ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] – ตอนที่ 145: สิทธิพิเศษและเหล่านักเรียน (1)

บทที่ 145: สิทธิพิเศษและเหล่านักเรียน (1)

ชายในวัย 30 ปีคนหนึ่งที่นั่งอยู่บริเวณมุมหนึ่งของห้องถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

ไม่มีเสียงปรบมือจากผู้ฟัง ทั่วทั้งห้องบรรยายถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบที่อึดอัดทันทีที่สวี่อันกั๋วเอ่ยจบ ครู่ต่อมา คนแรกที่เริ่มปรบมือก็คือชายสูงวัย จากนั้นเสียงปรบมือก็ค่อย ๆ แพร่กระจายไปทั่วจากทุกคนที่อยู่รอบ ๆ

มีบางคนผิดหวังและบางคนไม่พอใจ แต่เมื่อมีคนมารวมตัวกัน ที่นั่นย่อมมีการแข่งขัน และที่ไหนมีการแข่งขัน…ย่อมมีผู้พ่ายแพ้และถูกทิ้งไว้ด้านหลังเสมอ

ฉินเย่เองเขาก็ปรบมือแล้วมองไปรอบ ๆ ขณะที่คนอื่นมองกลับมาอย่างเป็นมิตร ในเวลาเดียวกัน แอปโม่โม่ของเขาก็สั่นแจ้งเตือนอย่างไม่หยุดหย่อน ซึ่งก็คือคำขอเป็นเพื่อนกว่าร้อยข้อความขอถาโถมเข้ามาในคราวเดียว

ครั้งนี้ เขาไม่ได้กดปฏิเสธเลยแม้แต่คำขอเดียว อันที่จริงเขากดรับทุกคนแทบจะทันทีเลยด้วยซ้ำ

คนที่พ่ายแพ้จะต้องกลับไปมือเปล่า ถึงอย่างนั้นผู้ที่ได้รับการทาบทามให้เข้ามาในสำนักฝึกตนแห่งแรกในฐานะของอาจารย์ได้นั้นต่างก็เป็นผู้ที่มีฝีมือเป็นอันดับต้น ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย ใครจะรู้มิตรภาพที่ถูกหล่อหลอมขึ้นจากการใช้เวลาร่วมกันของพวกเขาที่นี่อาจจะมีประโยชน์ในอนาคตอันใกล้ก็เป็นได้

สวี่อันกั๋วยิ้มนิด ๆ ขณะที่เขามองไปรอบ ๆ “ผมขอขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างยิ่ง พวกเราจะพักกันเป็นเวลาสิบนาที เมื่อเวลาพักหมดลง เราจะคุยเรื่องอื่น ๆ กันต่อ อาจารย์ใหม่ทุกท่านกรุณาอยู่ต่อก่อน ส่วนอาจารย์ท่านอื่น ๆ ทางเราได้เตรียมรถสำหรับรับส่งทุกท่านกลับไปยังหน่วยของพวกคุณเอาไว้ให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว”

ประโยคสุดท้ายของชายสูงวัยแสดงถึงการถูกจัดตั้งอย่างเป็นทางการของกลุ่มอาจารย์แห่งสำนักฝึกตนแห่งแรก และคนอื่น ๆ ที่เหลือก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องออกไปจากที่นี่

สิบนาทีต่อมา ทุกคนก็กลับเข้ามาในห้องบรรยายอีกครั้ง แต่คนพูดที่โต๊ะบรรยายในวันนี้กลับเป็นโจวเซียนหลง

ราวกับกำลังบอกให้ทุกคนกลับตั้งใจฟังต่อ เขามองไปยังเหล่าอาจารย์ที่เหลืออยู่และกระแอมเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยว่า “เรามาเข้าเรื่องแรกกันเลยก็แล้วกัน”

“ตามระเบียบการแล้ว การประเมินอาจารย์จะถูกจำแนกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือคัดการเลือกอาจารย์ที่มีฝีมือยอดเยี่ยมจากทั่วทั้งประเทศ และผมก็ขอถือโอกาสนี้ในการแสดงความยินดีกับทุกท่านที่อยู่ที่นี่ การที่พวกคุณยังนั่งอยู่ที่นี่หมายความว่าคุณคือหัวกะทิในหมู่หัวกะทิ” มันเป็นนิสัยของโจวเซียนหลงที่มักจะทำทุกอย่างให้สั้นและรวบรัดที่สุด

เขาชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้วและพูดต่อว่า “และสองนั่นก็คือการคัดออก ผู้ที่ได้อันดับสูงสุดสามคนจะได้เป็นอาจารย์ดีเด่น และมีเพียงอาจารย์ดีเด่นเท่านั้นที่จะสามารถแข่งขันกันเพื่อชิงตำแหน่งรองศาสตราจารย์หรือสูงกว่านั้นได้”

ฉินเย่ที่ได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้า ซู่เฟิงและคนอื่นพูดถูก ระบบของการจัดอันดับนั้นมีโครงสร้างคล้ายรูปแบบของพีระมิด ผู้ที่ได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดย่อมมีสิทธิ์ในการเพลิดเพลินกับทรัพยากรต่าง ๆ อย่างถึงที่สุด ส่วนคนอื่น…แม้ว่าพวกเขาจะได้เพลิดเพลินกับการปฏิบัติที่ดีกว่าผู้ฝึกตนในต่างเมือง แต่มันก็เป็นเพียงเศษอาหารจากโต๊ะอาหารของราชวงศ์เท่านั้น

ความรู้สึกของการแข่งขัน

เห็นได้ชัดว่าสำนักฝึกตนแห่งแรกต้องการที่จะปลุกจิตสำนึกในการแข่งขันให้กับทั้งเหล่านักเรียนและอาจารย์ขึ้นมา!

บรรยากาศของการแข่งขันทำให้บรรยากาศโดยรอบดูเหมือนโลกของผู้ฝึกตนมากขึ้น

ขอบฟ้าในอยู่เบื้องหน้า และผู้ที่ไม่สามารถรุกหน้าอย่างต่อเนื่องย่อมต้องถูกผลักไสให้ไปอยู่ท้ายแถว

ฉินเย่สามารถเข้าใจความหมายของคำพูดพวกนี้ได้ทันที ด้วยประสบการณ์อันยาวนานของเขา ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงนั่งฟังต่ออย่างตั้งใจ

“ส่วนที่สองของการประเมินจะเริ่มขึ้นก็ต่อเมื่อเปิดภาคเรียนอย่างเป็นทางการแล้วเท่านั้น และรายละเอียดที่แน่นอนเกี่ยวกับการประเมินก็จะถูกประกาศเมื่อเปิดภาคการศึกษาแล้วเช่นกัน เอาล่ะ เรามาทำความรู้จักเกี่ยวกับนักเรียนของเรากันเถอะ” โจวเซียนหลงเอ่ยต่อ

ชายสูงวัยดีดนิ้ว และทันใดนั้นหน้าจอ LED ขนาดใหญ่ก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวลงมาด้านหลังของพวกเขา

ท่ามกลางความเงียบสนิท หน้าจอ LED สีดำสนิทสว่างขึ้นพร้อมกับแบ่งหน้าจอออกเป็นสองด้าน ไม่นานตราสัญลักษณ์นับพันก็ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอติดต่อกันราวกับกระสุนปืนที่ถูกยิงมาที่หน้าจอ!

ฉินเย่สูดหายใจเข้าช้า ๆ การสอนนั้นเป็นประสบการณ์ที่ใหม่สำหรับเขา การคิดว่าเขาจะสามารถยืนอยู่ที่โต๊ะบรรยายและสอนผู้ฝึกตนคนอื่น ๆ นั้น…..

เขาเป็นยมทูต…

จู่ ๆ ฮัสกี้ตัวนี้ก็ได้รับความเชื่อใจจากราชาหมาป่าอย่างนั้นเหรอ…?

ทุกคนมองไปยังหน้าจออย่างตื่นเต้น ภาพโฮโลแกรมสี่เหลี่ยมผืนผ้าของแต่ละอันมีเงาร่างคนไม่ระบุหน้าขึ้นมาพร้อมกับเครื่องหมายคำถาม ภาพโฮโลแกรมทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็นมากกว่า 20 กลุ่มโดยจำนวน ภาพโฮโลแกรมที่ขึ้นในแต่ละกลุ่มนั้นก็จะแตกต่างกันออกไปด้วยเช่นกัน

“นักเรียนของเรามีทั้งหมด 1200 คน” โจวเซียนหลงหยิบตัวชี้ออกมาและเคาะมันลงไปบนหน้าจอเบา ๆ “พวกเขามาจากทั่วทุกมุมของประเทศ และแต่ละภูมิภาคก็แสดงถึงตัวตนที่แตกต่างกันออกไป นี่ก็เป็นสิ่งแรกที่พวกคุณต้องทำความเข้าใจเช่นกัน”

เขาชี้ไปที่แถวแรก ด้วยการแตะเบา ๆ เพียงครั้งเดียว สัญลักษณ์วงกลมที่ประกอบไปด้วยสัญลักษณ์ที่แตกต่างกันเจ็ดภาพ ปรากฏขึ้นมาบริเวณกึ่งกลางหน้าจอ มีทั้งโครงกระดูก วิญญาณ ​แมลง…และพื้นที่เหล่านี้ก็มีคนมากที่สุดด้วยเช่นกัน คิดได้ราว ๆ 30% ของคนทั้งหมด

“โลกภายนอกอาจจะยังมีผู้ฝึกตนอยู่อีกจำนวนมาก และพวกเราก็ยังเป็นสำนักฝึกตนที่เพิ่งถูกก่อตั้งขึ้นเป็นแห่งแรก แต่เพิ่งถูกก่อตั้งขึ้นมาแล้วอย่างไร? แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจำเป็นจะต้องเชิญแค่นิกายหรือกลุ่มที่ไม่เป็นที่รู้จักด้านนอกนั่นด้วยนี่ หากพูดกันตามตรง พวกเราได้ส่งคำเชิญชุดแรกไปยังกองกำลังระดับ A และ B ของทั่วทั้งประเทศแล้ว และนี่ก็คือรายชื่อนักเรียนจำนวน 347 คนก็ที่ถูกส่งตรงมาจากองค์กรใหญ่ที่เราได้ส่งคำเชิญไป”

“มีใครรู้จักสัญลักษณ์นี้บ้างหรือเปล่า?”

คนทั้งหมดยกมือขึ้นยกเว้นฉินเย่

“รหัส S9527 คุณไม่รู้หรือ?” คำถามของโจวเซียนหลงแทบจะทำให้ฉินเย่สะดุ้ง

คุณเห็นผมยกมือไหมล่ะ?!

นี่คุณเกลียดผมมากแค่ไหนกัน?! หรือว่าคุณรู้แล้วว่าไอ้โง่นี่คือฮัสกี้สุดน่ารักแล้วกันน่ะห๊ะ!?

“ผมไม่ทราบ” ฉินเย่ตอบด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย

“รหัส S2328 รบกวนคุณอธิบายให้เขาฟังที” โจวเซียนหลงหันไปชี้ซู่เฟิงผู้ที่รีบอธิบายทันที “นี่คือสมาคมช่างฝีมือแห่งโลกใต้พิภพ ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ปีค.ศ. 1951 กิจการขนาดใหญ่ของช่างฝีมือแห่งโลกใต้พิภพ รวมถึงตลาดไสยเวท ทั้งหมดล้วนถูกจัดการโดยสมาคมนี้ทั้งสิ้น ใน ปีค.ศ. 2000 ทางสมาคมได้มอบสิทธิ์ในการจัดการตลาดไสยเวทให้กับหน่วยสอบสวนพิเศษเพื่อแลกกับใบอนุญาตในการก่อตั้งโรงเรียนของพวกเขาขึ้นมา”

“ปัจจุบันนี้พวกเขาได้ก่อตั้งโรงเรียนขึ้นมาทั้งหมดสามแห่ง ได้แก่ ‘สถาบันชวนหรัน’ ‘สถาบันตงไห่และปิโตรเลียม’ และ ‘สถาบันอุตสาหกรรมซ่าหลัง’ ทั้งหมดนี้ถูกก่อตั้งและบริหารโดยสมาคมช่างฝีมือแห่งโลกใต้พิภพ มีสอนครบตั้งแต่อนุบาลจนถึงมัธยมปลาย”

ฉินเย่จดรายละเอียดทั้งหมดอย่างเงียบ ๆ โจวเซียนหลงพยักหน้า “ไม่เลวคุณรหัส S9527 ผมจะไม่โทษคุณหรอกนะ เพราะก่อนหน้านี้คุณเป็นเพียงผู้ฝึกตนอิสระ อย่างไรก็ตาม คุณต้องจำรายละเอียดเหล่านี้ด้วย เนื่องจากมันเป็นความรู้ส่วนหนึ่งที่คุณจะต้องถ่ายทอดให้เหล่านักเรียนของคุณด้วย ในฐานะของผู้เป็นอาจารย์ ที่อยู่ระดับสูงสุด การส่งมอบความรู้ในการปัดเป่าวิญญาณเพียงอย่างเดียวคงจะไม่เพียงพอ และนั่นก็คงไม่ต่างกับการฝึกให้พวกนักเรียนกลายเป็นเครื่องจักรสังหาร สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือการสอนให้พวกเขารู้เกี่ยวกับโลกที่พวกเขาอาศัยอยู่ นี่นับว่าเป็นจุดที่คุณยังขาดอยู่และต้องได้รับการปรับปรุง”

“เรียนรู้การเป็นคนดี พากเพียรปฏิบัติ สุดท้ายคือการแสวงหาความรู้ นี่คือคำขวัญของมหาวิทยาลัยทุกแห่งในแผ่นดินจีนต้องมี”

ฉินเย่ลุกขึ้นยืนและประสานมือคำนับอย่างจริงใจ “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ”

โจวเซียนหลงบอกให้ฉินเย่นั่งลงด้วยท่าทางง่าย ๆ ก่อนจะหันไปหาคนอื่น ๆ “อาจารย์ทุกท่าน ผมขอบอกอีกครั้ง นักเรียนทุกคนที่ลงทะเบียนเข้าเรียนในสำนักฝึกตนต่างได้รับการสนับสนุนโดยนิกายใหญ่ ๆ ตระกูลที่มีชื่อเสียง หรือองค์กรใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถึงอย่างนั้น ทันทีที่พวกเขาก้าวเข้ามาในอาณาเขตของสำนัก…พวกเราจะต้องปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเท่าเทียม!”

“จงลืมว่าพวกเขาเป็นใคร และมาจากไหน ปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนกับนักเรียนคนอื่นที่ไม่มีสถานะพิเศษใด ๆ หากเพียงแค่นี้พวกคุณยังทำไม่ได้…” เขากวาดสายตาที่คมกริบและแฝงความนัยไปทั่วห้องบรรยาย ทุกคนต่างรู้ดีว่าเขาต้องการจะสื่ออะไรแม้ว่าเขาจะไม่ได้เอ่ยออกมาจนจบก็ตาม

หลังจากที่หยุดพูดไปพักหนึ่ง เขาก็เอ่ยต่อว่า “นอกจากนี้ นักเรียนพวกนี้ต่างต้องการขอคำปรึกษาและคำแนะนำจากพวกคุณ การฝึกตนไม่ใช่เรื่องที่สามารถพิสูจน์ได้เหมือนการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ โลกของการฝึกตนนั้นแตกต่างกันออกไป ตัวอย่างเช่น วิชาของพวกหมอผีในการจัดการกับศพ พวกเราจะต้องดึงศักยภาพสูงสุดพวกเขาออกมาใช้ให้ได้ และทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับพวกคุณทั้งสิ้น”

เขายืดตัวตรงและชี้ไม้ยาวไปที่หน้าจอ “นอกเหนือจากสมาคมช่างฝีมือแห่งโลกใต้พิภพแล้ว พวกเรายังมีสาวกของเต๋า พระพุทธศาสนา และลัทธิขงจื๊อด้วย ถัดจากนั้นยังมีสาวกจากนิกายที่ใหญ่ที่สุดในจีน ซึ่งมีอิทธิพลกว้างขวางจนครอบคลุมพื้นที่ห้ามณฑลในทางตะวันตกเฉียงเหนืออย่างนิกายเซียนเทียน พวกเขาสนับสนุนวิถีแบบดั้งเดิม จากนั้น มันก็ยังมีนิกายอื่น ๆ ที่มีประวัติศาสตร์มานานหลายพันปีและมีอิทธิพลครอบคลุมสามมณฑลทางใต้อย่างนิกายชิงอี้เหมินด้วย….”

โจวเซียนหลงยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงฉะฉาน หลังจากการแนะนำเต็มรูปแบบกว่าสองชั่วโมงเต็ม ๆ เขาก็หยุดลงเมื่ออธิบายข้อดีของนิกายพวกนี้จนจบ

ฉินเย่พยักหน้าเบา ๆ เขาไม่รู้เลยว่ามันยังมีนิกายอีกมากมายที่ยังคงหลบซ่อนตัวอยู่บนแผ่นดินจีนมากมายขนาดนี้!

นอกจากนี้ เขายังจับกลยุทธ์อย่างที่สองทางสำนักฝึกตนได้อีกด้วย ซึ่งก็คือพวกเขาต้องการคนเก่ง ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรพวกเขาก็ยอม!

ซึ่งคำว่า ‘ความต้องการ’ ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงทำการเลือกและรับพวกหัวกะทิที่มีอยู่ก่อนแล้ว แต่หมายถึงความต้องการที่จะสร้างและบ่มเพาะเหล่าเมล็ดพันธุ์ที่ดีสำหรับในอนาคต

เมื่อคุณเข้ามาในสำนัก ทุกสิ่งที่คุณเคยเป็นมาก่อนหน้านี้ทั้งหมดจะหายไป เพราะไม่ว่าผู้ที่สนับสนุนของพวกเขาเหล่านั้นจะมีอิทธิพลมากเพียงใด แต่มันจะเป็นไปได้หรือที่อำนาจของคนพวกนั้นจะเหนือไปกว่าหน่วยสอบสวนพิเศษ?

นักเรียนเหล่านี้มาที่สำนักเพื่อเรียนรู้และได้รับคำแนะนำและความรู้ พวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับวิญญาณมากมาย และจะต้องมีผู้เสียชีวิตอย่างแน่นอน ทุกสิ่งที่โจวเซียนหลงได้เอ่ยออกมาล้วนเพื่อขจัดอคติที่อาจขัดต่อการสอน พร้อมกับให้คำแนะนำไปด้วย!

“ก็เหมือนกับตอนที่อยู่บนรถบัส…” ฉินเย่เหลือบสายตามองแถวแรก ก็เห็นสวี่อันกั๋วกำลังยิ้มกว้างอยู่ “จนถึงตอนนี้…สิ่งสำคัญในขั้นตอนที่สองก็คือการประเมินของอาจารย์ หากอาจารย์คนใดมีความประพฤติที่ขัดกับเจตจำนงของสำนัก หรือต่อให้นักเรียนของคุณได้คะแนนเต็มภาคทฤษฎี แต่กลับได้คะแนนปฏิบัติเป็นศูนย์แล้วละก็…ผมเกรงว่าอาจารย์คนนั้นคงจะไม่มีสิทธิ์เลื่อนขั้นเป็นตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ได้อีกต่อไป”

“เอาล่ะ เราไปเรื่องต่อไปกันเถอะ ต่อไปนี้ผมจะประกาศอัตราส่วนผลประโยชน์ของอาจารย์ทั่วไปและอาจารย์ดีเด่น ตลอดจนเงื่อนไขที่จำเป็นในการเลื่อนตำแหน่งให้ทุกท่านได้ทราบ” โจวเซียนหลงยกถ้วยชาขึ้นมาจิบก่อนจะเอ่ยต่อว่า

“สำนักฝึกตนแห่งแรกคงไม่สามารถดึงดูดผู้มีฝีมือระดับ S และระดับ A จากทั่วทั้งประเทศได้ด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาลเพียงอย่างเดียว แต่ผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือผู้ที่อยู่ที่นี่จะได้รับการปฏิบัติอย่างเอื้อเฟื้อและได้รับสิทธิพิเศษอีกมากมาย!”

หูของฉินเย่ตั้งขึ้นทันที

เหมือนกับฮัสกี้ที่ได้กลิ่นอาหารโชยมา

“ผลประโยชน์ดังกล่าวจะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกก็คือผลประโยชน์ที่จับต้องได้ นั่นก็คือคุณจะได้รับเงิน 1 แสนหยวนต่อเดือน แต่ที่สำคัญกว่านั้น คุณจะได้รับหินวิญญาณ 50 ก้อนในทุก ๆ เดือนด้วย”

โจวเซียนหลงวางมือทั้งสองข้างลงบนโต๊ะบรรยาย “ผลประโยชน์ส่วนที่สองคือผลประโยชน์ที่จับต้องไม่ได้ ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า…นี่คือสิ่งที่ทุกท่านที่นี่อยากรู้มากที่สุด”

เขาชี้ไม้ไปที่หน้าจออีกครั้ง ภาพโฮโลแกรมก่อนหน้านี้หายไปทั้งหมด และแทนที่ด้วยสิ่งที่ดูคล้ายกับทางเดินใต้ดิน สิ่งของมากมายถูกเก็บไว้ภายในโหลแก้วซึ่งแต่ละชิ้นจะถูกล่ามไว้ด้วยโซ่และปิดทับด้วยยันต์ผนึกอย่างแน่นหนา

จำนวนของที่ถูกเก็บไว้ที่นี่…แทบจะชวนให้นึกถึงขุมสมบัติโบราณเลยก็ว่าได้!

“นี่คือ…ม้าหยิน?! เห็ดหลินจือหยิน?!” แม้ว่าฉินเย่จะมองสิ่งนี้ไม่ออก แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่น ๆ จะมองไม่ออก ทันทีที่ภาพปรากฏขึ้น ห้องบรรยายที่เคยเงียบก็ดังกระหึ่มไปด้วยเสียงอุทานมากมาย

แม้แต่ซู่เฟิงเองก็ยืดตัวตรงขณะที่ดวงตาของเขาเป็นประกายไฟลุกโชน

“อายุของมัน…จะต้องมากกว่า 300 ปีอย่างแน่นอน! คุณจะสามารถหาเห็ดหลินจือที่มีอายุนานขนาดนี้ได้จากที่ไหนอีก?!” อาจารย์สูงวัยคนหนึ่งจับที่เท้าแขนของเขาแน่นและตะโกนออกมาอย่างตกตะลึง

ห่างไปไม่ไกลนัก ชายอีกคนในวัยสี่สิบอ้าปากค้างและอุทานออกมาเสียงดัง “ความมั่งคั่งของจักรพรรดิทั้งห้า…และตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน สิ่งนี้เกิดจนการฝังโลกศพของจักรพรรดิต่อกันเป็นชั้น ๆ! หากผู้ใดพกสิ่งนี้ไว้กับตัว จะไม่มีใครที่อยู่ต่ำกว่าขั้นยมทูตขาวดำสามารถเอาชนะเขาได้!”

“นั่นใช่พระบรมสารีริกธาตุหรือเปล่า? พระอัฐิของพระพุทธเจ้า?”

“เดี๋ยว…ดูนั่นสิ มันคืออะไร?”

“ที่แห่งนี้มันอยู่ที่ไหนกัน”

ดวงตาของฉินเย่เองก็เป็นประกายไฟลุกโชน ภาพตรงหน้าเปลี่ยนจากห้องกระจกทั้งห้องเป็นห้องกว้าง ๆ ห้องหนึ่งในท้ายที่สุด!

มันดูเหมือนกับศูนย์ข้อมูล ที่เต็มไปด้วยตู้จำนวนนับไม่ถ้วนตั้งอยู่บนชั้นวาง นอกจากนี้ชั้นทั้งหมดยังดูเหมือนถูกควบคุมระยะไกลจากหน่วยงานส่วนกลางอีกด้วย ตราบใดที่มีการป้อนข้อมูลเข้าไป คอมพิวเตอร์ก็จะดึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องออกมา

ตู้แต่ละใบมีความกว้างประมาณ 1 เมตร จากนั้นภาพตรงหน้าก็เผยให้เห็นมือคู่หนึ่งยื่นออกมาเปิดตู้และหยิบหีบไม้ยาวออกมา

ทุกคนต่างมองภาพตรงหน้าด้วยลมหายใจติดขัด เผยให้เห็นกระบี่ที่ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีพร้อมกับป้ายที่วางอยู่ส่วนปลายสุดของหีบ หลังจากนั้นมือดังกล่าวก็ค่อย ๆ หยิบกระบี่เล่มนั้นออกมา

ครืดดดด….ในวินาทีที่ตัวกระบี่ถูกนำออกมาจากหีบ ตู้ใบอื่น ๆ โดยรอบก็เริ่มสั่นสะเทือนพร้อมกัน!

และมันยังไม่ใช่ทั้งหมด แม้แต่เหล่าอาจารย์ที่กำลังนั่งดูอยู่ในห้องบรรยายก็เริ่มรู้สึกขนลุกไม่ต่างกัน!!!

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

ฉินเย่เด็กหนุ่มมัธยมปลายที่ไม่มีวันแก่ เพราะกิน “เห็ดเทียนสุ่ย” เข้าไปทำให้มีชีวิตอยู่ระหว่างสองโลก เป้าหมายในชีวิตของเขาเพียงต้องการมีชีวิตเล่นเกมอยู่ไปวัน ๆ เท่านั้น แต่ดูเหมือนนรกจะไม่ได้ยินเสียงเรียกร้องของเขา เมื่อนรกถึงกาลอวสาน ผีร้ายออกอาละวาดบนโลกมนุษย์ ทำให้ฉินเย่ที่เป็นยมทูตคนสุดท้ายต้องรับหน้าที่จ้าวนรกเพื่อพิทักษ์โลกใบนี้!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset