ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 13 ฉันต้องการเอกสาร

ตอนที่13 ฉันต้องการเอกสาร
เจวียงหยวนไม่มีทางเลือกหากไม่อยากตกงาน จึงจำใจต้องคุกเข่าขอร้างจ้าวเฉียน
“จ้าวเฉียน ฉันขอโทษ ฉันสำนึกผิดแล้ว ได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วย”
ทุกคนต่างถอนหายใจอย่างลับๆ ด้วยความสิ้นหวัง
เจวียงหยวนมักจะปฏิบัติต่อจ้าวเฉียนแย่ๆ แบบนี้มาโดยตลอด แล้วจ้าวเฉียนจะไปยกโทษให้ได้ยังไง? แน่นอน เขาต้องใช้โอกาสนี้ขับไล่เจวียงหยวนออกจากบริษัท!
จ้าวเฉียนวางแก้วกาแฟลงอย่างใจเย็น และเอ่ยปากบอกกับเจวียหยวนที่เนื้อตัวสั่นเทาไม่หยุดว่า
“คนเรามันพลาดกันได้ ลืมๆ ไปเถอะ”
ฟางนี่ตระหนักดีถึงความไม่พอใจกันระหว่างจ้าวเฉียนกับเจวียงหยวน
ส่วนเจียงเสี่ยวปิงที่นั่งมองอยู่บนโต๊ะทำงานก็ไม่ได้พูดอะไร
จ้าวเฉียนเหลือบแลไปทางเจียงเสี่ยวปิงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเธอมากนัก เขาหันมายิ้มกล่าวกับเจวียงหยวนว่า
“พวกเราทุกคนเป็นคนของบริษัทฟางนี่ ดังนั้นก็ถือเป็นพวกพ้อง ในเมื่อนายรู้จักสำนึกแล้ว ฉันก็ไม่ได้ติดใจเอาความอะไร คราวนี้ก็อย่าเห็นประโยชน์ส่วนตัวจนไปเบียดเบียนส่วนรวมล่ะกัน”
ทันทีที่ได้ยินแบบนี้ทุกคนต่างตกตะลึงกันอย่างยิ่ง
ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าจ้าวเฉียนตะใจกว้างและให้อภัยเจวียงหยวนจริงๆ ทัศนคติของแต่ละคนที่มีต่อจ้าวเฉียนเปลี่ยนไปทันที ฟางนี่กล่าวชื่นชมทันทีว่า
“ทุกคน เรียนรู้จากบทเรียนในครั้งนี้เอาไว้ ทั้งๆ ที่พวกแกกลั่นแกล้งจ้าวเฉียนไปขนาดนั้น แต่เขาก็ยังพร้อมให้อภัยเสมอ! พวกแกทุกคนหัดละอายใจบ้างนะ!”
ทุกคนต่างก้มหน้าก้มตาลงทันทีเพราะรู้สึกละอายใจกับคำพูดนี้ของฟางนี้เป็นอย่างมาก ไม่มีใครกล้าเงยหน้ามองฟางนี่เลยแม้แต่คนเดียว
“เข้าใจแล้วก็ดี ไม่ต้องอายกันหรอก หวังว่าทุกคนจะจำสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นบทเรียน เจวียงหยวน แม้ว่าจ้าวเฉียนจะยกโทษให้ แต่แกเองก็ทำให้บริษัทของเราสูญเสียเม็ดเงินก้อนใหญ่ ยังไงก็ต้องรับผิดชอบ! เอาแบบนี้แล้วกัน….ฉันขอหักเงินเดือนรอบนี้ คิดว่างยังไงบ้าง?”
เจวียงหยวนส่ายหัวโดยเร็วพร้อมบอกว่าไม่มีปัญหา ทั้งยังเอ่ยขอบคุณที่ฟางนี่ยอมให้โอกาสเขาแก้ตัวใหม่
ฟางนี่พยักหน้าตอบและกลับไปยังห้องทำงานของเธอ ส่วนคนอื่นๆ ต่างรีบกลับไปประจำที่พร้อมเริ่มทำงาน
หวังเฉียงรู้สึกหม่นหมองจิตใจอย่างยิ่ง ที่ประธานฟางกล่าวชื่นชมจ้าวเฉียนต่อหน้าทุกคนในบริษัท
เขารู้สึกว่าการที่ประธานฟางพูดชื่นชมจ้าวเฉียนแบบนี้ มันไม่ต่างอะไรกับการตบหน้าเขาเลย เนื่องจากแฟนคนปัจจุบันของเจียงเสี่ยวปิงคือเขา ในขณะที่แฟนเก่าของเธอก็คือจ้าวเฉียน ดังนั้นเขาไม่ยอมปล่อยให้เจียงเสี่ยวปิงมองเห็นเขาด้อยกว่าจ้าวเฉียนแน่นอน
พอคิดได้แบบนั้น หวังเฉียนโมโหจนเดือดจัดและเรียกเจียงเสี่ยวปิงให้เข้ามาหาโดยตรง
“เสี่ยวปิง ไปเรียกจ้าวเฉียนมา”
เจียงเสี่ยวปิงเอ่ยถามกลับไปทันทีว่า เขาต้องการจทำอะไร
“ไม่ต้องถาม ไปเรียกมาได้แล้ว”
เจียงเสี่ยวปิงรีบเดินออกไปยังโต๊ะทำงานของจ้าวเฉียนทันที
“จ้าวเฉียน ผู้จัดการหวังเรียกให้ไปหา”
เจียงเสี่ยวปิงยังคงดูหยิ่งหยอง ทัศนคติที่มีต่อเขาช่างแย่เหลือเกิน
อย่างไรก็ตาม จ้าวเฉียนกลับไม่ได้สนใจเธอเลย ไม่แม้แต่เหลือบมองเธอด้วยซ้ำ
ในไม่ช้า เขาก็มาถึงห้องทำงานของหวังเฉียง
“ผู้จัดการหวังมีอะไรหรือเปล่า?”
หวังเฉียนโยนเอกสารกองหนึ่งลงบนโต๊ะ และพูดขึ้นว่า
“ช่วยก็อปปี้เอกสารพวกนี้ให้ที ทั้งด้านหน้าและหลังเลยนะ”
“ขอโทษนะครับผู้จัดการหวัง ผมอยู่แผนกวางแผนงาน ไม่ใช่เลขาของคุณ ทำไมไม่ขอให้เจียงเสี่ยวปิงมาทำแทน?”
หวังเฉียงที่ได้ยินแบบนั้นยิ่งไม่มีความสุขเข้าไปใหญ่ เขาตบโต๊ะเสียงดังลั่นและตะคอกใส่ทันที
“แกนี่มันทัศนคติแย่จริงๆ! ฉันเป็นถึงผู้จัดการของแก แต่แกกล้าปฏิเสธฉัน? กับอีกแค่ก็อปปี้เอกสารมันจะยากอะไรนักหนา!?”
จ้าวเฉียนหัวเราะเจือสายตารังเกียจที่มองใส่อีกฝ่าย และตอบเสียงเรียบกลับไปว่า
“ไม่ยากแต่ไม่ทำครับ ผมขอพูดซ้ำอีกครั้ง ผมอยู่แผนกวางแผนงาน ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวก่อนนะครับ”
“แกกล้างั้นเหรอ?! กล้าขัดคำสั่ง…”
“ปัง!!”
เสียงประตูปิดดังกระแทกหน้าหวังเฉียนเต็มๆ
เขาทุบโต๊ะอีกรอบพร้อมลุกขึ้นพรวด สีหน้าบิดเบี้ยวน่าเกียจเต็มไปด้วยความโกรธ
จ้าวเฉียนไม่ให้หน้าเขาเลยสักนิด พอพูดจบก็เดินเปิดประตูจากออกไปทันที
หวังเฉียนตอนนี้ถึงขีดจำกัดแล้ว เขารีบเปิดประตูเดินออกไปหาฟางนี่ทันที เพื่อรายงานพฤติกรรมแย่ๆ ของจ้าวเฉียนให้ฟัง
“ประธานฟาง ไอ้เจ้าจ้าวเฉียนมันได้ใจใหญ่แล้วหลังจากที่ท่านเอ่ยปากชมมัน! แค่ฉันวานให้เขาก็อปปี้เอกสารดีๆ มันกลับปฏิเสธทั้งยังปิดประตูเสียงดังใส่หน้าอีก! นี่ประธานฟางจะปล่อยพนักงานนิสัยแบบนี้อยู่ในบริษัทต่อไปจริงๆ งั้นเหรอ?”
ฟางนี่วางปากกาด้ามสวยในมือลง และกล่าวตอบพร้อมท่าทีที่ไม่ได้ใส่ใจอะไรว่า
“ฉันคิดว่าจ้าวเฉียนพูดถูกแล้วนะ เขาอยู่แผนกวางแผนงานไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่นายต้องวานให้เขาไปก็อปปี้เอกสารให้เลย ฉันจ่ายเงินเดือนเขาให้มาคิดแผนงาน ไม่ใช่ให้มาเป็นเลขาส่วนตัวนาย เรื่องที่จะพูดมีแค่นี้ใช่ไหม งั้นก็ออกไปได้แล้ว!”
หวังเฉียนตกตะลึงอย่างยิ่งเมื่อได้ยินแบบนั้น ถึงขั้นคิดกับตัวเองในใจว่า ทำไมประธานฟางถึงต้องคอยปกป้องจ้าวเฉียนตลอด?
แต่ในเวลานี้เอง จ้าวเฉียนก็เปิดประตูเข้ามา
“ประธานฟาง ผมต้องออกไปทำธุระเร่งด่วนข้างนอก ขออนุญาตลานะครับ?”
“โอ้? ธุระอะไรงั้นเหรอ?”
“ผมต้องการไปยังบริษัทแม่ซิงหยวน เพื่อขอให้บริษัทย่อยบ็อกเชอร์กลับมาร่วมมืออีกครั้งน่ะครับ”
หวังเฉียงที่พลันได้ยินแบบนั้นเข้าก็ระเบิดหัวเราะเยาะดังลั่น
“นี่แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ใหญ่โตมากรึไงถึงมีหน้าไปขอความร่วมมือใหม่จากบริษัทแม่?”
จ้าวเฉียนเหลือบมองหวังเฉียงด้วยหางตาเล็กน้อย คลี่ยิ้มบางพูดขึ้นว่า
“ดูท่าผู้จัดการหวังคงประเมินผมไว้สูงไม่น้อยเลย”
“ฮ่าฮ่า…แล้วแกคิดว่าฉันประเมินแกสูงแค่ไหนล่ะ? ถ้ามันทำสัญญากันใหม่ง่ายขนาดนี้ ฉันยังต้องอยู่ทำงานอีกรึไง? มาเป็นผู้จัดการแทนเลยไหมล่ะ? อย่างนายจะไปรับผิดชอบงานใหญ่ๆ ได้ยังไง? นี่เป็นหัวหน้าแผนกวางแผนได้ก็คงบังเอิญ ฮ่าฮ่า…”
“ถ้าอย่างนั้น ทำไมผู้จัดการหวังไม่มาเดิมพันกับผมหน่อยเป็นไง? หากผมสามารถทำให้ทั้งสองบริษัทกลับมาร่วมมือใหม่ได้สำเร็จ คุณต้องตบหน้าตัวเองต่อหน้าทุกคนแล้วขอโทษผม ว่ายังไงครับ?”
หวังเฉียนตอบตกลงทันทีโดยไม่มีลังเล
“ไม่มีปัญหา! แต่ถ้าแกทำไม่สำเร็จละ?”
“ก็แล้วแต่คุณเลย จะทำอะไรผมก็ได้ตามสะดวก”
หวังเฉียงระเบิดหัวเราะชุดใหญ่ด้วยความสะใจ การเดิมพันครั้งนี้คงรู้ผลลัพธ์อยู่แล้ว
ฟางนี่ที่นิ่งเงียบไปนาน จู่ๆ ก็พูดขึ้นว่า
“จ้าวเฉียน นี่นายมั่นใจใช่ไหมว่า จะสามารถนำบริษัทบ็อกเชอร์กลับมาร่วมมือกันเราได้?”
“แน่นอนครับ”
“เข้าใจแล้ว ตราบเท่าที่นายสามารถทำให้สองบริษัทร่วมมือกันอีกครั้งได้สำเร็จ นายไม่ต้องเข้ามาทำงานก็ได้ และฉันยังคงจ่ายเงินเดือนนายเหมือนเกิม!”
“งั้นต้องขอบคุณประธานฟางมากครับ ยังไงผมก็ขอตัวก่อนนะครับ เตรียมรอข่าวดีได้เลย”
จ้าวเฉียนเดินออกไปทันทีหลังพูดจบ
ฟางนี่ไม่ต้องการจะอยู่กับหวังเฉียงไปนานกว่านี้ จึงพูดเตือนว่า
“นายเป็นถึงผู้จัดการ แต่กับแค่ก็อปปี้เอกสารยังทำไม่ได้? หัดทำตัวให้สมกับตำแหน่งหน่อยก็ดีนะเข้าใจไหม?”
หวังเฉียงพยักหน้าตอบทันทีด้วยความละอาย และจากออกไปทันที เมื่อเดินทางบริเวณออฟฟิศสำนักงาน ทุกคนก็ทักถามทันทีว่า เมื่อครู่จ้าวเฉียนไปคุยอะไรกับประธานฟางมา
“เหอะ! ไอ้เวรนั้นบอกว่าจะไปที่บริษัทซิงหยวนเพื่อเจรจาขอความร่วมมือกลับมา ฝันกลางวันชัดๆ!”
ทุกคนต่างระเบิดเสียงหัวเราะโดยไม่ได้คิดอะไรจริงจัง
บริษัทซิงหยวนเป็นกลุ่มอิทธิพลแบบไหนกัน? แท้จริงแล้วเป็นถึงบริษัทจำหน่ายเกมอันดับหนึ่งของประเทศ แม้ว่าบ็อกเชอร์จะเป็นแค่หนี่งในเครือย่อย แต่ความยิ่งใหญ่ก็ติดหนึ่งในห้าของประเทศอยู่ดี ไม่อาจรู้ได้เลยว่ามีอีกกี่บริษัทที่ต้องการความร่วมมือด้วย แล้วจ้าวเฉียน พนักงานตัวกระจ๋อยคนเดียวจะไปโน้มน้าวให้พวกเขากลับมาร่วมมือกับบริษัทฟางนี่ได้ยังไง? นี่เขากำลังฝันกลางวันอยู่รึไง?
เจียงเสี่ยวปิงนั่งเงียบๆ ไม่มีปฏิกิริยาอะไร แต่หากสังเกตให้ดีเธอกำลังแสยะยิ้มเยาะเย้ยอยู่
“โชคดีจริงๆ ที่ตอนนั้นฉันตัดสินใจถูก เลิกกับมันไปตั้งแต่เนินๆ ตอนนี้ไม่ใช่แค่หลงตัวเอง แต่ยังคิดว่าตนเองใหญ่ค้ำฟ้า กับแค่ถูกล็อตตอรี่ครั้งเดียวถึงกับลืมตีนตัวเอง เหอะ เหอะ…คบกับคนไร้อนาคตแบบนี้ ฉันคงมีชีวิตที่ดีตายแหละ!”
ในบรรดาเพื่อร่วมงานทั้งหมด คนที่รังเกียจจ้าวเฉียนที่สุดก็คือเจียงเสี่ยวปิง และคนที่ไม่ต้องการเห็นจ้าวเฉียนประสบความสำเร็จที่สุดก็คือเธอเช่นกัน
เพราะถ้าหากจ้าวเฉียนประสบความสำเร็จในภายหลัง คนที่ต้องเสียใจที่สุดก็คือเธอ เวลาไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ และถ้ามองย้อนกลับไปคนที่ทำร้ายจิตใจของจ้าวเฉียนที่สุดก็คือเธอ การจะเปลี่ยนสีกลับมาคืนดีเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้แน่นอน พอได้ยินว่าจ้าวเฉียนกำลังจะเดินทางไปบริษัทซินหยวน เธอก็สบายใจขึ้นมาทันตา เพราะสิ่งนี้ได้ช่วยยืนยันแล้วว่า ในท้ายที่สุดเธอก็ตัดสินใจถูกจริงๆ ที่เลิกกับเขา แต่…เจียงเสี่ยวปิงจะไปรู้ได้อย่างไรว่า ที่จริงแล้ว บริษัทซิงหยวนเป็นหนึ่งในบริษัทที่พ่อของจ้าวเฉียนเป็นเจ้าของ

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

เนื้อเรื่องย่อ จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริง อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฝู บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอด บังเอิญไปเฉี่ยวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตำรวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีที่ไหนไทม่ทราบแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมถูกอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อฉกเถียงยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงขงอตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อำนาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ไล่ไสส่งออกจากตระกูลจ้าว และให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจำนวน 200,000หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้งได้ ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจำต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนควบตามที่กำหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา! “ประธานฟาง ฉันยินดีร่วมหุ้นกับบริษัทของคุณเป็นจำนวนเงิน3ล้านหยวน โดยมีเงื่อนไขว่า คุณไม่ได้รับอนญาตให้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของผม ไม่อย่างนั้นผมจะถอนทุนทั้งหมดออกทันที” “เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว” “ฮิฮิ….ตราบใดที่เข้าใจแล้ว ก็ทำให้ได้ แล้วคุณรู้ไหมว่า ผู้จัดการหวัง เจ้านั้นมันต้องการขับไล่ผมออกจากบริษัท คิดว่าผมควรทำยังไงดี?” “ง่ายมากค่ะ! ฉันจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้!” “ไม่ ไม่… ผมยังเล่นกับเขาไม่จุใจเลย จะไล่ออกไปง่ายๆได้ยังไง?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset