ตอนที่156 สั่งการ
เหลียงปี้ซ่งโบกมือทักให้ลูกชายและลูกสาวของตนกลับบ้าน
จ้าวเฉียนยืนขึ้นส่งพวกเขาด้วยท่าทีสุภาพ แต่เหลียวเซียวหยุนกลับดูไม่ค่อยเต็มใจที่จะจากไปเท่าไหร่นัก เธอยังคงเหลียวมองจ้าวเฉียนไม่ห่าง
“จ้าวเฉียน พรุ่งนี้มาหาฉันที่บริษัทตอนเก้าโมงนะ แล้วค่อยคุยกันต่อว่าจะเอายังไง ฉันจะทำให้นายดิลสำเร็จแน่นอน”
เหลียวเซียวหยุนกล่าวย้ำอีกรอบ ราวกับอยากให้เขามาเจอหน้าพรุ่งนี้เร็วๆ
“ฮ่าฮ่า…ผมรู้ครับ พรุ่งนี้หลังคุยเสร็จแล้ว เดี๋ยวจะเชิญให้มาเยี่ยมชมที่ออฟฟิศผม ฝากบอกแผนกต้อนรับด้วยนะครับ อย่าไล่ผมอีก”
เหลียวเซียวหยุนรวนหัวเราะอย่างถูกอกถูกใจและโบกมือลาจ้าวเฉียน
จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มบางโบกมือตอบเธอกลับ และเตือนว่าอย่าขับรถเร็วนัก
เหลียวเซียวหยุนเหลียวหลังกลับมาหา พร้อมตะโกนลั่นให้จ้าวเฉียนไปว่า
“ขอบคุณนะที่สร้างช่วงเวลาดีๆแบบนี้ให้ฉัน ตั้งแต่เจอนาย ฉันมีความสุขมากเลย!”
หลังจากนั้นเหลียวเซียวหยุนก็รีบวิ่งนำพ่อกับพี่ชายออกไปทันที
ทั้งเหลียวปี้ซ่งกับเหลียวเซียวหลงใบหน้าดูจริงจังขึ้นมาถนัดตา เหมือนว่าเหลียวเซียวหยุนจะชอบจ้าวเฉียนเข้าจริงๆแล้ว
จ้าวเฉียนนั่งเล่นอยู่ในห้องอาหารอยู่ครู่หนึ่ง และเป็นผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมที่เข้ามาหาอย่างเงียบงัน
“คุณชายจ้าว เหลียวปี้ซ่งทำอะไรให้คุณลำบากใจรึเปล่า?”
จ้าวเฉียนส่ายหัวและตอบกลับไปว่า
“ไม่เลย นี่แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น เป็นปกติของพ่อที่ต้องเป็นห่วงลูกสาว ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ฉันขอตัวกลับไปนอนก่อน”
“คุณชายจ้าวเดินทางกลับระมัดระวังนะครับ แล้วถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น สามารถโทรหาผมได้ทุกเมื่อเลยนะครับ ผมจะรีบไปหาทันที”
“อย่าสุภาพเกินไปเลย ฉันรู้ดีว่ะไรเป็นอะไร ไปก่อนล่ะ”
“โชคดีครับคุณชายจ้าว”
จ้าวเฉียนเดินทางออกจากโรงแรมตงไห่ และขับรถตรงไปยังคฤหสน์ทันที
ยามจ้าวเฉียนตื่นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น โทรศัพท์มือถือของเขาพลันดังแจ้งเตือนว่า วันนี้เขามีนัดตอนสิบโมงเช้า
ในงานราตรีคืนที่ผ่านมา เขาได้เชิญผู้กำกับและผู้อำนวยการชางให้มาเข้าเยี่ยมชมบริษัทเฉียนเก๋อของเขา ตอนสิบโมงเช้าของวันนี้
แต่เมื่อคืนเขาเพิ่งสัญญากับเหลียวเซียวหยุนไปเองว่า จะนัดเจอเธอที่หัวโหย้วตอนเก้าโมงเช้า เพื่อเจรจาเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างสองบริษัท
มีเวลาว่างแค่หนึ่งชั่วโมง คงต้องหมดไปกับการจราจรที่ติดขัดบนท้องถนนอย่างเลี่ยงไม่ได้ และเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จ้าวเฉียนจะทำทั้งสองอย่างพร้อมกัน ดังนั้นเขาจึงรีบโทรหาเหลียวเซียวหยุนทันทีและกล่าวว่า
“คุณเหลียว รถผมจู่ๆก็มีปัญหา ผมขอเอารถไปซ่อมก่อน ที่นัดกันขอเลื่อนไปตอนเที่ยงได้ไหมครับ? ถือซะว่าไปทานอาหารเที่ยงด้วยกันไปเลย?”
“ตาบ้า! ร้ายไม่เบานะ! หาข้ออ้างชวนฉันออกไปเดทรึไง?”
จ้าวเฉียนลอบถอนหายใจอย่างหมดหนทาง แต่ในเมื่อเธอคิดแบบนั้น เขาก็ได้แต่ต้องตามน้ำไป
“อืม…งั้นผมไม่อ้อมค้อมแล้วนะ ไปทานข้าวกับผมได้ไหม?”
เหลียวเซียวหยุนยกมือป้องปากหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข เธอตอบกลับไปทันทีว่า
“ได้สิ กินที่โรงแรมตงไห่เนอะ?”
“โอเค เจอกันตอนเที่ยงที่โรงแรมตงไห่ พอไปถึงแล้วก็แจ้งชื่อผม และไปนั่งรอที่ห้องอาหารก่อนเลย สั่งอะไรก็ได้ตามใจไม่ต้องรอทานพร้อมผม”
“เข้าใจแล้ว เจอกันตอนเที่ยง”
พอวางสายไป จ้าวเฉียนพลันถอนหายใจเฮือกใหญ่
เวลาไม่คอยท่า จ้าวเฉียนรีกลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวทันที พอแวะซื้ออาหารเช้าเสร็จ เขาก็ขับรถตรงไปที่บริษัทฟางนี่โดยตรง
ฟางนี่กับจางหยางมาถึงแล้ว จ้าวเฉียนรีบเดินไปทักก่อนที่ทั้งสองจะแยกย้ายกันไปทำงานว่า
“ประธานฟาง เดี๋ยวผมขอตัวออกไปข้างนอกนะครับ”
“ไม่มีปัญหา อันที่จริงถ้าจะออกไปไหนนายไม่ต้องมาขออนุญาตฉันหรอก”
แต่เมื่อได้ยินแบบนั้น กลับเป็นจางหยางที่ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
“เมื่อวันหนีไปเที่ยวเล่นยังไม่พออีกเหรอ? เมื่อวานไปพิพิภัณฑ์สัตว์น้ำ วันนี้ไปไหนดีล่ะ? สัตว์บกดีไหม?”
เมื่อทุกคนในออฟฟิศได้ยินว่า จ้าวเฉียนแอบหนีเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเมื่อวาน แต่ละคนต่างเหลือบมองจ้าวเฉียนด้วยความแปลกใจ แม้จะไม่มีใครกล้ายั่วยุจ้าวเฉียนในปัจจุบันแล้วก็จริง แต่แอบหนีเที่ยวในเวลางานแบบนี้กลับดูน่ารังเกียจเกินไปจริงๆ
ฟางนี่รีบตรงไปศอกกระทุ้งใส่จางหยางและกล่าวขึ้นว่า
“จางหยางนี่คุณยังไม่รู้จักจ้าวเฉียนอีกเหรอ? ที่เขาต้องไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำก็เพราะต้องค่อยดูแลคู่ค้า เขาไม่มีทางเที่ยวเล่นโดยลำพังแน่นอน คุณน่ะไม่รู้อะไรเลย”
จางหยางกรนเสียงเย็นใส่ฟางนี่คำหนึ่ง นับวันเขายิ่งรู้สึกไม่พอใจในตัวฟางนี่มากขึ้น ทุกครั้งที่จ้าวเฉียนก่อปัญหา กลับเป็นเธอที่ออกมาแก้ตัวให้มันทุกครั้งไป ถึงทุกคนจะไม่เชื่อ แต่ฟางนี่กลับเชื่อใจในตัวเขายิ่งกว่าสามีตัวจริงอีก
“จริงจังอะไรของคุณ? ผมแค่หยอกเขาเล่นเฉยๆ”
จางหยางกล่าวสวนตอบกลับไปเจือท่าทีหงุดหงิด หลังจากพูดจบ เขาก็เดินกลับไปที่ห้องทำงานทันที
ฟางนี่คลี่ยิ้มอ่อน อ้อมไปกระซิบกับจ้าวเฉียนว่า
“ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก”
จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มเล็กน้อยพร้อมพยักหน้าตอบ คล้อยหลังออกจากบริษัท เขาก็ขับรถตรงไปที่บริษัทเฉียนเต๋อของเขาทันที
เมื่อมาถึงภายในตึก ยังเหลือเวลาอีกประมาณ50นาที แต่ทั้งชางอี้และผู้กำกับอีกสองคนก็มาถึงกันแล้ว
จ้าวเฉียนจึงเชิญพวกเขาเข้าไปในออฟฟิศของบริษัทเฉียนเก๋อทันที
เนื่องจากทั้งสามคนนี้ล้วนเป็นผู้มีชื่อเสียงอย่างมากในวงการบันเทิง จึงทำให้บรรดาพนักงานภายในออฟฟิศตื่นอกตื่นเต้นกันอย่างมาก แต่หยวนมี่ก็ย้ำเตือนกับทุกคนเอาไว้แล้วว่า ห้ามให้ใครเข้าขัดจังหวะในห้องประชุมเด็ดขาด มิฉะนั้นจะถูกไล่ออกทันที
จ้าวเฉียนเรียนเชิญพวกเขานั่งประจำที่และหารือเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจและแผนงานที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
“พวกคุณในที่นี้ เวลาล้วนมีค่า ถ้าอย่างนั้นผมขอเข้าเรื่องไม่อ้อมค้อมแล้วนะครับ ผมทราบดีว่าทั้งสี่ท่านล้วนมีสตูดิโอเป็นของตัวเองและมีความสามารถในการถ่ายทำภาพยนตร์ได้ ดังนั้นผมอยากให้ผู้กำกับทั้งสามสร้างหนังที่เหมาะสำหรับจุดแข็งของแต่ละคน พวกคุณทุ่มเทกับผลงาน100% ผลตอบแทนที่พวกคุณจะได้รับเท่ากับ110% ส่วนกลวิธีการถ่ายทำก็ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคนเลยครับ”
สำหรับผู้กำกับคนแรกอย่าง เจียจิ่งเคอ เขาคนนี้ถนัดด้านการสร้างหนังวรรณกรรม แต่ถึงอย่างไรหนังแนวนี้โดยส่วนใหญ่มักจะขาดทุน มีนักลงทุนกลุ่มน้อยมากที่กล้าลงทุนกับเขา
แต่ตอนนี้จ้าวเฉียนเองก็อยากได้หนังประเภทวรรณกรรมมาสักเรื่อง และไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าเขาแล้ว
หวางจิ้งเป็นผู้กำกับสายพาณิชย์ขนานแท้ สามารถจับกระแสดังและความสนใจของผู้ชมในขณะนั้นได้ และนำจุดนั้นมาชูในหนัง ซึ่งผลงานโดยส่วนใหญ่ของเขาแทบจะกำไรหมดทุกเรื่อง
ส่วนผู้อำนวยการชางอี้ เธอเคยมีประสบการณ์ทำงานร่วมกองถ่ายกับดาราฮอลลีวูดมาแล้วหลายคคน ผลงานของเธอเป็นที่รู้จักในวงกว้าง และขึ้นชื่อด้านคุณภาพการกำกับดูแล แม้แต่ฉากทานอาหาร เธอยังบรรจงเลือกร้านให้เหมะสมกับฉากนั้นๆ หนังที่เธอเคยกำกับดูแลมีทั้งกำไรและขาดทุน ขึ้นอยู่กับนายทุนว่าจะกำหนดงบประมาณได้มากน้อยแค่ไหน
เจียจิ่งเคอค่อนข้างดีใจอย่างมาก ในที่สุดก็มีนักลงทุนมองเห็นคุณค่าของหนังเชิงวรรณกรรม และชางอี้และหวางจิ้งเองก็มั่นใจในฝีมือตนเองมากพอ สามารถกวาดรายได้ทะลุบ็อกซ์ออฟฟิศได้แน่นอน พวกเขาทั้งสามต่างเห็นพ้องต้องกัน
จ้าวเฉียนยิ้มและลุกขึ้นจับมือกับทั้งสาม จากนั้นก็กล่าวว่า
“ในเมื่อการเจรจาเบื้องต้นของเราบรรลุผลแล้ว หลังจากนี้ผมจะให้ผู้จัดการหยวนมี่ส่งเอกสารรายละเอียดต่างๆให้ในภายหลังนะครับ”
ชางอี้กล่าวตอบด้วยรอยยิ้มว่า
“ตอนนี้พวกเขาขอเยี่ยมชมออฟฟิศคุณได้ไหมค่ะ?”
“ใช่ครับ ขอผมไปด้วย”
เจี้ยจิ่งเคอกล่าวเสริม
หวางจิ้งพยักหน้าเห็นด้วยอีกคน
“ดิฉันด้วยค่ะ”
จ้าวเฉียนยิ้มตอบกลับไปว่า
“ไม่มีปัญหาครับ ผู้จัดการหยวนมี่จะพาทั้งสามเยี่ยมชมโดยรอบออฟฟิศแห่งนี้เองครับ เนื่องจากผมมีธุระต่อ ถ้าเช่นนั้นขอเสียมารยาทไม่ได้อยู่ดูแลต่อนะครับ ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้จริงๆ หยวนมี่ พาทั้งสามเยี่ยมชมออฟฟิศด้วยนะ”
ทั้งสามบอกลาจ้าวเฉียนและติดตามหยวนมี่เข้าไปในออฟฟิศ
จ้าวเฉียนรีบฉวยโอกาสนี้ออกมาทันที และเรื่องตัวตนของเขาเองก็ไม่อยากให้พนักงานในที่แห่งนี้ทราบเช่นกัน
เดินทางออกจากตัวออฟฟิศประมาณสิบเอ็ดโมงเห็นจะได้ ระหว่างทาง จ้าวเฉียนต่อสายตรงโทรหาเหลียวเซียวหยุนทันที
“นี่ซ่อมเสร็จแล้วนะ ผมกำลังเดินทางไปที่โรงแรม อีกสักพักคงถึงแล้ว”
“อืม…เข้าใจแล้ว ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ แล้วเจอกันนะ”
เหลียวเซียวหยุนเอ่ยตอบกลับไปอย่างมีความสุข
ขณะขับรถอยู่ จู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง พอจ้าวเฉียนเหลือบไปมองบริเวณหน้าจอแสดงผล ปรากฏว่าเป็นชื่อจางหยาง “ฮาโหลครับผู้จัดการจาง มีอะไรรึเปล่า?”
จ้าวเฉียนทักถามทันที
“ฉันมีเรื่องจะถามนายหน่อยน่ะ เรื่องบริษัทหัวโหย้วไปถึงไหนแล้ว?”
ฟังจากน้ำเสียงของจางหยาง ดูท่าเขากำลังมีความสุขอย่างยิ่ง
“กำลังดำเนินการอยู่ครับ โทรมาหาแบบนี้ ดูเหมือนว่าผู้จัดการจางคงมีเรื่องดีๆอยากมาเล่าให้ผมฟัง?”
“ฮ่าฮ่า…ถูกต้องเลย! หลังจากที่ฉันกับหวังเฉียงพยายามกันอย่างหนักทั้งอาทิตย์ ในที่สุดเขาก็ใกล้จะได้เซ็นสัญญากับบริษัทเหล่ยอู่แล้ว”
จางหยางเอ่ยตอบอย่างสุขใจนัก
“จริงเหรอครับ! ยินดีกับผู้จัดการจางด้วย แม้ทางผมจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่หากได้รับคำสั่งจากที่ผู้จัดการจางหามา บริษัทของเราก็ทำกำไรได้มหาศาลแน่นอนในไตรมาสนี้! พอรู้แบบนี้ความกดดันผมก็น้อยลงเยอะ ยังไงก็ต้องขอบคุณผู้จัดการจางกับรองผู้จัดการหวังมากเลยนะครับ”
เดิมทีที่จางหยางโทรมาแบบนี้ก็เพื่ออวดเบ่งจ้าวเฉียนให้รู้สึกสลด แต่พอปฏิกิริยาของจ้าวเฉียนกลับออกมาตรงกันข้าม กลับเป็นฝ่ายเขาเองที่ไปต่อไม่เป็น
“อืม…อืม…ตอนนี้พวกเราต้องเชียร์นายแล้ว แต่ก็อย่าลืมที่เดิมพันกันไว้นะ ถ้านายทำไม่ได้จะต้องยื่นใบลาออก เข้าใจใช่ไหม?”
“ผู้จัดการจางกำลังขู่ผมอยู่นะครับเนี่ย ฮ่าฮ่า…ผมจะรีบดำเนินการโดยเร็วที่สุดเลยครับ เตรียมรอฟังข่าวดีได้เลย! แค่นี้ก่อนนะครับ ผมกำลังนัดพบกับลูกค้าอยู่”
จางหยางฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์และกดวางสายไป
แต่จ้าวเฉียนรู้สึกกังวลขึ้นถนัดตา เพราะหากได้ยินไม่ผิด บริษัทที่จางหยางกับหวังเฉียงไปดิลด้วยคือ บริษัทเหล่ยอู่ หรือก็คือบริษัทของครอบครัวฟู่เอ๋อร์
ในกรณีนี้ ถ้าฝ่ายนั้นทราบว่าบริษัทฟางนี่ที่พวกเขากำลังร่วมมือด้วย มีจ้าวเฉียนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ มีหวังถูกล้มโต๊ะกลางคันแน่นอน และไม่รู้เลยว่าจางหยางจะบ่นอะไรกับเขาอีกในเวลานั้น?
ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 156 สั่งการ
Posted by , ? Views, Released on November 21, 2021
ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี
เนื้อเรื่องย่อ
จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริง
อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฝู บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอด บังเอิญไปเฉี่ยวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตำรวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีที่ไหนไทม่ทราบแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมถูกอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อฉกเถียงยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงขงอตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อำนาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ไล่ไสส่งออกจากตระกูลจ้าว และให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจำนวน 200,000หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้งได้
ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจำต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนควบตามที่กำหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา!
“ประธานฟาง ฉันยินดีร่วมหุ้นกับบริษัทของคุณเป็นจำนวนเงิน3ล้านหยวน โดยมีเงื่อนไขว่า คุณไม่ได้รับอนญาตให้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของผม ไม่อย่างนั้นผมจะถอนทุนทั้งหมดออกทันที”
“เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว”
“ฮิฮิ….ตราบใดที่เข้าใจแล้ว ก็ทำให้ได้ แล้วคุณรู้ไหมว่า ผู้จัดการหวัง เจ้านั้นมันต้องการขับไล่ผมออกจากบริษัท คิดว่าผมควรทำยังไงดี?”
“ง่ายมากค่ะ! ฉันจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้!”
“ไม่ ไม่… ผมยังเล่นกับเขาไม่จุใจเลย จะไล่ออกไปง่ายๆได้ยังไง?”
Recommended Series
Comment
Facebook Comment
