บทที่ 241: ศัตรูของพระพุทธ
“เจ้าของคนปัจจุบันของมิตซูบิชิคอร์ปอเรชั่น” จากนั้น ราวกับนึกบางอย่างขึ้นได้ เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้ ๆ ฉินเย่และแย้มยิ้มบาง “หรือว่าคุณฉินเองก็สนใจถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีเช่นกัน ? ผมเข้าร่วมงานประมูลในครั้งนี้ในฐานะของผู้ชมเพียงเท่านั้น น่าเสียดายที่เทียนเซี่ยกรุ๊ปไม่ได้อยู่ในจุดที่สามารถจ่ายเงินหลายพันล้านเพื่อของโบราณพวกนี้ได้ มันมีเพียงแค่มิตซูบิชิคอร์ปอเรชั่น หนึ่งในผู้ประกอบการที่ใหญ่ที่สุดในโลกเท่านั้นสามารถทำได้ มีเพียงไม่กี่คนที่จะยอมเสียเงินจำนวนมหาศาลนั่นโดยไม่รู้สึกอะไรเลย”
ไม่ใช่…
ฉินเย่สูดหายใจเข้าลึก ๆ และลุกขึ้นยืนพร้อมกับแย้มยิ้มสุภาพ “ขอโทษนะครับ พอดีผมมีธุระด่วนที่จะต้องไปจัดการ เพราะฉะนั้นผมคงต้องขอตัวก่อน”
ขณะที่เดินออกมาจากโถงงานเลี้ยง สายตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
เขาคิดผิด… สมมติฐานทั้งหมดของเขาอยู่ผิดที่ผิดทาง องเมียวจิไม่ได้โง่ พวกเขาอยู่ที่นี่แน่นอน หากเขาระบุตำแหน่งของอีกฝ่ายไม่ได้ และมันไม่มีรายชื่อของพวกเขาอยู่ในข้อมูลที่ได้มา เช่นนั้นมันก็หมายความว่าพวกเขาขึ้นมาบนเรือพร้อมกับมิตซูบิชิคอร์ปอเรชั่น โรงประมูลเจียเต๋ออาจจะมีอิทธิพล แต่มันไม่มีทางเลยที่พวกเขาจะสามารถบังคับให้ทางมิตซูบิชิส่งข้อมูลส่วนตัวของตนมาให้โดยที่อีกฝ่ายไม่ยินยอม
“เราไม่จำเป็นต้องมองหาพวกเขาอีกต่อไป…”
เขารีบกลับไปที่ห้อง ถอดสูทออกและเอ่ยว่า “ท่านหมิง”
“ระบุตำแหน่งของหัวหน้าใหญ่ชู ! จับตาดูเขาอย่างให้คลาดสายตา !”
หมิงชีหยินรีบลอยออกมาจากเสื้อของเด็กหนุ่ม โดยไม่เอ่ยอะไร มันรีบส่องแสงออกมา กระจกส่องกรรมเป็นวัตถุหยินที่ไม่ต่างอะไรกับดวงตาเทพเจ้า ภาพมากมายปรากฏขึ้นบนผิวกระจกจนกระทั่งมันหยุดลงที่ภาพซึ่งเผยให้เห็นใบหน้าของหัวหน้าใหญ่ชู
ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในโถงใหญ่
ตำแหน่งของเขาดูแปลกตา สภาพแวดล้อมของเขาขาวโพลน สันนิษฐานว่าน่าเป็นหนึ่งในห้องโดยสารภายในเรือสำราญ กล่องมากมายหลายขนาดถูกจัดอย่างเป็นระเบียบภายในห้องนั้น ทุกชิ้นถูกรักษาโดยระบบการรักษาความปลอดภัยที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นการจดลายนิ้วมือหรือม่านตา รวมไปถึงการตั้งรหัสผ่านแบบสามชั้นด้วยเช่นกัน
กล่องพวกนี้ไม่ได้ถูกวางซ้อนกันเหมือนอย่างที่เห็นในตู้สินค้าทั่วไป พวกมันมีพื้นที่ของตนเอง และยังมีหมายเลขระบุเอาไว้ด้วยซ้ำ ของทั้งหมดภายในห้องนี้จะต้องเป็นสินค้าที่จะถูกใช้ในงานประมูลอย่างไม่ต้องสงสัย !
นอกเหนือจากหัวหน้าใหญ่ชู มันยังมีผู้ฝึกตนขั้นนักล่าวิญญาณคนอื่น ๆ อยู่ด้วย และยังขั้นยมเทพอีกหลายสิบคน พวกเขาต่างยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องเก็บสินค้าอย่างอดทนราวกับรูปปั้นหิน ตลอดจนทหารรับจ้างอีกจำนวนหนึ่ง
ยิ่งกว่านั้น มันยังมีกล้องวงจรปิดจำนวนนับไม่ถ้วนที่หันไปทุกมุมของห้อง แสดงภาพบนหน้าจอมอนิเตอร์อยู่ตลอดเวลา จนสามารถพูดได้เลยว่าเป็นห้องเก็บสินค้าได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา แม้แต่ศัตรูขั้นนักล่าวิญญาณที่บุกรุกเข้ามาที่นี่ก็ไม่สามารถรอดชีวิตได้
ทว่าน่าเสียดาย… ฝ่ายที่พวกเขากำลังเผชิญหน้าด้วยนั้นอยู่ขั้นยมทูตขาวดำ !
ขั้นยมทูตขาวดำนั้นเปรียบได้กับกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของมณฑล ดังนั้นระบบความปลอดภัยพวกนี้จึงไม่เพียงพอเป็นอย่างมากในสายตาของฉินเย่ เพราะอย่างไรแล้ว แค่เขาคนเดียวก็สามารถทำลายทุกอย่างลงได้ในเวลาไม่ถึงห้านาที
และนี่ยังไม่ได้พูดถึงข้อเท็จจริงที่ว่าเขาไม่ใช่แค่ขั้นยมทูตขาวดำเป็นคนเดียวที่ต้องการแย่งถ้วยในครั้งนี้
ทันใดนั้นเอง ชายสวมแว่นก็เดินเข้ามาให้เห็นในภาพและโค้งคำนับอย่างเคารพ “先生、茂家主と岩崎主はあと一rで着きます。浃筏皮坤丹ぁ!”
“เขาพูดว่าอะไร ?” หมิงชีหยินถาม
ดวงตาของฉินเย่เป็นประกายขึ้น “หัวหน้าตระกูลคาโม่ คาโม่ ทาดายูกิ และคุณอิวาซากิจะมาถึงในอีกหนึ่งชั่วโมง กรุณาเตรียมการทุกอย่างให้พร้อม”
“เช่นนี้เอง !” หมิงชีหยินเข้าใจในทันที “พวกเขาต้องใช้สามลายนิ้วมือและสามม่านตาในการเปิดกล่อง หรือพูดอีกอย่างก็คือคนของโคม่าและประธานคนปัจจุบันของมิตซูบิชิที่ชื่ออิวาซากินคนนั้นต่างอยู่บนเรือสำราญเช่นกัน !”
ฉินเย่เหลือบมองโทรศัพท์ของตนเอง ตอนนี้เป็นเวลา 02.30 น.
อีกนัยหนึ่งก็คือ พวกเขาจะทำการตรวจสอบสินค้ารอบสุดท้ายทันทีที่เรือสำราญออกเดินทาง
“นั่นเป็นเวลาที่ไม่เลวเลย เมื่อเรือเริ่มออกเดินทาง ผู้คนส่วนใหญ่ก็จะกลับไปพักที่ห้องของตัวเอง หากมองในแง่ของความปลอดภัยแล้วมันก็คงไม่มีเวลาไหนที่ดีกว่านี้ แต่….” เขาสูดหายใจเข้าช้าๆและล้มตัวลงนอนบนเตียง “เราไม่ใช่ขั้นยมทูตขาวดำเพียงคนเดียวที่วางแผนจะลงมือ…”
“คุณกับกลุ่มเด็กน้อยของคุณจะสามารถทำอะไรได้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับนินจาลับแห่งคามากุระ ? นี่ยังไม่รวมถึงหัวหน้าคนปัจจุบันแห่งตระกูลคาโม่ ผู้ที่วางเแผ่นจะให้คนของตนขโมยถ้วยไปต่อหน้าต่อตาของเขาเองอีก…”
…………
ภายในห้อง A403
ห้อง ๆ นี้หรูหรากว่าห้องที่ฉินเย่ได้รับเป็นอย่างมาก ภาพอูกิโยะถูกแขวนตกแต่งอยู่บนผนัง เสือทาทามิถูกปูไว้บนพื้นในขณะที่กระถางบอนไซที่ได้รับการตกแต่งอย่างงดงามถูกวางอยู่ทุกมุมของห้อง
ณ จุดกึ่งกลางของห้องมีโต๊ะน้ำชาที่สวยงามตัวหนึ่งตั้งอยู่ คาโม่ ทาดายูกิ ผู้ที่เคยบังเอิญเจอฉินเย่ แต่งกายด้วยชุดยูกาตะของเขา รินน้ำชาลงในถ้วยด้วยท่วงท่าที่งามสง่า
น้ำชาสีใสถูกรินใส่ถ้วย ทำให้ไอน้ำกระเซ็นออกมาราวกับน้ำตกขนาดเล็ก ขณะที่เขากำลังจะดื่มมัน นกนางแอ่นตัวหนึ่งก็บินเข้ามาในห้องผ่านทางหน้าต่าง ทันทีที่มันเข้ามา พลังสีดำขาวก็แพร่กระจายออกมาจากร่างและมันก็กลายร่างกลับเป็นนกกระดาษ ตกลงสู่ฝ่ามือของเขาตามเดิม
ชิกิงามิ [1]
ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละแห่งล้วนมีความเชี่ยวชาญพิเศษเป็นของตน และชิกิงามิก็คือความเชี่ยวชาญพิเศษขององเมียวจิ
ทาดายูกิคลี่นกกระดาษออกและผิวของกระดาษก็เปลี่ยนเป็นผิวที่ไม่ต่างอะไรกับกระจกทองแดง เผยให้เห็นภาพของหัวหน้าใหญ่ชูและสภาพแวดล้อมของเขา น่าเสียดายที่ความชัดเจนของภาพนั้นด้อยกว่าภาพที่ปรากฏบนกระจกหมิงชีหยินมาก
“อย่างนี้นี่เอง…” ครู่ต่อมา เขากำมือแน่นและนกกระดาษก็กลายเป็นผุยผง จากนั้นจึงสูดหายใจเข้าช้า ๆ ลุกขึ้นยืนและมองไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนที่อยู่ห่างออกไปพร้อมกับพึมพำกับตัวเอง “เจ้าโง่ไซโซนั่นปรากฏตัวขึ้นตอนที่ถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีถูกขุดขึ้นมาเป็นครั้งแรก แต่เขากลับไม่รู้ถึงคุณค่าและธรรมชาติของมัน แถมยังปล่อยให้โรงประมูลเจียเต๋อนำมันกลับมาด้วยเพียงเพราะเงินไม่กี่ร้อยล้าน แม้กระทั่งตอนนี้ พวกเราก็ทำได้เพียงรักษาสิทธิ์การมีส่วนร่วมในงานประมูลโดยใช้สัญญาที่ได้ทำไว้ระหว่างโครงการขุดค้น ไม่เช่นนั้นพวกเราจะมาทำเรื่องวุ่นวายแบบนี้ไปทำไม ?!”
เขากัดฟันกรอด “ดวงวิญญาณของราชาปีศาจแห่งสวรรค์ชั้นที่ 6 จะไม่ทีทางได้กลับไปที่ญี่ปุ่น หากเราไม่มีเงิน พวกเราก็คงไม่มีทางอื่นนอกจากแย่งมันมาด้วยกำลัง ! โดจินซัง จินโกะซัง !”
“ครับ” “ครับ” เสียงสองเสียงดังขึ้น หากคนอื่น ๆ อยู่ที่นี่พวกเขาคงจะประหลาดใจเป็นอย่างมาก
เห็นได้ชัดว่าชายทั้งสองมีตัวตนอยู่ที่นั่น แต่มันแทบจะเหมือนกับว่าการมีอยู่ของพวกเขาเจือจางมาก หากไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาพูดออกมา ตัวตนของพวกเขาก็คงจะไม่ต่างอะไรไปกับรูปปั้นดินเหนียวสองตัว
นอกจากนี้ พวกเขาคือพระ
พวกเขาแต่งกายด้วยชุดของพระญี่ปุ่นดั้งเดิม สวมหมวกและถือไม้ขักขระของลัทธิเซน ระลอกคลื่นปรากฏขึ้นรอบ ๆ ทุกครั้งที่พวกเขาหายใจ
ขั้นยมทูตขาวดำ !
และพวกเขาก็ไม่ใช่ขั้นยมทูตขาวดำระดับต้น !
“ดวงวิญญาณของโอดะโนบูนางะ คุณ ผู้มาจากเขาโคยะ คงจะไม่ปล่อยให้เขาหลุดมือไปใช่หรือไม่ ?” ทาดายูกิหันไปมองชายทั้งสอง
“แน่นอนว่าไม่” เสียงแหบพร่าของโดจินซังเจือไปด้วยความเกลียดชัง “ภูเขาโคยะและภูเขาฮิเออิคือที่ตั้งของวัดพุทธตันตระที่ใหญ่ที่สุดทั้งสองแห่ง ฐานที่มั่นของพระนักรบผู้แข็งแกร่งในยุคสงครามกลางเมืองของญี่ปุ่น ไม่มีวิญญาณตนใดกล้าต่อต้านเราและเป็นศัตรูกับเหล่าเทพ เว้นแต่ชายผู้นี้… โอดะ โนบูนางะ !”
“ชูธงของการรวมเป็นหนึ่ง มุ่งหน้ามาหาเรา บอกว่าตนไม่ได้เลือกปฏิบัติกับผู้ใด ไม่แยกเหนือแยกใต้ หรือแยกตะวันออกและตะวันตก จากนั้นเขาก็ทำการสังหารกว่า 3,000 ชีวิตโดยไม่สนใจว่าจะเป็นผู้อ่อนแอ ผู้หญิง หรือแม้กระทั่งเด็ก ! ‘ศัตรูของพระพุทธ’ และ ‘ราชาปีศาจแห่งสวรรค์ชั้นที่ 6’ ถูกสร้างขึ้นจากเลือดเนื้อของคนของเรา ไม่คิดเลย หลังจากผ่านไปกว่า 400 ปี พวกเราจะได้มีโอกาสมาเผชิญหน้ากับศัตรูของพระพุทธผู้นี้อีกครั้ง”
น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาของจินโกะซังเองก็เจือไปด้วยความเกลียดชังที่ไม่แพ้กัน “ผู้ใดที่ช่วยเหลือปีศาจตนนั้นและขวางทางเราจะต้องตาย ! โอดะโนบูนางะคือเพชฌฆาตของพุทธตันตระ และอีกไม่นาน เขาก็จะได้ชดใช้กับบาปที่ตนได้กระทำลงไป ขอบคุณที่คุณเปิดเผยเรื่องนี้ให้เราทราบและเชิญเรามา พระพุทธเจ้าทรงเมตตาเรา ดังนั้น…”
เขาเชิดหน้าขึ้นและมองไปยังทางเข้าของห้อง “สาวกผู้นี้จะขอแสดงความขอบคุณโดยการกำจัดหนึ่งในคู่ต่อสู้ของเรา”
มือของเขาเริ่มขยับขณะที่เขาพูด พวกมันดูเหมือนจะช้า แต่แท้จริงแล้วกลับเร็วเป็นอย่างมาก ห่วงบนไม้ขักขระของเขาเริ่มแกว่งไปมาเล็กน้อย จากนั้นมันก็เริ่มส่งเสียงกริ๊ง ๆ ออกมา
“วิชาลับ ฟีนิกซ์อันธการ” ทันทีที่เขาเอ่ยจบ แสงสีทองก็ส่องสว่างขึ้นภายใต้เท้าของเขา ตัวอักษรภาษาสันสกฤตมากมายซึ่งแปลงร่างเป็นอสูรและพุ่งไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว !
ทว่ามันกลับสลายหายไปราวกับหินในมหาสมุทร และมันก็ไม่มีเสียงอะไรดังขึ้นเลยสักนิด
“หืม ?” โดจินซังและจินโกะซังลุกขึ้นยืนแทบจะพร้อมกันและจ้องไปที่ประตูด้วยความประหลาดใจ ทาดายูกิแน่นิ่งไปขณะที่ถามว่า “เมื่อครู่นี้… มีคนอยู่ตรงนั้นหรือ ?”
โดยไร้ซึ่งการตอบรับ โดจินซังรีบวิ่งไปที่ทางเข้าและทาบมือกับบานประตู ทันใดนั้น จุดดังกล่าวก็กระเพื่อมเล็กน้อยและเผยให้เห็นร่างเงาของคน ๆ หนึ่งบนพื้นผิวของบานประตู
นี่ไม่ใช่เงาของมนุษย์
พวกเขาสามารถบอกได้ว่าร่างดังกล่าวสวมชุดรัดรูปสีดำ พลังหยินรั่วไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดและทุกรูขุมขนของร่างกาย
นอกจากนี้ ร่างดังกล่าวยังไม่มีเครื่องหน้าตามปกติอย่างที่มนุษย์ควรจะมี แต่มันกลับมีรอยแผลลึกอยู่บนอกในจุดที่ควรจะเป็นตำแหน่งของหัวใจ และดวงตาสีแดงก่ำก็มองออกมาจากส่วนลึกของรอยแผลนี้
“วิญญาณร้าย ?” ทาดายูกิอ้าปากค้างและยกมือขึ้นกลางอากาศ ทันใดนั้น นกกระดาษจำนวนมากก็พุ่งออกมาจากแขนชุดยูกาตะของเขา บินออกไปนอกหน้าต่างและกระจัดกระจายไปทุกทิศทางในท้องฟ้าอย่างค่ำคืน
“ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้มีแค่เราที่มีแผนลงมือในคืนนี้…” โดจินซังพึมพำ “โรงประมูลเจียเต๋อจะต้องทำการตรวจสอบสินค้าครั้งสุดท้ายในคืนนี้อย่างแน่นอน เพราะอย่างไรแล้วพวกเขาก็คงไม่สามารถวกกลับมาได้หากพบว่าตนเองพลาดอะไรไปหลังจากที่ออกเรือแล้ว ตัวตนลึกลับนี่… คิดที่จะใช้จุดนี้ในการขโมยถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีไป !”
“คุณคาโม่” จินโกะซังเอ่ยเสียงต่ำ “ในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อจากนี้… ทั้งหมดขึ้นอยู่กับท่าน”
“หาทางให้เราลอบเข้าไปในห้องเก็บสินค้าของโรงประมูลเจียเต๋อ จากนั้นทั้งหมดที่คุณต้องทำก็คือเปิดกล่อง ส่วนที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเรา”
ประตูเข้าสู่ห้อง A403 ไม่ได้ถูกเปิดออกเลยสักนิด
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอกหลังจากนั้นเลยสักนิด ประมาณสิบนาทีต่อมา ไฟบริเวณทางเดินด้านนอกเริ่มกระพริบ จากนั้นกลุ่มก้องพลังหยินจำนวนมหาศาลก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางเสียงร้องคร่ำครวญอย่างน่าสยดสยอง ก่อนจะหมุนวนเป็นกระแสน้ำวนพลังหยินขนาดใหญ่กลางอากาศ
เพียงไม่นาน ร่างที่สวมชุดนินจาก็ก้าวออกมา ร่างของเขาดูเหมือนกับประกอบด้วยก๊าซทั้งหมด ทุกการเคลื่อนไหวของเขา พลังหยินจำนวนหนึ่งจะรั่วไหลออกมาจากร่าง
“ขั้นยมทูตขาวดำสองคนหรือ… หึหึ…” เขาเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่แหบพร่าก่อนจะทาบมือลงกับบานประตู “แต่… แล้วอย่างไร ?”
“มีเพียงยมทูตเท่านั้นที่สามารถสังหารยมทูตได้”
“ดูเหมือนว่าโชคของเราไม่ค่อยดีนัก สการ์เล็ต 17 ถูกสังหารโดยยมทูตของจีน ในขณะที่ข้าบังเอิญมาพบกับพวกองเมียวจิตั้งแต่ครั้งแรกที่ตั้งใจจะหาร่างสิงสู่ แต่ถึงกระนั้น…”
ดวงตาสีแดงวาวขึ้นบริเวณอก “ต่อให้วันนี้เราทำไม่สำเร็จ มันก็ยังมีช่องแคบสึชิมะ สถานที่ซึ่งท่านอะซะอิ นะงะมะซะได้รอการกลับมาของโอดะโนบูนางะอยู่ก่อนแล้ว ใช่แล้ว เขารอมาตลอด 400 ปีเพื่อวินาทีนี้…หึหึ…”
“จะไม่มีผู้ใดมีชีวิตรอดออกมาจากช่องแคบสึชิมะเด็ดขาด !”
เมื่อเอ่ยจบ เขาก็หายตัวไปจากหน้าประตูของห้อง A403 อย่างไรก็ตาม ขั้นยมทูตขาวดำทั้งสองจากภูเขาโคยะกลับไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของเขาเลยสักนิด
ดวงตาสีแดงก่ำมองไปยังโถงทางเดินที่ว่างเปล่า “อีกหนึ่งชั่วโมงอย่างนั้นหรือ ? เอาล่ะ เรามาดูกันว่าใครจะเป็นผู้ที่โชคร้ายที่ถูกข้าเลือก…”
…………
ทาคุมะ อะซากุระเคี้ยวหมากฝรั่งด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
เขาเป็นชายร่างสูง โดดเด่นจากคนญี่ปุ่นทั่วไปที่มักจะตัวเล็กกว่ามาก นอกจากนี้ สูทที่เขาสวมอยู่ก็ไม่ได้ปกปิดกล้ามเนื้อที่อยู่ภายใต้แต่อย่างใด เขาไม่ได้รับอนุญาตให้สูบบุหรี่ และสิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือเคี้ยวหมากฝรั่ง ชายร่างสูงรำคาญกับกฎข้อนี้เป็นอย่างมาก และยิ่งเวลาผ่านไป เขาก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น
ตอนนี้เขากำลังอยู่ในห้องขนาดประมาณ 50 ตารางฟุต ปราศจากการตกแต่งใด ๆ มีชายอีกคนหนึ่งที่ขนาดตัวพอ ๆ กันกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์บนโซฟาอย่างเบื่อหน่าย อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองมาคนตรงหน้าที่กำลังเกาแก้มเบาๆ “นายจะไปสูบในห้องน้ำก็ได้ เราจะไม่บอกคุณฟูจิวาระ แต่…”
เขาหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ “ห้องของนายท่านอยู่ข้าง ๆ นี่ หากเห็นการเคลื่อนไหวอะไร ก็ให้รีบดับบุหรี่ด้วยก็แล้วกัน”
“ขอบคุณ” ทาคุมะ อะซากุระไม่สามารถต้านทานความต้องการของตัวเองได้อีกต่อไป เขารีบเดินไปที่ห้องน้ำทันที
พื้นที่ของมันไม่ได้กว้างนั้น ด้านในมีอ่างล้างหน้า ชักโครก และห้องอาบน้ำแบบปิดขนาดเล็กซึ่งถูกสร้างด้วยกระจกฝ้า
กริ๊ก… เขากดไฟแช็กของตัวเองทันทีที่เข้ามาในห้องน้ำ พรึ่บ ! ทันใดนั้นไฟในห้องก็ดับลง !
“เวรเอ้ย !” เขาสบถออกมาเบา ๆ จากนั้น ขณะที่กำลังจะจุดบุหรี่ เขาก็รู้สึกถึงคลื่นความหวาดกลัวที่ไหลจากกระดูกสันหลังขึ้นมาที่สมอง จึงรีบดับไฟทันที
มีคน…
มีคนอื่นอยู่ในนี้ !
ก่อนหน้านี้ ทันทีที่ไฟดับและไฟแช็กของเขายังถูกจุดอยู่ หางตาของเขาเห็นร่างดำมืดร่างหนึ่งยืนอยู่ทางซ้ายมือ นอกจากนี้เขายังสามารถบอกได้ด้วยว่าศีรษะของอีกฝ่ายเอียงไปในลักษณะที่มนุษย์ไม่สามารถทำได้ และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือข้อเท็จจริงที่ว่าร่างนั้นกำลังจ้องมาที่เขาด้วยดวงตาแดงก่ำเพียงหนึ่งดวง !
[1] หนึ่งในวิชาเวทขององเมียวจิประเภทอัญเชิญ