ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 114 ผิดพลาด

ตอนที่114 ผิดพลาด
ถึงแบบนั้นในตรอกซอกซอยแบบนี้ก็ยังอยู่ในห้าง ดังนั้นจึงมีผู้คนเดินผ่านไปมาไม่เหมาะเท่าไหร่สำหรับการพูดคุย จ้าวเฉียนจึงพาชายหัวโล้นไปนั่งร้านกาแฟในระแงกใกล้เคียงแทน
เลือกที่นั่งหัวมุมลึกสุดของร้าน ทั้งสองนั่งประจำที่ กลับเป็นชายหัวโล้นที่นั่งลังเลอยู่สักครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถามขึ้นว่า
“คุณหาผมเจอได้ยังไง?”
จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มเล็กน้อยและตอบไปว่า
“พอดีแฟนฉันชอบถ่ายเซลฟี่น่ะ แล้วไปเห็นนายในรูปถ่ายเข้าโดยบังเอิญ”
“เอ่อ…พวกเธอทั้งหมดนั่นคือแฟนคุณงั้นเหรอครับ?”
“ใช่แล้ว แต่คนที่ยืนคุยด้วยตลอดคือแม่ฉันเอง พาพวกเธอมาเจอผู้ปกครองสักหน่อย ฮ่าฮ่า…”
“สุดยอด! หล่อเหล่าไม่พอ ยังมีพลังเหลือล้น! แล้วคุณทำยังไงให้พวกเธอไม่ตีกันเหรอครับ? เผื่อผมจะเอาเคล็บลับไปใช้บ้าง”
จ้าวเฉียนไม่พูดพล่ำทำเพลง ใช้มือขวาควักเงินที่ถอนออกมาและนั่งนับให้ดูกันแบบต่อหน้า พลางกพูดขึ้นว่า
“เคล็ดลับอย่างงั้นน่ะเหรอ…ก็เงินนี่ไง! มีเงินก็ทำได้ทุกอย่างนั้นแหละ คิดว่าไม่จริงเหรอ?”
“จริงแท้แน่นอนครับ! คนเราจะสามารถทำอะไรก็ได้ถามมีเงิน! ผมเองก็อยากใช้ชีวิตแบบคนรวยดูสักครั้งเหมือนกันครับ! จะว่าไปแล้ว…เรื่องเงินร้อยล้านที่คุณให้สัญญาเอาไว้ ยัง…เหมือนเดิมใช่ไหมครับ?”
“แน่นอน แต่ฉันได้ยินมาว่าเพื่อนของนายอีกสามคนถูกจับแล้ว ถ้าเป็นอย่างงี้นายยังปฏิบัติภารกิจตามที่ฉันสั่งได้อยู่อีกเหรอ?”
“แน่นอนครับ ยังทำได้แน่นอนครับ! ไอ้เวรหยางหมิงมันทำให้พี่น้องร่วมสาบานของผมถูกจับ แค้นนี้ต่อให้คุณไม่บอกผมก็ต้องชำระอยู่แล้วครับ! เพื่อพิสูจน์ความจริงใจ ผมไม่เอา100ล้านก็ได้ครับ ขอแค่50ล้านและคุณช่วยล้างประวัติผมให้ขาวสะอาดก็พอ!”
“ตราบเท่าที่นายทำให้ฉันพอใจได้ ฉันเองก็จะจ่ายในราคาที่นายพอใจเช่นกัน เอาล่ะ ฉันต้องรีบไปแล้ว ถ้าถูกแอบถ่ายในเวลานี้ พวกเราคงบำลากแน่”
“เอ่อ…คุณชายครับ ผม…ผมขอเงินสักก้อนใช้ก่อนได้ไหมครับ ผม…ไม่ได้กินข้าวมาสองวันแล้ว”
จ้าวเฉียนวางเงินปึกใหญ่ทั้งหมดในมือลงบนโต๊ะ และจากออกไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ชายหัวโล้นรีบหยิบเงินปึกนั้นใส่กระเป๋าเสื้อตัวเองและจากออกไปเช่นกัน
กลับมาที่รถของเขา จ้าวเฉียยส่งข้อความหาหวานเจียงถามถึงแม่ตัวเองว่าเป็นยังไงบ้าง ด้านเธอก็ส่งภาพเซลฟี่กลับมาให้เขาดู เห็นแบบนั้นก็คลี่ยิ้มเล็กน้อยด้วยความอุ่นใจ ก่อนจะส่งภาพเซลฟี่ของหวานเจียงก่อนหน้าให้หยางหู่ พร้อมโทรประกบทันที
“ฮาโหล เสี่ยวหู่ เห็นรูปที่ฉันส่งไปไหม?”
“เห็นแล้วครับคุณชายจ้าว ให้ผมไปลักพาตัวผู้หญิงในภาพมาใช่ไหม?”
“ฮ่าฮ่า…ไม่ใช่ ไม่ใช่! นายเห็นผู้ชายหัวโล้นที่อยู่ด้านหลังเธอไหม?”
“สักครู่นะครับ ขอผมซูมดูหน่อย”
หยางหู่เปิดรูปดังกล่าวและขยายซูมดูชายหัวโล้นที่อยู่ด้านหลังหวานเจียง จากนั้นเขาก็กล่าวขึ้นว่า
“คุณชายจ้าว ผมเห็นแล้วครับ ชายหัวโล้นคนนี้คือใครกันครับ?”
“หยางหมิงจ้างมือสังหารมาเก็บฉัน แต่เดิมมีกันสี่คนแต่ถูกตำรวจจับไปแล้วสาม เหลือเพียงเขาเท่านั้นที่ยังหนีรอดออกมาได้ ฉันให้สัญญากับเขาไว้ว่า จะให้เงิน100ล้านถ้าหมอนั่นสามารถจัดการหยางหมิงได้ แต่ยังไงก็ตาม ที่ฉันสั่งไปแบบนั้นก็เพื่อซื้อเวลาควบคุมไม่ให้มันมาลอบกัดฉันได้ นายช่วยจับเขาส่งตำรวจที”
“เข้าใจแล้วครับ”
“อืม แล้วหมอนี่เป็นมือสังหารมีประสบการณ์ บอกลูกน้องนายให้ระวังตัวเป็นพิเศษด้วยล่ะ”
“คุณชายจ้าวไม่ต้องกังวลครับ ผมจะส่งลูกน้องที่เคยประจำอยู่หน่วยรบพิเศษออกไปจัดการโดยเฉพาะเลยครับ มือสังหารแล้วยังไง? มีหรือจะสู้อดีตทหารสังกัดหน่วยรบพิเศษได้?”
จ้าวเฉียนฮัมเพลงท่าทางอารมณ์ดีและกดวางสายไป จากนั้นก็ขับรถกลับเข้าคฤหาสน์โดยเร็ว
แต่ยังไม่ทันจะขับออกพ้นที่จอดรถ แม่ของเขาก็โทรหาทันมด
“ฮาโหลลูก ตอนนี้แม่ยังอยู่ที่เดิม ร้านชุดไฮไว่ชั้นสาม รีบมาแม่เดี๋ยวนี้เลย!”
พอได้ยินน้ำเสียงของแม่ก็ดูท่าจะไม่พอใจอย่างมาก จ้าวเฉียนรีบถอยรถกลับไปจอดที่เดิมทันที และรีบวิ่งขึ้นไปยังชั้นสาม
ในไม่ช้า จ้าวเฉียนก็พบแม่และคนอื่นๆกำลังยืนเถียงกับพนักงานร้านคนหนึ่ง
จ้าวเฉียนรีบวิ่งไปหาและดึงแขนแม่ออกมาถามว่า
“แม่เป็นอะไรไหม? ทำไมถึงยังไม่กลับบ้านกันอีก?  แล้วมายืนเถียงอะไรอยู่แถวนี้?”
อวีกุ้ยเฟิงเดือดจัดเกินกว่าจะพูดออกมาได้ และเป็นหยวนมี่ที่รีบอธิบายให้ฟังแทน
“พวกเรากำลังจะกลับแล้ว แต่ขณะเดินผ่านร้านนี้คุณป้าก็อยากซื้อผ้าพันคอขึ้นมา เลยแวะเข้าไปเลือกดูหน่อย แต่พอไม่มีชิ้นไหนถูกใจเลยเดินออกมา แต่ทันทีที่เดินออกสัญญากันขโมยก็ดังขึ้น ไม่รู้ว่าใครเป็นคนยัดผ้าพันคอผืนนี้ลงในกระเป๋าของคุณป้า พนักงานพวกนี้เลยโบยว่า พวกเราขโมยของ แถมยังให้เราต้องจ่ายค่าชดเชยอีก ยังไงพวกเราก็ไม่คิดที่จะขโมยอยู่แล้ว ทำไมเราจ้องยอมจ่ายกับเรื่องที่เราไม่ผิดด้วยล่ะ?”
ทันทีที่พูดจบ ผู้ช่วยเจ้าของร้านก็เถียงกลับทันทีว่า
“ระวังคำพูดตัวเองหน่อยนะคะ จับได้คาหนังคาเขาว่าพวกคุณขโมยของจากในร้านไปชัดๆ แถมยังทำผ้าพันคอชำรุดอีก ตามกฎของทางร้านต้องจ่ายค่าเสียหายมาค่ะ”
“ถ้าขโมยของแล้วไม่ยอมชดใช้ ทางเราจะโทรแจ้งตำรวจ!”
อวีกุ้ยเฟิงโกรธจัดจนใบหน้าแดงก่ำ เธอคะตอกขึ้นลั่นว่า
“แล้วฉันจะขโมยผ้าพันคอเกรดต่ำแบบนี้ไปทำไม? ถ้าฉันต้องการจริงๆ ฉันสามารถซื้อกิจการของร้านนี้เลยก็ยังได้!”
ผู้ช่วยเจ้าของร้านยกมือขึ้นมาป้องปากทันทีและหัวเราะคิกคักไม่หยุด
“นี่เป็นเรื่องตลกที่สุดตั้งแต่ฉันเคยได้ยินมาเลยค่ะ คุณป้าปากเก่งจังนะคะ หวังว่าจะเก่งพอเมื่ออยู่ต่อหน้าตำรวจ!”
“ถึงพวกเราจะไม่รู้ว่าคุณป้าใส่เสื้อผ้ายี่ห้ออะไร แต่เนื้อผ้าก็สวยดีนะคะ ดูจากภูมิฐานไม่น่าจะยากจนนะ แต่ทำไมถึงทำตัวต่ำทรามแบบนี้กัน?”
อวีกุ้ยเฟิงเอ่ยตอบน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า
“ฉันพูดกี่ครั้งแล้วว่าไม่ได้ขโมยของ! ฉันขอเตือนพวกเธอเอาไว้อย่างนะ อย่าทำให้ฉันหงุดหงิด ไม่อย่างนั้นอนาคตพวกเธอไม่มีงานทำแน่!”
พอเห็นแม่ตัวเองกำลังจะหลุดปาก เปิดเผยตัวตนออกมา จ้าวเฉียนก็โมโหอย่างมาก เขาเดินเข้าไปตบไหล่แม่และบอกว่าเดี๋ยวเขาจะจัดการเอง
“ผมว่าแม่เกลือกกลั้วกับคนพวกนี้มากไปแล้วครับ ให้ผมจัดการต่อเองดีกว่า”
“ไม่! ถ้าวันนี้ไม่ได้สั่งสอนพวกนี่ซะบ้าง คงนอนไม่หลับแน่นอน!”
“ดี งั้นผมจะสั่งสอนให้คนพวกนั้นเข็ดหลาบเอง สบายใจได้”
“โอเค! ตราบเท่าที่ลูกทำระบายอารมณ์แทนแม่ได้ก็เอาให้เต็มที่!”
จ้าวเฉียนยิ้มตอบและกอดแม่เข้ามาในอ้อมแขน พลางเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับบรรดาพนักงานและผู้ช่วยผู้จัดการที่ยังกล่าวดูถูกดูแคลนไม่หยุดประดับคู่กับสายตาสุดน่ารังเกียจ
จ้าวเฉียนไม่สนใจพวกมดปลวกเหล่านี้อยู่แล้ว จึงถามหาผู้จัดการโดยตรง
“ใครคือผู้จัดการร้านนี้?”
ในขณะนั้นเองก็ปรากฏชายสวมแว่นเดินออกมา ถึงแม้เขาจะยิ้มให้แต่รอยยิ้มนั้นต่างทำให้ผู้คนชวนรู้สึกอึดอัดอย่างมาก
“ฉันเองเจ้าของร้าน พ่อหนุ่มมีอะไรรึเปล่า?”
จ้าวเฉียนไม่อยากทำความรู้จักกับอีกฝ่ายเท่าไหร่นัก จึงเอ่ยถามไปตรงๆว่า
“เนื่องจากคนของคุณยืนยันว่า แม่ของผมขโมยของจากทางร้านไป ถ้าอย่างนั้นขอตรวจสอบกล้องวงจนปิดหน่อยได้ไหม?”
“ฮ่าฮ่า…เสียใจด้วยนะพ่อหนุ่ม บังเอิญว่ากล้องวงจรปิดของทางร้านเสียพอดี แต่ไม่เป็นไร ยังไงก็มีพยานรู้เห็นตั้งมากมาย คงตรวจสอบได้ไม่ยากว่าใครผิดใครถูก”
จ้องพินิจไปยังชายสี่ตาท่าทีสุภาพต่อหน้า จ้าวเฉียนคาดเดาได้ทันทีว่า เจ้าหมอนี่แหละคือตัวการของแผนชั่วทั้งหมด
อย่างไรก็ตามแต่ มาพบกับจ้าวเฉียนในวันนื้ถือเป็นโชคร้ายสำหรับเขาอย่างแท้จริง
จ้าวเฉียนกล่าวตอบพลางหัวเราะขึ้นว่า
“ถ้าจะเอาแบบนี้ผมคงไม่จำเป็นต้องเปลืองน้ำลายพูดกับคุณแล้ว ต้องการอะไร?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า….พ่อหนุ่มเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า? ฝ่ายที่ต้องถามกลับเป็นผมมากกว่า ทั้งหมดเป็นของผิดของแท่คุณเอง ควรจะแสดงคำขอโทษหรือทำอะไรสักอย่างที่ดูมีความรับผิดชอบกว่านี้นะครับ?”
“หุหุ…หมายความว่าจะให้ผมรับผิดชอบให้ได้ว่างั้น? ต้องการเท่าไหร่ล่ะ?”
ชายหนุ่มสี่ตายังคงคลี่ยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้มและตอบไปว่า
“ค่าชดใช้เท่ากับสามเท่าของราคาสินค้าที่ขโมยไป ถ้าไม่รีบจ่ายมาผมจะโทรแจ้งตำรวจทันที”
ดวงตาคู่นั้นของจ้าวเฉียนเหยียบเย็นชั่วขณะ เขาหยิบสมุดเช็คขึ้นมาและเซ็นเช็คใบหนึ่งมูลค่าหนึ่งล้าน วางกระแทกเคาน์เตอร์พนักงานอย่างแรง และกล่าวกับบรรดาพนักงานร้านว่า
“ผมมีคำนิยามประจำใจอยู่เสมอ เงินสามารถแก้ไขปัญหาได้ทุกอย่าง! ใครก็ตามที่สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของแม่ผมได้ หยิบเช็คหนึ่งล้านใบนี้ไปขึ้นเงินได้เลย หรือจะโทรเช็คกับธนาคารก่อนก็ได้ผมไม่ว่า!”
พอป่าวประกาศออกไปแบบนั้นบรรยากาศร้านพลันเงียบสงัดลงทันที แม้ที่แห่งนี้จะเป็นร้านขายเสื้อผ้าหรู แต่พนักงานร้านก็มีรายได้ต่อปีประมาณ100,000หยวนเท่านั้น เช็คหนึ่งล้านใบนี้เพียงพอแล้วที่จะทำให้พนักงานเหล่านี้สุขสบายไปหลายปี ทางด้านผู้จัดการร้านเองก็ถึงกับผงะเมื่อเห็นอีกฝ่ายตีดสินใจแบบนี้ เขานึกไม่ถึงเลยว่าจ้าวเฉียนจะมาไม้นี้ ซื้อตัวพนักงานเพื่อให้มาทรยศเขา!

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

เนื้อเรื่องย่อ จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริง อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฝู บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอด บังเอิญไปเฉี่ยวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตำรวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีที่ไหนไทม่ทราบแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมถูกอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อฉกเถียงยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงขงอตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อำนาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ไล่ไสส่งออกจากตระกูลจ้าว และให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจำนวน 200,000หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้งได้ ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจำต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนควบตามที่กำหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา! “ประธานฟาง ฉันยินดีร่วมหุ้นกับบริษัทของคุณเป็นจำนวนเงิน3ล้านหยวน โดยมีเงื่อนไขว่า คุณไม่ได้รับอนญาตให้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของผม ไม่อย่างนั้นผมจะถอนทุนทั้งหมดออกทันที” “เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว” “ฮิฮิ….ตราบใดที่เข้าใจแล้ว ก็ทำให้ได้ แล้วคุณรู้ไหมว่า ผู้จัดการหวัง เจ้านั้นมันต้องการขับไล่ผมออกจากบริษัท คิดว่าผมควรทำยังไงดี?” “ง่ายมากค่ะ! ฉันจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้!” “ไม่ ไม่… ผมยังเล่นกับเขาไม่จุใจเลย จะไล่ออกไปง่ายๆได้ยังไง?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset