ตอนที่239 จัดการให้เรียบร้อย
เหรินจาน ซวนวิ่งออกมาด้วยความตื่นตระหนกรีบเร่งไปทางประตูทางออกโดยไว แต่คนที่ติดตามอยู่ท้ายหลังกลับเร็วกว่าเธอมาก
สิ่งที่ควรทราบอย่างแรกคือ บริษัทแห่งนี้มีขนาดใหญ่มาก อาคารสำนักงานเชื่อมระหว่างตึกสองตึกใหญ่ และห้องทำงานของเธออยู่ห่างจากประตูทางออกประมาณ500เมตร เหรินจานซวนสับฝีเท้าเร็วขึ้นและเร็วยิ่งขึ้นไปอีก จนในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหวเท้าพลิกล้มขมำลงกับพื้น
คนที่วิ่งติดตามจากด้านหลังแสร้งประจบทันทีด้วยความเป็นห่วง
“คุณเหรินเป็นอะไรไหมครับ?”
“คุณเหรินเจ็บตรงไหนไหมครับ?”
“คุณเหรินไปโรงพยาบาลกันเถอะ!”
“พวกเราช่วยพาคุณเหรินไปโรงพยาบาลที”
…..
ทั้งสี่คนที่ไล่หลังติดตามเธอมาจงใจพูดเสียงดังเพื่อให้คนรอบข้างได้ยิน จะได้ไม่เกิดความสงสัย
แต่เหรินจานซวนรีบหยิบกระเป๋าสะพายกวาดไล่พวกเขาให้ออกห่างตัวทันทีและตะโกนลั่นว่า
“ไปให้พ้น! ออกไป! อย่าเข้ามาใกล้ฉัน!”
เนื่องจากนี้เป็นคำสั่งโดยตรงจากจางต้าเฉิน พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น
ทั้งสี่รีบตรงเข้ามาปิดปากเหรินจานซวนและอุ้มเธอออกไปที่ประตูซึ่งมีรถตู้จอดรออยู่
เมื่อพวกยามเห็นภาพฉากดังนั้น พวกเขาก็เข้าไปที่ป้อมยามทันที แสร้งทำเป็นก้มหน้าก้มตาทำเป็นว่าจดอะไรสักอย่าง จงใจปล่อยให้คนพวกนี้ลักพาตัวเหรินจานซวนออกไป
จ้าวเฉียนคว้าไม้เบสบอลเหล็กจากท้ายรถและกระหน่ำฟาดพวกยามไม่หยุดจนล้มหมดสติไป
“อืออ!…อืออ…อือออ!!…”
เหรินจานซวนพยายามร้องขอความช่วยเหลือ แต่เธอได้ทำเสียงฮึมฮำเท่านั้น
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับแก! อย่ามายุ่ง!”
“ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นก็อย่าหาว่าไม่เตือน!”
….
พอทั้งสี่เห็นจ้าวเฉียนตรงเข้ามาใกล้พร้อมกับไม้เบสบอลในมือ พวกเขาก็คำรามข่มขู่ทันที
จ้าวเฉียนยกไม้เบสบอลขึ้นทุบกระจกหน้ารถตู้ให้ร้าวก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อไม่ให้มองเห็นทาง ตอนนี้เหรินจานซวนถูกชายสองคนจับตัวขึ้นรถไปแล้ว และปล่อยให้อีกสองคนลงมาจัดการกับจ้าวเฉียน
จ้าวเฉียนหวดไม้เบสบอสทุบศีรษะทั้งคู่จนมอบกับพื้น รีบเข้ามาจัดการคนที่ปากปากเหรินจานซวนทันที
เหรินจวนซวนได้โอกาสวิ่งหนีออกมาได้ เธอรีบแหกปากตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ แต่พอเห็นว่าบริเวณป้อมยามไม่มีการตอบสนองใดๆ เธอพยายามวิ่งไปที่ป้อมยามเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จ้าวเฉียนห้ามไว้ได้ทันและสบถขึ้นว่า
“นี่คุณโง่รึเปล่า? ดูยังไงมันก็พวกเดียวกันหมด อีกอย่างผมฟาดพวกมันจนสลบหมดแล้ว!”
เหรินจานซวนค่อยๆรวบรวมสติทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไว ยามพวกนั้นควรออกมาช่วยเธอตั้งแต่เห็นว่าถูกกลุ่มชายสี่คนปิดปากจากลากขึ้นรถตู้นานแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่มีท่าทีตอบสนองใดๆ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาถูกซื้อไปโดยจานต้าเฉินเป็นที่เรียบร้อย
จ้าวเฉียนตะโกนขึ้นอีกครา
“รีบวิ่งไปขึ้นรถผมแล้วล็อกประตู!”
เหรินจานซวนรีบพยักหน้าและวิ่งสุดชีวิตหนีขึ้นรถจ้าวเฉียน
“ไอ้เวรนี่มาแสไม่เข้าเรื่อง!”
“ถ้าอยู่ห่างๆแต่แรกพวกเราคงทำเป็นไม่สนใจ แต่ในเมื่อรนหาที่ตายเองแบบนี้ก็อย่าโทษพวกเราแล้วกัน!”
……
พวกเขาทั้งสี่ลุกขึ้นและรีบล้อมกรอบจ้าวเฉียนไว้ทันที
แต่จ้าวเฉียนกลับดูไม่เกรงกลัวเลยสักนิด แถมยังยิ้มกล่าวเย้ยอีกว่า
“ลักพาตัวผู้หญิงกลางวันแสกๆแถมยังหมาหมู่อีก โคตรกากเลยวะ!”
“หุบปาก! มึงดูหนังมากไปจนปัญญาอ่อนไปแล้วรึไง? คิดว่าตัวเองเป็นพระเอก?”
“เลิกไร้สาระกันได้แล้ว รีบจัดการมันแล้วไปจับตัวคุณเหรินมา!”
จ้าวเฉียนยักไหล่ตอบไปว่า
“เออ! กูนี่แหละพระเอก! ยอมมอบตัวซะก่อนที่กูจะลงมือ!”
“มอบตัว? สงสัยจะปัญญาอ่อนแล้วจริงๆ พวกเรา! ลุย!”
ทั้งสี่พุ่งเข้าโจมตีใส่จ้าวเฉียนโดยพร้อมเพรียง
ทว่าจ้าวเฉียนกลับหาได้มีท่าทีเกรงกลัว อย่างไรเสีย เขาฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่ยังเด็ก แถมยังมีไม้เบสบอลเหล็กอยู่ในมือ กับอีแค่สั่งสอนชายอันตธานสี่คนมันง่ายเกินไป
จ้าวเฉียนไล่ฟัดกระหน่ำทุบแขนขาของแต่ละคนจนนอนแน่นนิ่งอยู่กับพื้น เขี่ยทั้งสี่ให้พ้นเท้าอย่างไว
ในเวลานั้นเองเหรินจานซวนก็เปิดกระจกตะโกนขึ้นลั่น
“รีบขึ้นรถมาเร็ว!”
จ้าวเฉียนวิ่งตรงขึ้นรีถและขับหนีออกไปโดยตรง
เหรินจานซวนยังคงใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ภาพฉากก่อนหน้ายังคงระทึกอยู่ในใจไม่คายอ่อน นั่งแข็งเป็นหินราวกับยังไม่ฟื้นสติ
จ้าวเฉียนหันไปเอ่ยถามขึ้นว่า
“จะไปโรงพยาบาลก่อนไหม?”
เหรินจานซวนส่ายหัวทันทีและตอบไปว่า
“ไม่ พาฉันไปที่บ้านคุณก่อน พรุ่งนี้มีการประชุมส่วนผู้ถือหุ้น และทุกอย่างจะต้องจบลงที่นั่น”
จ้าวเฉียนพยักหน้าและพาเหรินจานซวนกลับบ้าน เขาหยิบยาฆ่าเชื้อโรคมาทำแผลให้และบีบเจลคลายกล้ามเนื้อทาลงบริษัทข้อเท้าที่พลิกของเหรินจานซวน หลังจากปฐมพยาบาลเสร็จสรรพ ทั้งสองก็เข้าเรื่องธุรกิจกันทันที
เหรินจานซวนเอ่ยถามขึ้นว่า
“คุณสามารถจัดการจานต้าเฉินได้ไหม? คุณก็น่าจะเห็นทุกอย่างแล้วในวันนี้ เขามีอำนาจอิทธิพลอย่างมากในบริษัทของฉัน แม้แต่ยามยังกลัว ถ้าปล่อยแบบนี้ต่อไป ในไม่ช้าก็เร็วถ้าคุณเข้ามาเป็นหุ้นส่วน จานต้าเฉินก็จะเล็งเป้ามาที่คุณอยู่ดี”
จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะขึ้นและกล่าวตอบไปว่า
“หมอนั่นไม่ได้อยู่ในสายตาของผมด้วยซ้ำ ตราบใดที่คุณยอมขายหุ้นมากพอให้ผม ผมย่อมรับประกันความปลอดภัยให้คุณได้แน่นอน จะบีบให้จานต้าเฉินล้มละลายยังทำได้ไม่ยาก”
เหรินจานซวนพยักหน้าและกล่าวว่า
“ถ้าอย่างนั้น คุณก็ไปพิมพ์เอกสารบันทึกเงื่อนไขทั้งหมดระหว่างเราออกมาคราวๆ หลังจากพวกเราเซ็นรับรองกันแสร็จ ฉันถึงจะสามารถโอนหุ้นส่วนให้คุณได้”
จ้าวเฉียนพยักหน้าและรีบไปพิมพ์เอกสารสัญญาออกมาทันที ก่อนจะส่งให้เหรินจานซวนศึกษาอ่านมันโดยละเอียด
หลังจากอ่านทวนอยู่หลายครั้งเพื่อยืนยันว่าตัวสัญญาไม่มีปัญหา เธอก็ลงนามเซ็นและประทับลายนิ้วมือเป็นอันเสร็จสิ้น
จ้าวเฉียนเองก็เซ็นลงนามไปพร้อมประทับลายนิ้วมือต่อทันที สัญญาฉบับนี้มีผลบังคับใช้ทางกฎหมายแล้ว
ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการโอนหุ้น จ้าวเฉียนเอ่ยถามขึ้นว่า
“เรื่องราคาคุณสามารถกำหนดมาได้เลย ตราบใดที่ไม่มากเกินมูลค่าจริง ผมไม่คิดเอาเปรียบใครอยู่แล้ว”
เหรินจานซวนพยักหน้าและตอบกลับไปทันที
“ฉันคิดไว้เรียบร้อยแล้วสำหรับเรื่องนี้ สี่ร้อยล้านแลกกับหุ้นทั้งหมดในมือฉัน จากนี้ต่อไปไม่เพียงคุณจะต้องดูและบริษัทเซียนเหว่ยของพ่อฉัน แต่คุณจะต้องดูแลฉันไปตลอดชีวิต ตามที่เราสัญญากันไว้”
จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะขึ้นอีกครั้งและเอ่ยถามขึ้นว่า
“ดูท่าคุณจะให้ความสำคัญกับข้อหลังมากกว่านะ แล้วจะให้ดูแลในฐานะอะไรดีล่ะ? หรือให้ผมเลือกเอง?”
“น้องสาวก็ดีนะคะ ถือซะว่าเป็นพี่น้องกันก่อน ในอนาคตค่อยพัฒนาความสัมพันธ์กันไปถ้าคุณต้องการแบบนั้น”
“ฮ่าฮ่า…”
เหรินจานซวนหยิบเอกสารการโอนหุ้นออกมาทันที ทั้งสองเซ็นลงนามและประทับลายนิ้วมือเรียบร้อย ตอนนี้เหลือก็แค่ส่งมอบหุ้นอย่างเป็นทางการในวันประชุมพรุ่งนี้
หลังจากเสร็จสิ้นทุกอย่าง เหรินจานซวนก็หันมายิ้มให้จ้าวเฉียนพลางเอ่ยถามขึ้นว่า
“ตอนนี้คุณโสดเหรอค่ะ?”
จ้าวเฉียนคล้ายครุ่นคิดอยู่สักพักและกล่าวขึ้นว่า
“จะว่าใช่ก็ใช่ จะว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่แหะ เธอคนนั้นเองก็ยังไม่ได้เจอพ่อแม่ฉันเลย ถือได้ว่ายังเรียกเป็นแฟนได้ไม่เต็มปาก”
“โอ๊ะ? แสดงว่าครอบครัวของคุณต้องเข้มงวดมากๆแน่เลย? อารมณ์แบบว่า ถ้าพ่อแม่ยังไม่อนุญาตก็ไม่สามารถพัฒนาความสัมพันธ์กันต่อได้?”
จ้าวเฉียนเงียบนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบไปว่า
“จะให้ผมพูดยังไงดี…เรียกว่าผมค่อนข้างเคารพการตัดสินใจของพ่อแม่จะดีกว่านะ อย่างไงก็เถอะ ผมจำเป็นต้องมองหาใครสักคนเพื่อแต่งงาน แล้วการแต่งงานมันไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคน แต่เป็นเรื่องของครอบครัวสองครอบครัว ทั้งสองตระกูลจะต้องอยู่ร่วมกันไปอีกนาน ถ้าพวกเขาไม่ถูกกันหรือไม่ชอบขี้หน้ากันขึ้นมาคงจะแย่ และอาจส่งผลเสียถึงรุ่นลูกรุถ่นหลานต่อไปได้”
เหรินจานซวนหัวเราะเสียงดังลั่นน ภายในใจพลางคิดไปว่า คนที่ควรมีปัญหาหลักๆคือฝ่ายแม่ผู้ชาย ถ้าเข้ากันกับลูกสะใภ้ได้อะไรๆก็ลงตัว อีกใจหนึ่งก็รู้สึกเย้ยหยันจ้าวเฉียนอยู่ไม่น้อย เขาคงเป็นพวกลูกชายที่เห็นแม่ตัวเองสำคัญกว่าภรรยาตัวเองแน่นอน อะไรๆจะต้องได้รับการอนุมัติจากพ่อแม่ก่อน ถึงจะกล้าลงมือลงไม้ ซึ่งผู้ชายแบบนี้ เธอขอเป็นแค่พี่น้องจะดีกว่า
ทางด้านจ้าวเฉียนในหัวมัแต่เรื่องที่ต้องจัดการต่อในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นเขาจึงกล่าวกับเหรินจานซวนว่า
“นอนพักห้องเดิมได้เลย เข้าไปจัดข้าวจัดของเถอะ”
เหรินจานซวนพยักหน้าและเดินขึ้นไปยังห้องของเธอ
จ้าวเฉียนนั่งอยู่ที่โซฟาห้องรับแขกโทรหาหยางหู่ทันที
“ฮาโหลครับคุณชายจ้าว มีอะไรให้รับใช้ครับ?”
หยางหู่เอ่ยถาม
จ้าวเฉียนไม่ได้ตัดบทเข้าเรื่องโดยทันที แต่กล่าวทักทายถามถึงอาการบาดเจ็บของหยางหู่ก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งทางหยางหู่ก็ตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า
“ขอบคุณมากครับที่เป็นห่วง ตอนนี้ผมปกติดีแล้ว แค่หมออยากให้นอนดูอาการก่อนอีกสักคืนสองคืนน่ะครับ”
จ้าวเฉียนกล่าวดักเขาทันทีอย่างรู้ทันว่า
“แล้วหลังจากกลับบ้านไป อย่าเพิ่งทำอะไรเกินตัว พักฟื้นอาการจนกว่าจะปากแผลปิดสนิทเข้าใจไหม?”
หยางหู่ราวกับหมีน้อยได้กินน้ำผึ้ง ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างมีความสุข เขารีบตอบกลับด้วยความเคารพว่า
“ฮ่าฮ่า…คุณชายจ้าวไม่ต้องห่วงครับ จะว่าไปคุณชายมีอะไรให้รับใช้ครับ?”
น้ำเสียงจ้าวเฉียนเริ่มแปรเปลี่ยน วกเข้าเรื่องท่าทีดูจริงจังขึ้นหลายส่วน
“อืม ฉันวานให้นายส่งคนไปสะกดรอยตามคนๆหนึ่งหน่อย เป็นชายชื่อว่า จานต้าเฉินเป็นผู้ถือหุ้นอันดับสองของบริษัท เซี่ยนเหว่ย เทคโนโลยี ฉันต้องรีบจัดการหมอนี่โดนเร็วที่สุด เข้าใจไหม?”
หยางหู่รีบตอบรับคำสั่งทันที
“รับทราบครับ ผมจะรีบส่งคนไปติดตามทันที แล้วให้ทำอะไรนอกเหนือจากนั้นไหมครับ?”
จ้าวเฉียนแสยะยิ้มมุมปากเล็กน้อยพลางสั่งการต่อทันที
“ถ้าเป็นไปได้ก็จับตัวมันมา ให้ความบันเทิงกับมันสักหน่อยคืนหนึ่ง แต่อย่าเล่นถึงตายล่ะ แล้วฉันจะรอคนของนายส่งตัวมันมาที่หน้าประตูบริษัทเซียนเหว่ยตอนแปดโมงเช้า”
“รับทราบครับ!”
“อืม พักผ่อนเยอะๆล่ะ”
จ้าวเฉียนวางสายไปทันทีพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก สำหรับเรื่องนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว