บทที่ 20 ความจริงที่แท้
ฉินเย่ดึงเอกสารทั้งหมดในตู้เซฟออกมา มันเต็มไปด้วยเอกสารสำคัญมากมายหลายอย่าง ทุกอย่างล้วนเกี่ยวกับสัญญาที่ไฮแอตต์เคยเข้าร่วม เมื่อเขารื้อค้นดูเอกสารเหล่านี้เรื่อย ๆ เขาก็พลันเห็นกล่องสีดำนอนอยู่ที่ก้นเซฟ
เมื่อเขาเปิดมันออก เขาก็เห็นโทรศัพท์มือถือแตกหักถูกเก็บซ่อนไว้อย่างปลอดภัยภายในกล่อง
มันเป็นโทรศัพท์รุ่นค่อนข้างเก่า ฉินเย่กดสวิตช์เปิดอย่างคล่องแคล่ว และก็พบว่ามันถูกชาร์จเต็มอย่างน่าประหลาด เป็นหลักฐานว่าโทรศัพท์เครื่องนี้ถูกใช้งานตามปกติ ทั้งยังไม่มีรหัสผ่านด้วย ฉินเย่จึงสามารถเปิดเข้าไปดูเอกสารในโฟลเดอร์ได้ในทันที
ในโฟลเดอร์…เต็มไปด้วยคลิปวิดีโอ!
“นี่มันอะไรกัน?” อาร์ทิสถามอย่างตกตะลึง
ฉินเย่เหลือบมองอัลบั้มแล้วก็ตอบกลับ “ดูเวลานี้สิ…วิดีโอทั้งหมดน่าจะเป็นวิดีโอที่ชู้รักคนนั้นอัดไว้ตั้งแต่ตอนที่เธอเริ่มเดทกับหวังเจ๋อหมิน”
เธอมีหลักฐานวิดีโออยู่นี่เอง! แต่ทำไมเธอไม่โพสต์ของพวกนี้ลงในเว็บตอนนั้นล่ะ?
เขาเปิดพวกมันและเริ่มคัดกรองวิดีโอ เนื้อหาในคลิปดูธรรมดามาก มันเริ่มจากคลิปแสดงให้เห็นตัวจริงของชู้รักคนนั้น แม้คลิปพวกนี้เขาจะเคยเห็นมาครั้งหนึ่งตั้งแต่ห้าปีที่แล้ว แต่ฉินเย่ก็อดไม่ได้ที่จะยอมรับว่าเธอเป็นผู้หญิงสวยจัดคนหนึ่ง
อายุยี่สิบห้าหรือยี่สิบหกคือวัยแรกเริ่มที่ผู้หญิงจะเปลี่ยนจากเด็กสาวอ่อนเยาว์ไปเป็นผู้หญิงเต็มตัว เรือนร่างของพวกเธอจะขับเน้นจุดเด่นของสองช่วงวัยโดยธรรมชาติในระหว่างการเปลี่ยนช่วงวัยนี้ ชู้รักคนนั้นมีคิ้วเรียว ใบหน้าคมเข้ม และดวงตาโตเป็นประกาย โครงหน้าทุกส่วนล้วนเป็นลักษณะที่ชาวเน็ตบรรยายว่าเป็นโครงหน้าในอุดมคติที่สมบูรณ์แบบยากจะหาได้จากชีวิตจริง
คลิปต่าง ๆ ดูเหมือนจะถูกถ่ายอย่างลับ ๆ เป็นหลักฐานว่าคลิปทั้งหมดถูกถ่ายจากกล้องที่น่าจะถูกซ่อนเอาไว้ เพื่อป้องกันการถูกถ่ายคลิปอย่างโจ่งแจ้ง ผลที่ได้คือมีหลายครั้งที่มองไม่เห็นวัตถุในภาพ มีเพียงเสียงเท่านั้นที่ได้ยิน
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นอย่างหวานชื่น ราวกับช่วงเวลาฮันนีมูนระหว่างคู่รัก สะท้อนให้เห็นว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ทั้งคู่เพิ่งจะได้รู้จักกัน เธอยังสนุกสนานกับการถ่ายเซลฟี่ เหมือนกับที่ผู้หญิงสวยคนอื่นทำกัน ยิ่งกว่านั้นภาพเซลฟี่ที่เธอถ่ายประจำยังแสดงให้เห็นถึงไลฟ์สไตล์อันหรูหราของเธอเองอีกด้วย
“ทุกสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ใส่ล้วนแพงระยับ จุ๊ ๆ ซีอีโอหวังช่างอู้ฟู่เสียจริงว่าไหม?” ฉินเย่อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นเสียงดัง
มีคลิปเป็นยี่สิบคลิปที่ต้องคัดเลือก และไม่มีคลิปไหนที่เป็นคลิปสั้น ๆ ที่ครอบคลุมเรื่องทั้งหมดเลย ฉินเย่ดูอย่างใจเย็น แต่ยิ่งเขาดูมากขึ้น เนื้อหาของมันก็ยิ่งไม่สอดคล้องกันมากขึ้น
คลิปที่เหลือไม่ได้ยาวอีกต่อไป แต่ว่ามันเป็นคลิปที่เริ่มบันทึกเรื่องราวการทะเลาะกันมากขึ้นเรื่อย ๆ
“เมื่อไหร่คุณจะแต่งงานกับฉันสักที?!”
“ฉันเสียสละอะไรให้คุณมาเยอะแล้ว ไม่ว่าจะงานฉันก็ไม่ได้ทำ บ้านฉันก็ไม่ได้กลับ! คุณไม่รักฉันแล้วเหรอ? คุณมีคนอื่นแล้วใช่ไหม?”
เสียงผู้ชายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดอย่างรู้สึกได้ “ผมบอกคุณแล้วไงว่าเราไม่อาจเร่งรัดเรื่องพวกนี้ได้ ทำตัวดี ๆ นะโอเคไหม? ช่องว่างระหว่างอายุพวกเราเป็นเรื่องสำคัญ และมีเรื่องมากมายที่ต้องนำมาคิด เธอคงไม่อยากบ้านแตกสาแหรกขาดหรอกใช่ไหม?”
ฉินเย่มองวันเวลาของคลิป วิดีโอแรกถูกบันทึกไว้ระหว่างห้าถึงหกปีที่แล้ว และคลิปทั้งชุดก็กินเวลาหนึ่งปีเต็ม
ทั้งคู่อยู่ด้วยกันเหมือนน้ำที่ถูกต้มบนเตาและถูกคนให้เดือดอย่างช้า ๆ เมื่อเวลาผ่านไป ชู้รักคนนั้นก็เริ่มหมดความอดทน และเรื่องราวการทะเลาะโต้เถียงก็มีแต่จะเพิ่มมากขึ้น
“คุณโกหกฉัน…คุณโกหกฉัน!! คนหลอกลวง! คุณแต่งงานแล้วใช่ไหม?! ลูกคุณตอนนี้เรียนอยู่ในโรงเรียนมัธยมไห่เฉิงแล้ว! ทำไมคุณต้องโกหกฉันด้วย?!”
“เดี๋ยวก่อน ผมอธิบายได้นะ คนที่ผมรักจริง ๆ ก็คือคุณ…มีบางอย่างที่ยากจะอธิบายในตอนนี้ แต่คุณได้โปรดเชื่อเถอะว่าความรู้สึกของผมที่มีต่อคุณเป็นเรื่องจริง ดูนี่สิ คุณคิดว่าแจ็คเก็ตหนังตัวนี้เป็นอย่างไรบ้าง? ผมจะซื้อมาให้คุณในสองสามวันนี้นะโอเคไหม? เห็นไหม ผมไม่ซื้อของให้ผู้หญิงคนอื่นแบบนี้หรอกนะ”
“ไสหัวไปซะ ไอ้คนทุเรศ!!”
เพล้ง…ในคลิปเผยให้เห็นแจกันดอกไม้สวยหรูแตกกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อยบนพื้น หวังเจ๋อหมินถึงกับหมดความอดทนและตวาดด้วยความโกรธ “คุณสงบสติอารมณ์ลงแล้วคุยกับผมก่อนได้ไหม?! คุณรออีกหน่อยไม่ได้หรือไง? เวลา…ผมต้องการเวลา!”
“ฉันไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น! ออกไป!! ฉันให้คุณทุกอย่างที่ฉันมี…แต่คุณกลับโกหกฉันมาตลอดหนึ่งปีเต็ม! ฉันจะฟ้องร้องคุณ!!”
คลิปนั้นพลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนดูราวกับว่ากล้องหล่นร่วงลงไปที่พื้นท่ามกลางการใช้กำลังกันของทั้งสองคน สิ่งเดียวที่มองเห็นต่อไปในคลิปคือขาสองคู่ที่ยืนใกล้กัน
ชั่วขณะต่อมาก็แสดงให้เห็นว่าหวังเจ๋อหมินกำลังกอดชู้รักคนนั้นไว้แน่น แววหวาดกลัวซ่อนอยู่เบื้องหลังท่าทางอ่อนโยนที่เห็นได้ชัด “อย่าพูดอย่างนั้นสิ มันหนึ่งปีแล้วนะ หากผมโกหกคุณล่ะก็ ทำไมผมถึงยังมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ?”
“ความรู้สึกของเราเป็นความรู้สึกที่มีร่วมกัน ให้เวลาผมสักหน่อยเถอะ แล้วผมจะซื้อทุกอย่างที่คุณอยากได้ในทันทีเลย แต่คุณอย่าพูดเรื่องแบบนั้นอีกจะได้ไหม?”
คลิปชุดนี้ก็ได้จบลงตรงนี้ หรือไม่ฉินเย่ก็คิดไปเอง
ต่อมา หน้าจอดำมืดก็สว่างอีกครั้งและเผยให้เห็นใบหน้าของชู้รักคนนั้นที่มีน้ำตานองหน้าและเผ้าผมยุ่งเหยิง
“เขาโกหกฉัน ฉันรู้สึกได้ ลูกของเขาโตเป็นหนุ่มแล้ว ทั้งยังเข้าเรียนมัธยมปีแล้วด้วย เขาจะหย่าจากเมียคนแรกเพื่อฉันได้อย่างไร?”
จากนั้นเองเธอก็เปลี่ยนไป ในคลิปต่อ ๆ มา เธอยังคงความสัมพันธ์กับหวังเจ๋อหมินไว้ แต่เธอเริ่มร้องขอมากขึ้น
เงิน เงิน และเงินจำนวนมากขึ้น
ฉินเย่จับใจความจากบทสนทนาของพวกเขาได้ว่าปกติแล้วหวังเจ๋อหมินจะให้เงินเธอไว้ใช้ทุกเดือนเป็นจำนวนสามหมื่นหยวน แถมยังซื้อของแบรนด์เนมมากมายให้เธออีกด้วย แต่ทุกครั้งที่เธอขู่ว่าจะฟ้องร้อง หวังเจ๋อหมินก็จะปลอบโยนและให้เงินเธอมากขึ้น ห้าหมื่นหยวน…เจ็ดหมื่นหยวน…ในที่สุดเงินเดือนก็เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนเลือดตาแทบกระเด็นถึงสองแสนหยวน
ไฮแอตต์คอร์ปไม่ใช่บริษัทใหญ่โตอยู่แล้ว แม้หวังเจ๋อหมินจะเป็นชายที่ร่ำรวยที่สุดในย่านชิงซี แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมีแหล่งรายได้ไม่จำกัด
การโต้เถียงกลายเป็นเรื่องปกติในคลิปวิดีโอหลัง ๆ
“คุณต้องการอะไรจากผม? ผมเจียดเงินให้คุณสองแสนหยวนสำหรับค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยของคุณในทุก ๆ เดือนแล้ว แต่คุณยังว่ามันไม่พออีกเหรอ?! ดี งั้นเราเลิกกัน เราน่าจะจบเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อนานมาแล้ว!”
“ฮ่าๆ…เลิกกัน? คุณหวัง คุณพูดราวกับว่ามันเป็นความสัมพันธ์เล็กน้อย ฉันอยู่ข้างกายคุณมาหนึ่งปีเต็ม แต่คุณกลับกล้าพูดว่าให้เราเลิกกันตอนนี้เหรอ? คุณยังมีความเป็นคนอยู่หรือเปล่า? คุณเชื่อได้เลยว่าเมื่อไหร่ที่ฉันเห็นคุณในศาลวันพรุ่งนี้ เราจะโพนทะนาเรื่องฉาว ๆ ของคุณในที่สาธารณะแน่ แล้วเมียกับลูกของคุณจะได้เห็นด้วยสองตาของพวกเขาเองว่าพ่อผู้เป็นที่รักของพวกเขาแท้จริงแล้วเป็นคนอย่างไร!”
“เธอ…ได้…นี่เป็นครั้งสุดท้าย ครึ่งล้าน แล้วเราจบกัน!”
ปัง! ประตูลั่นปิดเสียงดัง
มันเป็นเพียงหม้อน้ำที่เดือดอยู่บนเตา ไม่ว่าเปลวไฟจะเล็กน้อยแค่ไหน สักวันหนึ่งน้ำก็จะถึงจุดเดือดของมันอยู่ดี หลังเดือดอยู่เป็นเวลาหนึ่งปี กระแสน้ำปั่นป่วนระหว่างคู่รักนอกสมรสก็ได้มาถึงจุดเดือดในที่สุด
คลิปสุดท้าย
“คุณกล้าดียังไงที่มาเสนอหน้าที่บริษัทของผม…”
คลิปนี้น่าจะถูกบันทึกด้วยกล้องรูเข็ม แม้ภาพจะสั่นพร่าเล็กน้อย แต่ความคมชัดก็เพียงพอที่จะจับสีหน้าโกรธแค้นอย่างเห็นได้ชัดของหวังเจ๋อหมิน เป็นหลักฐานว่าชู้รักคนนั้นได้หาทางออกให้ตัวเองได้แล้ว
พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ทันทีที่เธอพบว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้ของพวกเขาจะไม่ได้จบลงอย่างมีความสุข จิตใจของเธอก็ค่อย ๆ เปลี่ยนจากการให้เป็นการรับ เธอได้สละความสาวให้เขา และเธอก็ได้แต่ถามว่าเธอได้รับอะไรเป็นการตอบแทน
ตึก…กระเป๋าถือรุ่นใหม่ล่าสุดของหลุยส์ วิตตอง ถูกวางลงบนโต๊ะ
ข้อมือทั้งสองของเธอถูกประดับประดาด้วยสร้อยข้อมือของคาร์เทียร์ เห็นชัดว่ามันเป็นรุ่นที่สวยและแพงยิ่งกว่าเส้นที่เธอเคยใส่ เล็บมือของเธอถูกจัดแต่งอย่างสวยงามและแต่งแต้มด้วยสีทาเล็บสีชมพูหวาน
กล้องรูเข็มเห็นชัดว่าถูกติดตั้งในเสื้อผ้าของชู้รักคนนั้น มันจึงไม่ได้จับภาพของเธอ เสียงของเธอดังก้อง “หนึ่งอาทิตย์ที่แล้ว ฉันโพสต์บางสิ่งบางอย่างลงบนเว็บเวยป๋อล่ะ”
มาแล้ว ตอนนี้แหละคือตอนที่น้ำเริ่มเดือดพล่าน
“ฉันไม่แนะนำให้คุณเข้าไปดูดีกว่า”
หวังเจ๋อหมินรีบเปิดคอมพิวเตอร์ของเขา วินาทีต่อมาเขาก็ลุกพรวดและตวาดผ่านฟันที่ขบแน่น “คุณมันบ้าไปแล้ว!!”
“ฉันโทรหาคุณ แต่คุณปฏิเสธที่จะรับสายฉัน คุณก็เลยเปลี่ยนเบอร์เนี่ยนะ? ไหนจะขึ้นบัญชีดำฉันในวีแชท? หวังเจ๋อหมิน คุณน่ะฉลาด แต่คุณคิดเหรอว่าฉันจะไม่สามารถทำอะไรคุณด้วยสิ่งที่ฉันมีอยู่?” ชู้รักคนนั้นยืนขึ้นและตวาดกลับด้วยเสียงที่ดังพอ ๆ กับที่เขาทำ
“ลดเสียงลงหน่อย!!” ฉินเย่สัมผัสได้ถึงความตกใจ ความโกรธแค้น และความหวาดกลัวที่ผสมปนเปกันผ่านหน้าจอ
หวังเจ๋อหมินรีบคว้ามือของเธอและกัดฟันพูดต่อ “คุณยังต้องการอะไรอีก? ผมให้คุณไปแล้วห้าแสนหยวนไม่ใช่เหรอ? แล้วคุณยังต้องการอะไรจากผมอีก?!”
“ส่วนแบ่งหุ้น”
คำตอบของชู้รักคนนั้นชัดเจนและห้วนสั้น “บริษัทของคุณไม่ได้ใหญ่ ให้ส่วนแบ่งหุ้นบริษัทคุณกับฉันสักสิบห้าเปอร์เซ็นต์แล้วเราจบเรื่องกัน”
เงียบกริบ
หัวใจของฉินเย่สงบนิ่ง ความจริงก็คือเขาไม่คิดเลยว่าสิ่งต่าง ๆ จะกลายเป็นแบบนี้ เขาจะรู้ได้อย่างไรถึงทักษะการแสดงอันเยี่ยมยอดของหวังเจ๋อหมิน?
เขาจะไปคิดได้อย่างไรว่าหวังเจ๋อหมินจะมีน้ำยาขนาดโกหกยมทูตขาวดำด้วย? ถ้าไม่ใช่เพราะเขาตื่นตระหนกในวินาทีสุดท้ายก็ไม่ยอมบอกรหัสเซฟออกมาแน่ และความจริงก็คงจะถูกฝังไปพร้อม ๆ กับตู้เซฟนี้
แต่ว่าทุกอย่างทุกการกระทำได้ผ่านไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงดูเรื่องราวความสัมพันธ์ของพวกเขาต่อราวกับว่ากำลังอ่านนิยายเรื่องหนึ่ง
ผู้คนสามารถเปลี่ยนไปได้ราวกับคนละคน แม้แต่กับคนที่เคยมีความสัมพันธ์ร่วมกัน
“โลภมากไม่น้อยเลยนะ” ฉินเย่เปรยเสียงดัง
“เห็นชัดว่าเธอหวังจะรักษาฐานะทางการเงินในระยะยาว หวังเจ๋อหมินจึงได้กลายเป็นแหล่งเงินทุนส่วนตัวของเธอ เธอไม่ทำอะไรเลย แต่กลับได้รับเงินเป็นกอบเป็นกำ เป็นความฝันของสาวน้อยทุกคนเลยสินะ ไม่มีทางที่หวังเจ๋อหมินจะเห็นด้วยกับเรื่องนี้แน่ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงแว้งกัดกลับได้โหดร้ายแบบนั้น”
“ไร้สาระ!!” อย่างที่ฉินเย่คิด วิดีโอได้แสดงภาพของหวังเจ๋อหมินทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ของเขาตามเดิมและหัวเราะในลำคออย่างขมขื่น “เราอยู่ด้วยกันมาหนึ่งปีเต็ม แล้วผมก็ให้คุณไปมากเกินพอแล้ว เรื่องส่วนแบ่งหุ้นปัดตกไปได้เลย”
หลังเงียบไปครู่หนึ่ง ชู้รักคนนั้นก็หย่อนระเบิดใส่ “ฉันท้องลูกของคุณ”
“เป็นไปไม่ได้!”
“ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้” มือของเธอเหยียดเข้ามาในหน้าจอและยกถ้วยกาแฟตรงหน้าขึ้น “อย่ากังวลไปเลยค่ะ ฉันจะไม่โพนทะนาเรื่องนี้เพราะเห็นแก่ลูกของเรา อย่างน้อยที่สุด ลูกของเราก็ยังต้องมีหน้ามีตาในสังคมอยู่”
“ออกไปให้พ้นหน้าฉัน” หวังเจ๋อหมินเอ่ยเสียงเย็น
“คุณมันโหดร้าย แต่ฉันก็ไม่ใช่สัตว์กินพืชเหมือนกัน คอยดูให้ดีเถอะค่ะ” ชู้รักคนนั้นยืนขึ้นในที่สุดและเดินจากไป สีหน้าล่าสุดบนใบหน้าของหวังเจ๋อหมินดูราวกับสีหน้าของคนที่เห็นความตายอยู่ตรงหน้า
คลิปสุดท้าย
มันไม่ได้เผยหน้าตาของเธอ สิ่งเดียวที่เห็นคือมือทั้งสองข้างของเธอกำลังพิมพ์อย่างบ้าคลั่งขณะตอบคอมเมนต์ในเว็บ ฉินเย่เหลือบมองวันเวลาในคลิป…มันถูกบันทึกไว้หนึ่งเดือนกว่าหลังจากนั้น
กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันก็คือเวลาหลังจากที่ผลตัดสินในชั้นศาลถูกส่งไปทั่ว
เธอไร้เดียงสาเกินไปมาก หัวใจมนุษย์ซับซ้อนและคาดเดาไม่ได้มากกว่าที่เธอคิด หากคนคนนั้นไม่สามารถรับมือกับอันตรายจากการเล่นกับไฟได้ มันก็เป็นเรื่องฉลาดที่จะไม่พาตัวเองไปเล่นกับไฟตั้งแต่คราวแรก
หวังเจ๋อหมินรู้ดีอยู่เสมอว่าขีดความอดทนของเขาอยู่ตรงไหน สิ่งใดที่เขาประนีประนอมได้ และสิ่งไหนที่ไม่ควรต่อรองด้วย เมื่อใดที่ถูกล้ำเส้น เขาก็จะส่งสัญญาณเตือนมากกว่าที่จะประนีประนอมอีก แต่ในจุดนี้เขาตัดสินใจที่จะเอาตัวออกจากเรื่องนี้อย่างขาวสะอาดแล้ว ต่อให้มันต้องจ่ายด้วยราคาแพงลิ่วก็ตาม
ท่าทีอ่อนแออย่างเห็นได้ชัดเจนซ้ำ ๆ ของเขาทำให้ชู้รักคนนั้นเข้าใจผิดว่าเธอสามารถควบคุมหวังเจ๋อหมินให้อยู่ในความต้องการและความฝันของเธอได้เรื่อย ๆ แต่โชคร้ายที่เธอจับหวังเจ๋อหมินได้ไม่แน่นอย่างที่คิดไว้ ทั้งสองห่างชั้นกันมากเกินไปในเรื่องของสถานะสังคมมาตั้งแต่แรก
“เป็น…เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?”
สุดสายตาที่จะมองเห็นชัด เธอกำลังรัวแป้นพิมพ์อย่างบ้าคลั่งด้วยมือทั้งสองอย่างสุดกำลังหวังจะอธิบายบางสิ่งในฟอรัม “มันไม่ใช่…มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ!”
โทรศัพท์ของเธอสั่นรัวต่อเนื่องไม่หยุดหย่อนจากข้อความแจ้งเตือน หวังเจ๋อหมินโหดร้ายมากกว่าที่เธอคิดไว้ คำตัดสินของชั้นศาลไม่เพียงถูกโพสต์ลงในบัญชีเว่ยป๋อของเธอ แต่มันยังส่งไปที่บ้านเกิดของเธอซึ่งพ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ด้วย!
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ทันทีที่กดรับสาย เสียงชายชราก็แผดลั่น ชายชรากำลังอยู่ในอาการตกใจและเดือดจัดด้วยเพลิงโทสะอย่างเห็นชัด “แก…แกกลับมาที่บ้านเดี๋ยวนี้!!”
“ป๊า…ฟังหนูก่อน…”
“แกยังมีหน้ามาเถียงกับฉันอีกเหรอ?! แกทำอะไรลงไป?! คำตัดสินถูกแปะไปทั่วทั้งหมู่บ้านเราแล้ว! แก…แกรู้ไหมว่าเรื่องพวกนี้มันน่าอับอายขนาดไหน? ต่อให้แกชินชากับเรื่องพวกนี้ไปแล้ว เราก็ยังเห็นว่ามันน่าอับอายเหลือแสนอยู่ดี! แก….ก…แก…แกทำแบบนี้ได้ยังไง?! แล้วป๊ากับม้าจะสู้หน้าใครเขาได้อีก?!”
เสียงร่ำไห้ของสตรีอีกคนดังประสานกับเสียงของชายชรา “โอ้ลูกแม่ หนูทำอะไรลงไป? หนู…หนูไปทำลายชีวิตครอบครัวคนอื่นแบบนั้นได้ยังไง?! สวรรค์จะลงโทษหนูด้วยการทำให้หนูโดนฟ้าผ่าตาย!”
“เราสองคนก็แก่ชราลงเรื่อย ๆ ตอนนี้เราก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้อีกแล้ว! หนูบอกว่าจะไปตงไห่เพื่อไปหางาน แต่…แต่มันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง?! โอ้สวรรค์! ฮึกกก…ฮึก ๆๆ…”
“หนูคิดถึงพวกเราบ้างไหมตอนที่ทำความผิดน่าอับอายขายหน้าพวกนี้น่ะ หา?!”
หลังวางสายลง ชู้รักคนนั้นก็สะอื้นร่ำไห้ ก่อนจะปล่อยโฮอย่างปวดร้าวหัวใจ
เธอเสียใจเรื่องอะไร? เสียใจที่เริ่มชีวิตกับผู้ชายที่เพิ่งพบเจอ? เสียใจที่เธอไม่น่าใจร้อนเกินไป? หรืออาจเป็นเพราะเสียใจที่ปล่อยให้ตัวเธอเองถลำลึกลงไปในความสัมพันธ์นี้?
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหน ก็ไม่มีใครรู้ทั้งนั้น