บทที่ 252: กัปปะ
เงียบ….
โชโตะหลับตาลง เปลือกตาของเขาสั่นระริก และหัวใจของเขาก็รู้สึกเหมือนมีเลือดไหลออกมา
แม้ว่าจะขายสินทรัพย์อันมีค่าของตัวเองไปแล้วหลายชิ้น แต่เขาก็ยังไม่สามารถเอาถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีกลับคืนมาได้
มหาเศรษฐีชาวญี่ปุ่นหลายคนที่เห็นเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยกมือกุมที่ขมับของตัวเองแน่น บางคนถึงกับขมวดคิ้วยุ่ง ในขณะที่คนอื่น ๆ นวดขมับของตัวเองและถอนหายใจออกมาอย่างหมดหวัง
อยากได้เหรอ ? ไม่ ! มันเป็นเพียงความปรารถนามากกว่า อันที่จริง มันเป็นสิ่งที่พวกเขาใฝ่ฝันถึงอยู่ตลอดทุกวัน !
เมื่อตอนที่โรงประมูลเจียเต๋อประกาศถึงการประมูลของถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสี พวกเขาแทบจะไม่เชื่อสายตาของตัวเอง
พวกเขาทำทุกอย่างที่สามารถทำได้เพื่อเตรียมตัวสำหรับการประมูลในวันนี้ พวกเขาได้ยกเลิกการลงทุนและแม้กระทั่งขายของสะสมส่วนตัวของตัวเอง พวกเขามาที่งานประมูลด้วยเงินประมาณ 2 พันล้านหยวนในกระเป๋า แต่ใครจะไปคิดว่าผู้ที่สามารถประมูลไปได้จะเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่ไม่ได้เป็นคนญี่ปุ่นด้วยซ้ำ ?!
“นี่เป็นวันที่น่าเศร้าของญี่ปุ่น… ช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดายจริง ๆ!” ฟูจิโมโต้หันไปเอ่ยกับผู้ช่วยของตนที่ช่วยพยุงเขาลุกขึ้นและถอนหายใจออกมาอย่างผิดหวังขณะที่เดินออกจากห้อง
นิชิโนะ มิโอะมักจะสำรวมท่าทีของตนอยู่ตลอด แต่เวลานี้… ท่วงท่าสง่างามของเธอกลับหายไป
หญิงสูงวัยกางพัดของตนและยกมันขึ้นมาปิดใบหน้าของตัวเอง ในขณะที่ไหล่บอบบางสั่นไหวเล็กน้อย เธอ… กำลังร้องไห้ด้วยความผิดหวังอย่างมาก
นี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงญี่ปุ่นในยุคสมัยนี้ ! มันคือของที่แสดงถึงหนึ่งในจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่น ! แต่ผู้ที่ได้มันไปกลับไม่ใช่ผู้ที่มีเชื้อชาติญี่ปุ่นไหวเวียนอยู่ในสายเลือดด้วยซ้ำ ! น่าอัปยศจริง ๆ! น่าเสียดายจริง ๆ!
“ดิฉันขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ” สิบวินาทีต่อมา พร้อมกับความช่วยเหลือของผู้ช่วย เธอลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับฉินเย่อย่างจริงใจด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “โปรดดูแลรักษามันอย่างดี”
แม้ว่าจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าบทสรุปของค่ำคืนนี้จะจบลงอย่างไร แต่อิวาซากิก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างเศร้าสร้อยและมองไปที่เพดานอย่างเหม่อลอย
ความรู้สึกเสียดายนี้คงเหมือนกับความรู้สึกที่ชาวจีนรู้สึกเมื่อตราประทับหยกที่หายไปของจักรพรรดิฉินถูกประมูลไปโดยชาวต่างชาติ
มหาเศรษฐีระดับต้น ๆ ของญี่ปุ่นต่างลุกขึ้นและเดินออกไปจากโถงประมูลทีละคน ๆ พวกเขาไม่สามารถเก็บซ่อนความผิดหวังภายในจิตใจของตัวเองได้อีกต่อไป ภายในเสี้ยววินาที จำนวนของผู้เข้าร่วมงานประมูลก็ลดลงประมาณหนึ่งในสี่ของจำนวนทั้งหมด เมื่อพวกเขาจากไป และเหล่าผู้ที่ยังคงอยู่ในความตกตะลึงสามารถสงบใจลงได้ เสียงปรบมือก็ดังขึ้น
ไม่ว่าภายในใจของพวกเขาจะมีความรู้สึกมากมายเพียงใด แต่นี่ก็ยังเป็นราคาประมูลที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์การประมูลอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้ !
การชนะการประมูลด้วยเงินจำนวน 3 พันล้านนั้นเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การได้รับเสียงปรบมือ !
“โอเคครับ…” ไป๋อี้ชานสูดหายใจเข้าช้า ๆ และเอ่ยต่อ “ผู้ประมูลหมายเลข 21 ครับ คุณต้องการจะตรวจดูของเลยหรือเปล่าครับ ? หากต้องการ กรุณาเดินไปหาหัวหน้าใหญ่ชูได้เลยครับ แล้วทางเราจะมีเจ้าหน้าที่ไปช่วยคุณในเรื่องของการชำระเงิน ในระหว่างนี้ เราจะเริ่มกันประมูลสินค้าอื่น ๆ ต่อตามแผนที่วางเอาไว้ ถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีไม่ใช่สินค้าเพียงรายการเดียวที่เรานำมาให้ทุกท่านประมูลในวันนี้ครับ !”
ฉินเย่ลุกขึ้นยืนและเดินไปหาหัวหน้าใหญ่ชู ทาดายูกิและอิวาซากิเองก็ลุกขึ้นพร้อมกัน
ในที่สุดก็จบ…
หัวใจของฉินเย่รู้สึกอ่อนล้าเกินกว่าที่จะสามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ เขาเดินทางมากไกลแสนไกลเพื่อที่จะได้มีวันนี้ – จากเมืองเป่าอันไปเยียนจิง และจากนั้นก็มาที่ทะเลตะวันออก มันเกิดการเดินทางด้วยระยะทางกว่าพันไมล์ นอกจากนี้การเดินทางของเขาครั้งนี้ยังสลับกับการต่อสู้กับกองกำลังต่าง ๆ ตลอดจนหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นกับโอดะโนบูนางะ องเมียวจิ รวมถึงอะซะอิ นะงะมะซะ และในที่สุด… เขาก็สามารถได้สมบัติชิ้นนี้มาไว้ในครอบครอง !
“เรามาเปิดกล่องตรวจสอบของด้านในกันเถอะ” สมบัติของเขาเองก็อยู่ในการประมูลครั้งนี้ด้วย แต่เขาไม่มีเวลาหรือแรงมากพอที่จะสนใจมัน เพราะอย่างไรแล้วเขาก็เพิ่งใช้เงิน 3 พันล้านไปกับสมบัติเพียงชิ้นเดียว ดังนั้นของราคาไม่กี่ร้อยล้านจะทำให้เขาตื่นเต้นได้อย่าง ?
“โอเคครับ แล้วก็ขอโอกาสให้ผมได้เอ่ยขอโทษอีกครั้ง” หัวหน้าใหญ่ชูโค้งคำนับฉินเย่ “เชิญตามมาทางนี้ครับ”
………
“เฮ้ออ…” นิชิโนะอยู่ในชุดกิโมโนตัวสวย ขณะนี้เธอและผู้ช่วยทั้งสี่กำลังเดินขึ้นไปยังชั้นสามของดาดฟ้าเรือ
เธออายุได้ 72 ปีแล้ว แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่ต่างอะไรกับหญิงสาววัย 50 ที่ได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดีและสง่างามเลยสักนิด อันที่จริง เธอแต่งกายด้วยชุดนี้มาเพื่องานประมูลในวันนี้โดยเฉพาะ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ นี่คืออาวุธของเธอ !
เสื้อคลุมที่เหมาะสมกับการทวงประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นกลับคืนมา
แต่น่าเสียดายที่เสื้อคลุมของเธอไม่ได้มอบการป้องกันให้กับเธอเลยสักนิด
เธอเดินตรงไปที่โซฟาและนั่งลงอย่างเหนื่อยอ่อน จ้องมองมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ด้านนอกโดยไม่เอ่ยอะไรออกมา อารมณ์ของเธอในตอนนี้รู้สึกหดหู่ราวกับท้องฟ้าในยามราตรี สายตาของเธอเหม่อลอยออกไปยังสุดขอบฟ้า
หญิงสูงวัยพัดให้ตัวเองเบา ๆ ขณะที่ผู้ช่วยของเธอนำชามาให้
“นายหญิงครับ กรุณาอย่าเสียใจไป คู่แข่งของคุณในครั้งนี้เตรียมตัวมาดีมาก ดีเกินไป” ผู้ที่เป็นทั้งผู้ช่วยและคนคุ้มกันของเธอเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ระมัดระวังขณะที่นำชามาให้ “แม้แต่ประธานของกลุ่มบริษัทโซนี่เองก็ไม่สามารถคว้ามันมาได้ นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณเลยสักนิด”
“นั่นสินะ นี่ไม่ใช่ความผิดของฉัน” นิชิโนะเอ่ยออกมาในที่สุด ใบหน้าสูงวัยถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างพิถีพิถัน เธอแย้มยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกหลังจากผ่านมาพักใหญ่ “ฉันแค่ยังทำใจไม่ได้ก็เท่านั้น”
เธอมองไปยังน้ำทะเลที่มืดมิดและพึมพำออกมาเสียงดัง “ถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีคือสิ่งที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ฉันให้ความเคารพโอดะโนบูนางะมาโดยตลอด เขาคือที่สุดของทั้งสองโลก เป็นทั้งนักการเมืองและนักยุทธศาสตร์การทหารที่หาตัวจับได้ยาก ความทะเยอทะยานในการรวบรวมญี่ปุ่นให้เป็นหนึ่งของเขายิ่งใหญ่เพียงใด ? ผู้ใดจะไปคิดว่าเหตุไฟไหม้ที่วัดฮนโนจะเปลี่ยนให้ความฝันของเขากลายเป็นเพียงเถ้าถ่าน…”
“ถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสียังแสดงถึงจุดจบที่น่าโศกเศร้าของวีรบุรุษของพวกเราอีกด้วย มันแสดงให้เห็นถึงจุดเปลี่ยนในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น มันสร้างความสั่นสะเทือนให้กับทั่วทั้งโลกได้พอ ๆ กับการก่อตั้งราชวงศ์ใหม่ขึ้นที่จีน ของแบบนี้…”
เธอสะอื้นเล็กน้อย “ฉันอดไม่ได้จริงที่จะรู้สึกว่าตัวเองนั้นไร้ความสามารถ ฉันทำให้ญี่ปุ่นต้องผิดหวังที่ปล่อยให้มันตกไปอยู่ในมือของชาติอื่น… แต่นี่ยังไม่ใช่จุดจบ วันหนึ่ง ฉันจะรวบรวมเงินให้มากพอและซื้อมันกลับคืนมาจากสุภาพบุรุษท่านนั้น”
ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา
เพราะพวกเขาก็สามารถเดาได้ว่านายหญิงของตนต้องการเวลาเพราะจัดระเบียบความคิดของตัวเอง และตัวนิชิโนะเองก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก เธอเพียงมองท้องฟ้าและทะเล หายใจเข้าช้า ๆ เพื่อทำให้อารมณ์สงบลง
ทว่าทันใดนั้น หญิงสูงวัยก็ขมวดคิ้ว “หืม ?”
“มีอะไรหรือเปล่าครับ ?” หนึ่งในผู้คุ้มกันของเธอถามขึ้น
นิชิโนะไม่ได้เอ่ยตอบออกไปทันที กลับกัน เธอเพียงกระดิกนิ้วและผู้คุ้มกันคนหนึ่งก็นำแว่นตามาให้
เธอสวมมันและจ้องออกไปด้านนอก หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ลุกขึ้นยืนและจ้องออกไปด้านนอก
เกิดอะไรขึ้น ?
ผู้คุ้มกันทั้งสี่ของเธอชะงักไปและหันไปมองยังทิศทางเดียวกัน
พวกเขาทุกคนต่างมีสายตาที่เฉียบคม และก็เพราะสิ่งนี้เองที่ทำให้พวกเขาเห็นภาพที่น่าตกตะลึง
กระดองเต่าจำนวนนับไม่ถ้วนลอยอยู่เหนือน้ำ ล้อมรอบเรือสำราญเอาไว้ !
หากพูดกันตามตรง กระดองเต่าพวกนี้เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ ราวกับพวกมันก่อตัวเป็นค่ายกลที่จงใจล้อมรอบเรือเอาไว้ไม่มีผิด ! แต่ถึงอย่างนั้น ตอนนี้ก็เป็นเวลาสองทุ่มแล้ว และพวกเขาก็ไม่สามารถระบุอะไรจากกระดองเต่าพวกนั้นได้หากไม่ได้สังเกตดูใกล้ ๆ
นี่มันแปลกเกินไป ความกว้างใหญ่ของท้องทะเลนั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวอยู่แล้ว แต่สถานการณ์แปลกประหลาดในตอนนี้กลับทำให้พวกเขารู้สึกขนลุกมากกว่าเดิม !
“เงียบ ๆ ก่อน…” นิชิโนะยกมือขึ้นห้ามขณะที่เอ่ยออกมาอย่างระแวดระวัง “ลองฟังดี ๆ…”
ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา พวกเขาเพียงกางหูออกและตัดใจฟังเสียงรอบข้า ภายในไม่กี่วินาที คนทั้งหมดก็ได้ยินเสียงครืดเบา ๆ ที่ดังตัดผ่านความเงียบสงัดยามค่ำคืน
กึก กึก กึก …มันเหมือนกับเสียงดึงอะไรบางอย่างจนตึง
“มาจากสมอเรือ” หนึ่งในผู้คุ้มกันเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ “มีบางอย่าง… กำลังดึงสมองเรืออยู่…”
นิชิโนะตัวสั่น พวกเธอกำลังอยู่บนเรือสำราญที่ทอดสมออยู่ ล้อมรอบด้วยมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ที่กลืนไปกับขอบฟ้า เพียงเท่านี้ก็เหมือนกับว่าเรือสำราญลำนี้เป็นเกาะลอยทะเลเพียงเกาะเดียวแถวนี้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้มันกลับมีบางอย่าง… ที่กำลังพยายามที่จะจมเกาะและดึงมันลงไปยังใต้ทะเลลึก !
และไม่เพียงเท่านั้น ตัวสมอเรือนั้นถูกทำขึ้นมาจากเหล็ก ดังนั้นสิ่งมีชีวิตที่สามารถดึงสมอเรือด้วยพละกำลังมหาศาลจนถึงขนาดที่ทำให้มันส่งเสียงออกมาได้จะเป็นตัวอะไรกัน ?
สัตว์ประหลาดทะเล !
ความคิดที่แวบขึ้นมาเกี่ยวกับสิ่งที่อาจจะกำลังรอพวกตนอยู่ในความมืดทำให้กระแสไฟฟ้าแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ลมหายใจของพวกเขาเริ่มติดขัด ในขณะที่หญิงสูงวัยรีบเอ่ยเสียงเบา “สมอเรืออยู่ที่ไหน ? พาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้ !”
“นายหญิงครับ เราควรจะรายงาน…”
“ไม่ต้อง” นิชิโนะรีบเอ่ยแทรกขึ้นทันที “หากรีบรายงานออกไปมีแต่จะทำให้กลายเป็นเรื่องยุ่งกว่าเดิม ไปตรวจสอบสภาพเหตุการณ์ก่อน พวกคุณมีปืนอยู่กับตัวใช่ไหม ?”
ผู้คุ้มกันทั้งหมดหยิบปืนของตนออกมาและรีบวิ่งออกไปทางอีกด้านหนึ่งของดาดฟ้าทันที ณ บริเวณนั้น พวกเขาเห็นสมอเรือที่ยื่นออกมาจากตัวเรือ… ถูกดึงจนตึง !
มันมีบางอย่างกำลังดึงสมอเรืออยู่จริง ๆ!
คนทั้งหมดเหงื่อตก กลางทะเลยามค่ำคืนแบบนี้ มีตัวอะไรบางอย่างกำลังดึงสมอเรืออยู่….
“นายหญิง…” หนึ่งในผู้คุ้มกันโพล่งออกมากะทันหัน มือของเขาสั่นเทาขณะที่ชี้ไปยังจุดๆหนึ่งที่อยู่ห่างออกไป “ทะ ทางนั้นครับ…”
เมื่อหญิงชราจ้องมองไปตามทิศทางที่มือของอีกฝ่ายชี้ไป เธอก็ต้องขมวดคิ้ว “เกาะหรือ ?”
ณ ปลายขอบฟ้าที่ห่างออกไปมีเนินขนาดเล็กปรากฏขึ้นเหนือน้ำ
จากนั้นเธอก็ตัวสั่นเทาอย่างไม่สามารถควบคุมได้
เมื่อครู่นี้มันยังไม่มีเกาะอยู่เลยแม้แต่เกาะเดียว !
เรือกำลังเคลื่อนที่ ! และมันก็เคลื่อนที่เร็วมาก ! อันที่จริง มันยังเร็วจนไม่สามารถได้ยินเสียงขณะแล่นผ่านน้ำเลยสักนิด !
มีบางอย่างเกิดขึ้น… มีบางอย่างเกิดขึ้นแน่ ๆ!
“ไปรวมตัวกันที่ห้องควบคุมเดี๋ยวนี้ ! เร็วเข้า !” เธอหันไปสั่งผู้คุ้มกันของตนอย่างไม่ลังเล และคนทั้งหมดก็มุ่งหน้าไปที่ห้องควบคุมอย่างรวดเร็ว ภายในระยะเวลาไม่ถึงนาที พวกเธอก็เปิดประตูห้องควบคุมและเอ่ยเสียงดัง “กัปตัน ! คุณออกคำสั่งให้แล่นเรืออย่างนั้นหรือ ? นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?!”
ไร้ซึ่งเสียงตอบ
ผู้เป็นกัปตันยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้และหันหลังให้กับประตู ไม่ตอบสนองใด ๆ ทั้งสิ้น
ดวงตาขอนิชิโนะเป็นประกายขึ้นขณะที่นางพยักหน้าให้กับผู้คุ้มกันของตนอย่างสื่อความหมาย หนึ่งในสี่กัดฟันกรอดและพุ่งตัวไปด้านหน้า เอื้อมมือไปจับพนักเก้าอี้และหมุนมันกลับมา
“นะ… นี่มันอะไรกัน ?!!”
“เป็นไปได้ยังไง… กะ เกิดอะไรขึ้นที่นี่ ?!”
“นี่มัน… โหดเหี้ยมมาก… เรือลำนี้เป็นเรือผีสิงอย่างนั้นเหรอ ?”
ผู้เป็นกัปตันยังคงอยู่ในชุดกัปตันดังเดิม
แต่… มันกลับไม่มีอะไรบนใบหน้าของเขา !
หากจะพูดให้ถูกก็คือ ทั้งใบหน้าของเขา ตั้งแต่หน้าผากลงมาจนถึงกรามถูกควักออกไป เหลือทิ้งไว้เพียงหลุมที่ส่วนที่เป็นใบหน้าควรจะอยู่
กัปตัน… เสียชีวิตไปนานแล้ว !
ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ หรือมันเป็นฝีมือของใคร
นิชิโนะอ้าปากค้างด้วยความหวาดกลัว ทันใดนั้นเอง ประตูด้านหลังของพวกเขาก็ปิดลงเสียงดัง
คนทั้งหมดต่างหันไปเล็งปืนตรงตำแหน่งดังกล่าวทันที และวินาทีนั้น พวกเขาก็ได้เห็นบางสิ่งบางอย่างที่พวกเขาจะไม่มีทางลืมไปตลอดชีวิต
สัตว์ประหลาด
ร่างทั้งร่างของมันถูกห่อหุ้มด้วยพลังสีดำ มันดูคล้ายกับเต่า แต่กลับมีแขนขายืดยาวออกมาจากกระดอง หัวด้านบนของมันโล้นและมันวาว ล้อมรอบด้วยผมที่งอกออกมารอบหัวเหนือดวงตา ร่างของสัตว์ประหลาดตรงหน้าเปียกโชก ในขณะที่ฟันอันแหลมคมยื่นออกมาจากปากที่กว้างของมัน ดวงตาสีทองสามดวงจ้องมองมาที่พวกเขาเขม็ง ขณะที่มันเลียริมฝีปากของตัวเองอย่างหิวโหยด้วยลิ้นสีแดงเข้ม
กัปปะ !
นิชิโนะและผู้คุ้มกันของเธอล้วนเป็นคนญี่ปุ่น และพวกเธอก็จำมันได้ทันทีว่าสัตว์ประหลาดตรงหน้าพวกตนคือกัปปะที่ถูกเล่าขานในตำนาน
“กัปปะคือวิญญาณของผู้ที่จมน้ำตายที่ริมแอ่งน้ำ ตะ แต่… แต่พวกเรากำลังอยู่กลางทะเล…” นิชิโนะเอ่ยออกมาเสียงดังด้วยความตกตะลึง จากนั้น ราวกับนึกบางอย่างขึ้นมาได้ ร่างของเธอสั่นไหวอย่างรุนแรง
กระดองเต่าพวกนี้…
คือกระดองเต่าที่อยู่ล้อมรอบเรือสำราญ…
วินาทีนั้น เธอรู้แล้วว่าตัวตนที่ลึกลับซึ่งดึงเรือสำราญอยู่และกระดองเต่าที่อยู่รอบ ๆ เรือคืออะไร
มันคือกัปปะ วิญญาณอาฆาตของผู้ที่จมน้ำตาย และตอนนี้… กัปปะร้อยกว่าตนก็ปรากฏตัวขึ้นและล้อมรอบเรือสำราญเอาไว้ !
พวกมันมาจากไหนกัน ?!
มันมีตัวตนอยู่จริง ๆ อย่างนั้นหรือ ?
พวกมันฆ่ากัปตันอย่างนั้นเหรอ ? ทำไมล่ะ ? หรือว่าเพราะเขาทอดสมอลงในจุดที่ไม่ควร ? พวกมันกำลังพาพวกเธอไปที่ไหน ?
ซ่ากกกก ! ทันใดนั้นเอง กัปปะตรงหน้าก็อ้าปากออกและกรีดร้องออกมา
แซ่กกกก !!! ซ่ากกกก !! เสียงกรีดร้องที่ชวนขนลุกอีกมากมายดังก้องไปทั่วทุกส่วนของเรือ ราวกับนี่เป็นการเปิดฉากการแสดงบทเพลงแห่งความตายบนเวทีอันโดดเดี่ยวกลางมหาสมุทรกันกว้างใหญ่….