ตอนที่263 ผลาญเงินทุน
หวานเจียงทั้งกังวลและหลาดกลัวมากในขณะนี้ เธอรู้ทันทีว่า หลังจากนี้ตัวเองจำต้องแบกรับภาระอันใหญ่โตเช่นนี้ไปตลอด และเธอยังไม่พร้อมสำหรับสิ่งเหล่านั้น
ทุกคนรีบเข้ามาปลอบเธอทันที
“สวยน้อย เธอเป็นคนมีความสามารถนะ ไม่มีใครเขารังเกียจเธอหรอก แล้วอีกอย่าง เธอกับจ้าวเฉียนสามารถช่วยกันประคองตระกูลจ้าวได้ตลอดรอดฝั่งแน่นอน”
“ใช่แล้ว พวกเราทุกคนจะคอยสนับสนุนเอง”
“พี่เฉียน รีบแต่งงานกับพี่หวานนะ ผมเชื่อว่าพวกพี่ทั้งคู่จะดูแลธุรกิจของครอบครัวเราต่อไปได้”
………
แท้จริงแล้วความคิดเห็นของคนพวกนี้หาได้สำคัญไม่ กุญแจหัวใจหลักขึ้นอยู่ที่ทัศรคติของจ้าวฝู่กับอวีกุ้ยเฟิง หากพวกเขาเชื่อใจหวานเจียงจริงๆ นั้นแหละคือคำยืนยันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ
อวีกุ้ยเฟิงคลี่ยิ้มปลอบโยนไปว่า
“เสี่ยวเจียง แม้ฉันจะไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับหนูมากนัก แต่ฉันรู้สึกได้เลยว่า เธอเป็นผู้หญิงแกร่งและมีความสามารถ พูดกันตามตรงนะ ตอนนั้นฉันเองก็ไม่ต่างกับเธอเลย ไม่สิ…ดีไม่เท่าเธอเลยด้วยซ้ำ แต่ฉันก็ยังทำได้ ขอแค่มั่นใจในตัวเอง ไม่ว่าอุปสรรคจะมารูปแบบไหนก็ไม่ใช่ปัญหา”
จ้าวฝู่กล่าวเสริมทันที
“สาวน้อย รีบไปจัดการฮวาหยินกรุ๊ปให้ลงตัวก่อน ฉันเชื่อว่า หนูสามารถรับช่วงต่อจากพวกเราได้แน่นอนในอนาคต หนูกับจ้าวเฉียนกว่าจะแต่งงานกันจริงๆ อีกตั้งสองสามปี ยังมีเวลาอีกมากในการเตรียมความพร้อม อย่างที่บอกไป ไม่มีอะไรต้องกังวลเลย แค่ปล่อยตัวเองในเป็นธรรมชาติ และทำในสิ่งที่ควรทำ”
จ้าวเฉียนพยายามทำเหมือนคนอื่นๆ เช่นกัน เขาพยายมปลอบโยนเธอว่า
“พวกเราทุกคนเชื่อว่าเธอทำได้ นอกจากนี้ กลับเป็นเธอเองไม่ใช่เหรอที่ชอบดูถูกฉัน? ทำไมยังต้องคิดมาก? ควรเป็นฉันดีกว่าที่ต้องกังวล แต่งกันกับเธอไปแล้วจะรับมือกับอารมณ์เธอไหวไหมเนี่ย?”
จ้าวฝู่อยากจะฟาดลูกชายคนนี้สักทีแรงๆ นี่เขากำลังปลอบหวานเจียงหรือกำลังกระตุ้นเธอให้แย่ลงกันแน่ นี่ยังเรียกว่าปลอบได้ไหม?
คนอื่นเองก็คิดว่า จ้าวเฉียนพูดไม่ค่อยเข้าหูเท่าไหร่ นี่ไม่ใช่การปลอบโยนแล้ว เขาเพียงพยายามพูดติดตลกซึ่งมันก็ไม่ตลกอีกด้วย
หวานเจียงครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะเอ่ยถามจ้าวเฉียนน้ำเสียงจริงจังขึ้นว่า
“ถ้าอย่างนั้น ฉันขอถามอะไรนายหน่อย ตลอดที่ผ่านมา นายอยู่กับฉันเพราะเรื่องแบบนั้นอย่างเดียว แล้วนายคิดจะพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเราจริงๆ บ้างไหม? หรือคบกับฉันแค่เพื่อความสนุก?”
จ้าวฝู่เหลือบมองลูกชายตัวเองท่าทีประหม่าจัด คำถามแบบนี้ไม่น่าจะตอบยากอะไรเลย ขอเพียงฝ่ายชายยังพอมีสมองอยู่บ้าง เขาย่อมให้คำตอบที่น่าพึงพอใจแก่ฝ่ายหญิงเพื่อให้เธอมีความสุข
แต่ไอ้ลูกชายตัวดีคนนี้ของเขากลับแตกต่างออกไป คำตอบที่ออกจากปากอาจทำให้จ้าวฝู่ต้องกระอักเลือด
จ้าวเฉียนกล่าวตอบไปว่า
“อันที่จริง ฉันคบก็เพื่อความสนุกเท่านั้นในตอนแรก และไม่เคยคิดเรื่องแต่งงานกับเธอเลย อย่าที่ฉันเคยบอกไป เธอไม่ใช่สเปกของฉัน…”
ยังไม่ทันทีที่จ้าวเฉียนจะพูดจบ หวานเจียงก็ทนไม่ไหวอีกต่อ เธอระเบิดน้ำตาร้องไห้โฮออกมา หันไปกล่าวกับจ้าวฝู่และอวีกุ้ยเฟิงทั้งแบบนั้นว่า
“พวกคุณก็ได้ยินแล้วใช่ไหมค่ะ? หนูขอตัวกลับดีกว่าค่ะ หนูไม่เหมาะกับเขาจริงๆ นั่นแหละ”
พอสิ้นเสียง หวานเจียงก็ลุกขึ้นโค้งคำนับทุกคนก่อนจะวิ่งจากออกไปทันที
อวีกุ้ยเฟิงและบรรดาญาติผู้หญิงคนอื่นๆ พยายามรั้งไม่ให้หวานเจียงออกไป
จ้าวฝู่โกรธจัดลุกขึ้นมาแตะจ้าวเฉียนไปที สบถด่าขึ้นว่า
“ไอ้ลูกเวร! แกพูดแบบนั้นกับเธอทำไม? มันก็แค่คำถามธรรมดาที่ไม่ได้ตอบยากอะไรเลย ผู้ชายคนไหนก็ตอบได้! นี่แกพูดแบบนั้นเพื่อ!?”
จ้าวเฉียนขมวดคิ้วโต้กลับทันที
“ผมยังพูดไม่จบเลย!”
จ้าวฝู่สวนไปว่า
“ก็ดูแกเปิดเรื่องขึ้นมาสิ! ใครได้ยินก็กระเจิงหมดนั่นแหละ!”
คุณปู่เองก็ปริปากตำหนิขึ้นเช่นกัน
“ไอ้หมาน้อย ครั้งนี้แกเป็นคนผิด ตัวแกในตอนนี้แค่ตอบไปตามสิ่งที่ฝ่ายหญิงอยากจะได้ยินแค่นั้น เรื่องแบบนี้ทำไมคิดไม่ได้”
“ดูสิ! ขนาดปู่แกยังรู้มากกว่าแกอีก! ฉันเริ่มสงสัยจริงๆ แล้วนะว่า ตกลงแกเป็นผู้ชายจริงๆ รึเปล่า? ทำไมถึงตามอะไรไม่ทันสักอย่าง!”
จ้าวเฉียนทนฟังคำพูดของทุกคนไม่ไหวอีกแล้ว เขาหมุนตัวกลับและวิ่งออกไปตามหวานเจียงกลับมาทันที
อวีกุ้ยเฟิงตะโกนไล่หลังดังว่า
“ลูก! อย่าหัวรั้น อะไรยอมได้ก็ยอม!”
จ้าวฝู่ยังตะโกนซ้ำสองต่ออีกว่า
“พาเธอกลับมาทานดินเนอร์มื้อเย็นให้ได้ ไม่อย่างนั้นเตรียมไปอยู่ตงไห่อีกห้าปี!”
จ้าวเฉียนเพิกเฉยต่อคำกล่าวเหล่านี้โดยสมบูรณ์ และวิ่งไล่ตามหวานเจียงลงเขาไป
จ้าวเฉียนคว้าแขนหวานเจียงอย่างรีงฉุดรั้งไม่ให้หนีไปไหน เธอพยายามสะบัดมือออก กล่าวขึ้นว่า
“นายไปเอากระเป๋าเดินทางฉันลงมากด้วย! ฉันจะไม่ขึ้นไปที่นั่นอีกแล้ว!”
จ้าวฉัยนเอ่ยตอบอย่างไร้เดียงสาตัดอารมณ์ไปว่า
“ออกไปเดินเล่นกัน ฉันแค่อยากพาเธอไปเดินเล่นก่อน!”
หวานเจียงขมวดคิ้วทันทีตอบว่า
“ฉันไม่มีอารมณ์มานั่งคุยเรื่องธุรกิจกับนาย!”
“เปล่า…เปล่าเลย…ฉันไม่ได้จะคุยเรื่องอะไรจริงจัง แต่อยากพาเธอออกไปเดินเล่นเฉยๆ ไปเถอะนะ เดี๋ยวฉันพาเธอลงเขาเอง”
หลังจากพูดจบจ้าวเฉียนก็พาหวานเจียงลงเขาไป
ระหว่างทางพลางเหลือบไปเจอสนามกอล์ฟ หากกล่าวถึงบริเวณในเขตภูเขาส่วนตัวของตระกูลจ้าว คงไม่มีอะไรสนุกไปกว่าสนามกอล์ฟแห่งนี้แล้ว
หลังจากพาเธอเข้าไปเล่นพัดกอล์ฟเล็กน้อยเพื่อปรับอารมณ์ จ้าวเฉียนก็พาเข้าห้างที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากภูเขา ปล่อยให้เธอไปช็อปปิ้ง
เวลาผู้หญิงอารมณ์ไม่ดี ทางออกที่ดีที่สุดคือการพามาช็อปปิ้ง ไม่ว่าสิ่งของเหล่านั้นจะแพงแค่ไหนก็ตาม แต่ตราบใดที่มีให้ซื้อก็ควรซื้อให้
ในไม่ช้า หวานเจียงก็ดูอารมณ์ดีขึ้นมาก
ทั้งสองนั่งพักผ่อนบนม้านั่งกลางห้างก่อนจะเดินกลับ
หวานเจียงเอ่ยถามน้ำเสียงเศร้าสร้อยว่า
“ถ้านายไม่ชอบผู้หญิงอย่างฉัน แล้วทำไมถึงชอบมากวนใจฉันอยู่เรื่อย? แค่เพราอยากจะนอนกับฉันจริงๆ เหรอ?”
จ้าวเฉียนกุมมือหวานเจียงไม่ปล่อยและตอบไปว่า
“เธอคิดมากเกินไปแล้ว ฉันยังพูดไม่จบเลยด้วยซ้ำเธอก็ระเบิดอารมณ์ขึ้นมาก่อน ทีแรกฉันยอมรับเลยนะว่า เธอไม่ใช่สเปกของฉันเลยจริงๆ แต่พอได้ผ่านอะไรมาด้วยกัน ฉันก็เริ่มรู้สึกว่า เธอเป็นผู้หญิงคนหนี่งที่น่ารักมากเลย ถ้าเป็นไปได้ในอนาคต ฉันก็อยากสร้างครอบครัวกับเธอนะ”
หวานเจียงที่ได้ฟังแบบนั้นก็อดยิ้มไม่ได้ ตอนนี้เธอมีความสุขอย่างมาก เอนศีรษะนอนพิงไหล่ของจ้าวเฉียนอย่างเงียบๆ ทั้งคู่นั่งกันแบบนั้นอยู่สักครู่ใหญ่ มองดูเหล่าผู้คนเดินผ่านไปมา ช่างบรรยากาศที่สวยงามเสียจริง
หลังจากนั้นไม่นาน เฟิงเต๋อก็โทรมาหาหวานเจียง
หวานเจียงกดรับสายทันทีและเอ่ยถามขึ้นว่า
“ผู้กำกับเฟิง มีอะไรรึเปล่าค่ะ?”
เฟิงเต๋อเอ่ยตอบน้ำเสียงเร่งรีบขึ้นว่า
“คุณหวาน เงินทุนที่ให้มามันไม่พอใช้ครับ รบกวนคุณหวานจัดสรรทุนเพิ่มให้โดยด่วนเลยครับ”
หวานเจียงตกใจอย่างมากเมื่อได้ฟัง ก่อนหน้านี้ เธอเพิ่งอนุมัติคำร้องของเฟิงเต๋อเรื่องเงินทุน และโอนเงินจำนวนห้าสิบล้านไปให้แก่กองถ่าย
นี่ผ่านมาแค่สามวันเอง แต่ผลาญเงินจำนวนห้าสิบล้านไปหมดแล้ว นี่มันเร็วเกินไป
หวานเจียงเอ่ยถามขึ้นว่า
“ผู้กำกับเฟิง นี่หมดไปกับค่าอะไรบ้าง ทำไมถึงหมดเร็วขนาดนี้?”
เฟิงเต๋อรับชี้แจงค่าใช้จ่ายทั้งหมดในกองถ่ายให้กับหวานเจียงทราบโดยเร็วง ซึ่งทั้งหมดล้วนสมเหตุสมผลและไม่มีจุดบกพร่องหรือน่าสงสัยใดๆ
แต่ทุนการสร้างหนังในตอนแรกของเฟิงเต๋อมันแค่300ล้าน ไม่ทันไรตอนนี้จะปาเข้าไป400ล้านแล้วจริงๆ
ระหว่างสามร้อยล้านกับสี่ร้อยล้าน ถือเป็นช่องว่างขนาดมหึมาเกินไป
หวานเจียงไม่สามารถให้คำตอบกลับเฟิงเต๋อได้ครู่ใหญ่ สักพักหลังจากนั้นเธอถึงจะตอบกลับไปว่า
“ถ่ายทำต่อได้เลย เดี๋ยวฉันจะรีบทำเรื่องขอโอนเงินอีก50ล้านไปให้โดยเร็วที่สุด แต่ต้องวานผู้กำกับเฟิงหน่อย รบกวนเขียนบัญชีชี้แจงถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ มาด้วย ฉันอยากรู้ว่าเงินที่ออกไปมันไหลไปไหนบ้าง”
ตราบใดที่เรียดเงินเพิ่มได้ เฟิงเต๋อก็ไม่มีปฏิเสธอยู่แล้ว เขารีบพยักหน้าตอบทันที
“ไม่มีปัญหาครับ ผมจะจดทุกรายการลงในบัญชี แล้วจะส่งไปให้ทีหลังครับ”
หวานเจียงกดวางสายพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอไม่อาจรู้ได้เลยว่านี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่