ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 174 อารมณ์ดี

ตอนที่174 อารมณ์ดี
จางหยางเอ่ยปากบ่นทันทีขณะที่กินอยู่ว่า
“ทั้งหมดเป็นความผิดของจ้าวเฉียน เรื่องคราวนี้ผมจะต้องเอาคืนมันให้ได้!”
ฟางนี่กลอกตาคร้านจะใส่ใจและไม่ได้พูดอะไรอีกเลย
หลังจากนั้นไม่นานจู่ๆฟู่เทียนก็โทรมาหาฟางนี่ พร้อมสถบด่าพร้อมถ่อยคำหยาบคายมากมาย
“ฟางนี่! นี่คุณปัญญาอ่อนรึไง? ชวนมันมาลูบคมผมยังไม่พอ ยังสั่งให้มันมาก่อกวนผมอีกงั้นเหรอ!”
ฟางนี่เอ่ยถามทันทีด้วยความสับสนว่า
“คุณฟู่หมายความว่ายังไงค่ะ? ดิฉันไม่เข้าใจ?”
“ยังแกล้งใสซื่ออีกเหรอไง! จ้าวเฉียนมันสั่งห้ามไม่ให้ร้านอาหารไหนรับผมกับลูกชายเข้าไปเลย! ทั้งหมดเป็นเพราะคุณใช่ไหม! ไอ้บัดซบ!”
ฟู่เทียนระเบิดอารมณ์ใส่ทันที
ฟางนี่รนีบอธิบายโดยเร็วว่า
“คุณฟู่ตอนนี้เข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่าค่ะ? จ้าวเฉียนไม่ใช่พนักงานของบริษัทดิฉันอีกต่อไปแล้ว ทุกอย่างที่เขากระทำลงไปไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทดิฉันเลย คุณฟู่…”
“หุบปาก! ถ้าเขาไม่เห็นแก่บริษัทคุณ มีหรือจะมาแก้แค้นผมแบบนี้! ผมว่าผมคงใช้ไม้อ่อนกับคุณเกินไป ทุกบริษัทที่ทำธุรกิจร่วมกับเหล่ยอู่ในปัจจุบัน จะไม่ให้ความร่วมมือหรือช่วยเหลือใดๆกับบริษัทฟางนี่ของคุณอีกต่อไป ทั้งจากนี้และในอนาคต!”
ฟู่เทียนกรนด่าสาปแช่ง พร้อมข่มขู่ด้วยความโกรธจัด
ฟางนี่เองก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน เธอรู้ดีว่าต่อให้อธิบายไปอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ เธอจึงทำได้เพียงเอ่ยถามไปว่า
“ตอนนี้คุณฟู่อยู่ไหนค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะไปหาเดี๋ยวนี้”
“ไม่จำเป็น!”
ฟู่เทียนคำรามเสียงดังพร้อมตัดสายทิ้งไปทันที
จางหยางกล่าวเย้ยขึ้นทันที
“ดูสิ! ผมบอกแล้วว่าทั้งหมดมันเป็นความผิดของจ้าวเฉียน แต่คุณก็ไม่เชื่อ! ตอนนี้ยังมีอะไรจะพูดแทนเขาอีกไหม?”
“คุณรออยู่ที่นี่ก่อน ฉันจะขึ้นไปหาจ้าวเฉียน แล้วถามเองว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
ฟางนี่ลุกจากเก้าอี้ออกไปทันทีหลังกล่าวจบ ขณะเดียวกันก็หยิบมือถือโทรหาจ้าวเฉียนโดยตรง
จางหยางเองก็ไม่นิ่งดูดาย รีบลุกออกไปตามฟางนี่ทันที
จ้าวเฉียนรับโทรศัพท์ทันทีพร้อมทักทายน้ำเสียงแจ่มใสว่า
“ว่าไงครับ? อยากขึ้นมาดินเนอร์ด้วยกันเหรอครับ?”
ฟางนี่รีบอธิบายเหตจุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฟังทันที และเอ่ยถามไปว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
จ้าวเฉียนยิ้มตอบแค่เพียงว่า
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกีบคุณครับ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างผมกับตระกูลฟู่”
ฟางนี่เอ่ยตอบเจือน้ำเสียงหงุดหงิดว่า
“แต่…แต่เขาไม่เชื่อไง ที่นายทำไปทั้งหมดนี้ก็จงใจแก้แค้นพวกฉันงั้นเหรอ? จ้าวเฉียนช่วยเห็นแก่หน้าตาของบริษัทฉันหน่อยได้ไหม?”
จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะเยาะใส่ทันทีและตอบไปว่า
“คุณฟาง ชอบล้อเล่นจริงๆนะครับ? ทำไมผมต้องเห็นแก่บริษัทคุณด้วย? คุณเป็นคนไล่ผมออกเองนะครับ ใครดีผมก็ดีตอบ ใครเลวผมก็เลวใส่ แค่นั้นเองครับไม่เห็นยาก”
ฟางนี่ถึงกับพูดไม่ออก จางหยางที่ยืนฟังอยู่เคียงข้างถึงกับทนไม่ไหว คว้าโทรศัพท์ออกจากมือฟางนี่และสบถด่าทันทีว่า
“จ้าวเฉียน! นี่แกยังเป็นลูกผู้ชายอยู่รึเปล่า?! ถ้าจะสู้กันจริงๆทำไมไม่สู้กันอย่างเปิดเผยล่ะ? ตอนแรกพวกเราพนันกัน นายแพ้ก็สมควรรับโทษคือการลาออก แล้วทำไมตอนนี้ถึงมาเล่นไม่ซื่อ โจมตีบริษัทฉันแบบนี้! แพ้ไม่เป็นรึยังไง!”
“ขอโทษนะครับคุณจางที่ต้องถามแบบนี้ คุณปัญญาอ่อนรึเปล่า? ผมยังไม่ได้เอ่ยชื่อบริษัทของคุณเองแม้แต่ครั้งเดียว นี่เป็นความคับข้องใจส่วนตัวระหว่างผมกับสองพ่อลูกตระกูลฟู่ มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกคุณเลย ถ้ายังใส่ร้ายผมอยู่แบบนี้ ผมจะแจ้งตำรวจจับคุณในข้อหาหมิ่นประมาทนะครับ”
จ้าวเฉียนกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพและกดวางสายไปทันที ประหนึ่งว่ายกตีนขึ้นมาลูบหน้าอีกฝ่ายอย่างประณีตและจากไปทั้งแบบนั้น
ฟางนี่คว้าโทรศัพท์คืนมาจากมือจางหยาง และตวาดใส่ทันทีว่า
“จางหยาง! หรือคุณโง่อย่างที่คนอื่นว่าไปจริงๆ! หลายสิ่งหลายอย่างในขณะนี้ยังเลวร้ายไม่พอรึไง ถึงได้ทำให้เรื่องราวทั้งหมดมันแย่ไปกว่าเดิม! คุณมันอวดเก่งแบบไม่ลืมหูลืมตาเลยจริงๆ! ตอนนี้เรื่องราวทุกอย่างมันเลวร้ายจนถึงจุดที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว!”
จางหยางระเบิดหัวเราะเยาะเย้ยใส่ทันทีและตอบกลับไปว่า
“ฟางนี่ ผมเป็นคนดิลกับบริษัทเหล่ยอู่มาได้นะ ตามที่สัญญาลืมอะไรไปรึเปล่า?”
“ฉันไม่ลืม! ตามที่สัญญาไว้ ถ้าคุณทำงานนี้ได้สำเร็จ ฉันจะยกสิทธิ์การบริหารให้ แต่ตอนนี้มันถือว่าสำเร็จไหมล่ะ!? เคยทำอะไรแล้วมันดีขึ้นบ้างไหม? สมควรแล้วที่คนอื่นด่าคุณว่าโง่!”
ฟางนี่ด่ากลับอย่างสุดจะทนแล้วจริงๆ
จางหยางยักไหล่ตอบอย่างช่วยไม่ได้และตอบไปว่า
“ก็จ้าวเฉียนมันทำลายแผนของผมไปหนิ ช่วยไม่ได้ คนที่คุณเชื่อใจนักเชื่อใจหนา สุดท้ายมันนี่แหละที่ทำให้ชีวิตของคุณพังพินาศ! แล้วถามจริงๆเถอะนะ ตั้งแต่ที่คุณก่อตั้งบริษัทมา เคยจัดทำแผนการดำเนินงานได้มีประสิทธิภาพอย่างผมไหม? จริงสิ พอไม่มีมันอยู่ในบริษัทแล้ว ก็โยนความผิดทั้งหมดมาให้ผมแทน ผมกลายเป็นแพะรับบาปไปตั้งแต่เมื่อไหร่? ผมเริ่มคิดแล้วนะว่า คุณคู่ควรที่จะแต่งงานกับผมจริงๆไหม?”
ในเวลานั้นเอง ก็มีพนักงานหลายคนเดินผ่านเข้ามา และหนึ่งในนั้นเป็นพนักงานสาวที่ต้อนรับสองคนนั้นเข้ามา
“นี่ นี่ นี่…พวกเธอเห็นสองคนนั้นไหม? พวกนั้นแหละที่จะขอเงินคืน ตอนนั้นฉันแทบกลั้นขำไม่อยู่แหนะ!”
“จริงสิ? สองคนนี้ก็ดูแต่งตัวมีฐานะดีนะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะกล้าขอเงินคืนแบบนั้น?”
“นี่เธอตาถั่วรึไง? ดูหนังหน้าก็รู้แล้วว่ามีเงินรึเปล่า?”
“มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอก อย่างคุณผู้ชายคนนั้นไง แต่งตัวดูธรรมดามาก แต่กลับมีบัตรVIP คนรวยจริงเขาไม่พูดเยอะกันหรอก”
“ใช่ ใช่…”
จางหยางที่หัวเสียเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอได้ยินพวกพนักงานมายินนินทา เขายิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ โดยธรรมชาติคนอย่างเขามีหรือจะทนให้คนพวกนี้นินทาได้?
“หุบปากไปเลย! คนอย่างฉันสามารถกินข้าวทุกมื้อที่นี่ได้เป็นปี!”
แม้พวกเธอเหล่านี้จะเป็นแค่พนักงานธรรมดา แต่ที่นี่คือโรงแรมตงไห่ โรงแรมที่หรูหราที่สุดในเมืองตงไห่แห่งนี้ พวกเขาย่อมมีวุฒิการศึกษาและสถานะที่สุงกว่าพนักงานโรงแรมอื่นทั่วไปมาก กล่าวได้ว่าทั้งมีเกียรติและความภูมิใจที่ได้เป็นลูกจ้างของโรงแรมตงไห่แห่งนี้ มีหรือจะกลัวแค่ผู้จัดการบริษัทกระจอกแบบจางหยาง?
“ไร้สาระจริงๆ หรืออยากให้ลูกค้าท่านอื่นๆได้ยินเรื่องน่าอายแบบนี้ด้วย?”
“ถูกต้อง! ฉันว่าคุณลูกค้าเลิกขี้โม้ก่อนดีกว่าค่ะ”
“กินข้าวทุกมื้อในที่แห่งนี้ได้เป็นปีเลยเหรอค่ะ? เก่งจังเลย ดิฉันต้องเอ่ยปากชมแบบนี้ด้วยไหมค่ะ? จะบอกอะไรให้นะคะ บรรดาเศรษฐีทุกคนในเมืองตงไห่ก็กินอยู่กันที่นี่เป็นปกติอยู่แล้ว ลูกค้าท่านอื่นๆก็ไม่เห็นต้องอวดเลยนะคะ?”
ยิ่งจางหยางพยายามดิ้นรนเอ่ยปากเถียงกับพวกเธอมากเท่าไหร่ มันยิ่งลดคุณค่าของตัวเองลงมากเท่านั้น ในตอนนี้แม้แต่พนักงานเสิร์ฟยังดูถูกดูแคลนเขาเลย
ฟางนี่รู้สึกขายหน้าอย่างมาก เธอรีบดึงจางหยางกลับไปในห้องอาหารเหมือนเดิมโดยเร็ว
“นั้นๆ ขนาดเมียเขายังอายแทนเลย”
“ก็นะ เงินก็ไม่มี แถมยังขี้โม้อีก ใครได้เป็นผัวโคตรจะโชคร้ายเลย”
“ฮ่าฮ่าๆๆ…”
หลายคนในกลุ่มพนักงานมีพวกปากไม่ดีผสมปนเป ทั้งยังมีพวกหยิ่งผยองคล้ายๆกับจางหยาง พวกเธอที่เห็นภาพฉากแบบนั้นก็อดขำกันไม่ได้
ในอีกด้านหนึ่ง สองพ่อลูกตระกูลฟู่วกกลับมาที่โรงแรมตงไห่เพื่อหาอะไรกิน แต่ก็ถูกปฏิเสธที่จะให้บริการอีกครั้ง จนเรื่องนี้ถึงหูผู้จัดการโรงแรม ฟู่เทียนกำลังเถียงกับหัวหน้าพนักงานโรงแรมอย่างดุเดือด
“ไม่ใช่ว่าเรามาขอกินฟรีสักหน่อย ทำไมถึงไม่ทำอาหารให้เรา!”
หัวหน้าพนักงานยิ้มตอบ สีหน้าดูไม่ตื่นกลัวแม้สักนิด
“คุณจ้าวเป็นแขกระดับVIPชั้นสูงของเรา เขามีสิทธิ์พิเศษมากมายในโรงแรมตงไห่แห่งนี้ และเขาไม่ต้องการให้พวกคุณสองคนรับประทานอาหารที่นี่ เราต้องขออภัยเป็นอย่างสูง
“บัดซบ! VIPแล้วไง? ฉันเองก็เป็นได้เหมือนกัน บอกมาว่าต้องการเท่าไหร่?”
ฟู่เทียนเอ่ยถามด้วยความมั่นใจ
“ต้องมีทรัพย์สินส่วนตัวในปัจจุบันมากกว่า100ล้านหยวน นี่เป็นคุณสมบัติพื้นฐาน จากนั้นเราจะส่งข้อมูลดังกล่าวไปยังสาขาแม่เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติอย่างละเอียดอีกครั้ง ถ้าคุณฟู่รู้สึกว่าเงื่อนไขของเราไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ ก็ประทานโทษด้วยครับ เพราะทางเราต้องใช้เวลาตรวจประวัติผู้ต้องการขึ้นเป็นระดับVIPเป็นเวลาหนึ่งเดือน ดังนั้นแล้ว ไม่ว่ายังไงคุณก็ไม่สามารถรับประทานอาหารที่นี่ได้”
หัวหน้าพนักงานเอ่ยตอบไปตามความจริง
ในเมืองตงไห่แห่งนี้ ราคาที่ดินและบ้านเดี่ยวสูงจนน่าขนลุก การจะมีทรัพย์สินส่วนตัวเกิน100ล้านนับว่าไม่ธรรมดา แต่หลายต่อหลายคนที่ดูร่ำรวย นั้นคือการคำนวณจากทรัพย์สินหมุนเวียน เช่นเงินทุนสำรองในบริษัท เป็นต้น ดังนั้นศักดิ์จึงต่ำกว่าคำว่าทรัพย์สินส่วนตัว หากให้มาคำนวนจริงๆมีประฐานบริษัทหลายแห่งที่มีทรัพย์สินส่วนตัวไม่ถึง100ล้านก็เยอะแยะ
ในฐานะเจ้าของบริษัทเหล่ยอู่ ทรัพย์สินส่วนตัวรวมของฟู่เทียนมีเกือบ500ล้านหยวน และนี่ถือว่าผ่านคุณสมบัติพื้นฐาน แต่ทั้งหมดนี้ก็อยู่กับว่าจ้าวเฉียนจะให้ผ่านอนุมัติหรือไม่ก็เท่านั้น ซึ่งในจุดนี้คงรู้คำตอบดีอยู่แล้ว
แต่สองพ่อลูกคู่นี้เคยชินกับที่ตัวเองมีสิทธิพิเศษเหนือคนอื่นเสมอมา ไม่ว่ายังไงพวกเขาจะต้องได้กินข้าวในวันนี้ มิฉะนั้นพวกเขาสู้ขาดใจให่ตายไปข้าง
หัวหน้าพนักงานจนปัญญากับสองคนนี้แล้ว จึงทำได้เพียงโทรเรียกผู้จัดการโรงแรมให้ออกมาช่วย
ห้านาทีต่อมา ผู้จัดการก็ออกโรงมาเอง
“หุหุ คุณฟู่ดูอารมณ์ดีไม่ใช่น้อยนะครับ ถึงกับออกมาหาพวกเราเพื่อทะเลาะโดยเฉพาะเลย กลับไปหาอะไรทานที่บ้านจะดีกว่านะครับ”
“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว! ฉันจะพาลูกชายของฉันมาทานข้าวที่นี่ ใครจะมีปัญหาอะไรไหม!?”
ฟู่เทียนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งอย่างมาก
ผู้จัดการโรงแรมไม่ได้หวาดกลัวเจ้าของบริษัทเกมเล็กๆอย่างเหล่ยอู่แน่นอน เขาส่ายหัวตอบน้ำเสียงเด็ดขาดยิ่งว่า
“ถ้ากฎของโรงแรมตงไห่ไม่ศักดิ์สิทธิ์พอ บรรดาแขกฉันสูงจะยอมทำบัตรVIPกับเราได้ยังไง? ผมขอประกาศอย่างเป็นทางการนะครับว่า คุณและทุกคนในตระกูลฟู่จะไม่สามารถรับประทานอาหารที่นี่ได้ในวันนี้ ถ้ายังหัวรั้นไม่ยอมรับความจริง ก็อย่าหาว่าผมไม่เตือนนะครับ”
ฟู่เทียนโกรธจัดจนเกินจะควบคุม เขากระโดดเตะแจกันยักษ์ข้างกายจนแตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“กูจะทำอะไรก็ได้ที่นี่! ขอดูหน่อยว่ามึงจะกล้าทำอะไรกู!”
“คุณฟู่ คุณกำลังสร้างปัญหาให้ตัวเองอยู่นะครับรู้ตัวไหม?”
สีหน้าการแสดงออกของผู้จัดการมืดทมิฬลงในทันใด พร้อมกรนเสียงเย็นยะเยือกกล่าวขู่ขึ้นทันที
ในเวลานั้นเอง จ้าวเฉียนกับเหลียวเซียวหยุนก็เดินลงลิฟต์มาพอดีหลังจากทานดินเนอร์เสร็จสิ้น และประจวบเหมาะพอดีกับจังหวะที่ฟู่เทียนกระโดดเตะแจกันยักษ์ใบนั้นจนแตกกระจาย
“โอ๊ะ? คุณฟู่ดูอารมณ์ดีไม่ใช่น้อยเลยนะครับ ออกมาบริหารร่างกายยามดึกแบบนี้ ฮ่าฮ่า…คงไม่รู้สินะครับว่าแจกันที่นี่เป็นของโบราณล่ำค่าทุกชิ้น?”
จ้าวเฉียนจงใจพูดเสียงดัง และเดินตรงไปหาฟู่เทียนอย่างไม่มีท่าทีเกรงกลัวใดๆ
Related
Related

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

เนื้อเรื่องย่อ จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริง อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฝู บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอด บังเอิญไปเฉี่ยวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตำรวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีที่ไหนไทม่ทราบแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมถูกอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อฉกเถียงยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงขงอตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อำนาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ไล่ไสส่งออกจากตระกูลจ้าว และให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจำนวน 200,000หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้งได้ ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจำต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนควบตามที่กำหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา! “ประธานฟาง ฉันยินดีร่วมหุ้นกับบริษัทของคุณเป็นจำนวนเงิน3ล้านหยวน โดยมีเงื่อนไขว่า คุณไม่ได้รับอนญาตให้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของผม ไม่อย่างนั้นผมจะถอนทุนทั้งหมดออกทันที” “เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว” “ฮิฮิ….ตราบใดที่เข้าใจแล้ว ก็ทำให้ได้ แล้วคุณรู้ไหมว่า ผู้จัดการหวัง เจ้านั้นมันต้องการขับไล่ผมออกจากบริษัท คิดว่าผมควรทำยังไงดี?” “ง่ายมากค่ะ! ฉันจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้!” “ไม่ ไม่… ผมยังเล่นกับเขาไม่จุใจเลย จะไล่ออกไปง่ายๆได้ยังไง?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset