ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 234 ชักชวน

ตอนที่134 ชักชวน

สีหน้าของจ้าวเฉียนบึ้งตึงขึ้นมาทันที พอเห็นแบบนั้นหวานเจียงพลันตกใจอย่างมาก รีบกล่าวอธิบายโดยไว

“ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อนาย แต่ฉันไม่ค่อยอยากเชื่อทีมแพทย์พวกนี้เท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าพวกเขามาหลอกโกงเงินนายไปฟรีๆเหรอ?”

“โกงเงิน? ถ้าโกงแล้วพ่อเธอหายก็ปล่อยให้โกงไป!”

จ้าวเฉียนยักไหล่ตอบอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก

หวานเจียงกลอกตาใส่ไปทีหนึ่ง เอ่ยตอบขึ้นว่า

“ทำไมมันง่ายจัง! อีกอย่างนะ ถ้าเจตนาพวกนี้คือมาโกงเงินจริงๆ นั้นแสดงว่าพวกเขาไม่มีฝีมือด้านการแพทย์เลยไม่ใช่เหรอไง? ทางโรงพยาบาลจะรับผิดชอบค่าเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับพ่อของฉันยังไง?”

“แล้วฉันควรทำยังไงดีล่ะ? เดินไปบอกทีมแพทย์พวกนั้นให้กลับไปเลยดีไหม? แล้วรักษาไปตามอาการจนกว่าจะตายไปข้าง? ถ้าเป็นฉัน มีโอกาสอยู่ตรงหน้าขนาดนี้ไม่ว่ายังไงก็จะพยายามให้ถึงที่สุด ดังนั้นเซ็นซะ!”

หวานเจียงยังคงเอ่ยถามด้วยความไม่สบายใจเท่าไหร่นัก

“ถ้าอย่างนั้น…นายต้องสัญญากับฉันก่อน ว่าจะแสดงความรับผิดชอบกับเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด”

จ้าวเฉียนเริ่มรู้สึกรำคาญแล้วที่หวานเจียงจู้จี้จุกจิกเรื่องเขาไม่หยุดหย่อน เพราะเป็นแบบนี้นี่แหละ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจ้าวเฉียนถึงต้องทุ่มเงินมหาศาลเพื่อควบคุมฮวาหยินกรุ๊ป

ทันทีทันใดเขาตรงไปต่อหน้าเธอและโอบเอวกระชับแน่นในทันใด ช้อนมือซ้ายขึ้นมาบีบคางเธอและกล่าวว่า

“ที่รัก เธอเป็นของฉันแล้ว ดังนั้นฉันต้องรับผิดชอบทุกสิ่งที่เกี่ยวกับเธอแน่นอน ถ้าคุณใจกล้าพอ ฉันจะเข้าไปบอกทุกอย่างเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเราให้พ่อเธอฟังเป็นไง? แล้วแกล้งบอกเขาไปว่าเธอท้องกับฉัน ให้ความดันขึ้นเล่นดีไหม?”

“ตาบ้านี่! นายกล้าเหรอ?!”

ใบหน้าของหวานเจียงแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำขึ้นทันใด ทุบอกจ้าวเฉียนไปอย่างแรงทีหนึ่ง

บรรดาทีมศัลยแพทย์เองก็ทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน

“มิสหวาน สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการรักษาพ่อของคุณนะครับ เรื่องจีบกันค่อยว่ากันทีหลังเถอะ”

“ใช่แล้วค่ะ อย่าเสียเวลาล่าช้าไปกว่านี้เลย”

หวานเจียงหน้าแดงแจ๋หนักเข้าไปใหญ่พอได้ยินทุกคนกล่าวแบบนั้น เธอรีบผลักจ้าวเฉียนออกและเดินเข้าไปเซ็นโดยไว และนำทางทีมศัลยแพทย์เข้าไปยังห้องของหวานหลิน

หวานหลินเข้าไปอธิบายสั้นๆกับพ่อและแม่ของเธอหวังให้พวกเขาทั้งคู่ช่วยให้ความร่วมมือกับทีมแพทย์อย่างจริงจัง จากนั้นเธอค่อยพาแม่ออกไปรอข้างนอกก่อน

จ้าวเฉียนกำลังเล่นโทรศัพท์มือถือโดยไม่สนใจแม่ของหวานเจียงแม้แต่น้อย

ทางโรงพยาบาลในตอนนี้เองก็จุดทีมพยาบาลเฝ้าประตูทางเข้าออกอย่างหนาแน่น หนึ่งเพื่อป้องกันเหตุสุดวิสัย และสองเตรียมสแตนบายเข้าไปช่วยทีมศัลยแพทย์เมื่อต้องการความช่วยเหลือ

สองชั่วโมงต่อมา บรรดาทีมศัลยแพทย์พากันออกมา ดูเหมือนท่าทีของพวกเขาจะค่อยข้างเคร่งเครียดไม่น้อย

หวานเจียงรีบวิ่งเข้าไปถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขากลับไม่สนใจเธอและตรงไปหาจ้าวเฉียนแทน

หวานเจียงช่วยไม่ได้เช่นกัน ทำได้เพียงพาแม่ของเธอเดินติดตามไปหาจ้าวเฉียนด้วยกัน

จ้าวเฉียนเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกงและเอ่ยถามขึ้นว่า

“ด็อกเตอร์โทมัส เป็นยังไงบ้างครับ?”

อเล็กซ์โทมัสกล่าวตอบไปตามตรงว่า

“มิสเตอร์จ้าว จากที่พวกเขาทำการวินิจฉัยอาการของมิสเตอร์หวานโดยละเอียด พวกเขาได้ข้อสรุปแล้วว่า เขาสามารถรับการผ่าตัดได้”

“แล้วอัตราความสำเร็จมากน้อยแค่ไหนครับ?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถามทันทีด้วยความเป็นห่วง

หวานเจียงและคนอื่นๆที่ได้ยินอย่างนั้นต่างกังวลอย่างมาก โอกาสที่พ่อของเธอจะรอดชีวิตมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับอัตราความสำเร็จนี้

อเล็กซ์โทมัสตอบกลับไปว่า

“โอกาสสำเร็จประมาณ70%ครับ เนื่องด้วยโรคของมิสเตอร์หวานอัตราผ่าตัดสำเร็จค่อนข้างสูงอยู่แล้ว เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับผู้ให้การรักษาเลยครับ แต่ถ้าไม่เข้ารับการผ่าตัด มิสเตอร์หวานจะมีชีวิตอยู่ได้อีกสองปี ยังไงก็ต้องรีบตัดสินใจนะครับ เพราะอัตราความสำเร็จจะลดลั่งตามระยะเวลา ถ้ายิ่งตัดสินใจช้าโอกาสสำเร็จก็จะลดลงเรื่อยๆเช่นกัน”

จ้าวเฉียนหันไปมองหวานเจียงและกล่าวว่า

“เธอได้ยินแล้วใช่ไหม?”

หวานเจียงพยักหน้าตอบ และประคองแม่ของเธอกลับเข้าไปในห้องผู้ป่วยเพื่อปรึกษากับหวานหลิน

จ้าวเฉียนยังคงยืนสนทนากับทีมศัลยแพทย์เหล่านั้น และเอ่ยถามขึ้นว่า

“ถ้าเข้ารับการผ่าตัด ทางเราต้องเตรียมตัวยังไงบ้างครับ?”

อเล็กซ์โทมัสกล่าวตอบไปตามตรงว่า

“แค่อยากแนะนำว่าให้พวกคุณเดินทางไปเข้าทำการผ่าตัดที่อเมริกาหรือไม่ก็แคนาดาครับ ทางเรามีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยที่สุดในโลก สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จได้ครับ”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและหยิบมือถือโทรหาพ่อโดยตรง

“ฮาโหลพ่อ มีเรื่องจะรบกวนหน่อยครับ ถ้าจำเป็นต้องผ่าตัดใหญ่จริงๆ พ่อช่วยจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินไปอเมริกาไม่ก็อคนาดาได้ไหมครับ?”

จ้าวฝู่ระเบิดหัวเราขึ้นทันที กล่าวตอบไปว่า

“แน่นอน เรื่องเล็กน้อยไม่มีปัญหา ถ้าตัดสินใจกันเรียบร้อยแล้วค่อยโทรหาฉันอีกทีนะ”

จ้าวเฉียนกล่าวขอบคุณและกดวางสายไป

ประมาณสิบนาทีต่อมา จ้าวเฉียนนำทีมศัลยแพทย์กลับเข้ามาในห้องพักของหวานหลิน

หวานหลินที่เห็นพวกเขาเดินเข้ามาก็เอ่ยถามขึ้นทันทีว่า

“คุณหมอ บอกผมมาตามตรงนะครับ ถ้าเกิดผมโชคไม่ดีตกเป็นหนึ่งใน30% ผลที่ตามมาจะเลวร้ายแค่ไหนครับ?”

อเล็กซ์โทมัสตอบกลับไปว่า

“คงกลายเป็นมนุษย์ผักตลอดไปครับ แต่ถ้าการผ่าตัดสำเร็จด้วยดี คุณจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ดั่งคนปกติอีกครั้ง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่าจะตัดสินใจอย่างไร 70%ในทางการแพทย์ถือว่ามากพอสมควร มันจะนำพามาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไปในอนาคต”

หวานหลินในขณะนี้กลัวตายเป็นอย่างมาก ต่อให้อัตราสำเร็จจะ99% และมีโอกาสแค่1%ล้มเหลว เขาก็ยังกลัวมากอยู่ดี แล้วนี่ยิ่งเป็นการผ่าตัดสมอง ถ้าล้มเหลวขึ้นมาผมที่ได้คือหายนะ

เมื่อเห็นหวานหลินวิตกแบบนั้น จ้าวเฉียนจึงกล่าวเสริมขึ้นทันทีว่า

“คุณหวาน ผมไม่ได้อยากจะมายุ่งอะไรหรอกนะครับ แต่คุณเองก็อยู่ในวงการธุรกิจมานานแล้ว พบเจอหลากหลายโครงการที่การันตีว่าได้กำไรมากกว่าขาดทุนมาก็ไม่น้อย ดังนั้นผมขอถามกลับว่า ถ้าเป็นโครงการที่สามารถการันตีกำไรแน่นอนถึง70%โดยถ้าสำเร็จขึ้นมาสิ่งที่คุณได้คืนกลับมามันมากกว่าร้อยเท่าพันเท่า คุณจะเลือกลงทุนไหม?”

หวานหลินขมวดคิ้วเอ่ยถามขึ้นทันที

“แกมาที่นี่ทำไม?”

“ก็ผมเป็นคนเชิญทีมศัลยแพทย์เหล่านี้มาจากต่างประเทศให้ และพวกเขาก็รับฟังแค่ผมเท่านั้น แน่นอนว่าผมจำเป็นต้องอยู่ที่นี่”

จ้าวเฉียนพยักไหล่ตอบอย่างช่วยไม่ได้

หวานหลินเขยือบขึ้นนั่งตัวตรงทันที และหันไปถามหวานเจียงว่า

“นี่เกิดอะไรขึ้น? ทำไมหมอนี่ถึงมาช่วยพ่อ?”

หวานเจียงไม่กล้าตอบ

จ้าวเฉียนไม่กลัวอีกฝ่ายแม้สักนิด จึงเอ่ยตอบไปว่า

“ปัจจุบันผมคือผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของฮวาหยินกรุ๊ป และคุณเป็นเพียงพนักงานในบริษัทผม ในฐานะประธานใหญ่ ผมจำเป็นต้องดูแลพนักงานและปฏิบัติต่อคุณเป็นอย่างดี ถ้าหลังผ่าตัดคุณกลับมาเป็นปกติเมื่อไหร่ ผมจะคืนสิทธิ์การบริหารทั้งหมดให้ พูดตามตรงนะ ผมไม่ค่อยเชื่อมือหวานเจียงเท่าไหร่ ถ้าได้คุณมาคุมบังเหียนแทนน่าจะดีกว่า”

หวานหลินงุนงงอย่างมาก เขาตะโกนขึ้นลั่นว่า

“แกน่ะเหรอ? แกมีเงินมากขนาดไหนได้ยังไง? มากพอที่จะครอบครองฮวาหยินกรุ๊ปเลยงั้นเหรอ?!”

จ้าวเฉียนไม่คิดจะปิดบังอะไรอยู่แล้ว จึงกล่าวตอบไปตามจริงว่า

“ผมจำนองบริษัทตัวเองให้กับฟู่ไห่ เพื่อกู้ยืนเงินจำนวนสี่พันล้านหยวนมา และด้วยจำนวนเงินเท่านี้ก็เพียงพอที่จะครอบครองฮวาหยินกรุ๊ปของคุณแล้ว”

“นี่แกจะบ้าเหรอ! ฟู่ไห่? บริษัทของนายมีมูลค่าถึงหลักพันล้านเลยงั้นเหรอ? ทำไมทางฟู่ไห้ถึงให้แกกู้ยืมเงินมามากขนาดนี้? แก…ทำได้ยังไง? ไม่สิ….แกทำเพื่ออะไรกันแน่?”

จ้าวเฉียนก้าวออกไปกอดเอวหวานเจียงและยิ้มตอบว่า

“แค่นี้ก็น่าจะชัดเจนพอแล้วนะครับ?”

หวานเจียงถึงกับหน้าแดงก่ำ รีบผลักจ้าวเฉียนออกไปโดยเร็ว

“นายทำอะไรน่ะ!”

ถึงเธอจะพูดแบบนั้นออกไป แต่ภายในใจของเธอกลับมีความสุขอย่างมาก

พอหวานหลินเห็นปฏิกิริยาลูกสาวตัวเองเป็นแบบนั้นก็ทราบได้ทันทีว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับจ้าวเฉียนนั้นจะพัฒนาไปไกลแล้ว

แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ลูกสาวที่แสนหัวสูงของตน คนอย่างจ้าวเฉียนไม่น่าจะเข้าตาได้เลย ดังนั้นเขาจึงเอ่ยถามขึ้นว่า

“เสี่ยวเจียง บอกความจริงกับพ่อมา ลูกกับหมอนั่นมีความสัมพันธ์แบบไหนกันแน่?”

ยังไม่ทันที่หวานเจียงจะเอ่ยปากอะไรตอบ จ้าวเฉียนก็เอ่ยแทรกขึ้นว่า

“สัมพันธ์แบบไหนไม่สำคัญ! แต่บางที…คุณอาจต้องกลายเป็นปู่เร็วๆนี้!”

เมื่อประโยคนี้เปล่งดังออกมา ทั่วทั้งห้องก็พลันเงียบสงัดลงทันใด

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

Status: Ongoing
เนื้อเรื่องย่อ จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริง อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฝู บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอด บังเอิญไปเฉี่ยวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตำรวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีที่ไหนไทม่ทราบแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมถูกอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อฉกเถียงยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงขงอตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อำนาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ไล่ไสส่งออกจากตระกูลจ้าว และให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจำนวน 200,000หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้งได้ ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจำต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนควบตามที่กำหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา! “ประธานฟาง ฉันยินดีร่วมหุ้นกับบริษัทของคุณเป็นจำนวนเงิน3ล้านหยวน โดยมีเงื่อนไขว่า คุณไม่ได้รับอนญาตให้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของผม ไม่อย่างนั้นผมจะถอนทุนทั้งหมดออกทันที” “เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว” “ฮิฮิ….ตราบใดที่เข้าใจแล้ว ก็ทำให้ได้ แล้วคุณรู้ไหมว่า ผู้จัดการหวัง เจ้านั้นมันต้องการขับไล่ผมออกจากบริษัท คิดว่าผมควรทำยังไงดี?” “ง่ายมากค่ะ! ฉันจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้!” “ไม่ ไม่… ผมยังเล่นกับเขาไม่จุใจเลย จะไล่ออกไปง่ายๆได้ยังไง?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset