ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 21 สร้างด้วยตัวเอง

ตอนที่21 สร้างด้วยตัวเอง
หยางหมิงวานให้หยางจินตงไปยังสถานีตำรวจเพื่อเฝ้าดูจ้าวเฉียนทนทุกข์ทรมาน และหวังให้อีกฝ่ายคุกเข่าขอขมาเขาแทบเท้า
หยางจินตงรีบขึ้นรถและตรงมาที่สถานทีตำรวจ แต่ทันทีที่ไปถึงที่นั่น เขาก็พบว่าจ้าวเฉียนกำลังยืนยิ้มและจับมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อกล่าวคำอำลา
เกิดอะไรขึ้น?
หยางจินตงรีบวิ่งไปถามตำรวจที่ดูแลคดีในทันที โดยทางตำรวจให้เหตุผลว่า นี่เป็นเพียงเหตุเข้าใจผิดระหว่างหนุ่มสาว ถือว่าไม่มีความผิดทางอาญาและโทษที่ได้รับคือการกล่าวตักเตือนเท่านั้น
“นี่แกหมายความว่ายังไง เหตุเข้าใจผิด? แต่มันทำร้ายร่างกายหลานฉันนะ!”
ตำราจนายนั้นเริ่มเผยสีหน้าไม่มีความสุขและกล่าวตอบพร้อมใบหน้าขึงขังว่า
“ทุกคนล้วนมีสิทธิเท่าเทียมกันเมื่ออยู่ต่อหน้ากฎหมาย เขาเอาชนะคดีไปด้วยก็ด้วยข้อกฎหมาย ถ้ายังไม่หยุดอีก ผมจะลงคดีคุณเพิ่มในฐานรบกวนเจ้าพนักงาน”
“นี่แก…แกรอฉันได้เลย!”
หยางจินตงปลีกตัวออกมาโทรหาหยางเฉิงทันที และรายงานสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่นี่ให้ฟัง และถามเขาว่าให้โทรหาผู้กำกับเลยไหม
หยางเฉิงตอบว่า
“แน่นอน เดี๋ยวฉันโทรหาผู้กำกับเป็นการส่วนตัวเอง ไม่ต้องกังวล กับแค่ไอ้เด็กหนุ่มคนเดียวฉันจัดการได้ไม่ยาก! หึ มันเป็นใครใหญ่มาจากไหนกันถึงกล้าหาเรื่องกับตระกูลหยางของฉัน! เรื่องนี้ปล่อยไว้ไม่ได้เด็ดขาด!”
“เข้าใจแล้ว!”
หลังวางสายไปหยางเฉิงก็รีบโทรหาผู้กำกับต่อทันที
“ผู้กำกับจู นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“ฮ่าฮ่า…คุณหยาง แค่เด็กทะเลาะกันเฉยๆเอง แค่ตักเตือนก็พอแล้ว ไม่เห็นต้องลงโทษจริงจังขนาดนั้น อีกอย่างทางคู่กรณีก็ยอมปล่อยตัวแต่โดยดี แต่เป็นลูกชายของคุณที่เข้าทำร้ายต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ คู่กรณีก็มีพ่อมีแม่นะครับ ดังนั้นจะปล่อยให้ลูกชายของคุณไปทำร้ายคนอื่นเป็นว่าเล่นก็ไม่สมควรเท่าไหร่ ลูกขายของคุณ คุณก็รัก ลูกชายของอีกฝ่าย อีกฝ่ายก็รักเช่นกันครับ ทั้งนี้ตำรวจอย่างผมก็มีหน้าที่หาจุดกึ่งกลางระหว่างทั้งสองฝ่าย!”
คำพูดของผู้กำกับจูคนนี้ฟังดูราวกับผู้พิทักษ์ประชาชนแสนบริสุทธิ์ แต่นัยแฝงในคำกล่าวเหล่านี้เองก็ชัดเจนมาก หยางหมิงมีพ่อที่ดีคอยปกป้อง แต่จ้าวเฉียนเองก็มีพ่อที่ดีคอยปกป้องเช่นกัน
หยางเฉิงขณะนี้นั่งจิบกาแฟอยู่ในห้าง เมื่อได้ยินทางตำรวจว่ามาแบบนี้ย่อมเข้าใจได้โดยธรรมชาติ ดังนั้นเขาจึงถามกลับไปทันทีว่า จ้าวเฉียนคนนี้มีภูมิหลังยังไงกันแน่ เส้นใหญ่ยิ่งกว่าหยางเฉิงจริงๆงั้นเหรอ?
ผู้กำกับจูตอบแค่ว่า
“ผมไม่รู้เหมือนกันครับ คงบอกได้แค่ว่า ฝ่ายนั้นมีคนรู้จักเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่มียศสูงกว่าผมมาก เรื่องนี้ทางเมืองหลวงหยานจิ้งเป็นฝ่ายดูแลครับ ผมเองคงทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ต้องขออภัยด้วยครับ”
“โอ้? เมืองหลวงหยานจิ้ง? อิทธิพลในกรมตำรวจไม่ใช่เล่นๆเลย เอาล่ะ ฉันพอจะเข้าใจอะไรบ้างแล้ว ผู้กำกับจู ฉันไม่รบกวนคุณทำงานแล้วจะดีกว่า ไว้ว่างๆ ฉันจะพาคุณออกมาดื่มชาสักหน่อยดีไหม?”
“ฮ่าฮ่า…ได้เลยครับ คุณหยางยังใจดีกับผมเสมอมา ไว้ว่างๆไปหาอะไรทานกันนะครับ”
หยางเฉิงวางสายโทรศักท์ไปพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นก็โทรหาลูกชายของตนต่อ
เมื่อหยางหมิงได้ยินว่า จ้าวเฉียนมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่จากเมืองหลวงหยานจิ้งคอยช่วยเหลือ เขาก็ยิ่งไม่พอใจเข้าไปใหญ่ แล้วเมืองหลวงหยานจิ้งที่ว่าคืออะไร? แน่นอน…เป็นเมืองหลวงที่ใหญ่และเจริญกว่าที่นี่ไม่รู้กี่เท่า
หากให้กล่าวคือ เมืองหลวงหยานจิ้งเป็นมหานครแห่งทะเลจีนตะวันออก เป็นศูนย์กลางทางการเงินของเอเชียน หยางหมิงทรมานใจอย่างที่สุด ทำไมไอ้เวรนั้นต้องมีคนจากหยานจิ้งมาช่วยมันด้วย?
อย่างไรก็ตามแต่ หยางหมิงเองก็รู้จักนิสัยของพ่อเขาดี หยางเฉิงจะไม่มีวันแตกต้องจ้าวเฉียนอีก จนกว่าจะสืบค้นจนจบตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่ายได้
หยางหมิงจึงอธิบายเรื่องที่ทำลงไปให้พ่อฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้า ทั้งยังให้สัญญาว่าจะไม่ทำให้จ้าวเฉียนเดือดร้อนอีก แต่เขาเองก็วางแผนไว้ในใจแล้ว ยังไงก็ตามเขายังคงปรารถนาที่จะสั่งสอนบทเรียกให้แก่จ้าวเฉียนสถานหนัก มิฉะนั้นเขาคงนอนตาไม่หลับแน่นอน
ในอีกด้วยหนึ่ง จ้าวเฉียนกลับไปยังคฤหาสน์หรูของตน ตอนนี้เขาเปลี่ยเป้าหมายแล้ว และไม่ต้องการซื้อกิจการของบริษัทเฟยอวี่หรือแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ที่อื่นอีกต่อไป
จ้าวเฉียนคิดไว้ว่า ในเมื่อคนพวกนี้ที่มีเงินทุนน้อยกว่าเขายังสามารถสร้างแพลตฟอร์มจนโด่งดังได้ แล้วทำไมเขาจะสร้างแพลตฟอร์มใหม่ของตัวเองให้ดังไม่ได้?
จากนั้นไม่นาน จ้าวฝูก็โทรสายเข้ามาหาลูกชาย
“เฮ้ยเป็นไงบ้าง? พิการยัง?”
“ทักทายมาก็แช่งลูกตัวเองเลยเหรอ? ไม่เป็นอะไรหรอก ลูกพ่อคนนี้เก่งจะตาย! ต้องไปถามทางนั้นมากกว่า โดนเตะอัดน้องชายเข้าสุดแรงขนาดนั้น พิการไปครึ่งท่อนรึยังก็ไม่รู้”
“เออ ทำดีไอ้ลูกชาย! แต่อย่าสร้างความเดือดร้อนให้มันหนักนักนะ ในระยะสั้นนี้ไม่มีใครสามารถกล้าหือกับพวกเราตระกูลจ้าวได้ ตราบใดที่พ่อคนนี้ยังอยู่ ไม่มีใครแตะต้องลูกฉันได้!”
“พ่อ ผมมีเพลงมาให้”
“หือ? อีกแล้วเหรอวะ?”
“พ่อ….พ่อเราเฝ้าโอ้ละเห่….”
“ฮ่าฮ่า…เอ็งนี่มันเหลือเกินจริงๆ! พ่อไปก่อนนะ พอดีประชุมกำลังจะเริ่มแล้ว ค่อยคุยกันใหม่ๆ!”
จ้าวฝูวางสายไปพร้อมรอยยิ้มดูมีความสุขอย่างมาก
จ้าวเฉียนเองก็วางสายไปและเข้าท่องโลกออนไลน์ทันที เพื่อดูว่ามีแพลตฟอร์ขนาดเล็กไหนบ้างที่พอมีชื่อในอุตสาหกรรมไลห์สตีมในปัจจุบัน แม้ว่าเขาต้องการจะสร้างแพลตฟอร์มขึ้นมาเอง แต่นั้นไม่ได้หมายถึงเริ่มตั้งแต่ก่อตั้งลงเสาเข็มอะไรเทือกนั้น ในทางตรงข้าม เข้าต้องการหาแพลตฟอร์มสตาร์ทอัพที่มีฐานการเริ่มต้นที่ดี แต่อาจจะเนื่องด้วยเงินลงทุนที่ไม่เพียงพอ จึงทำให้การจัดการยังไม่ดีเท่าที่ควร และเขาจะเข้ามาเป็นส่วนเติมเต็มให้นั้นเอง ด้วยวิธีนี้จะช่วยให้เขาประหยัดเวลาไปมากโข และยังดำเนินแผนการได้ทันที
อย่างที่จ้าวฝูเคยกล่าวไป คนระดับพวกเขาช่วงเวลาแอละทามมิ่งสำคัญกว่าเงิน พวกเขาย่อมควักเนื้อจ่ายในราคาที่สูง เพื่อซื้อโครงสร้างรากฐานที่มีอยู่เดิม และขยายมันให้ใหญ่พร้อมความแข็งแรงที่มากขึ้น ทางเลือกนี้ย่อมดีกว่าเสียเวลาเริ่มใหม่ตั้งแต่ปูรากฐาน
จ้าวเฉียนเลือกแพลตฟอร์มที่ชื่อว่า เทียนชูว ซึ่งที่นี่ดำเนินธุรกิจมานานกว่าสามปีแล้ว แต่สถานการณ์ทางธุรกิจกลับไม่ค่อยสู้ดีนัก และตอนนี้ยังมีข่าวเสียๆหายๆประโคมเข้าไม่หยุดหย่อนว่า เจ้าของแพลตฟอร์มถึงขั้นจะขายบ้านขายรถกันเลยทีเดียว
ในความเป็นจรองแล้ว อุตสาหกรรมนี้ต้องอาศัยการระดมทุน ตราบใดที่มีเม็ดเงินอัดฉีดเข้ามาเพียงพอ เรื่องการตลาดและการโปรโมทก็ไม่ต้องกลัวเลยว่า มันจะกำจัดอยู่แค่ในวงแคบ สำหรับจ้าวเฉียนแล้ว สิ่งที่ขาดแคลนที่สุดตอนนี้ไม่ใช่เงิน แต่เป็นโครงสร้างแพลต์ฟอร์มที่ดี จ้าวเฉียนลองสมัครและล็อกอินเข้าไปในแพลตฟอร์มนี้ และเข้าไปดูไลฟ์สตีมของช่องต่างๆ ก่อนจะพบว่าคอนเทนต์ของที่นี่ค่อนข้างแย่มาก พูดได้ว่าน่าเบื่อก็ไม่ผิดเลย แถมที่แย่ที่สุดคือ เอะอะอะไรก็ขอกำลังใจสนับสนุนและขอค่าโดเนท[1]
จิตวิทยาของผู้ชมค่อนข้างหักจากกฏเกณฑ์เดิมๆในตำราหนังสือการตลาด ยิ่งคุณต้องการให้พวกเขาเติมเงินหรือโดเนทไปให้มากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยังเติมน้อยลงเท่านั้น ผู้ชมในส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นและอยู่ในวัยต่อต้าน ดังนั้นเมื่อทางนี้ใช้นโยบายไม้แข็งหรือการบังคับให้จ่ายเงินในกระเป๋าออกไป พวกเขาก็จะยิ่งต่อต้านแรงมากขึ้น จึงไม่แปลกที่ทำไมแพลตฟอร์มนี้ถึงไม่เป็นที่นิยม
แพลตฟอร์มส่วนใหญ่ที่เห็นกันโดยทั่วไป จะเป็นสตีมเมอร์สายร้องเพลงหรือเต้นโชว์ ทั้งยังมีสตีมเมอร์สายหัวร้อน ใช้คำพูดหยาบขายเป็นจุดเด่นดึงดูดคน แต่สตีมเมอร์จำพวกนี้ไม่สามารถดึงเม็ดเงินจากกระเป๋นผู้ชมได้เท่าไหร่นัก
จ้าวเฉียนค้นหาเบอร์ของฝ่ายบริการลูกค้าที่ทิ้งไว้ให้บนเว็บโดเมนหลัก และบอกอีกฝ่ายไปว่า ตนต้องการคุยกับเจ้าของแพลตฟอร์มแห่งนี้เกี่ยวกับเรื่องความร่วมมือ
คล้อยหลังไม่นาน ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งโทรเข้ามาหาเขา
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อหงซิ่ว เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มไลฟ์สตีมสดของเทียนซูว ฉันได้ยินมาจากฝ่ายบริการลูกค้าว่า คุณต้องการเจรจากับฉันเรื่องความร่วมมือ ไม่ทราบว่ากำลังเรียนสายกับ…”
“ผมชื่อจ้าวเฉียน และผมต้องการซื้อกิจการแพลตฟอร์มของคุณต่อ โดยทางคุณสามารถเสนอราคามาได้โดยตรง ตราบใดที่ไม่มากเกินมูลค่าจริง ผมย่อมตกลงโดยไม่มีต่อรองใดๆ”
“ทางฉันต้องขออภัยด้วยจริงๆค่ะ พอดีฉันไม่ต้องการขายแพลตฟอร์มนี้ แต่หากต้องการร่วมมือกับทางเราจริงๆ ฉันสามารถขายหุ้นให้คุณได้นะคะ สนใจไหม?”
“ขายหุ้นก็ได้ครับ แต่ผมต้องการหุ้นอย่างน้อย51%”
“เอ่อ…ถ้าแบบนั้นทางเราคงไม่สามารถให้ความร่วมมือได้จริงค่ะ”
“กริ๊ง!”
จ้าวเฉียนวางสายโทรศัพท์ลงทันทีและค้นหาเป้าหมายต่อไปโดยไม่รอช้า ยังมีแพลตฟอร์มอีกมากมายเฉกเช่นเดียวกับ เทียนซูว และเขาก็ไม่จำเป็นต้องง้อคนที่ไม่เต็มใจขาย
แต่หลังจากที่หงซิ่ววางสายไป เธอก็ตกอยู่ในความคิดตัวเองอย่างหนัก หลายเดือนที่ผ่านมานี้เธอยังคงทำงานหนักไม่ได้หยุดพัก และเงินทุนสำรองสำหรับอัดฉีดเข้าแพลตฟอร์มเองก็กำลังจะมดแล้วเช่นกัน ตามที่คำนวณไว้ยื้อสุดก็ได้แค่ช่วงปลายปีนี้
ถ้าไม่มีเงินจ่ายพวกสตีมเมอร์ พวกเขาจะค่อยๆทยอยลาออกไปทีละคน และจะเหลือแค่เธอคนเดียวในบริษัท เทียนซูวจะกลายมาเป็นแพลตฟอร์มร้างทันที หลังจากครุ่นคิดหนักตลอดทั้งคืน ในที่สุดหงซิ่งก้ต่อสายโทรหาจ้าวเฉียนในเช้าวันรุ่งขึ้น
“เอ่อ…คุณจ้าวค่ะ วันนี้พอมีเวลาว่างคุยกันไหมค่ะ?”
“โอ้? ผมจะไปว่างได้ยังไง? ตอนนี้ผมต้องหาแพลตฟอร์มที่อื่นเพื่อติดต่อขอความร่วมมือ คงไม่มีเวลาว่างไปคุยกับแพลตฟอร์มที่ปฏิเสธไปแล้วหรอกครับ”
“ฉันขอโทษ…ฉันขอโทษ! คือเนื่องจากเมื่อวานมันกะทันหันไปหน่อยจริงๆ จึงกล่าวปฏิเสธไปโดยไม่ทันคิด แต่หลังจากนั้นทั้งคินฉันก็ตัดสินใจแล้วว่า ถ้าปล่อยให้สถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไป แพลตฟอร์มของฉันก็จะตายลงอย่างช้าๆ แต่ถ้าอยู่ในมือคุณจ้าว บางทีคุณอาจจะฟื้นฟูกลับมาได้ดังเดิม ได้โปรดเถอะค่ะคุณจ้าว…ให้โอกาสฉันอีกสักครั้งนะคะ เราจะได้พูดคุยเรื่องรายละเอียดกัน”
“ก็ได้ครับ เจอกันที่โรงแรมตงไห่เวลาหนึ่งทุ่ม”

[1]มาจากคำว่า Donate ที่แปลว่า บริจาค ในที่นี่คือ เมื่อเราถูกใจสตีมเมอร์คนไหน เราจะให้ทิปเป็นค่าโดเนทเป็นตัวเงิน เพื่อสร้างกำลังใจให้

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

เนื้อเรื่องย่อ จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริง อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฝู บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอด บังเอิญไปเฉี่ยวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตำรวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีที่ไหนไทม่ทราบแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมถูกอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อฉกเถียงยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงขงอตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อำนาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ไล่ไสส่งออกจากตระกูลจ้าว และให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจำนวน 200,000หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้งได้ ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจำต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนควบตามที่กำหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา! “ประธานฟาง ฉันยินดีร่วมหุ้นกับบริษัทของคุณเป็นจำนวนเงิน3ล้านหยวน โดยมีเงื่อนไขว่า คุณไม่ได้รับอนญาตให้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของผม ไม่อย่างนั้นผมจะถอนทุนทั้งหมดออกทันที” “เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว” “ฮิฮิ….ตราบใดที่เข้าใจแล้ว ก็ทำให้ได้ แล้วคุณรู้ไหมว่า ผู้จัดการหวัง เจ้านั้นมันต้องการขับไล่ผมออกจากบริษัท คิดว่าผมควรทำยังไงดี?” “ง่ายมากค่ะ! ฉันจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้!” “ไม่ ไม่… ผมยังเล่นกับเขาไม่จุใจเลย จะไล่ออกไปง่ายๆได้ยังไง?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset