ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] – ตอนที่ 185: การต่อสู้ของเหล่ายมทูต (2)

บทที่ 185: การต่อสู้ของเหล่ายมทูต (2)

ตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง[1]

ไม่มียมทูตนอกอาณาเขตตนใดคาดคิดว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้น พวกเขาต่างคิดว่าตัวเองจะได้กลับถิ่นฐานของตนเองอย่างง่ายดาย เมื่อพวกตนทำลายเคล็ดวิชาตรึงวิญญาณสามชั้นลงได้แล้ว บางตนถึงขั้นเริ่มวางแผนที่จะแย่งชิงวิญญาณของกู่ชิงมาให้ยมโลกของตนแล้วด้วยซ้ำ

แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะคิดเรื่องพวกนั้นเลยสักนิด การโจมตีจากฝ่ามือของโจวเซียนหลงเพียงครั้งเดียวปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่ที่พวกเขาถูกขังเอาไว้ มันไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ และเศษฝุ่นละอองเศษดินก็คละคลุ้งไปในอากาศ ผิวหนังของพวกเขาเริ่มกระเพื่อมราวกับพื้นผิวของทะเลสาบ เส้นเลือดของพวกเขาเริ่มปูดโปนและเต้นตุบ ๆ

“พวกเจ้า…รออะไรกันอยู่?!!” ยมทูตหัวหมาป่าตะโกนออกมาขณะที่พบว่าตนถูกกดลงกับพื้น และรอยแตกก็กระจายไปรอบ ๆ ราวกับใยแมงมุม

เขาร้องออกมาสุดเสียง “พวกเราต้องร่วมมือกัน! ต้านการโจมตีนี้ให้ได้ เราถึงจะสามารถออกไปจากที่นี่ได้โดยที่มีชีวิตรอด! ไม่เช่นนั้น เราทั้งหมดจะต้องตายที่นี่เป็นแน่!!”

ขณะที่พูด กระดูกบริเวณหลังของเขาก็เริ่มปูดขึ้น จากนั้นพร้อมกับเสียง ฉึก…เกล็ดที่ทำจากกระดูกก็ทิ่มทะลุกล้ามเนื้อและค่อย ๆ หลุดออกมาอย่างช้า ๆ ฝั่งหนึ่งของมันเป็นขนนกใน ขณะที่อีกฝั่งหนึ่งคืออัญมณีล้ำค่า

ฉึก… ขณะที่มันหลุดออกมาจากร่าง แผ่นหลังของยมทูตตนดังกล่าวก็รักษาตัวอย่างรวดเร็วราวกับดอกไม้ที่หุบลง จากนั้นเมื่อมันหลุดออกมาจากร่าง ด้านที่เป็นขนนกก็ถูกกดลงทันทีด้วยแรงกดดันจากการโจมตีรูปฝ่ามือของโจวเซียนหลง ฝุ่นควันเริ่มคละคลุ้งไปในอากาศมากกว่าเดิม

“อึก…” ยมทูตหัวหมาป่าตัวสั่นเทาขณะที่เขามองขึ้นไปด้านบน น่ากลัวเกินไป… ตุลาการนรกผู้นี้แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ ทว่าก่อนที่เขาจะได้สูดหายใจเข้าลึก เขาก็ได้ยินเสียงแกร๊กเบา ๆ ในอากาศ

เวลาดูเหมือนจะหยุดชะงักไป

ดวงตาสีเขียวหยกของเขาเบิกกว้างตัวสั่นไปหมด และเขาก็พบว่าเกล็ดที่เขาเพิ่งใช้ไปเพียงครู่เดียวเริ่มปรากฏรอยแตกขึ้น! และรอยแตกนี้ก็กระจายตัวไปอย่างรวดเร็ว!

“ไม่นะ…” เขาเอ่ยออกมาเสียงสั่น ทว่าก่อนที่เขาจะได้เอ่ยจนจบ ควันและฝุ่นละอองในอากาศก็ตกลงมาพร้อมกับสายฝนที่ตกลงมาอย่างรุนแรง เสียงกรีดร้องอย่างน่าสังเวชดังก้องไปทั่ว เมื่อฝุ่นหายไป สิ่งเดียวที่เหลืออยู่มีเพียงหลุมขนาดใหญ่ที่ร่างของยมทูตหัวหมาป่าเคยอยู่ กลุ่มก้อนพลังหยินสลายตัวไปในอากาศ

การโจมตีเพียงครั้งเดียวสามารถกำจัดศัตรูได้อย่างง่ายดาย

แม้แต่วัตถุหยินสมบูรณ์ก็ไม่สามารถหยุดพลังของผู้ฝึกตนขั้นตุลาการนรกผู้นี้ของจีนได้

“พระเจ้า…” “ข้าแต่ท่านเฮดีส…” เหล่ายมทูตนอกอาณาเขตที่เหลืออยู่ต่างรู้สึกถึงความเย็นที่ไล่ไปตามสันหลังของตน ความรู้สึกหวาดกลัวแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เวลานี้ ไม่มีผู้ใดลังเลอีกต่อไป พร้อมกับเสียงตะโกนก้อง ยมทูตทั้งหมดก็เริ่มเปลี่ยนร่าง

“ให้ตายเถอะ!!….” ยมทูตครึ่งมนุษย์ครึ่งแมงมุมเอ่ย หน้าอกและท้องของนางสั่นเทาอย่างรุนแรง พร้อมกับเสียงร้องที่ดังลั่น เขาพ่นกระถางธูปโบราณออกมา ควันสีฟ้ากระจายตัวไปในอากาศ แต่ก็เหมือนกับก่อนหน้านี้ กระถางธูปโบราณปรากฏรอยร้าวขึ้นทันทีที่มันปรากฏออกมา!

“พวกเจ้ารออะไรอยู่?!!” เขาหันไปตะโกนใส่ยมทูตตนอื่น ๆ “แค่ 15 วินาที…อย่างมากสุดเราก็ต้องทนอีกแค่ 15 วินาทีเท่านั้น!”

“ใช้วัตถุหยินของพวกเจ้าซะ! นั่นเป็นเพียงความหวังเดียวของเรา!”

ตูม ตูม ตูม! วัตถุหยินเจ็ดชิ้นเปล่งแสงสุกใสภายในอาณาเขตเวท มงกุฎหัก คริสทัลหัวกะโหลก…แต่ละชิ้นปล่อยพลังหยินออกมามากอย่างไม่น่าเชื่อขณะที่มันยังคงลอยอยู่กลางอากาศ

ทุกอย่างดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปทันที

ความรู้สึกอึดอัดที่ไม่สามารถอธิบายได้ปรากฏขึ้นในใจของคนทั้งหมด แม้แต่เหล่านักเรียนที่มองขึ้นไปบนฟ้า โดยไม่สนข้อเท็จจริงที่ว่าตัวเองได้ตัวเปียกโชกจากสายฝนที่ตกกระหน่ำลงมาเลยแม้แต่น้อย พวกเขาต่างก็จับจ้องมองวินาทีที่แสนสำคัญนี้ตาไม่กะพริบ

และในเสี้ยววินาทีต่อมา สายฝนโดยรอบดูเหมือนจะสั่นไหว และการโจมตีด้วยฝ่ามือก็กดลงมาอีกครั้ง

มันไม่ได้เร็ว แต่ดูราวกับปิดกั้นแสดงสว่างจากท้องฟ้าและบดบังสายฝนที่ตกลงมา แม้แต่สายลมก็พัดอยู่รอบ ๆ ฝ่ามือดังกล่าว หากมองจากที่ไกล ๆ มันจะเห็นได้ชัดเลยว่าฝ่ามือดังกล่าวปรากฏขึ้นที่ใจกลางของบริเวณที่ฝนตกลงมา!

ไร้ซึ่งทางหนี

“ข้าแต่ท่านเฮดีส…” หนึ่งในยมทูตหลับตาลงและสูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง พลังหยินมหาศาลพุ่งเข้ามาในวัตถุหยินของเขาราวกับกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ “อ๊ากกกก!!!!”

ตูม!

เขตทางตอนใต้ของเมืองเป่าอันสั่นไหวอย่างรุนแรง และวิทยาเขตทั้งหมดก็จมลงครึ่งเมตร ยมทูตนอกอาณาเขตกรีดร้องอีกครั้ง วัตถุหยินสี่ชิ้นแตกสลายไปพร้อมกัน และเจ้าของของพวกมันเองก็กลายร่างเป็นเพียงกลุ่มก้อนพลังหยินที่สลายหายไป

“ใช้เวลาอีกนานแค่ไหน?” ฉินเย่มาถึงบริเวณขอบนอกของสำนักฝึกตนแห่งแรกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เด็กหนุ่มก็ยังแอบอยู่ด้านนอกของอาณาเขตเวทที่ตัวเองสร้างขึ้น เพื่อที่จะไม่มีมนุษย์คนใดมองเห็นตนเอง ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่บนหลังคาของอาคารและมองไปทางหอบรรพบุรุษ

“หมดแล้ว” อาร์ทิสตอบ

“ด้วยพลังของเจ้า อาณาเขตเวทที่สร้างขึ้นจะมีผลอยู่เพียงสิบวินาทีเท่านั้น นั่นคือข้อจำกัด ส่วนที่เหลือ…พวกเราจะจัดการเอง”

“สุดท้ายแล้ว ยมทูตก็ควรถูกสังหารโดยคมดาบของยมทูตอยู่ดี และนั่นก็คือหน้าที่ของเจ้า”

……………………………………………

พื้นดินโดยรอบสั่นสะเทือน พื้นที่โดยรอบหอบรรพบุรุษยุ่งเหยิงไปหมด ตอนนี้มียมทูตนอกอาณาเขตเหลืออยู่ทั้งสิ้นห้าคน วัตถุหยินของพวกเขาไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้ อย่างน้อยที่สุด ตอนนี้พวกเขาก็สามารถต้านทานการโจมตีอันทรงพลังของโจวเซียนหลงได้โดยไม่สลายไปเสียก่อน แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็รู้สึกหวาดกลัวสิ่งที่พวกตนเพิ่งได้เห็นจนเสียกำลังใจที่จะสู้ไปหมดแล้ว

สิ้นหวัง

ความแตกต่างทางพลังนั้นมากเกินไป ตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง ตัวตนที่สามารถกำจัดพวกเขาทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย!

“ใคร…ใครกัน?!!” ยมทูตญี่ปุ่นกัดฟันแน่น กระทืบเท้าและตะโกนออกมาเป็นภาษาญี่ปุ่น “เจ้าทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร?!! อย่างไรเสียตัวเจ้าก็ไม่สามารถจับวิญญาณของเขาไปได้อยู่แล้ว!! แล้วเหตุใด…เจ้าถึงต้องทำถึงขนาดนี้?!”

“ยุคสมัยแห่งความรุ่งโรจน์ของยมโลกของจีนได้จบลงแล้ว! เจ้ายังเต็มใจที่จะเป็นสุนัขรับใช้ของพวกมันอยู่อีกหรือ?! ทางสหพันธ์ยมโลกตรวจพบถึงความว่างเปล่าของยมโลกของจีนแล้ว เหตุใดเจ้าถึงยังเลือกที่จะหันหลังให้เราอีก?!!”

ไร้ซึ่งคำตอบ

ยมทูตนอกอาณาเขตตนอื่น ๆ มีใบหน้าซีดเผือด ขณะกำลังปรับท่าทีของตนอย่างหมดหวัง เหลือเพียงยมทูตญี่ปุ่นเท่านั้นที่ยังโวยวายราวกับสุนัขที่สูญเสียเจ้าของ เสียงของเขาดังก้องไปทั่วท้องฟ้าอย่ามค่ำคืน แต่ก็ถูกกลบด้วยเสียงของฝนที่ตกกระหน่ำ

เขายังคงคำรามออกมาเป็นเวลาสองวินาทีเต็มจนกระทั่งเสียงแหบพร่า จากนั้นเขาก็ร่วงลงกับพื้นจนเกิดเสียงดังตุบ น้ำตาสองสายไหลอาบแก้มขณะที่จ้องมองไปยังตัวตนที่เหมือนกับพระเจ้าที่ยังคงลอยอยู่ในอากาศ “อีกแค่นิดเดียว…อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น…”

“ข้าไม่เชื่อ…ข้าไม่มีทางเชื่อ! ท่านอิซานามิ…ข้าทำให้ท่านต้องผิดหวัง…อ๊ากกกกก!!”

แต่เสียงของเขาก็ขาดหายไปพร้อมกับสายลมกระโชก แทบจะเหมือนกับว่ามันต้องการประกาศว่านี่คือจุดจบของพวกเขา

“แต่…ต่อให้ต้องตาย ข้าก็จะไม่ยอมถูกสังหารโดยขั้นตุลาการนรกของจีนเป็นอันขาด!!” ชินิกะมิ [2] หมายเลข 437 กัดฟันและเอื้อมมือไปที่ข้างเอว มีดสั้นที่ทำจากกระดูกปรากฏขึ้นในมือของเขา ทว่าทันใดนั้น ทั่วทั้งอาณาเขตก็สั่นสะเทือนอีกครั้ง

พรึ่บ…เสียงเบา ๆ ดังขึ้นท่ามกลางเสียงฝนตก จากนั้น…ยมทูตนอกอาณาเขตทั้งห้าก็ต้องประหลาดใจ…เมื่อพบว่าอาณาเขตเวทที่เปิดเผยการมีอยู่ของพวกตนได้พังทลายลง!

รวดเร็วดั่งเช่นตอนที่มันปรากฏขึ้น อาณาเขตเวทดังกล่าวกลายเป็นเพียงกลุ่มพลังหยินที่สลายตัวไปในท้องฟ้ายามราตรี หายไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางหมู่ดาวบนฟากฟ้า

เงียบ

เงียบสนิท

เมื่อครั้งแรกที่อาณาเขตเวทปรากฏขึ้น การปรากฏตัวที่รวดเร็วของมันทำให้พวกเขาตกลงไปในห้วงแห่งความสิ้นหวัง และเตรียมพร้อมที่จะตายทันที แต่พวกเขาไม่คิดเลยว่ามันจะมีผลเพียงแค่สิบวินาทีเท่านั้น สั้นกว่าการคาดคะเนของพวกเขาก่อนหน้านี้เสียอีก!

“นี่มัน…” ชินิกะมิหมายเลข 437 เอ่ยด้วยเสียงสั่นเทาก่อนจะกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง “นรกทรงโปรด! ไปเร็ว!!!”

ฟึ่บ! ร่างเงาของเขาหายไปอย่างรวดเร็ว ร่างที่นอนอยู่บนพื้นทั้งหมดเองก็สลายหายไปขณะที่แสงจันทร์สลัวส่องผ่านกลุ่มเมฆ

“ฮ่า ๆๆๆ! สวรรค์อยู่ข้างข้า!”

“เทพแทนาทอส [3] กำลังเฝ้าดูพวกเราอยู่! ฮ่า ๆๆๆๆ!”

“รอก่อนเถอะ…ความอับอายที่พวกเราได้รับในวันนี้ จะถูกคิดบัญชีกับพวกเจ้าทั้งต้นทั้งดอกด้วยกองทหาร 100 ล้านตนในภายภาคหน้า!”

โจวเซียนหลงรู้สึกมึนงงเป็นอย่างมาก เขาสูดหายใจเข้าช้า ๆ และเพียงพริบตาเดียวเขาก็ต่อยไปในอากาศอย่างไม่ลังเล!

ตูม! หมัดที่ถูกปล่อยออกไปน่าสะพรึงกลัวกว่าฝ่ามือก่อนหน้าหลายเท่า ท้องฟ้าพลันมืดครึ้มพร้อมกับเสียงฟ้าร้อง และสายฝนก็หยุดนิ่ง น่าเสียดาย แม้ว่าหมัดอันทรงพลังจะถูกปล่อยออกไป แต่ยมทูตนอกอาณาเขตทั้งห้าก็หายตัวไปเสียแล้ว

สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงโถงไว้อาลัยที่พังทลายลง กลุ่มนักเรียนที่ยังคงตกตะลึง เหล่าอาจารย์ผู้สอนและสายฝนที่ตกลงมาจากบนฟ้า

จากนั้นขณะที่พลังหมัดอยู่เหนือจากพื้นเพียงหนึ่งเซนติเมตร พลังของมันก็สลายไป พลังปราณทั้งหมดกระจายตัวไปโดยรอบราวกับหมอกหนาที่ลอยอยู่รอบ ๆ โถงไว้อาลัยราวกับหมอกขาว

หายไปแล้ว

โจวเซียนหลงกัดฟันกรอด

อีกฝ่ายหายไปแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่สามารถสัมผัสถึงการมีอยู่ของยมทูตพวกนั้นได้ แต่สัญชาตญาณของเขาก็บอกเขาพวกฝ่ายตรงข้ามได้ออกจากที่นี่ไปแล้ว

ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว จากนั้น หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ชายสูงวัยก็กัดฟันและตะโกนเสียงดัง “ปิดกั้นทางออกทั้งหมดของเมืองเป่าอัน! ระดมกองกำลังทหารทั้งหมด! เอาเครื่องวัดค่าพลังหยินและเครื่องมืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องและสามารถตรวจจับพลังหยินได้ทั้งหมดออกมา! เปิดใช้งานเส้นตรวจจับตัวตนเหนือธรรมชาติเดี๋ยวนี้!!”

“แจ้งทางศูนย์วิจัย SRC และหน่วยสอบสวนพิเศษ เพื่อขอความช่วยเหลือในการสอบสวน! ใครมีปัญหาให้ส่งมาหาผมโดยตรง!”

“ตรวจดูกล้องวงจรปิดทั้งหมด! อาจารย์ผู้สอนและนักเรียนทุกคนให้ไปรายงานตัวและรออยู่ในโรงยิม! ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ออกไปไหนจนกว่าทุกอย่างจะจบลง!!”

“รับทราบ!” ศาสตราจารย์ทั้งห้าเอ่ยออกมา และแยกไปทำหน้าที่ของตนทันที

ทันทีที่เอ่ยจบ ร่างของโจวเซียนหลงก็หายไปทันที เหลือไว้เพียงเหล่านักเรียนที่เดินตามเหล่าอาจารย์ไปที่โรงยิมอย่างตกตะลึง

ไม่มีใครรู้ว่ายมทูตนอกอาณาเขตพวกนั้นหายไปไหน

นอกจากฉินเย่

ฉินเย่ยืนอยู่ที่ด้านบนสุดของอาคาร ซึ่งตั้งอยู่ตรงทางเข้าของสำนักผู้ฝึกตนแห่งแรก เมื่ออาณาเขตเวทพังทลายลง เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน

ม่านตาสีดำ รูม่านตาสีขาว ไม่มีใครสามารถรอดพ้นไปจากดวงเนตรแห่งนรกของเขาไปได้

ดังนั้นเขาจึงมองเห็นทุกสิ่งที่ยมทูตนอกอาณาเขตทั้งห้าตนทำ ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปจากวิทยาเขตในวินาทีต่อมา

พวกเขาไม่ได้อยู่ในสถานะยมทูตเหมือนกับก่อนหน้านี้ แต่พวกเขาใช้ศาสตร์แห่งนรกของตัวเอง เพื่อเปลี่ยนร่างเป็นเงาดำที่เลื้อยไปบนพื้นราวกับงู ฉินเย่เห็นว่าพวกมันปรากฏกายโดยห่างจากที่นี่ออกไปราว 1,000 เมตร

ดวงวิญญาณของกู่ชิงถูกขังไว้ในตะเกียงไฟ ฉินเย่หรี่ตาลงขณะที่พุ่งตามไป “พวกเขายังไม่ได้ตัดสินใจว่าใครจะได้วิญญาณของเขาไปใช่ไหม?”

“พวกมันจะมีเวลาไปพูดคุยเรื่องหยุมหยิมแบบนั้นได้อย่างไร?” อาร์ทิสเอ่ยตอบเสียงเรียบ “แต่ข้าสามารถยืนยันได้ว่าพวกมันจะต้องไม่สามารถสงบใจได้จนกว่าพวกมันจะไปไกลถึงมณฑลเสฉวน แล้วเจ้า…พร้อมหรือยัง?”

ขณะที่พูด เงาดำที่พุ่งออกจากสำนักฝึกตนแห่งแรกไปไกลแล้ว และกำลังพุ่งหน้าไปที่ขอบเมืองเป่าอัน ฉินเย่หันกลับไปมองยังใจกลางเมืองซึ่งมีรูปปั้นที่แตกหักกำลังค่อย ๆ ลอยตัวขึ้นจากพื้น และแสงสีขาวที่มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถมองเห็นได้ก็สว่างวาบไปทั่ว!

เส้นตรวจจับตัวตนเหนือธรรมชาติถูกเปิดใช้งานแล้ว

“ท่านคิดว่าข้าจะสามารถสังหารพวกเขาได้หรือไม่?” เขาเคาะนิ้วเบา ๆ ไปตามโครงไม้ขณะเอ่ยถาม “มันคงรู้สึกเหมือนกับถูกตบหน้า หากพวกเขาสามารถข้ามขอบเมืองไปได้…”

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาก็คือว่าที่จ้าวนรกองค์ต่อไป เขาจะยอมปล่อยให้ศัตรูเข้าออกในอาณาเขตของเขาตามใจชอบได้อย่างไร? นั่นจะไม่เทียบกับการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขาอย่างรุนแรงเลยหรือ?

“ไม่มีทาง” อาร์ทิสตอบเสียงเย็น “นั่นคือยมทูตขั้นนักล่าวิญญาณห้าตน แม้ว่าพวกเขาจะบาดเจ็บสาหัส แต่พวกเขาก็ยังมีวัตถุหยินอยู่กับตัว เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมัน แต่….หากเจ้าสามารถฆ่ามันได้ จำนวนแต้มกุศลที่เจ้าจะได้รับจะทำให้เจ้าได้เลื่อนเป็นขั้นยมทูตขาวดำได้! และเมื่อเวลานั้นมาถึง…ข้าก็พอจะสอนบางแขนงของศาสตร์แห่งนรกให้กับเจ้าได้”

“ศาสตร์แห่งนรกสายหลักยังจำเป็นต้องรอจนกว่ายมโลกแห่งใหม่จะขยายขนาดถึงระดับหนึ่งเสียก่อน จึงจะสามารถรองรับรากฐานของกฎและข้อบังคับได้”

ทั้งสองเดินเล่นและพูดคุยกันอย่างไม่รีบร้อน

ในขณะที่ยมทูตนอกอาณาเขตทั้งห้าที่รอดชีวิตเริ่มรู้สึกห่างไกลจากอันตราย การไล่ล่าที่แท้จริงถึงจะเริ่มขึ้น

“ถ้าเช่นนั้น…” ฉินเย่พยักหน้า “เรา…มาเริ่มกันเลยเถอะ”

ทันทีที่เอ่ยออกมา พลังหยินที่น่าสะพรึงกลัวก็หลั่งไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของเขา

แข็งแกร่ง…แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ! มันแทบจะเหมือนกับตอนที่เขาเผชิญหน้ากับยายเมิ่งและได้เห็นยมโลกแห่งเก่าที่ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังหยินไม่มีผิด และแม้ว่าแหล่งพลังหยินจะเข้าควบคุมร่างของเขา ร่างกายของเขาก็ไม่ได้ต่อต้านมันเลยสักนิด

ห้านาทีผ่านไป…สิบนาทีผ่านไป…จากนั้นเมื่อผ่านไปทั้งสิ้น 15 นาที ฉินเย่ก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง

เขายังคงมีรูปลักษณ์ดังเดิม แต่นิสัยของเขากลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยการขยับมือเบา ๆ กระบี่ปีศาจลอยเข้ามาอยู่ในมือของเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เห็นว่าร่างของฉินเย่ดัดนิ้วของตนเองเบา ๆ มุมปากยกยิ้มบาง “ไม่ต้องห่วง ในคืนนี้จะไม่มีพวกเจ้าตนใดสามารถออกไปจากเมืองเป่าอันได้ทั้งนั้น”

“ผู้ที่กระทำผิดจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต คืนนี้…ข้าจะทำให้พวกเจ้าได้เห็นว่ายมทูตที่แท้จริงจะจัดการสิ่งน่ารังเกียจอย่างพวกเจ้าอย่างไรเอง”

[1]螳螂捕蝉 (黄雀在后) ตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง ใช้เพื่อเปรียบเปรยถึงผู้ที่ไร้วิสัยทัศน์ มักเล็งผลระยะสั้นโดยไม่ระวังว่าจะมีผลร้ายในระยะยาวรออยู่ นอกจากนี้ยังใช้กระทบกระเทียบกับผู้ที่เอาแต่จ้องจะคิดบัญชีกับผู้อื่น โดยลืมไปว่าตนเองก็อาจจะกำลังถูกผู้อื่นจ้องจะคิดบัญชีเช่นกัน

[2] 死神 (Shinigami) คำเรียกยมทูตของญี่ปุ่น

[3] เทพแห่งความตายของกรีก

Related

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

Status: Ongoing
ฉินเย่เด็กหนุ่มมัธยมปลายที่ไม่มีวันแก่ เพราะกิน “เห็ดเทียนสุ่ย” เข้าไปทำให้มีชีวิตอยู่ระหว่างสองโลก เป้าหมายในชีวิตของเขาเพียงต้องการมีชีวิตเล่นเกมอยู่ไปวัน ๆ เท่านั้น แต่ดูเหมือนนรกจะไม่ได้ยินเสียงเรียกร้องของเขา เมื่อนรกถึงกาลอวสาน ผีร้ายออกอาละวาดบนโลกมนุษย์ ทำให้ฉินเย่ที่เป็นยมทูตคนสุดท้ายต้องรับหน้าที่จ้าวนรกเพื่อพิทักษ์โลกใบนี้!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset