรับหรือไง?

นี้คือความเจ๋งของบริษัทก่อสร้างหยินอย่างไรล่ะ!!

การชดเชยสำหรับเหตุเสียชีวิตน่ะเหรอ?

นั่นเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง…ทุกคนที่นี่ตายหมดแล้ว และตอนนี้มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะตายเป็นครั้งที่สองเว้นแต่ว่าฉินเย่จะลงมือจัดการพวกเขาด้วยตนเอง…

การพังทลายของอาคารทั้งหลัง?

ที่พวกเขาต้องทำคือเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น…เพราะอย่างไรแล้วดวงวิญญาณที่ถูกฝังอยู่ด้านล่างก็สามารถลอยออกมาจากซากปรักหักพังและเศษซากราวกับดอกเห็ดที่ผุดขึ้นหลังฝนตก จากนั้นจึงพูดคุยแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับประสบการณ์ของการถูกฝังทั้งเป็น…

มันไม่มีค่าชดเชยในส่วนนี้เช่นกัน คำประกาศของจักรพรรดิฉินเย่และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม: การปล่อยให้พวกเจ้ามีชีวิตอยู่เป็นค่าชดเชยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พวกเจ้าสามารถคาดหวังที่จะได้รับ…

ด้วยบริษัทที่หนาและดำมืดที่ไม่กลัวความตายและไม่จ่ายค่าชดเชย พวกเขาจะหวาดกลัวเหตุการณ์หรืออุบัติเหตุพวกนั้นได้อย่างไร?

และ ‘บริษัทที่หนาและดำมืด’ หมายถึงหนังหนาและใจดำ อาร์ทิสกับฉินเย่ต่างรับผิดชอบในแต่ละด้านของสิ่งเหล่านี้…หึหึ พวกเขาทั้งคู่ต่างเป็นส่วนผสมที่ลงตัว…

ฉินเย่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยเสียงเข้มว่า “ถ้าเช่นนั้นเราก็จัดการงานทุกอย่างตามแบบวาดนี้ก่อน นอกจากนี้…”

เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก ๆ และเอ่ยว่า “ทุกท่าน ข้าตั้งใจที่จะเรียกรวมประชากรวิญญาณเพื่อประกาศทิศทางของนรกในอีกสองปีข้างหน้า”

ดวงตาของหัวหน้าทั้งเจ็ดลุกโชนด้วยเปลวไฟแห่งความหมายมั่น พวกเขาจ้องมองไปยังฉินเย่ บริเวณอกของคนทั้งหมดเริ่มกระเพื่อมขึ้นลงควบคู่ไปกับจังหวะการหายใจที่ถี่ขึ้น

นี่คือสัญญาณของการยอมรับและเห็นชอบ

“ทั้ง ๆ ที่ฉันเคยมีประสบการณ์มาก่อนในบริษัทก่อสร้างชุ่นด๋า และมีประสบการณ์ในโครงการต่าง ๆ รวมถึงโครงการใหญ่ๆของภาครัฐที่มักมีให้เห็นในข่าวอยู่บ่อย ๆ แต่ทำไมครั้งนี้ฉันถึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษกันนะ?” หูเฟิงยิ้มออกมาพร้อมกับถอนหายใจออกมาเพื่อข่มความรู้สึกที่พลุ่งพล่านในใจของตน

“ผู้เฒ่าหู คุณไม่ได้อยู่ในบริษัทก่อสร้างชุ่นด๋าอีกแล้ว ตอนนี้พวกเราทั้งหมดต่างเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทก่อสร้างแห่งยมโลก และเราก็ทำงานให้กับนายท่านฉินโดยตรง” วิญญาณที่มีอายุมากที่สุดในกลุ่มเอ่ย ซ่งหมิงกุมมือไว้ด้วยกันและยิ้มออกมาจนเกิดรอยย่นขึ้นเต็มใบหน้า “ฉันไม่เคยคิดเลยว่ามันจะมีวัน….ที่พวกเราทั้งหมดจะได้ทำงานให้กับภาครัฐอีกครั้ง…”

มันไม่เหมือนกับสิ่งที่พวกเขาเคยประสบมาก่อน

ครั้งนี้คือประสบการณ์ที่สดใหม่สำหรับพวกเขามาก

พวกเขาเคยเป็นตัวแทนของบริษัทมาก่อน แต่จะมีคนกี่คนกันที่พวกเขาจะต้องขอร้องและอ้อนวอนในตลอดระยะเวลาของโครงการ? นับตั้งแต่การเมืองภายในที่มีอยู่ตั้งแต่แรกไปจนถึงขั้นตอนการเสนอราคา และส่วนที่ยากที่สุดอย่างการเจรจากับตัวแทนของหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ…การต่อสู้ที่พวกเขาต้องเผชิญหน้านี้ไม่ต่างอะไรกับการต่อสู้ในสงคราม

แต่วันนี้ที่พวกเขามายืนอยู่ที่นี่ เป็นตัวแทนของดินแดนแห่งใหม่ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้น ประกาศให้ประชากรวิญญาณของพวกเขาได้ทราบถึงการตัดสินใจครั้งล่าสุด!

นี่คือความรู้สึกของการได้อยู่ในจุดสูงสุดและมีอำนาจอย่างแท้จริง มันเป็นความรู้สึกที่กระตุ้นต่อมความรู้สึกของพวกเขาเป็นอย่างมาก!

“พวกเจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร?” ถึงแม้ว่าฉินเย่จะสามารถใช้พลังของเขาในการทำสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ แต่เขาก็ยังถามความคิดเห็นของคนทั้งหมดอย่างสุภาพ

“มันเยี่ยมไปเลย!” หลี่ชวนอี่ทุบโต๊ะและเอ่ยเสียงดัง “นายท่านฉินช่างรอบคอบยิ่งนัก หากพูดกันตามตรง บรรยากาศด้านนอกตอนนี้ล้วนถูกปกคลุมไปด้วยความกังวลและความหวาดกลัว เหล่าประชากรวิญญาณไม่รู้เลยว่ามีสิ่งใดรอพวกเขาอยู่ในวันพรุ่งนี้ วิญญาณไม่จำเป็นต้องกินหรือนอน แต่สิ่งที่พวกเขาอยากรู้ก็คืออนาคตของตนจะเป็นอย่างไร!”

“ใช่แล้ว” เฉียนเทียนอี้เอ่ย “ท้ายที่สุดแล้วนรกก็เป็นสังคมรูปแบบหนึ่ง…และโครงสร้างของสังคมในปัจจุบันนี้ก็แตกต่างไปจากที่เคยเป็นมาก พวกเราไม่สามารถปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปเช่นนี้ได้ เราต้องมอบอะไรบางอย่างให้แก่พวกเขา บางอย่างที่ทำให้พวกเขามั่นใจว่านรกจะดีขึ้น! เราต้องทำให้พวกเขารู้ว่านรกจะรุ่งโรจน์เหมือนอย่างแดนมนุษย์!”

ซ่งหมิงถอนหายใจออกมา “อีกหลายร้อยปีหลังจากนี้…เราจะได้เห็นตึกระฟ้าจำนวนมากโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน แม่น้ำจูเจียง และปากแม่น้ำแยงซี….และวันนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของทั้งหมดนั้น”

“ถ้าอย่างนั้นก็มาลงความเห็นกัน” ทันใดนั้นอาร์ทิสก็เอ่ยขึ้น “ถึงแม้ว่าพวกเราจะยังไม่มีรัฐธรรมนูญ แต่ที่นี่ก็ไม่ใช่สังคมศักดินาเช่นกัน พวกเราควรทำทุกอย่างให้เป็นระเบียบและเป็นทางการตั้งแต่แรก ในเมื่อนี่เป็นส่วนหนึ่งของกิจการของบริษัทก่อสร้างหยิน การตัดสินใจก็ควรถูกตัดสินโดยการหัวหน้าแผนกทั้งเจ็ด”

“เริ่มได้”

ฟึ่บ…มือข้างหนึ่งชูขึ้นฟ้า ตามมาด้วยมืออีกข้างหนึ่ง จากนั้นก็อีกข้างหนึ่ง เป็นเช่นนี้ไปเรื่อย! ภายในเวลาเพียงสามวินาที มือทั้งเจ็ดข้างก็ถูกยกขึ้นอยู่กลางอากาศ

“ดี!” ฉินเย่ลุกขึ้นยืนและมองไปรอบห้องโดยที่มือทั้งสองข้างยังวางอยู่บนโต๊ะ “การประชุมใหญ่ครั้งแรกของนรกจะถูกจัดขึ้นในอีกสองชั่วโมงต่อจากนี้! ตอนนี้ รีบไปจัดเตรียมสถานที่ให้เรียบร้อย!”

คนทั้งหมดต่างรีบออกจากห้องไปทันที ในขณะที่ฉินเย่เพียงเงยหน้ามองท้องฟ้าอันดำมืดด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย ถึงแม้ว่าสีหน้าของเขาจะยังคงนิ่งเรียบและเคร่งขรึม แต่ความรู้สึกของการประสบความสำเร็จที่เอ่อล้นในหัวใจก็ไม่สามารถปกปิดเอาไว้ได้

ที่นี่คืออาณาจักรของเขา

ที่นี่คือยมโลกของเขา

เขาคือเจ้านรก!

ภายในยมโลกตกสู่ความเงียบอย่างรวดเร็ว ฉินเย่สังเกตเห็นจากทางหน้าต่างว่าหัวหน้าแผนกทั้งเจ็ดต่างกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมการสำหรับการประชุมครั้งใหญ่ที่กำลังจะถูกจัดขึ้น เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาและหลับตาลง ทันใดนั้นเอง เสียงของซูตงเซวี่ยก็ดังก้องไปทั่ว “ทุกท่าน ข้ามีข่าวจะแจ้งให้ทราบ….”

ณ พื้นที่ก่อสร้าง เหล่าวิญญาณจำนวนมากที่กำลังเคลื่อนย้ายเศษซากต้นไม้ต่างหยุดชะงัก ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนหนุ่มสาว ทั้งหมดมองไปยังท้องฟ้าอย่างประหลาดใจ แม้แต่บรรดาช่างที่กำลังรถขนไม้อยู่ก็หยุดทำงานชั่วคราว

ถึงแม้ว่าจะมีหลาย ๆ อย่างที่ต้องทำ แต่พวกเขาส่วนใหญ่ก็รู้สึกเบื่อหน่ายอย่างน่าเหลือเชื่อ

มันไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีรุ่งอรุณหรือพลบค่ำ ไม่มีไพ่ และไม่มีไพ่นกกระจอก ทุกวันเห็นแต่ทิวทัศน์เดิม ๆ และคนหน้าเดิม ๆ มันอาจจะไม่เป็นอะไรหากมันเป็นแค่วันหรือสองวัน แต่นี่มันผ่านไปแล้วหนึ่งหรือสองสัปดาห์….มันเพียงพอที่จะทำให้พวกเขาเป็นบ้าได้!

ด้วยเหตุนี้ เรื่องแปลกประหลาดจึงดึงความสนใจของคนทั้งหมดได้เป็นอย่างดี

“…จ้าวนรกองค์ใหม่ นายท่านฉิน ต้องการที่จะจัดการประชุมใหญ่ครั้งแรกของนรกขึ้นในอีกสองชั่วโมงต่อจากนี้ พึงทราบไว้ว่านี่ไม่ใช่การประชุมที่ถูกจัดขึ้นโดยตัวแทนของภาครัฐเท่านั้น ในนรกยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำ แต่กิจการทั้งหมดนี้จะอยู่ภายใต้การดูแลและควบคุมโดยตรงของนายท่านฉินเป็นการชั่วคราว….”

ณ บริเวณด้านล่างของต้นไม้ที่ยังไม่ถูกโค่น วิญญาณของชายสูงวัยซึ่งสวมชุดคนไข้ลุกขึ้นยืนพร้อมกับอ้าปากค้าง เหล่าวิญญาณที่อยู่ใกล้ๆกับเขาเองก็ลุกขึ้นยืนและมองไปยังท้องฟ้าด้วยความประหลาดใจเช่นกัน

“การประชุม?” ชายสูงวัยในชุดคนไข้พึมพำเบา ๆ “มันจะมีนโยบายใหม่ ๆ อะไรบ้างหรือเปล่า?”

“มันจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นไหม?”

“หากชีวิตหลังความตายจะเป็นแบบนี้ ฉันขอไม่ตายเลยดีกว่า”

“นี่มันน่าเบื่อเกินไปแล้ว…”

“ในที่สุดก็มีเรื่องให้ตั้งตารอแล้วอย่างนั้นเหรอ? อะไรก็ได้ อะไรก็ได้เลยจริง ๆ!”

เสียงของซูตงเซวี่ยยังคงดังก้องไปทั่ว “…นายท่านฉินจะเป็นประธานของการประชุมนี้ด้วยตนเอง หัวข้อของการประชุมในครั้งนี้ก็คือ: แผนการสำหรับห้าปีแรกของยมโลก พวกเราหวังว่าประชากรวิญญาณทั้งหมดจะนำข่าวนี้แพร่กระจายให้ทั่วถึง และผู้ที่สามารถเข้าร่วมได้ก็ขอให้เข้าร่วม…”

เสียงพูดคุยเบา ๆ ดังขึ้นไปทั่ว และมันก็ดังขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับเสียงพูดคุยที่ดังสนั่น นรกตกสู่ความแตกตื่นที่สามารถได้ยินไปถึงด้านในของประตูนรก!

“แผนการสำหรับห้าปี?! หรือว่านรกกำลังอยู่ภายใต้การก่อสร้างหรือการขยายตัวครั้งใหญ่?”

“ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง…พวกเราไม่ได้ถูกละเลย…”

“นายท่านฉิน…คือชื่อของเจ้านรกอย่างนั้นเหรอ?”

“ข้าไม่สนหรอกว่าเขาเป็นใคร ฉันรู้เพียงแค่ฉันสามารถตายได้อีกครั้งหากชีวิตในนรกยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป!”

“มันเพิ่งเป็นการเริ่มต้นเท่านั้น” อาร์ทิสถอนหายใจออกมาขณะที่ฟังการพูดคุยอันร้อนแรงที่เกิดขึ้นด้านนอกประตูนรก “ข้ากำลังตั้งแต่รอถึงวันที่ทั้งหมดนี่จะถูกถ่ายทอดทางโทรทัศน์ ประชากรวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนอาศัยอยู่รอบๆพระราชวัง และข้าก็จะประกาศเรื่องนี้ทางโทรทัศน์ท่ามกลางแสงแฟลชของกล้องจำนวนมาก”

ฉินเย่หัวเราะออกมาเบา ๆ ที่รัก ท่านคิดไกลเกินไปแล้ว…

มาพยายามอย่างเต็มที่กับนรกขนาดเท่าหมู่บ้านกันก่อนเถอะ จากนั้นเราก็ค่อยมุ่งหน้าไปสู่เมือง…จากนั้นก็พัฒนาเครือข่ายเทคโนโลยี คิดค้นและสร้างเครือข่ายพลังงานประจำท้องถิ่น…

แต่…

เขามองไปยังเหล่าวิญญาณที่กำลังมารวมตัวกันที่หน้าประตูนรกด้วยความคาดหวังแล้วยิ้มออกมา “แต่…สำหรับตอนนี้ มาทำให้นรกเริ่มทำการอย่างเป็นทางการก่อน”

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

ฉินเย่เด็กหนุ่มมัธยมปลายที่ไม่มีวันแก่ เพราะกิน “เห็ดเทียนสุ่ย” เข้าไปทำให้มีชีวิตอยู่ระหว่างสองโลก เป้าหมายในชีวิตของเขาเพียงต้องการมีชีวิตเล่นเกมอยู่ไปวัน ๆ เท่านั้น แต่ดูเหมือนนรกจะไม่ได้ยินเสียงเรียกร้องของเขา เมื่อนรกถึงกาลอวสาน ผีร้ายออกอาละวาดบนโลกมนุษย์ ทำให้ฉินเย่ที่เป็นยมทูตคนสุดท้ายต้องรับหน้าที่จ้าวนรกเพื่อพิทักษ์โลกใบนี้!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset