บทที่ 87: คะแนนความดีของผมล่ะ?
ฉินเย่ไม่ตอบ ที่นี่มีกล้องวงจรปิดอยู่ทุกจุด ดังนั้นเขาจึงไม่ควรพูดมากเกินไป เด็กหนุ่มหลับตาลงและฮัมเพลงเบา ๆ
ตอนนี้สถานการณ์ทุกอย่างมันแปลกประหลาดไปหมด
ราชาวิญญาณทั้งสามของพิภพทั้งหก ยังคงนิ่งเฉยและรอเวลา พวกนั้นอาจจะกลัวก็ได้ เพราะการต้องทนทุกข์ทรมานในนรกมาเป็นเวลาพันปี ย่อมต้องสร้างบาดแผลที่ไม่สามารถลบได้ซึ่งทำให้รู้สึกหวาดกลัวอยู่ภายในใจตลอดเวลาอยู่แล้ว นอกจากนี้ ยิ่งยืดเวลาไปมากเท่าไหร่ พวกนั้นก็จะยิ่งมีพลังมากขึ้น เพราะอย่างไรฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรอยู่แล้ว
นอกจากนี้ ตอนนี้ฉินเย่ยังมั่นใจอีกว่า เพื่อที่จะปราบปรามราชาวิญญาณทั้งสาม เขาจำเป็นจะต้องสร้างนรกขึ้นมาอีกครั้ง และเมื่อนรกถูกสร้างขึ้น ดวงวิญญาณหยินนับล้านก็จะสามารถกลับสู่ยมโลกได้ในที่สุด และนี่ก็เทียบได้กับการฉกฉวยและแย่งทรัพยากรของราชาวิญญาณทั้งสามในการต่อสู้กับแดนมนุษย์ด้วย เมื่อจำนวนวิญญาณหยินที่ให้ยอมสวามิภักดิ์กับราชาวิญญาณพวกนั้นลดลง ขณะที่ความเข้าใจเกี่ยวกับวิญญาณหยินของมนุษย์เพิ่มมากขึ้น ฝ่ายที่จะได้รับชัยชนะในตอนสุดท้ายของการต่อสู้ย่อมต้องเป็นฝ่ายของมนุษย์อย่างแน่นอน
และด้วยเหตุนี้ ทันทีที่ฝ่ายตรงข้ามค้นพบถึงสิ่งที่ชี้ไปสู่การสถาปนานรกขึ้นมาใหม่ พวกมันจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางทุกอย่างก่อนที่นรกจะวางรากฐานได้ และการต่อสู้กับมนุษย์ก็ต้องยืดเยื้อออกไปก่อน
ด้วยสถานการณ์ที่ซับซ้อนแบบนี้ มันจึงชัดเจนว่าสถานที่ที่ปลอดภัยมากที่สุดที่จะสร้างรากฐานแห่งใหม่ของยมโลกก็คือใจกลางเมืองเป่าอัน
และตอนนี้เขาก็มีอีกหนึ่งเหตุผล
อย่างน้อยที่สุด…เราก็สามารถใช้พลังหยินของควาฟู่ ในการวางโครงสร้างของนรกขึ้นมาได้….
ปัง….ทันใดนั้นเอง ประตูห้องของเขาก็ถูกเปิดออกอย่างแรง และร้อยตรีคนหนึ่งก็เดินเข้ามาและทำความเคารพฉินเย่ “คุณฉินครับ กรุณาตามผมมาด้วยครับ”
ฉินเย่เดินตามอีกฝ่ายไปที่ทางเข้าหลักของศูนย์วิจัย ที่ซึ่งเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ ได้ยืนรออยู่ก่อนแล้วด้วยใบหน้าที่สลด โดยมีโจวเซียนหลงยืนอยู่ตรงหน้าของคนทั้งหมด
“มีฝีมือไม่เลวนี่” โจวเซียนหลงเดินเข้าไปใกล้เจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าของตนอย่างไม่พอใจนักขณะที่พูดลอดไรฟันว่า “พวกคุณช่วยมีความละอายใจเหมือนกับเจ้าหน้าที่ขั้นนักล่าวิญญาณทั่วไปไม่ได้หรือไง?! พวกคุณเป็นสมาชิกของกองกำลังหลัก ทำไมถึงยังแอบไปโผล่ที่นู่นไปนี่อย่างกับพวกยมทูตแบบนี้?”
ไม่มีใครก็ตอบอะไรทั้งสิ้นเมื่อผู้เป็นหัวหน้ากำลังตำหนิตนอยู่ พวกเขาทำได้เพียงก้มหน้าต่ำเหมือนกับนกกระจิบตัวน้อยเชื่อง ๆ ตัวหนึ่ง
“ทาง SRC ได้ก่อตั้งมานานหลายทศวรรษแล้ว และไม่มีใครที่สามารถระบุตำแหน่งของพวกเขาได้ แต่พวกคุณกลับทำได้…ทำงานด้วยกันครั้งแรกก็ก่อเรื่องเลย….หากเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไปพวกคุณจะต้องถูกหัวเราะเยาะแน่ ๆ!”
“พวกคุณกำลังจะได้เป็นอาจารย์และศาสตราจารย์ของสำนักฝึกตนในอีกไม่นาน! นักเรียนกลุ่มแรกก็กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนนี้ แต่พวกคุณกลับไม่สามารถทำตามคำสั่งง่าย ๆ ได้เนี่ยนะ? ซ้ำร้าย พวกคุณยังบุกรุกเข้าพื้นที่หวงห้ามโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตด้วย?! อะไร? รู้สึกเสียใจขึ้นมาบ้างแล้วเหรอ?”
“ท่านครับ…พวกเราไม่รู้…” หลินฮั่นกระแอมออกมาแห้ง ๆ และอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น “พวกเขาควรจะทำเครื่องหมายเอาไว้ด้วย แบบนั้น…พวกเราก็จะรู้และไม่เข้ามาตั้งแต่แรก…”
“ฮ่า ๆๆ…” โจวเซียนหลงพยายามข่มใจอย่างหนัก เพื่อที่เขาจะไม่ตบหน้าอีกฝ่ายและเพียงแสยะยิ้มออกมา “ผมต้องทำเครื่องหมายเอาไว้ให้พวกคุณด้วยสินะ? ดี ในเมื่อพวกคุณชอบซุกซนมากนัก ผมก็ได้ตัดสินใจเลือดบทลงโทษที่เหมาะสมกับพวกคุณไว้ให้แล้ว”
ทันใดนั้นฉินเย่ก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก
“ทีมเปลวเพลิงและ S9527 จะถูกหักคะแนนความดีเป็นเวลาหนึ่งเดือนจากค่าจ้างทั้งหมด นอกจากนี้…” มุมปากของโจวเซียนหลงยกยิ้มขึ้น “ผู้ที่สามารถค้นพบการมีอยู่ของ SRC นั้นถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าพวกเขาจะบ้าบิ่นและหัวร้อนก็ตาม ดังนั้นพวกคุณจะต้องเข้าร่วมหน่วยประจัญบานและเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองผ่านประสบการณ์ภาคสนาม”
สีหน้าสมาชิกในทีมเปลวเพลิงทั้งหมดซีดเผือดทันที ราวกับเพิ่งเสียพ่อแม่ของตนไป
โจวเซียนหลงไม่ได้สนใจคนทั้งหมดเลยสักนิด ทันทีที่เขาเอ่ยจบ เขาก็หันหลังและเดินจากไปทันที
ในทางกลับกัน ฉินเย่นั้นมีสีหน้าราวกับฟ้าผ่าลงมา
“สำนักฝึกตน…ให้ค่าจ้างเราด้วยเหรอ?” เขาจ้องมองไปยังเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ด้วยสีหน้าประหลาดใจ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องนี้!
ทำไมไม่มีใครบอกเรื่องสำคัญขนาดนี้กับเขา โดยเฉพาะในการประชุมเมื่อหลายวันก่อน?!
“พวกคุณเป็นอะไรกันเนี่ย?” ฉินเย่ใช้ข้อศอกของตนสะกิดหลินฮั่น “ผมยังแค่ตกใจเท่านั้น ทำไมพวกคุณถึงทำหน้าราวกับตัวเองเป็นโรคพาร์กินสันระยะสุดท้ายแบบนั้น?”
“พวกเราอาจจะเป็นก็ได้” หลินฮั่นแทบอยากจะฆ่าตัวตาย “หน่วยประจัญบาน…คุณรู้หรือเปล่าว่าหัวหน้าหน่วยคือใคร?”
ฉินเย่กะพริบตาปริบ ๆ และส่ายหน้า
“โจวจอมละโมบ!! ” หลินฮั่นเอ่ยลอดไรฟัน “จะมีรองหัวหน้าผู้ตรวจการของหน่วยสอบสวนพิเศษคนไหนบ้างที่จะไปเป็นหัวหน้าหน่วยประจัญบานในเวลาว่าง? ผมจะบอกอะไรให้นะ หน่วยประจัญบานคือหน่วยที่อันตรายที่สุดในสำนัก! คุณเห็นหลักสูตรสำหรับผู้ฝึกตนฝึกหัดหรือยัง? หนึ่งภาคเรียนใช้เวลาถึงห้าเดือนครึ่ง สองเดือนแรกสำหรับภาคทฤษฎีและอีกสามเดือนที่เหลือจะต้องทุ่มให้กับการฝึกภาคปฏิบัติ!”
“ประสบการณ์การต่อสู้ย่อมหมายถึง การถูกส่งไปยังมณฑลและนครต่าง ๆ ในประเทศเพื่อไปเป็นของเล่นให้กับพวกภูตผีปีศาจ!”
ฉินเย่มึนงงเล็กน้อย “ไม่ใช่พวกเราควรจะเป็นคนเล่นสนุกกับพวกวิญญาณพวกนั้นหรอกเหรอ? ปกติแล้วในแต่นครหนึ่งนครสามารถมีเจ้าหน้าที่ขั้นนักล่าวิญญาณได้เพียงแค่สองคนเท่านั้น ไม่นับรวมเมืองเป่าอัน คุณช่วยระวังการใช้ประธานและกรรมในประโยคให้ถูกต้องไม่ได้หรือไง?”
หลินฮั่นแค่นยิ้ม “แล้วถ้าผมบอกว่าคุณจะไม่ได้คะแนนความดีด้วยล่ะ? คุณจะได้แค่หน่วยกิตในหลักสูตรเท่านั้น! และแม้ว่าพวกเราจะเป็นอาจารย์และศาสตราจารย์ แต่มันก็เป็นแค่ตำแหน่งเท่านั้น!”
ใบหน้าของฉินเย่ไม่ปรากฏรอยยิ้มอีกต่อไป
“และถ้าผมบอกอีกว่าเป้าหมายที่แท้จริงของการเป็นของเล่นแบบนั้นก็คือ การคอยจับตาดูนักเรียนใหม่ที่ยังไม่ได้อยู่ขั้นยมเทพด้วยซ้ำล่ะ? แถมคุณยังต้องพยายามปกป้องพวกเขาไปตลอดด้วยนะ ทำแบบนี้ไปตลอดสามเดือน!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นใบหน้าของฉินเย่เปลี่ยนเป็นเหมือนกับหลินฮั่นก่อนหน้านี้
มันไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว…
“หรือพูดอีกอย่างก็คือ…ทันทีที่พวกเราเข้าไปในสำนัก คะแนนความดีของพวกเราก็จะหายไป?” ฉินเย่ข่มความเจ็บปวดในหัวใจของตนเองและเอ่ยถาม
ความเจ็บปวดรวดร้าวที่บาดลึกเข้าไปในใจของเขามันเหมือนจริงอย่างไม่น่าเชื่อ…
“เรายังพอมีความหวังอยู่ ถ้าคุณได้เลื่อนตำแหน่งหรือได้รับการเสนอชื่อ ทางสำนักก็อาจจะมอบคะแนนความดีให้กับคุณบ้าง ไม่อย่างนั้น คุณคงไม่คิดว่าหลังจากที่มอบสภาพแวดล้อมที่อยู่ดีกินดีแบบนั้น และยังทรัพยากรการฝึกตนจำนวนมากให้เรา พวกเขายังจะให้คะแนนความดีให้คุณอีก?”
ด้วยความคิดอยากฆ่าตัวตายที่หนักอึ้งอยู่ในใจ พวกเขาไม่มีใครพูดอะไรอีกและเพียงแยกย้ายกันกลับบ้านและที่พักของตน
เมื่อฉินเย่กลับไปที่โรงแรม หวังเฉิงห่าวยังคงเล่นวิดีโอเกมของเขาอยู่ ขณะที่เด็กหนุ่มกำลังจะเอ่ยทั้งผู้ที่เพิ่งมาถึง เขาก็พบว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าที่ไม่ดีเอาเสียเลย
“นาย…เกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
“อย่า…เพิ่งมาคุยกับฉัน ตอนนี้ฉันอยากอยู่คนเดียว….” ฉินเย่เดินแยกเข้าไปในห้องของตนเองและหมกตัวอยู่ในผ้าห่ม
“นี่… เจ้าไม่คิดว่าตนเองละเลยเรื่องของหน่วยสอบสวนพิเศษและสำนักฝึกตนมากไปหรือ?” อาร์ทิสกลิ้งออกมาและเอ่ย “การฝึกอบรมใกล้เข้ามาทุกที เจ้าช่วยตั้งสมาธิกับสิ่งที่ต้องทำบ้างไม่ได้หรือ?”
“อืมม..” ฉินเย่หยิบโทรศัพท์ออกมาและเลื่อนนิ้วผ่านแอป “สังหาร” และกดเข้าแอป “โม่โม่”
“…ข้าสามารถเดาได้หรือไม่ว่าเจ้าเข้าผิดแอป?”
“…ท่านจะไปรู้อะไร? ข้ากำลังรวบรวมข้อมูลผ่านการแลกเปลี่ยนข้อมูล ท่านลองดูข่าวที่ทางรัฐบาลประกาศออกมาสิ ท่านคิดว่าพวกเขาจริงใจแค่ไหนเชียว?” ทันทีที่กดเข้าไปในโมโม่ ฉินเย่ก็เริ่มเลื่อนดูรูปโปรไฟล์ของสาว ๆ ทันใดนั้น ดวงตาของเด็กหนุ่มก็เป็นประกายขึ้น เมื่อเห็นรูปของเด็กสาวผมยาวใบหน้าคมคนหนึ่งปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
อารมณ์ไม่ดีของเขาก่อนหน้านี้มลายหายไป จากนั้นขณะที่เขากำลังจะ ‘ทัก’ เด็กสาวในภาพไป อาร์ทิสก็พยักหน้าและเอ่ยขึ้นว่า “ไม่เลว เจ้านรกองค์ต่อไปจำเป็นจะต้องมีฮาเร็มของตัวเอง ผู้หญิงคนนี้นับว่างดงามมาก”
“ท่านช่วยเลิกแอบดูคนอื่นและก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของพวกเขาได้หรือไม่?! ข้าเป็นสิงห์ไง!” ฉินเย่พยายามดันอาร์ทิสไปไกล ๆ อย่างโมโหเพียงเพื่อที่จะได้ยินอีกฝ่ายตอบอย่างไม่สนใจนักว่า “ข้าคิดว่าข้าเคยเห็นนางในละครโทรทัศน์เมื่อไม่กี่วันก่อน รู้สึกว่ามันจะชื่อเรื่องว่า…เล่ห์รักวังต้องห้ามนะ?”
จะบ้าตาย!
ข้ารู้อยู่แล้วว่าการเอาท่านมาด้วยจะต้องเป็นปัญหา!
ทว่าอาร์ทิสยังคงเอ่ยต่อ แทงฉินเย่ด้วยดาบแห่งทฤษฎี “รู้สึกว่านางจะได้รับเล่นบทเป็นราชินีนะ? บทค่อนข้างน่าเศร้าเลยล่ะ”
ฉินเย่ปัดโปรไฟล์ของผู้หญิงคนนั้นไปทางซ้ายอย่างเงียบ ๆ พวกละเมิดลิขสิทธิ์สมควรตาย!
“มันไม่มีเหตุผลที่เจ้าจะต้องอยู่กับมนุษย์พวกนี้เลยสักนิด ลองคิดดูสิ ทันทีที่เจ้าก่อตั้งนรกขึ้นมาใหม่ พวกเขาทั้งหมดต่างก็ต้องไปนั่นเมื่อตาย เจ้าไปเลือกตอนนั้นก็ได้ไม่ใช่หรือ? ข้าจะบอกความลับอะไรบางอย่างให้เจ้าฟัง หัวหน้าคนเก่าของข้า…ยังเคยมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างสนิทชิดเชื้อกับเฉินหยวนหยวนเลย [1] สีหน้าแบบนั้นมันหมายความว่าอย่างไรกัน? เจ้าคิดว่าข้าจะพูดโกหกกับเรื่องแบบนี้อย่างนั้นหรือ? เฉินหยวนหยวนคนเดียวกับที่เจ้าคิดน่ะถูกแล้ว”
ฉินเย่มองอาร์ทิสราวกับเขาเห็นผี ให้ตายเถอะ…ความมืดในใจท่านนี่มันมากเกินไปแล้ว…
เมื่อเปรียบเทียบกับท่าน ความมืดภายในใจของข้าสามารถพูดได้ว่าอยู่ในระดับที่ธรรมดา ในทางกลับกัน ความมืดภายในใจของท่านนั้นถูกเคลือบไปด้วยสีที่มีความมันวาว…มันดำและมันวาวราวกับน้ำมัน
“ไม่…มันมีระบบแบบนั้นด้วยหรือ?” เด็กหนุ่มตอบอย่างตั้งความคาดหวัง “ถ้านั้น…ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงที่มีอำนาจ ผู้หญิงฉลาด ผู้หญิงอ่อนหวาน ราชินีน้ำแข็งหรือว่าผู้หญิงที่มีรอยยิ้มหวาดหยดย้อย…พวกนาง…เอ้ย! อะแฮ่ม! ข้าหมายถึง พวกนางก็อยู่ในขอบเขตการพิจารณาด้วยหรือ?”
“แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจนักว่าเจ้าต้องการจะสื่อถึงอะไร แต่ข้าสามารถบอกได้ว่านั่นคือสีหน้าของคางคกที่อยากกินเนื้อห่านฟ้า…เอาล่ะ เอาล่ะ เจ้าจะไม่สนใจสิ่งที่ข้าพูดก็ได้…วางหมอนของเจ้าลงก่อน แค่ก แค่ก…อย่างไรก็ตาม เหมือนกับที่ข้าเคยพูดก่อนหน้านี้ พวกนางจะสามารถไปที่ใดได้อีกหลังจากที่ตายไป?”
ฉินเย่รู้สึกมีแรงบันดาลใจในการทำงานขึ้นมาทันที
“นี่คือเหตุผลว่าทำไมเจ้าถึงความพยายามเรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับหน่วยสอบสวนพิเศษและสำนักฝึกตนให้มากกว่านี้ นอกจากนี้ยังต้องพยายามแทรกซึมเข้าไปในวงในของ SRC ให้ได้ด้วย ทั้งหมดนี้ก็เพื่อที่เจ้าจะสามารถเข้าถึงตัวของควาฟู่ได้อย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้…”
“ข้ารู้ ข้าจะเริ่มทำความเข้าใจเกี่ยวกับทั้งสองหน่วยเดี๋ยวนี้เลย!” ฉินเย่กดนิ้วลงไปบนแอป ‘สังหาร’ และไล่ดูเนื้อหาทั้งหมดอย่างสนใจ
ใครจะไปคิดว่าข้ารับใช้ของราชาแห่งยมโลกก็จะมีวันของมันเช่นกัน?!
อาร์ทิสมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ ขณะที่ฉินเย่ออกจากโม่โม่อย่างเชื่อฟัง และอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มลึกลับออกมา
พยายามที่จะขี้เกียจต่อหน้าข้าอย่างนั้นหรือ?
ข้ายังมีวิธีอีกนับพันที่จะกระตุ้นเจ้า!
“ถูกต้อง…หลังจากตายไปแล้วพวกนางจะไปที่ไหนได้? แต่ที่เรากำลังพูดถึงก็คือหากพวกนางตายในตอนนี้ หากเจ้ารอให้พวกนางแก่ตาย สิ่งเดียวที่เจ้าจะได้เจอก็มีเพียงผิวหนังเหี่ยวย่นและริ้วรอยต่าง ๆ เท่านั้น…หึหึหึ…ฮ่า ๆๆๆ!”
น่าเสียดาย ฉินเย่ได้หลงลืมคุณสมบัติอันเลวร้ายที่อาร์ทิสได้จงใจละเลยมัน ตอนนี้ เด็กหนุ่มได้ดำดิ่งลงไปกับข้อมูลภายในแอปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จิตใจของเขาสงบลงแล้ว และเขาเองก็รู้ดีว่าตัวเองไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหน่วยสอบสวนพิเศษรวมถึงสำนักฝึกตนที่กำลังจะถูกสร้างขึ้นมาเลยสักนิด ในเมื่อตอนนี้เขาได้รู้ถึงตัวตนของศัตรูที่เหล่ามนุษย์ต้องเผชิญหน้าด้วย มันก็คงจะเป็นการดีหากเขาจะเรียนรู้เกี่ยวกับหน่วยสอบสวนพิเศษให้มากขึ้นด้วย เพราะสุดท้ายแล้ว รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง [2]
ในส่วนนี้ของแอปไม่มีกระทู้ไร้สาระและไม่สำคัญเลยแม้แต่น้อย ผู้ใดก็ตามที่โพสต์เรื่องไร้สาระในเว็บบอร์ดส่วนนี้จะถูกระงับบัญชีทันที กระทู้ที่มีอยู่ในหน้านี้ล้วนเป็นกระทู้กรอบสีแดงที่มีข้อมูลสำคัญบางอย่างอยู่ทั้งสิ้น
หัวข้อบนหน้ากระทู้แรกเขียนว่า ‘เหตุการณ์ระดับ E และเหนือกว่านั้นมีส่วนทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 100 คน’
ฉินเย่ไม่ได้กดเข้าไปดูเนื้อหาทั้งหมด เขารู้ดีว่าข้อมูลพวกนี้ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับเขา เพราะสุดท้ายแล้ว ในเมืองเป่าอันก็ได้ถูกปิดการเข้าออกอย่างเข้มงวด ต่อให้จะมีรางวัลให้จริง ๆ แต่เขาจะออกไปจากเมืองเป่าอันได้อย่างนั้นเหรอ?
สิ่งที่เขากดเข้าไปกลับเป็นกระทู้ที่สองของหน้าเว็บบอร์ดแทน
โครงสร้างองค์กรของหน่วยสอบสวนพิเศษ
“หน่วยสอบสวนพิเศษถูกก่อตั้งมานานกว่า 50 ปี โดยสำนักงานใหญ่นั้นตั้งอยู่ที่เมืองเยียนจิง และมีหัวหน้าผู้ตรวจการทั้งสิ้นสองคน”
“กองอำนวยการ – รับผิดชอบการสืบสวนและตรวจสอบการกระทำของผู้ตรวจการทั้งหมด และพวกเขามีอำนาจที่จะสามารถจับกุมได้ตามที่เห็นสมควร พวกเขาประสานงานร่วมกับระดับผู้บังคับบัญชาของสำนักงานรักษาความปลอดภัย นอกจากนั้นยังติดต่อประสานงานกับทางทหารในระดับกองพัน ตลอดจนกองกำลังพิทักษ์ชาติอีกด้วย เมื่อใดก็ตามที่เกิดข้อพิพาทขึ้น หน่วยสอบสวนพิเศษจะมีความสำคัญสูงสุด”
“กองคลัง – รับผิดชอบในการประสานงานกับบริษัทใหญ่ ๆ และติดต่อกับรัฐบาลกลาง”
“กรมการปกครอง – รับผิดชอบในการรักษาระเบียบของของหน่วยสอบสวนพิเศษ ตลอดจนคอยตรวจดูการแจ้งเตือนจากสถานที่ต่าง ๆ นอกจากนั้นจึงรับหน้าที่ในการจัดหาและคัดคนจากตระกูลต่าง ๆ และผู้ฝึกตนจากทั่วทุกเมืองที่สมัครเข้ามาในหน่วยด้วย พวกเขาประสานงานกับผู้นำของนครแต่ละแห่งโดยตรง เมื่อใดก็ตามที่เกิดข้อพิพาทขึ้น หน่วยสอบสวนพิเศษจะมีความสำคัญสูงสุด”
“กองปฏิบัติการ – รับผิดชอบในการกระจายงาน มอบหมายงาน ตลอดจนจัดสรรกองกำลัง นอกจากนี้ยังต้องประสานงานกับผู้นำของนครต่า งๆ เมื่อใดก็ตามที่เกิดข้อพิพาทขึ้น หน่วยสอบสวนพิเศษจะมีความสำคัญสูงสุด”
…
หน่วยงานทั้งหมดประกอบกัน จนเกิดเป็นโครงสร้างของหน่วยสอบสวนพิเศษขึ้น
[1] นางคณิกาผู้มีชีวิตอยู่ในช่วงปลายราชวงศ์หมิง – ต้นราชวงศ์ชิง
[2] กลยุทธ์ในการรบจากตำราพิชัยสงครามของซุนจื่อ