ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 22 เซ็นสัญญา

ตอนที่22 เซ็นสัญญา
หงซิ่วที่ได้ยินแผนการนัดหมายของจ้าวเฉียนที่โรงแรมตงไห่ เธอก็รู้สึกได้ทันทีว่า ชายคนนี้จะต้องทุนหนาและมีประสบการณ์ด้านธุรกิจไม่ใช่น้อย คนโดยส่วนใหญ่ไม่เต็มใจนักที่จะนัดคู่ค้าตัวเองที่สถานที่หรูดังกล่าว
เธอเอ่ยปากรับคำในทันทีด้วยความตื่นอกตื่นเต้นว่า
“โอเคค่ะ เจอกันตอนหนึ่งทุ่มค่ะ”
ระหว่างวันเอง จ้าวเฉียนก็ได้นัดเจอกับเจ้าของอีกสองแพลตฟอร์ม แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่ได้ตบปากตกลงกับเขา เพราะสุดท้ายนี้ พวกเขาไม่ต้องการสละสิทธิ์ในด้านการบริหาร พวกเขาต้องการรวยทางลัดโดยที่กินเปอร์เซ็นต์หุ้นเท่านั้น ดังนั้นข้อตกลงจึงเป็นอันตกไป
เวลาหนึ่งทุ่มตรง จ้าวเฉียนและหงซิ่วก็พบกันที่โรงแรมตงไห่
เมื่อหงซิ่วเห็นจ้าวเฉียนในสภาพแบบนี้ เธอก็รู้สึกผิดหวังทันที เขาดูไม่เห็นเหมือนคนรวยเลย หรือมาที่นี่เพื่อโกงเธอกันแน่?
“ไปกันเถอะ ผมจองห้องอาหารไว้แล้ว”
จ้าวเฉียนเดินตรงเข้าไปทันทีหลังพูดจบ
หงซิ่วไม่อยากเข้าไปตามเท่าไหร่นัก แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจองห้องอาหารไว้แล้ว เธอจึงลองให้โอกาสพูดคุยกับเขาดูสักครั้ง ถ้าอีกฝ่ายมีเจตนาหลอกเมื่อใด เธอจะจากไปทันที
เมื่อทั้งสองเข้ามาถึงห้องอาหารที่จองเอาไว้ จ้าวเฉียนก็สั่งอาหารพร้อมไวน์แดง พวกเขาเริ่มรับประทานอาหารกัน
“คุณหงยังอายุน้อยอยู่เลย ทั้งยังสวยกว่าที่ผมคิดไว้มาก พอจะเล่าถึงความเป็นมาบนเส้นทางธุรกิจนี้ให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ?”
จ้าวเฉียนวางตะเกียบลงพร้อมหยิบผ้ามาเช็ดปาก เตรียมฟังอีกฝ่ายอย่างจริงอกจริงจัง
หงซิ่วไม่เต็มใจที่จะเล่าเท่าไหร่นัก เพราะเรื่องนี้มันน่าอายเกินกว่าจะพูดใครฟังได้ เนื่องจากมีรุ่นน้องคนสนิทของเธอชอบดูไลฟ์สตีมเมอร์หนุ่มหล่อคนหนึ่ง ทั้งยังเปย์เงินส่งของขวัญชนิดที่ว่าทุ่มสุดตัว ในตอนนั้นเธอจึงปิ๊งไอเดียและคิดว่าหากลงมาทำธุรกิจสายนี้จะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน ดังนั้นเธอจึงขอทุนจากครอบครัวเป็นจำนวนสองล้าน เพื่อสร้างแพลตฟอร์มเทียนซูวขึ้น
อย่างไรก็ตามแต่ เมื่อลงมาทำจริงกลับมีรายจ่ายเบ็ดเตล็ดอีกมากมายที่อยู่นอกเหนือจากการคำนวณ ใครจะไปคิดว่าอุตสาหกรรมที่ว่าดูรุ่งโรจน์จะผลาญเม็ดเงินอะไรขนาดนี้ เธอพยายามไปนัดเจอกับเหล่าสตีมเมอร์คนดังเพื่อดึงตัวเข้ามาในแพลตฟอร์ม ณ ปัจจุบันมีสตีมเมอร์ในสังกัดทั้งหมด20คน เป็นสตีมเมอร์หญิงไปกว่า15คนและอีก5คนเป็นสตีมเมอร์หนุ่ม ทั้งยังมีสตีมเมอร์หน้าใหม่ที่ลงนามแบบอิสระไม่ต่ำกว่า50คน
จ้าวเฉียนพยักหน้าและขอให้เธอรับประทานอาหารต่อ
“ผมสามารถให้ทุนคุณได้5ล้านหยวนและต้องการหุ้นจำนวน90%ของแพลตฟอร์มนี้ ต่อจากนี้ไปผมจะให้คุณเป็นCEO ส่วนผมจะเป็นตัวกำหนดทิศทางและกลยุทธ์ในการตีตลาดต่อไป ส่วนคุณจะรับผิดชอบการจัดการทั่วไปรายวัน เงินเดือนที่ได้จะขึ้นอยู่กับผลประกอบการของเดือนนั้นๆ ถ้าแพลตฟอร์ไม่สามารถทำกำไรได้ เดือนนั้นคุณจะได้รับ200,000เป็นขั้นต่ำ และหากเดือนไหนกำไรได้ รับประกันเดือนละหนึ่งล้านขึ้นไป ถ้าคุณตกลงกับข้อเสนอนี้ เราเตรียมเซ็นสัญญาพรุ่งนี้กันได้เลย”
พูดไม่ได้ว่าจ้าวเฉียนเป็นคนใจกว้าง แต่เงินจำนวนแค่นี้มันไม่ต่างอะไรกับค่าทำบุญเลย

อย่างไรก็ตาม หงซิ่วเพียงรู้สึกว่า เขาคนนี้ไม่น่าจะสามารถหาเงินได้มากขนาดนั้นตามที่พูดไว้ได้ เธอจึงยิ้มเป็นมารยาทและตอบว่า
“คุณจ้าว ถ้าคุณมีความจริงใจอย่างที่ว่าไป บางทีก็ควรมีอะไรสักอย่างเป็นหลักประกัน ฉันเห็นความกระตือรือร้นและความมุ่งมั่นของคุณ แต่พวกเราเองก็เพิ่งเจอกันครั้งแรกจริงไหม?”
จ้าวเฉียนพยักหน้าและเซ็นเช็คจำนวนห้าล้านต่อหน้าเธอ
“นี่คือเช็คธนาคารหัวเชีย คุณสามารถโทรเช็คได้เลยทันที หรือถ้าต้องการความมั่นใจ คุณออกไปขึ้นเงินตอนนี้เลยก็ได้ นอกจากนี้ถ้าคุณเป็นกังวลเรื่องธุรกรรมดังกล่าว เราสามารถเขียนสัญญาและลงชื่อพวกเราทั้งคู่ตอนนี้ได้เลย ถ้าผมคิดจะโกงคุณจริงๆ ก็สามารถใช้สัญญาตัวนี้ฟ้องร้องได้ทันที”
หงซิ่วที่ฟังดังนั้นก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาก แต่ตอนนี้เธอยังคงสับสนลังเลอยู่เล็กน้อย เธอไม่มีเหตุผลใดเลยที่ต้องปฏิเสธข้อเสนอดีๆ แบบนี้ แต่นี่เป็นแพลตฟอร์มที่เธอสร้างขึ้นมาด้วยลำแข้ง จะอย่างไรก็ไม่สามารถใช้อารมณ์มาตัดสินได้
จ้าวเฉียนเห็นเธอยังคงลังเล จึงกล่าวขึ้นต่อว่า
“ผมมีความจริงใจมากพอที่จะทำให้คุณเชื่อใจได้ หวังว่าจะได้ฟังความคิดเห็นของคุณว่า ต่อจากนี้พวกเราจะเดินกันในทิศทางไหนต่อ?”
หงซิ่วเอ่ยถามขึ้นว่า ตัวเธอขอเวลาตัดสินใจกับเรื่องนี้อีกสักนิดได้หรือไม่ เพราะนี่เป็นธุรกิจหลักล้าน มันเป็นเหมือนกับชีวิตของเธอในตอนนี้ ดังนั้นแล้วจึงไม่อยากรีบตัดสินใจโดยไม่ไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน
จ้าวเฉียนเองก็เข้าใจความรู้สึกของเธอเช่นกัน เขาพยักหน้าและตอบไปว่า
“ถ้าอย่างนั้นให้คำตอบผมก่อนเก้าโมงเช้าพรุ่งนี้ ถ้าคุณไม่รับข้อเสนอ ผมจะได้ไปหาแพลตฟอร์มอื่น”
“โอเคค่ะ! ฉันจะให้คำตอบก่อนเก้าโมงเช้าแน่นอน!”
“อืม ในเมื่อเสร็จแล้ว งั้นผมต่อตัวก่อน คุณอยากกินอะไรเพิ่มก็สั่งได้เลยนะ เดี๋ยวลงบิลที่ผมได้เลย”
จากนั้นจ้าวเฉียนก็ลุกขึ้นและจากออกไปทันที
หงซิ่วสงสัยอย่างมากหลังจากที่จ้าวเฉียนออกไป เธอรีบเรียกพนักงานและถามทันทีว่า เขาลงบิลเอาไว้จริงเหรอ หรือแสร้งทำเป็นจ่ายเงิน แล้วตัวเองชักดาบหนีไป?
พนักงานคนนั้นยิ้มและตอบว่า
“ครับผม คุณชายจ้าวเซ็นบิลจ่ายให้หมดแล้ว หลังจากนี้คุณผู้หญิงสามารถสั่งทานได้ตามต้องการเลยครับ”
“จริงเหรอ?”
“จริงครับ”
“เอ่อ…สอบถามได้ไหมค่ะว่า ชายหนุ่มคนนั้นเป็นใครกันแน่?”
“ขอภัยด้วยครับ คงเปิดเผยไม่ได้”
หงซิ่วพยักหน้าและลุกขึ้นจากตามออกไปเช่นกัน
การที่สามารถเซ็นบิลล่วงหน้าที่โรงแรมตงไห่ได้ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะสามารถทำได้เลย แต่ในเมืองแห่งนี้ก็ไม่เห็นเคยได้ยินชื่อเสียงของตระกูลจ้าวมาก่อนเลย เขาเป็นใครกันแน่?
หงซิ่วครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ตลอดทางกลับ ในไม่ช้าเธอก็ถึงบ้ายและเข้าปรึกษากับพ่อแม่ของเธอทันที ก่อนจะถามทิ้งท้ายไปว่า พวกเขาสองคนมีความคิดเห็นยังไงบ้าง
พ่อแม่ของเธอตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า บุคคลที่มีทุนหนาขนาดนี้การที่ไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างก็มีมากมาย และด้วยข้อเสนอที่ดีแบบนี้ แน่นอนว่าต้องเห็นด้วย แม้ว่าลูกของพวกเขาจะเหลือหุ้นแค่เพียบง10% แต่ตราบใดที่แพลตฟอร์พัฒนาขึ้น10% นั้นเท่ากับว่ากำไรที่จะได้รับย่อมมากกว่า100%เมื่อเทียบกับฐานในปัจจุบันแน่นอน
หากหงซิ่วต้องการเริ่มธุรกิจใหม่ในวันข้างหน้า อย่างน้อยเธอก็ยังมีเงินก้อนนี้ให้สร้างตัวได้
แต่ถ้าเธอมัวแต่ยึดติดกับแพลตฟอร์มที่ไม่ทำกำไรอยู่แบบนี้ ในไม่ช้ากลับเป็นตัวเธอเองที่ไม่เหลืออะไรเลย
หงซิ่วที่ได้ฟังแบบนั้นก็รู้สึกสมเหตุสมผลเป็นอย่างมาก 10%ของแพลตฟอร์มที่ได้นายทุนใหญ่เข้ามาอัดฉีดเม็ดเงินเข้าไป บางทีอาจมีมูลค่ารวมมากกว่ามูลค่าหุ้น100%จากแบบเก่าด้วยซ้ำ ดังนั้นทำไมเธอยังต้องยึดติดกับ100%อยู่อีก?
พอคิดได้แบบนั้นเธอจึงรีบโทรหาจ้าวเฉียนทันทีในคืนนั้น และบอกเขาไปว่า เธอตกลงที่จะให้ความร่วมมือทั้งยังพร้อมเซ็นสัญญาตลอดเวลา
เช้าวันรุ่งขึ้น จ้าวเฉียนเดินทางมาที่สำนักงานแพลตฟอร์มเทียนซูว พร้อมสัญญาที่เตรียมมา หลังจากลงนามเซ็นสัญญาเสร็จสิ้น จ้าวเฉียนก็มอบเงินจำนวนห้าล้านให้กับหงซิ่วในทันที
“ต่อไปนี้คุณคือCEOของที่นี่ในอนาคต หน้าที่คือบริหารจัดการทั่วไปและย้ายออฟฟิศทำงานไปอยู่ที่บริเวณ1024บนชั้นที่10ของตึก หลู่เจียจุย เซ็นเตอร์ นี่นั้นเป็นหนึ่งในที่ดินของฉันเอง ซึ่งใช้ที่นั่นแหละเป็นบริษัทของเราในอนาคตต่อจากนี้”
หงซิ่วพยักหน้าและเอ่ยถามว่า ต้องการอะไรอีกหรือไม่
“สตีมเมอร์ที่จะมาทำสัญญากับแพลตฟอร์มเรา ต้องได้รับการคัดกรองอีกครั้งก่อนถึงจะยอมให้เซ็นสัญญาได้ คนไหนที่ชอบใช้ถ่อยคำหยาบคายหนือส่อไปถึงเรื่องทางเพศให้ฉีกสัญญาทิ้งทันที และขึ้นบัญชีดำไว้เลย ส่วนแผนการในอนาคตโดยย่อ สตีมเมอร์สายร้องเพลงหรือเต้นต้องมีอย่างน้อยหนึ่งเกม ที่ต้องคอยสตีมสดเป็นหลัก ดังนั้นอีกหนึ่งเกณฑ์เงื่อนไขในการคัดกรองเหล่าสตีมเมอร์คือ ต้องมีความสามารถในการเล่นเกม”
หงซิ่วพยักหน้า และจดลงสมุดโน้ตเก็บทุกรายละเอียด
“อ่อใช่แล้ว…นอกจากนี้คุณต้องเก็บเรื่องของผมเป็นความลับ อย่าให้คนภายนอกรู้เรื่องของผมได้เด็ดขาด ในสายตาคนภายนอก คุณยังเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มนี้เหมือนเดิม หวังว่าจะรักษากฎข้อนี้ได้นะครับ? แล้วก็ไปเซ็นสัญญากับเธอคนนี้ด้วย”
หลังจากหงซิ่วตอบตกลงไป จ้าวเฉียนก็หยิบมือถือมาพร้อมส่งไอดีของอู๋ซินให้แก่หงซิ่ว
หงซิ่วที่เห็นแบบนั้นก็เงยหน้ามองเขาคล้ายว่ามีบางอย่างต้องการจะถาม
“มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
จ้าวเฉียนเอ่ยถามขึ้นทันที
หงซิ่วลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนพยักหน้า เอ่ยขึ้นว่า
“ไม่ใช่ว่าคุณต้องการที่จะใช้แพลตฟอร์มเพื่อเฟ้นหาสาวๆ มาทำเรื่องอย่างว่าใช่ไหมค่ะ? หรือ…ทำเพื่อเอาใจไลฟ์สตีมเมอร์อย่าง…เธอคนนี้?”
“ไม่ใช่ครับ ผมแค่ต้องการเข้าสู่วงการอุตสหกรรมไลฟ์สตีมเท่านั้น คิดว่าโอกาสเติบโตในช่วงทามมิ่งนี้ค่อนข้างดี ส่วนสตีมเมอร์ที่ผมส่งไปให้เธอเป็นเพื่อนผมเอง แต่เธอไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของผมและไม่อยากให้เธอรู้ด้วย เข้าใจความหมายใช่ไหมครับ?”
“เข้าใจแล้วค่ะ!”
จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบ ก่อนอำลาหงซิ่วและเดินทางกลับไปยังที่ทำงาน
ทันทีที่มาถึงบริษัท จ้าวเฉียนก็จำต้องแปลกใจที่จู่ๆ เห็นเพื่อนร่วมงานแต่ละคนดูมีความสุขกันอย่างมาก
“โอ้? มีเรื่องอะไรดีๆ เหรอ? ถึงได้มีความสุขกันขนาดนี้?”
จ้าวเฉียนเอ่ยถาม
เจวียงหยวนเร่งตอบทันทีว่า
“หวันชวนเพิ่งได้รับรับงานใหม่ที่ใหญ่กว่าของนายอีก!”
จ้าวเฉียนหันไปมองหวันชวนพร้อมยิ้มให้ด้วยความยินดี
“จริงเหรอ? บริษัทให้สั่งตรงมาเนี่ย?”
“รอบนี้เป็นปลาใหญ่เลย เป็นบริษัทในเครือเฟยอวี้ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์! นี่มันเยี่ยมมาก!”
จ้าวเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยิน เฟยอวี่? นี่เป็นไปได้ยังไง? นี่คง…ไม่บังเอิญเกินไปใช่ไหม?

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

เนื้อเรื่องย่อ จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริง อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฝู บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอด บังเอิญไปเฉี่ยวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตำรวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีที่ไหนไทม่ทราบแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมถูกอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อฉกเถียงยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงขงอตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อำนาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ไล่ไสส่งออกจากตระกูลจ้าว และให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจำนวน 200,000หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้งได้ ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจำต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนควบตามที่กำหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา! “ประธานฟาง ฉันยินดีร่วมหุ้นกับบริษัทของคุณเป็นจำนวนเงิน3ล้านหยวน โดยมีเงื่อนไขว่า คุณไม่ได้รับอนญาตให้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของผม ไม่อย่างนั้นผมจะถอนทุนทั้งหมดออกทันที” “เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว” “ฮิฮิ….ตราบใดที่เข้าใจแล้ว ก็ทำให้ได้ แล้วคุณรู้ไหมว่า ผู้จัดการหวัง เจ้านั้นมันต้องการขับไล่ผมออกจากบริษัท คิดว่าผมควรทำยังไงดี?” “ง่ายมากค่ะ! ฉันจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้!” “ไม่ ไม่… ผมยังเล่นกับเขาไม่จุใจเลย จะไล่ออกไปง่ายๆได้ยังไง?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset