ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] – ตอนที่ 260: พันปักษา (1)

บทที่ 260: พันปักษา (1)

หมิงฉวนจือคือหนึ่งในผู้ที่ตกลงไปในน้ำท่ามกลางเสียงคำรามที่ดังลั่นนั้น ร่างกายของเขาสั่นเทาจนสมองของเขาตื้อไปหมด แข็งแกร่งมาก… แข็งแกร่งจนน่ากลัว… นี่คือพลังของขั้นยมทูตขาวดำอย่างนั้นเหรอ ? มัน… จะมีพวกเราคนไหนรอดออกไปโดยที่มีชีวิตบ้างไหมนะ ?

“นั่นคือเหตุผลว่าทำไมข้าถึงบอกว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด ข้าต้องขอพูดเลยว่ายิ่งเวลาผ่านไป คุณภาพของเหล่าผู้ฝึกตนของจีนก็ยิ่งถดถอยลงเรื่อย ๆ …หากนี่คือขีดความสามารถของเหล่าผู้ฝึกตนชาวจีนในเวลานี้ มันก็จะเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่ญี่ปุ่นจะได้ครอบครองจีนอีกครั้ง” คุกิโยชิทากะเลียริมฝีปากของตนอย่างหิวโหยขณะที่มันมองคนทั้งหมดตกลงไปในน้ำ และทันใดนั้นลิ้นทั้งแปดก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

เนื้อและเลือดแดงฉานของเหล่าผู้ฝึกตนยังคงเป็นหนึ่งในแหล่งอาหารชั้นเยี่ยมสำหรับวิญญาณร้าย

มันไม่สามารถหยุดยั้งได้อีกแล้ว…

เหล่าผู้ฝึกตนทั้งหมดหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง การโจมตีด้วยคลื่นเสียงอันทรงพลังคือสิ่งที่อยู่เหนือขั้นนักล่าวิญญาณ และมันก็กระแทกเข้ากับร่างของพวกเขาอย่างรวดเร็ว

ช่างน่าสงสารจริง ๆ …ทั้ง ๆ ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แต่กลับไม่ได้ตายอย่างมนุษย์… ด้วยเหตุผลที่แปลกประหลาดบางประการ ความคิดพวกนี้แว่บเข้ามาในหัวของฉู่หมิงเสียในวินาทีสุดท้ายของชีวิตของเธอ และเธอก็หัวเราะออกมาเบา ๆ กับตัวเอง

เมื่อตอนที่เธอรับงานนี้ เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะต้องมาเผชิญหน้ากับกองกำลังวิญญาณจากยมโลก นี่มันเหนือขอบเขตของเขตไล่ล่าที่เธอเคยเผชิญหน้ามาทั้งชีวิต

แต่ทันใดนั้นเอง…

ซ่ากกกกกก !!! ไฮดราแปดหัวก็กรีดร้องออกมาอย่างตกตะลึง ระลอกคลื่นจำนวนมากเริ่มก่อตัวขึ้นที่ผิวน้ำรอบ ๆ มัน ดวงตาของหมิงฉวนจือยังคงปิดสนิทขณะที่เขารอรับการโจมตีสุดท้าย แต่ทว่า… การโจมตีสุดท้ายนั้นกลับไม่เกิดขึ้น

กลับกัน สิ่งเดียวที่เขาได้ยินก็คือเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนของปีศาจขนาดมหึมา

และเมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็ได้เห็นภาพที่น่าตกตะลึง

ฝนลูกธนูจำนวนมากโปรยลงมาที่ปีศาจร่างใหญ่ราวกับอุกกาบาต พวกมันพุ่งลงมาจากฟากฟ้าในขณะที่ทิ้งร่องรอยของเปลวไฟเอาไว้ในอากาศ ลูกธนูนับร้อยดูเหมือนกับพู่กันขนาดใหญ่ที่กำลังแต่งแต้มสีสันมากมายลงบนผืนผ้าใบของท้องฟ้าในยามราตรี ลูกธนูทั้งหมดพุ่งเข้าใส่หัวสามหัวของไฮดราอย่างแม่นยำ !

“กำลังเสริม…” หมิงฉวนจือมองไปที่ปลายขอบฟ้าด้วยความประหลาดใจเป็นอย่างมาก แสงจากลูกธนูทั้งหมดสว่างจ้า ราวกับแสงจากประภาคารที่ฉายบอกเส้นทางในค่ำคืนที่กระแสน้ำปั่นปวน เมื่อแสงสว่างพวกนั้นจางหายไป ร่างที่เลือนรางกว่าร้อยร่างที่มีปีกอยู่บนหลังก็ปรากฏขึ้นให้เห็น

“กำลังเสริม… กำลังเสริมมาแล้วจริง ๆ …แต่เดี๋ยวนะ ! ไม่ ! มันจะมีกำลังเสริมมาสมทบได้ยังไงกัน ?!”

เขาไม่รู้ถึงแหล่งที่มาของกำลังเสริมพวกนี้เลยสักนิด โรงประมูลเจียเต๋ออย่างนั้นเหรอ ? เป็นไปไม่ได้ ! พวกเขาไม่ได้มีอำนาจมากขนาดนั้น ถ้าเช่นนั้นคนพวกนี้เป็นใครกัน ?

ผู้ฝึกตนที่รอดชีวิตอยู่ทั้งหมดต่างมึนงง ย้อนกลับไปที่ห้องเก็บสินค้า จู่ ๆ ทาดายูกิก็ลุกยืนขึ้น ใบหน้าของเขาแดงก่ำ และผมของเขาก็สยายไปในอากาศอย่างดุเดือดขณะที่เขาหยิบแผ่นยันต์แห่งประกาศิตออกมา และเปิดใช้งานมันก่อนจะเอ่ยสั่งด้วยเสียงที่สั่นเทา “องเมียวจิแห่งกองกำลังเท็งงุ… นี่คือคำสั่งของผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน นี่คือคำสั่งสังหาร…”

“ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม สังหารโจรสลัดฮาจิมังให้จงได้ !!”

หวูดดดด ! เสียงแตรยาวดังขึ้นที่เหนือผิวน้ำ ทันใดนั้น ท่ามกลางความตกตะลึงของเหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่โดยรอบ กองกำลังเท็งงุทั้งหมดกระพือปีกและเข้าปิดล้อมสมรภูมิรบทั้งหมด พวกเขาแต่งกายด้วยเครื่องแบบศาลเจ้าสีขาวและหมวกสีดำ นอกจากนี้ยังถือคันธนูยาวอยู่ในมือ ขณะที่พวกเขาบินมาที่จุดกึ่งกลางของสนามรบ พวกเขาดูไม่ต่างอะไรกลับกลุ่มนกที่บินอพยพข้ามผิวน้ำเลยสักนิด

ฟึ่บ !!! แม้ว่าคันธนูและลูกธนูจะดูเป็นตัวเลือกอาวุธที่ล้าสมัยไปแล้ว แต่พวกมันกลับสร้างความเสียหายให้กับปีศาจทะเลได้มากกว่าที่เหล่านักล่าวิญญาณทำ แม้ว่าพวกเขาจะปลดล็อกพลังจากเส้นลมปราณพิเศษทั้งหมดแล้วก็ตาม อย่างน้อยที่สุด ลูกธนูพวกนี้ก็สามารถทำให้ปีศาจขนาดมหึมากรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดได้ หากพูดกันตามจริง สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดก็คือกองกำลังเท็งงุทั้งหมดนั้นล้วนอยู่แค่ขั้นยมเทพระดับต้นเท่านั้น !

“ค่ายกลสู้รบ ?” หมิงฉวนจืออ้าปากค้าง นี่ไม่ใช่สิ่งที่กองกำลังธรรมดาจะมีได้ แม้แต่หน่วยสอบสวนพิเศษเองก็มีสิ่งนี้อยู่ไม่ถึงร้อยชุด ! เขาไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นค่ายกลสู้รบที่แข็งแกร่งเช่นนี้จากกองกำลังของญี่ปุ่น !

ค่ายกลสู้รบคือวิชาพิเศษที่สามารถรวมพลังของผู้ใช้ทั้งหมด จากนั้นก็ประสานการโจมตีและพลังของคนทั้งหมดออกไปพร้อมกันในคราวเดียว นี่คือวิธีการที่ทำให้แดนมนุษย์สามารถปล่อยการโจมตีไปที่วิญญาณที่แข็งแกร่งกว่าและกำจัดมันได้สำเร็จในที่สุด รูปแบบของค่ายกลสู้รบที่ถูกวาดขึ้นแต่ละรูปแบบนั้นมีค่ามากมายมหาศาล ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คาดคิดว่าจะเห็นมันในสนามรบในเวลานี้

“องเมียวจิ… ไอ้พวกองเมียวจิ !!!” ปีศาจทะเลแปดหัวพุ่งออกมาจากน้ำและปรากฏตัวท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมา ดวงตาของมันเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม และพวกมันก็จ้องไปที่กองกำลังเท็งงุที่ยืนอยู่ตรงหน้า “พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรถึงเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ ? ดี …ในเมื่อพวกเจ้าอยากตายนักล่ะก็ ข้าก็ยินดีที่จะส่งพวกเจ้าไปตามทางเอง !!!”

ฟึ่บ ! …กองกำลังเท็งงุไม่ได้ตอบโต้คำพูดยั่วยุของอีกฝ่ายแต่อย่างใด หากพูดกันตามตรง พวกเขาไม่มีแม้แต่ความหวาดกลัวแม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีขนาดใหญ่โตกว่าตน พร้อมกับเสียงแตรที่ดังขึ้น พวกเขารีบต่อตัวเป็นค่ายกลรูปสามเหลี่ยม คันธนูและลูกธนูในมือลุกโชนด้วยเปลวไฟสีทอง และทั้งหมดก็เล็งไปที่จิตวิญญาณแพมพัส

ครืนนนน… ผิวน้ำเริ่มสั่นสะเทือน และฟองอากาศจำนวนมากก็เริ่มปรากฏขึ้น ในตอนแรกพวกมันเป็นเพียงระลอกคลื่นขนาดเล็กที่กระจายหายไปอย่างรวดเร็ว ทว่าภายในสิบวินาที กระแสน้ำที่ปรากฏขึ้นเรื่อย ๆ ก็ได้ก่อตัวเป็นวังน้ำวนขนาด 100 ฟุตที่รุนแรง !

“ตายซะ… พวกมนุษย์…” จิตวิญญาณแพมพัสเลียริมฝีปากของตนเองและเอ่ยอย่างเย้ยหยัน ภายในความมืดมิด หัวทั้งแปดของปีศาจทะเลดูไม่ต่างอะไรกับเสาขนาดใหญ่แปดต้นที่ยื่นออกมาจากน้ำและพุ่งขึ้นฟ้าเลยสักนิด จากนั้น ด้วยเสียงคำรามที่ดังลั่น กระแสน้ำจำนวนมากก็พุ่งขึ้นไปบนฟ้าจากกลางของวังน้ำวนที่อยู่ในน้ำ !

“โจรสลัดฮาจิมัง คาถามังกรวารี !!”

กระแสน้ำจำนวนมากกลายร่างเป็นมังกรวารีที่ส่งเสียงคำรามและพุ่งเข้าหากองกำลังเท็งงุอย่างรวดเร็ว แต่ถึงกระนั้น คนทั้งหมดกลับยืนหยัด ไม่ขยับเขยื้อนไปไหนทั้งสิ้น การเคลื่อนไหวและจังหวะเวลาของพวกเขาแม่นยำราวกับเครื่องจักร หวูด ! หวูด ! หวูด ! พร้อมกับเสียงเป่าแตรสามครั้ง ค่ายกลรูปสามเหลี่ยมพลันสว่างวาบขึ้นด้วยแสงสีทองซึ่งรวมตัวเข้าด้วยกันและกลายเป็นภาพมายาขนาดใหญ่ในท้ายที่สุด !

ใบหน้าของมันดูค่อนข้างพร่าเลือน แต่มันคือสิ่งมีชีวิตที่มีเขาสามเขาบนศีรษะ ดวงตาสามดวง และร่างกายที่เต็มไปด้วยลวดลายมากมาย ทันทีที่มันปรากฏตัวขึ้น ร่างมายาดังกล่าวก็เงยหน้าขึ้น

ความรวดเร็วในการตอบสนองและความแม่นยำของปริมาณพลังปราณที่ใช้นั้นไร้ที่ติ เห็นได้ชัดเจนเลยว่านี่คือความแข็งแกร่งของผู้ที่อยู่ระดับของหัวกะทิในหมู่หัวกะทิอีกที !

………

ในขณะเดียวกัน ที่ช่องแคบสึชิมะ ชายคนหนึ่งในชุดเกราะพร้อมกับถือหอกยาวสิบเมตรอยู่ในมือยืนอยู่บนเสากระโดงเรือ ราวกับตรวจจับได้ถึงการปรากฏตัวของร่างมายานั้น เขาเงยหน้าขึ้น

ชายผู้นี้ดูแตกต่างจากวิญญาณร้ายตนอื่น ๆ ที่อยู่โดยรอบอย่างสมบูรณ์ เขา… คือคน

เขามีร่างกายของมนุษย์ และร่างของเขายังดูสมบูรณ์และไม่ได้รับอันตรายอะไรเลยแม้แต่น้อย !

“นั่นใช่… ซูซาโนะโอะอย่างนั้นหรือ ? [1] แต่น่าเสียดาย มันยังไม่สมบูรณ์แบบ” เขามองออกไปจากนั้นก็ก้มหน้าอย่างเบื่อหน่ายขณะที่เหวี่ยงหอกในมือไปรอบ ๆ “ผู้ใดจะไปคิดว่าเหล่าองเมียวจิที่เคยได้รับชื่อเสียง เกียรติยศ และความมั่งคั่งมากมายจะตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชเช่นนี้…”

“นี่มันไม่ต่างอะไรกับดูไก่ชนเลยสักนิด ดูเหมือนว่าการต่อสู้ในครั้งจะไม่มีคู่ต่อสู้ที่คู่ควรแม้แต่คนเดียว…” ทันใดนั้นเอง แสงบางอย่างก็ส่องสว่างขึ้นบนฟ้า ก่อนที่จะรวมตัวกันเป็นลูกธนูทองคำขนาดใหญ่ที่พุ่งเข้าใส่จิตวิญญาณแพมพัสโดยตรง

ฟึ่บ ! มังกรวารีที่แข็งแกร่งสลายไปภายใต้พลังของลูกธนูทองคำนี้ แต่ถึงกระนั้นส่วนที่กระจัดกระจายของมันก็ไปรวมตัวกันอีกครั้งอย่างรวดเร็ว พวกมันดึงน้ำจากในทะเลมาใช้เพื่อประกอบร่างของตนขึ้น ภายในระยะเวลาไม่กี่วินาที ผิวของน้ำทะเลก็เต็มไปด้วยมังกรจำนวนมาก !

“มนุษย์อย่างพวกเจ้ากล้าดีอย่างไรถึงมาโจมตียมทูต ?” ท่ามกลางมังกรวารีจำนวนนับไม่ถ้วน คุกิโยชิทากะสูดหายใจเข้าช้า ๆ และตะโกนออกมาเสียงดัง “ตายซะเถอะ !!”

ฟึ่บ !! ผิวน้ำทั้งหมดดูราวกับถูกแยกออกพร้อมกันเมื่อมังกรวารีทั้งหมดพุ่งตัวขึ้นและพุ่งเข้าหากองกำลังเท็งงุอย่างรวดเร็ว หัวหน้าของกองกำลังเท็งงุมองการโจมตีที่กำลังพุ่งเข้ามาและหรี่ตาลงเล็กน้อย ค่ายกลสู้รบนั้นทรงพลัง แต่น่าเสียดาย… พวกเขามีจำนวนคนน้อยเกินไป

ศัตรูตรงหน้าคือจิตวิญญาณแพมพัสที่มีอายุกว่า 400 ปี มันต้องใช้ผู้ฝึกตนอย่างต่ำ 2,000 คนถึงจะทำให้อาณาเขตเวทของกองกำลังเท็งงุสมดุล แต่… คำสั่งของหัวหน้าตระกูลคนปัจจุบันคือต้องกำจัดศัตรูให้ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม

พวกเขาเองก็เป็นมนุษย์ และในฐานะของมนุษย์ พวกเขาต่างก็มีความเชื่อมั่นและหลักการของตัวเอง

มนุษย์ทุกคนย่อมมีบางสิ่งบางอย่างที่พวกเขาเต็มใจที่จะทุ่มสุดตัว

พลังหยินที่น่าสะพรึงกลัวของจิตวิญญาณแพมพัสทำให้ผิวน้ำทั้งหมดโดยรอบกลายเป็นสีดำสนิท เสียงกรีดร้องคร่ำครวญของวิญญาณจำนวนมากดังก้องไปทั่ว ทว่ามันก็ถูกกลบโดยเสียงคำรามและคลื่นเสียงที่เหล่ามังกรวารีปล่อยออกมา แต่แม้ว่าจะกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่ากลัวเช่นนี้ มันกลับไม่มีสมาชิกของกองกำลังเท็งงุคนไหนเลยที่คิดจะหันหลังกลับ

หวูดดดด !! เสียงแตรดังขึ้นอีกครั้ง และทหารเท็งงุทั้งหมดที่ยืนอยู่ในค่ายกลก็ระเบิดพลังปราณของตนออกมาซึ่งรวมตัวกันเป็นร่างมายาขนาดใหญ่ของเท็งงุ

ภาพมายาดังกล่าวสวมหน้ากากเท็งงุที่ดุดันกว่าที่เหล่าทหารเท็งงุสวมอยู่มาก ร่างของมันถูกปกคลุมไปด้วยขนนกสีดำ และผมสีขาวของมันก็สยายไปในอากาศอย่างน่ากลัว ร่างขนาดใหญ่มีความสูงประมาณา 30 เมตร ถือกริชอยู่ในมือข้างซ้ายและกระดิ่งอยู่ในมือข้างขวา ในขณะเดียวกัน ผิวหนังของทหารเท็งงุทุกคนก็ดูแก่ขึ้นและเริ่มปรากฏรอยเหี่ยวย่น

นี่คือภาพมายาของอะทาโงะซัน ทาโรโบะ หนึ่งในแปดไดเท็งงุ หัวหน้าของเหล่าเท็งงุทั้งหมด [2]

ตู้ม !! มังกรวารีมาถึงอย่างรวดเร็ว และการปะทะที่รุนแรงระหว่างทั้งสองทำให้ผิวน้ำทะเลในรัศมีหนึ่งกิโลเมตรสั่นเทาอย่างรุนแรง ผลกระทบดูไม่ต่างอะไรจากการระเบิดของระเบิดนิวเคลียร์เลยแม้แต่น้อย ทำให้เกิดคลื่นที่ซัดออกไปก็สูงราวกับเทือกเขา ก่อตัวเป็นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ที่เคลื่อนตัวไปรอบ ๆ อย่างบ้าคลั่ง

“พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรถึงเชิญหน้ากับยมทูตที่แท้จริงด้วยภาพมายาที่อ่อนแอเช่นนี้ ?!” ไฮดราแปดหัวพุ่งหัวของมันขึ้นมากลางอากาศและตะโกนอย่างเดือดดาลขณะที่ค่ายกลซึ่งสร้างขึ้นโดยเหล่าทหารเท็งงุก็พลังทลายลงทันที ทหารส่วนใหญ่ร่วงลงจากฟ้าและตกลกไปในทะเล ที่ซึ่งพวกเขาถูกกัดกินอย่างรวดเร็วโดยเหล่าศพขี้ผึ้งที่รออยู่ก่อนราวกับฝูงปลาปิรันย่าที่หิวโหย

พวกเขาต้านไม่ไหวอีกต่อไป…

เมื่อเผชิญหน้ากับคลื่นสึนามิที่ถาโถมเข้ามาอย่างรวดเร็ว หัวหน้าของเหล่ากองกำลังเท็งงุก็รู้สึกว่าหัวใจของเขาเย็นเฉียบด้วยความสิ้นหวัง

นี่มันตึงมือเกินไป… การเผชิญหน้ากับวิญญาณร้ายที่ทรงพลังด้วยทหารเท็งงุเพียงไม่กี่ร้อยคนนั้นตึงมือเกินไป… หรือว่านี่… จะเป็นวันตายของพวกเขาทุกคน… ?

ทว่าทันใดนั้นเอง ท้องฟ้าที่ดำสนิทพลันถูกแต่งแต้มด้วยการระเบิดของประกายแสงสีทอง

และแหล่งแสงสีทองดังกล่าวก็พุ่งมาจากจุดที่อยู่ห่างออกไปราวกับสายฟ้า มันกลายเป็นแถวอักขระสีทองมากมายที่ล่องลอยอยู่กลางอากาศ ภายในระยะเวลาไม่กี่วินาที มันกลายเป็นลูกบอลแสงสีทองขนาดใหญ่ที่เกิดจากการรวมตัวเส้นสายสีทองมากมายและเริ่มหดตัวอย่างรวดเร็ว

“นี่มัน…” จิตวิญญาณแพมพัสไม่ได้หัวเราะออกมาอีกต่อไป กลับกัน มันจ้องไปที่ลูกบอลแสงสีทองอย่างประหลาดใจเป็นอย่างมาก มันสามารถบอกได้ว่ามันคือ… คัมภีร์

เส้นแสงสีทองทั้งหมดเกิดจากคัมภีร์จำนวนมากที่ลอยอยู่ในอากาศเหมือนกับหิ่งห้อยสีทอง ป้องกันอยู่เบื้องหน้าของกองกำลังเท็งงุ รับการโจมตีทั้งหมดที่ถูกปล่อยออกมา อากาศโดยรอบสั่นไหวเล็กน้อย และมังกรวารีที่พุ่งเข้าหากองกำลังเท็งงุทั้งหมดก็ถูกดูดเข้าไปในคัมภีร์ราวกับหุบเหวที่ไร้ก้นบึ้ง จากนั้น แผ่นคัมภีร์ตรงหน้าก็หดตัวลงและกลายร่างเป็นลูกบอลแสงขนาดเท่ากับกำปั้นที่พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

“ใครกัน…” ปีศาจทะเลเลียริมฝีปากอย่างละโมบ “ดูเหมือนว่าคืนนี้ข้าจะมีแหล่งอาหารให้กินไม่สิ้นสุดเสียแล้ว… อยากรู้จริง ๆ ว่าคราวนี้เป็นผู้ใดกัน ?”

สายตาทั้งหมดต่างจ้องมองไปยังทิศทางที่ลูกบอลสีทองพุ่งไป

สิ่งที่คนทั้งหมดเห็นก็คือภาพของเรือไม้ขนาดใหญ่ มันเป็นเรือไม้โบราณที่มีแผ่นยันต์มากมายที่เปล่งแสงสว่างออกมาติดอยู่เต็มไปหมด แต่สิ่งที่น่าแปลกที่สุดก็คือความเร็วของเรือที่ก้าวข้ามเรือสมัยใหม่ !

ที่หัวเรือนั้น มันก็ได้มีชายสวมหมวกไม้ไผ่ทรงกรวยสามคนที่แต่งกายด้วยเครื่องแบบพระของญี่ปุ่นยืนอยู่ พวกเขายืนในท่าเดียวกันโดยใช้มือหนึ่งกดหมวกไม้ไผ่ทรงกรวยเอาไว้ ในขณะที่ถือไม้ขักขระในมืออีกข้าง พลังปราณที่แผ่ออกมาจากร่างของเขาบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าพวกเขาอยู่ห่างจากขั้นยมทูตขาวดำอีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้น !

กำลังเสริมที่เพิ่งมาใหม่มาจากภูเขาโคยะ วัดนิกายพุทธตันตระของญี่ปุ่น !

“พระนักรบจากภูเขาโคยะ ?!” ไฮดราแปดหัวเอ่ยออกมาอย่างตกตะลึง “อ่าาา… ไอ้พวกองเมียวจิและพระจากเขาโคยะ หนอนอย่างพวกเจ้ากล้าดีเช่นไรถึงเข้ามายุ่งเรื่องของอะซะอิ นะงะมะซะ…”

เหล่าขั้นยมทูตขาวดำที่รออยู่ที่ช่องแคบสึชิมะเองก็รับรู้ได้ถึงการมาถึงของผู้มาใหม่เช่นกัน อะซะอิ นะงะมะซะหรี่ตาลง ภายในอกของเขารู้สึกร้อนรุ่มและลำคอของเขาก็เริ่มแห้งผาก

การดิ้นรนของมนุษย์… เป็นภาพที่โดยปกติแล้วถือว่างดงามสำหรับเขา เขาค่อนข้างเพลิดเพลินกับการที่ความทะเยอทะยานและใจสู้ของมนุษย์คนหนึ่งที่ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นความสิ้นหวัง แต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้ !

ทั้ง ๆ ที่เขาได้ดึงตัวซามูไรแห่งท้องทะเล คุกิโยชิทากะ ให้เข้ามาในสนามรบ แต่ปีศาจตนนั้นก็ยังไม่สามารถล่มเรือสำราญได้แม้ว่าจะผ่านเวลาไปมากกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้วก็ตาม ความคาดหวังในตอนแรกของเขาคือการได้ถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีมาอยู่ในมือภายใน 40 นาที ดังนั้นตอนนี้เขาจึงเริ่มหมดความอดทนและหงุดหงิดเป็นอย่างมาก เขาไม่สามารถอดทนรอได้นานกว่านี้อีกแล้ว ความแค้นที่สั่งสมมานานกว่า 400 ปีกำลังเดือดพล่าน และเขาก็แทบจะรอไม่ไหวที่จะได้จัดการโนบูนางะด้วยมือของตนเอง

“เทพแห่งสายฟ้า ปีศาจแดง งูพิษ …ข้าเบื่อที่ต้องรอแล้ว การรอคอยอาจเป็นเรื่องสนุก แต่ตอนนี้ ทั้งหมดที่ข้าต้องการก็คือฉีกกระชากพวกมันทั้งหมดและแย่งดวงวิญญาณของโอดะโนบูนางะมา” เขาหลับตาลง ข่มความรู้สึกตื่นเต้นภายในจิตใจของตน “ดังนั้น ข้าขอเชิญให้พวกท่านทั้งหมดลงมือ ข้าอยากจะเห็นถ้วยพระเนตรสวรรค์เปลี่ยนสีมาอยู่ตรงหน้าภายในครึ่งชั่วโมง”

เขาลืมตาที่แดงก่ำ “ถึงแม้ว่าพวกท่านจะไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาของข้า แต่ในเวลานี้ ข้า… เป็นตัวแทนของท่านอิซานามิ”

เงียบ

ไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงสามเสียงก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “รับทราบ”

จากนั้นพลังหยินที่ไร้ขอบเขตก็ปะทุออกมาจากร่างทั้งสาม !

พลังหยินเข้าห่อหุ้มร่างของวิญญาณขั้นยมทูตขาวดำทั้งสามขณะพวกเขาพุ่งตัวไปที่เรือสำราญอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงร่องรอยของเปลวไฟนรกอันน่ากลัวที่ปรากฏให้เห็นในอากาศ !

[1] อ้างอิงจากเรื่องนารูโตะ ซุซะโนะโอะคือเทพแห่งลมพายุและเป็นเทพผู้ปกครองเหล่าปีศาจ เป็นน้องชายของเทพแห่งดวงอาทิตย์ อามาเทราสึ

[2] เท็งงุที่ปกป้องศาลเจ้าอะทาโกะซึ่งอุทิศให้แก่อิซานางิ (สามีและพี่ชายของอิซานามิ)

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

Status: Ongoing
ฉินเย่เด็กหนุ่มมัธยมปลายที่ไม่มีวันแก่ เพราะกิน “เห็ดเทียนสุ่ย” เข้าไปทำให้มีชีวิตอยู่ระหว่างสองโลก เป้าหมายในชีวิตของเขาเพียงต้องการมีชีวิตเล่นเกมอยู่ไปวัน ๆ เท่านั้น แต่ดูเหมือนนรกจะไม่ได้ยินเสียงเรียกร้องของเขา เมื่อนรกถึงกาลอวสาน ผีร้ายออกอาละวาดบนโลกมนุษย์ ทำให้ฉินเย่ที่เป็นยมทูตคนสุดท้ายต้องรับหน้าที่จ้าวนรกเพื่อพิทักษ์โลกใบนี้!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset