ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 213 ตีหัวมันซะ

ตอนที่213 ตีหัวมันซะ

ทุกคนถึงกับลุกขึ้นทันทีที่ได้เห็นจ้าวเฉียนมาพร้อมกับหลิวกวน

หยางจานคุนชักสีหน้าไม่พอใจออกมา มุมปากกระตุกสองสามคราและกล่าวว่า

“คุณจ้าว! นี่มันหมายความว่ายังไง? เราก็ฉลองกันที่ห้องนี้อยู่ดีๆ ทำไมต้องไล่ที่กันด้วย?”

จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มเล็กน้อยพลันเหลือบมองไปที่หลิวกวน และตอบกลับไปว่า

“หลิวกวนไม่อยากให้คุณมีความสุขก็เท่านั้น ต้องขออภัยจริงๆนะครับ แต่ห้องนี้เป็นของผมแล้ว”

“บัดซบ! คิดว่าตัวเองเป็นใครห่ะ? อยากได้อะไรก็ต้องได้รึไง?”

“แกเป็นเจ้าของโรงแรมรึไงวะ?”

“ผู้จัดการ ถ้าพวกผมไม่ไปแล้วจะทำไม?”

คนของหยางจานคุนเริ่มฉุนแล้วเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่คำขู่นี้กลับไม่เป็นผล

ผู้จัดการโรงแรมกล่าวตอบเสียงเข้มว่า

“ถ้าพวกคุณยังไม่ออกไป ผมจะเรียกรปภ.มาลากพวกคุณเอง แต่หากให้ความร่วมมือแต่โดยดี ผมจะเปลี่ยนห้องอาหารให้ครับ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพวกคุณแล้วว่าจะตัดสินใจยังไง?”

หยางจานคุนคำรามลั่นด้วยความเดือดจัด

“แล้วทำไมไม่รีบบอกตั้งแต่ตอนแรก? นี่พวกเรากินอาหารที่สั่งไปเกินครึ่งแล้ว ต้องการไล่เราเอาปานนี้ คิดจะตบหน้ากันรึไง! กู หยางจานคุน แชมป์นักแข่งระดับเอเซียนะเว้ย! ไม่ได้ดูข่าวรึไง? ถ้ายังไม่เลิกสร้างความวุ่นวาย กูจะโทรเรียกพวกให้มาจัดการ!”

ผู้จัดการโรงแรมหรือจะมีเกรงกลัว? โรมแรมตงไห่แห่งนี้มีมหาเศรษฐีระดับประเทศหลายคนคอยหนุนหลัง อย่าน้อยก็จ้าวฝู่แล้วคนหนึ่ง

“คุณหยาง ผมไม่สนใจหรอกว่าคุณจะเรียกใครมา แต่รบกวนออกไปจากห้องอาหารนี้เดี๋ยวนี้ คุณกำลังทำให้คุณจ้าวรับประทานอาหารล่าช้า”

หยางจานคุนถ่มน้ำลายใส่พื้นทีหนึ่ง สบถสาปแช่งด่าสวนกลับไปว่า

“กูไม่ไป พวกมึงจะทำอะไรกูได้!”

“อะไรของพวกนี้วะ! สมองพวกแกมันเหลวละลายไปหมดแล้วรึไง? ถึงกล้าไล่พวกเราออกไปทั้งแบบนี้จริงๆ! พวกมึงรู้ไหม พี่คุนของเราเพิ่งคว้าแชมป์ระดับเอเซียมานะเว้ย! มีคนดังตั้งมากมายที่เชิญเขาไปร่วมรับประทานดินเนอร์!”

“โรงแรมตงไห่มันมีแต่พวกปัญญาอ่อนรึไง? หรือคิดว่าตัวเองมันมีดีกว่ารองเทศมนตรี? รองเทศมนตรีเพิ่งส่งคนมาเชิญพี่คุนไปร่วมทานข้าวด้วยกัน แถมลูกชายของรองเทศมนตรียังเป็นเพื่อนกับพี่คุนอีกด้วย! พวกมึงมาทำแบบนี้เท่ากับหาเรื่องตาย!”

บรรดาคนของหยางจานคุนเอ่ยปากข่มขวัญ ฝีปากแต่ละคนดุเดือดอย่างยิ่ง

หลิวกวนเริ่มรู้สึกกังวลใจไม่น้อยแล้วเช่นกัน เขารู้สึกว่า นี่เป็นแค่การมาทานอาหาร และเขาไม่ได้เรื่องมากอะไรเลย จะกินที่ไหนก็ได้ทั้งหมด ไม่จำเป็นต้องหาเรื่องหยางจานคุนกับแค่เรื่องที่ทานข้าวแบบนี้

“คุณจ้าว ผมว่าไปกินที่ห้องอื่นก็ได้นะครับ”

จ้าวเฉียนยิ้มพลางตบไหล่หลิวกวนเบาๆ เอ่ยตอบไปว่า

“อล่ากลัวไปเลน เดี๋ยวตรงนี้ผู้จัดการจะจัดการให้เอง พวกเรามีหน้าที่แค่ยืนรอ ผมจะบอกคุณอีกครั้งนะครับว่า พวกเราจะต้องฉลองกันในวันนี้และที่นี่เท่านั้น!”

หยางจานคุนกำหมัดแน่น เตรียมพุ่งเข้าไปต่อยจ้าวเฉียน แต่ผู้จัดการโรงแรมกลับเข้ามาขวางไว้ก่อนและตะคอกสวนกลับไปว่า

“หยุดเดี๋ยวนี้! ที่นี่มันในโรงแรม ไม่อนุญาตให้มีเรื่องชกต่อย!”

หลังจากพุดจบ ผู้จัดการก็รีบวอแจ้งรปภ.ให้รีบขึ้นมาทันที ประมาณไม่กี่อึดใจต่อมา กลุ่มรปภ.นับสิบก็เข้ามา

พวกลูกน้องของหยางจานคุนดูท่าจะไม่เกรงกลัวเลย ลูกพี่ของพวกเขาเพิ่งความแชมป์มาได้ แต่ละคนจำต้องประจบประแจ สร้างคุณงามความดีให้เขาเห็น

“กลัวตายที่ไหน! คิดจะสู้ใช่ไหม? เข้ามาเลย!”

“ใครต้องกลัวใครกันแน่วะ! พวกมึงเข้ามา!”

“มาเลยไอ้พวกยามหน้าโง่!”

แต่ละคนเริ่มเห่าหอนข่มขู่กันอย่างไม่หยุดหย่อน บางคนถึงขั้นหยิบขวดไวน์ขึ้นมาตีให้แตกเป็นปากฉลาม เพื่อสร้างเป็นอาวุธเตรียมเผด็จศึก

ส่วนกลุ่มรปภ.เองก็หยิบกระบองเหล็กขึ้นมา และพยายามเคลียร์พื้นที่กลัวว่าจะมีคนโดนลูกหลง

ผู้จัดการแอ่ยปากเตือนกลุ่มคนของพวกหยางจานคุนทันทีว่า

“อย่าคิดทำเรื่องโง่ๆ พวกเราเองก็มีสิทธิ์ที่จะป้องกันตัวเช่นกัน ถ้าพวกคุณไม่กลัวเป็นเรื่องใหญ่ ทางโรงแรมตงไห่ของพวกเราเองก็ไม่กลัวเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้!”

บรรดาคนของหยางจานคุนชะงักไปชั่วครู่ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่กลัว เพราะพวกเขายังมีพี่คุนคอยหนุนหลังอยู่

แต่ในทางกลับกัน หยางจานคุนกลับเริ่มกังวลเล็กน้อย เพราะไม่มีใครคอยหนุนหลังหรือช่วยเหลือเขาหลังจากนี้ถ้าเกิดกลายเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ และค่าเสียหายที่ทางโรงแรมตงไห่เรียกเก็บคงไม่ใช่มูลค่าน้อยๆเลย

ถึงอย่างไร ศักดิ์ศรีย่อมต้องมาก่อนในฐานะพี่ใหญ่ โดยเฉพาะในเวลานี้ที่อยู่ต่อหน้าหลินกวนอีก หยางจานคุนจะไม่ยอมเสียหน้าโดยเด็ดขาด

คิดได้ดังนั้นหยางจานคุนก็ก้าวขึ้นหน้าออกไปด้วยท่าทีแสนเย่อหยิ่ง ตรงเข้าไปผลักอกรปภคนหนึ่งจะกระเด็นและคำรามขึ้นว่า

“เออ กูไม่เชื่อ! พวกเราลุย!”

รปภ.เหล่านั้นถึงกับเลิ่กลั่กหันไปทางผู้จัดการราวกับอยากจะถามว่าควรทำอย่างไรต่อ อีกฝ่ายดูท่าจะไม่หยุดมือง่ายๆแล้ว สรุปสุดท้ายนี้จะให้ปราบปรามอย่างไร จำต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้จัดการ

นี่ถือเป็นบ้านหลังหนึ่งของจ้าวเฉียน และเขาไม่ยอมให้เข้ามาใช้ความรุนแรงในที่ของเขาเด็ดขาด

“ผู้จัดการ ตีมัน!”

จ้าวเฉียนสั่งการทันที

ทางด้านผู้จัดการถึงกับปวดหัวตึบ แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองที่ได้ยิน ถึงกับหันควับกลับมามองจ้าวเฉียนด้วยความตกใจ

“คุณจ้าว…คุณจ้าวจะให้ตีคนพวกนี้เหรอครับ?”

จ้าวเฉียนพยักหน้าอย่างสงบนิ่งและเอ่ยตอบไปว่า

“ใช่…เริ่มจากมันก่อนเลย!”

ผู้จัดการตื่นตระหนักสุดขีด เวลาคับขับแบบนี้จะให้เขาทำยังไง? ถ้าลงมือตอนนี้ ผลที่ตามมาคือ ทางโรงแรมจะช่วยปกป้องเขาหรือไม่? หรือปล่อยให้เขาโดนคดีความไปเต็มๆจะทำยังไง? แต่ถ้าขัดคำสั่งคุณชายจ้าวก็ไม่ต่างอะไรกับสร้างความขุ่นเคืองให้แก่จ้าวฝู่ จะตีหรือไม่ตี?

หยางจานคุนถึงกับระเบิดหัวเราะลั่น สบถด่าขึ้นว่า

“มึงคิดตัวเองเป็นใครวะห่ะ? พ่อมึงใหญ่นักรึไง!? เอาสิ! มาตีหัวกูเลย! กูยื่นหัวให้แล้ว! ที่นี่เป็นสถานที่ของพวกมึง ถ้ากล้าลงมือก็เท่ากับทำร้ายร่างกายลูกค้า! พวกมึงไม่กล้า… ”

ตุบบ!!

เสียงกระบอกเหล็กฟาดศีรษะดังสนั่น หยางจานคุนถึงกับล้มทั้งยืนร่วงคาพื้นในพริบตา บริเวณนั้นปรากฏเป็นธารเลือดสีแดงสดไหลนองออกมา ในไม่ช้าก็ชโลมทั่วทั้งใบหน้าของหยางจานคุน

‘ก็เออไง! พ่อเขาใหญ่!’

ผู้จัดการโรงแรมสบถขึ้นภายในใจ

“มึงตาย!!”

“กล้าทำพี่คุนของเรางั้นเหรอ!!”

พวกคนของหยางจานคุนคำรามลั่น ชี้หน้ากรนด่าคล้ายจะพุ่งเข้ามาหาเรื่อง แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวเลยสักคน

ผู้จัดการคืนกระบองเหล็กให้รปภ.คนข้างๆ และกล่าวสั่งการขึ้นว่า

“ถ้าใครยังกล้าปากดีผมอนุญาตให้ลงมือได้ทันที ขอแค่ไม่ถึงตาย ทางโรงแรมจะรับผิดชอบแทนพวกคุณทั้งหมด ดังนั้นไม่ต้องกลัว”

กลุ่มคนของหยางจานคุนถึงกับผวะทันทีที่ได้ยินแบบนั้น พวกเขารีบโยนขวดไวน์ในมือทิ้งอย่างรวดเร็ว

หยางจานคุนนอนอาบเลือดนองอยู่บนพื้นสักพัก ก่อนจะค่อยๆตะเกียดตะกายลุกขึ้นมาพร้อมมือกุมศีรษะด้วยความเจ็บปวด

“มึง…มึงกล้าตีกูจริงๆใช่ไหม! เดี๋ยวก่อนเถอะ…เรื่องไม่จบแค่นี้แน่!”

หยางจานคุนหยิบมือถือออกมาและโทรไปหาลูกชายของรองเทศมนตรีเมือง เพื่อฟ้องทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่

แต่เมื่ออีกฝ่ายได้ยินว่าคู่กรณีเป็นโรงแรมตงไห่ ก็ตอบกลับทันทีด้วยความลำบากใจ โดยกล่าวว่า คงไม่ง่ายที่จะช่วย

โดยไม่มีทางเลือกอื่นใด หยางจานคุนรีบโทรหาคนอื่นต่อทันที แม้ว่าสถานะของพวกเขาจะต่ำกว่าลูกรองเทศมนตรี แต่หากมีผลประโยชน์ตอบแทนมันก็ไม่แน่

แต่น่าเสียดายนักที่เขายังไร้เดียงสาเกินไป บรรดาเพื่อนฝูงเหล่านั้นคบหากันเพื่อผลประโยชน์อย่างเดียว แถมคู่กรณีที่มีเรื่องก็เป็นถึงโรงแรมตงไห่ แล้วมีใครจะกล้าเสี่ยงตายเข้ามาช่วยกัน? พวกเขาย่อมทราบ โรงแรมตงไห่มีมหาเศรษฐีระดับประเทษคอยหนุนหลัง คิดจะเอากิ่งไม้ไปงัดกับท่อนซุง? ขนาดคนโง่ยังรู้เลยว่าอะไรเป็นอะไร!

หลังจากพยายามติดต่อไปสักระยะหนึ่ง หยางจานคุนก็เริ่มหมดหวัง ทุกคนต่างหาข้ออ้างมาปฏิเสธที่จะช่วยเขาต่างๆนาๆ

ขณะนี้เลือดออกที่บริเวณศีรษะยังคงไหลไม่หยุดจนเข้าตาหมดแล้ว หยางจานคุนทำได้เพียงกล่าวเสียงอ่อนว่า

“พาผมไปโรงพยาบาลก่อนได้ไหม?”

ผู้จัดการที่ได้บินแบบนั้นถึงกับหัวเราะ

“ฮ่าฮ่า…เรื่องยังไม่จบเลยนะ จะรีบไปไหน? แล้ว…ไหนล่ะคนที่จะมาช่วยคุณ?”

หยางจานคุนเริ่มรู้สึกเวียนศีรษะอย่างอธิบายไม่ถูก

“พา…พาฉันไปโรงพยาบาลก่อน! ไม่งั้นฉันตายก่อนแน่! อย่าให้โรงแรมเป็นข่าวรึไง!”

ในขณะนั้นเอง จ้าวเฉียนก็ปริปากพูดขึ้นว่า

“คุณหยางพูดถูกนะครับ ตอนนี้ยังเป็นแค่ปัญหาเล็กน้อย ถ้าอีกฝ่ายตายขึ้นมาจริงคงยากที่จะจัดการ เขาก็น่าจะได้รับบทเรียนแล้ว ดังนั้นปล่อยให้เขาไปโรงพยาบาลเถอะครับ อ่อ…แล้วช่วยเรียกแม่บ้านให้เข้ามาทำความสะอาดด้วยนะครับ ผมกับคุณหลิวหิวแย่แล้วครับ”

ผู้จัดการได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าตอบทันที

“เข้าใจแล้วครับ ผมจะรีบดำเนินการโดยด่วนที่สุด พวกคุณจะไปไหนก็ไปได้แล้ว ส่วนเธอไปตามพวกแม่บ้านให้เข้ามาทำความสะอาดห้องนี้โดยด่วนเลยนะ และไปเตรียมอาหารให้คุณจ้าวได้แล้ว”

พวกรปภ.รีบ‘เชิญ’หยางจานคุนและคนอื่นๆออกไป ส่วนพนักงานเสร์ฟที่เฝ้ามองสถานการณ์อยู่หน้าประตูก็รีบแยกย้ายกันไปทำตามที่ผู้จัดการสั่ง

ขณะที่หยางจานคุนเดินผ่านจ้าวเฉียนและกำลังจะจากไป เขาก๋เอ่ยถามขึ้นคำหนึ่งว่า

“นี่นายเป็นใครกันแน่? ทำไมคนของที่นี่ถึงเชื่องกับนายขนาดนี้?”

จ้าวเฉียนหยิบบัตรVIPออกมาและตอบกลับไปตามตรงว่า

“ผมเป็นแขกVIPของที่นี่ พวกเขาต้องทำตามทุกอย่างที่ผมต้องการ”

หยางจานคุนหัวเราะออกมาอย่างขมขื่นใจ เอ่ยสวนกลับไปว่า

“เหอะ! หวังว่าพวกเราจะได้เจอกันอีก!”

หลังจากพูดจบหยางจานคุนก็เดินกระเผลกจากไป ติดตามมาด้วยบรรดาลูกน้องที่ตรงเข้ามาประคอง

ผู้จัดการรีบผายมือเชิญจ้าวเฉียนกับหลิวกวนไปนั่งรออย่างสุภาพ ไม่นานพวกแม่บ้านก็รีบเข้ามาทำความสะอาดทั้งโต๊ะอาหารและแอ่งเลือดที่นองบนพื้นโดยไว

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

Status: Ongoing
เนื้อเรื่องย่อ จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริง อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฝู บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอด บังเอิญไปเฉี่ยวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตำรวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีที่ไหนไทม่ทราบแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมถูกอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อฉกเถียงยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงขงอตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อำนาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ไล่ไสส่งออกจากตระกูลจ้าว และให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจำนวน 200,000หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้งได้ ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจำต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนควบตามที่กำหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา! “ประธานฟาง ฉันยินดีร่วมหุ้นกับบริษัทของคุณเป็นจำนวนเงิน3ล้านหยวน โดยมีเงื่อนไขว่า คุณไม่ได้รับอนญาตให้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของผม ไม่อย่างนั้นผมจะถอนทุนทั้งหมดออกทันที” “เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว” “ฮิฮิ….ตราบใดที่เข้าใจแล้ว ก็ทำให้ได้ แล้วคุณรู้ไหมว่า ผู้จัดการหวัง เจ้านั้นมันต้องการขับไล่ผมออกจากบริษัท คิดว่าผมควรทำยังไงดี?” “ง่ายมากค่ะ! ฉันจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้!” “ไม่ ไม่… ผมยังเล่นกับเขาไม่จุใจเลย จะไล่ออกไปง่ายๆได้ยังไง?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset