ตอนที่268 สิบล้านสำหรับหลุมฝังศพ
แม้ว่าเธอจะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก แต่หวานเจียงก็ยังตามน้ำพาจ้าวเฉียนเล่นละครตีบทแตกจนจบ
หลังจากมื้อกลางวัน หวานเจียงกลับมายังที่ห้องนอนเพื่อพักผ่อน เธอรู้สึกเหนื่อยเกินทานทน พอนึกขึ้นได้จึงหยิบมือถือกดจองเที่ยวบินกลับเมืองตงไห่โดยทันทีในเช้าพรุ่งนี้
หลังจากนั้นไม่นาน จ้าวเฉียนก็เดินเข้ามาและกล่าวกับหวานเจียงว่า
“ฉันจะไปล้างทำความสะอาดหลุมศพคุณย่า พ่อกับแม่ฉันอยากให้เธอไปด้วยกัน ว่าไง?”
หวานเจียงส่ายหัวตอบไปว่า
“ฉันไม่ไป ไม่ใช่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรายังคลุมเครือกันอยู่เหรอ? แล้วทำไมฉันต้องไปล้างหลุมศพคุณย่านายด้วย?”
จ้าวเฉียนพยักหน้าเห็นด้วยกับหวานเจียงเช่นกัน ทั้งนี้เขารู้สึกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขายังไม่พัฒนาถึงจุดที่ต้องไปไหว้บรรพบุรุษด้วยกัน แต่อย่างไรเขาเองก็ไม่อยากทำให้พ่อกับแม่ของเขาผิดหวังเช่นกัน เขาจึงเอ่ยปากขอร้องเธออย่างช่วยไม่ได้
ทว่าทัศนคติของหวานเจียงกลับมั่นคงมาก ในเมื่อความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยังพัฒนาไปไม่ถึงไหน เธอก็ไม่จำเป็นต้องไปเยี่ยมหลุมศพของคุณย่าจ้าวเฉียน
ทางจ้าวเฉียนก็ไม่พูดอะไรตอบอีกแล้วเช่นกัน เพียงพยักหน้าและหันหลังเดินจากไป
อันที่จริงแล้ว จ้าวฝู่และอวีกุ้ยเฟิงไม่ได้ถึงขั้นบังคับหวานเจียงอะไรขนาดนั้น พวกเขาแค่อยากจะทดสอบว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งคู่ไปถึงไหนกันแล้ว
หากหวานเจียงตอบตกลงไปเยี่ยมหลุมศพคุณย่า นั่นแสดงว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่พัฒนาถึงขั้นพูดคุยเรื่องแต่งงานกันได้แล้ว
แต่ถ้าหากหวานเจียงปฏิเสธ แสดงว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยังอยู่ในช่วงปรับความเข้าใจซึ่งกันและกัน ยังไม่ถึงจุดที่พูดคุยเรื่องแต่งงานกันได้
เมื่อเห็นจ้าวเฉียนเดินออกมาเพียงลำพัง จ้าวฝู่และอวีกุ้ยเฟิงก็เข้าใจทุกอย่างในทันที ทั้งสองไม่ได้เอ่ยปากถามอะไร แต่พาจ้าวเฉียนออกไปทันที โดยในขณะนี้พวกเขาก็เดินทางมาทำถึงหน้าหลุมศพคุณย่าแล้ว
จ้าวเฉียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
คุณย่าเป็นถึงแม่ของจ้าวฝู่ สุสานย่อมไม่ธรรมดา ทั้งสี่ทิศล้อมรอบด้วยภูเขาและแม่น้ำ หากมองในด้านฮวงจุ้ย นี่ถือเป็นสถานที่ทองคำก็ไม่ปาน
พวกจ้าวเฉียนทั้งสี่เดินทางมาถึงที่นี่ก่อน ค่อยเป็นคุณป้าน้าอาของจ้าวเฉียนที่เพิ่งมาถึงในภายหลัง
เดิมที เวลาครอบครัวใหญ่มารวมตัวพวกเขามักจะเผากระดาษเงินกระดาษทองกันเพื่อส่งเงินทองให้คนในโลกหน้า นี่ถือเป็นความเชื่ออย่างหนึ่ง ขณะที่ทุกอย่างกำลังผ่านไปได้ด้วยดี ทว่าทุกอย่างกลับต้องจบลง เมื่อมีชายกลุ่มหนึ่งเดินตรงเข้ามาหา
กลุ่มนี้นำโดยชายชราคนหนึ่งมีเคราแพะใส่แว่นกันแดด ดูแล้วเหมือนพวกหมอดูในทีวีอะไรอย่างงั้น
ชายชราตรงเข้ามาพร้อมรอยยิ้มและเอ่ยถามขึ้นว่า
“สวัสดีครับทุกคน ไม่ทราบว่าหลุมศพนี้เป็นของใคร?”
จ้าวฝู่ยังคงถือความสุภาพเข้าสู้
“ของตระกูลผมเอง มีอะไรหรือเปล่า?”
ชายชราหยิบนามบัตรออกมาและยื่นให้จ้าวฝู่ เขายิ้มตอบไปว่า
“ผมชื่อหู่เปาซาน ทุกคนมักเรียกผมว่า ซินแสหู่ ผมขออนุญาตถามได้ไหมครับว่าในหลุมศพนี้คือ?”
จ้าวฝู่หยิบนามบัตรมาเก็บใส่กระเป๋าเสื้อโดยไม่เหลียวมองเลยด้วยซ้ำ รอยยิ้มก่อนหน้าบนใบหน้าหายวับในฉับพลัน เค้นเสียงเย็นตอบไปว่า
“แม่ของผมเอง มีปัญหาอะไร?”
หู่เปาซานยิ้มและตอบกลับไปว่า
“นั่นสินะครับ ผมกำลังมองหาสถานที่ฮวงจุ้ยทำเลทองให้กับคุณค้าอยู่ หลังจากเสาะหาเดินทางไปหลายที่ ยังไงผมก็คิดว่าสถานที่แห่งนี้เหมาะสมที่สุดแล้ว ลูกค้าของผมคงถูกใจแน่นอน แต่ผมไม่ได้ขอเปล่านะครับ สิบล้านสำหรับค่าชดเชยและย้ายหลุมศพของคุณแม่ ว่ายังไงครับ?”
ทันทีที่ประโยคเหล่านี้เปล่งดังออกมา บรรดาครอบครัวตระกูลจ้าวก็ดูไม่มีความสุขอย่างยิ่ง ซินแสคนนี้ไม่ได้หมายความว่าจะให้พวกเขาย้ายหลุมศพของบรรพบุรุษออกไปหรอกรึ? ไล่ที่กันแบบนี้มันลบหลู่กันชัดๆ
ไร้เหตุผลสิ้นดี หากเป็นคนที่ยังอยู่ก็ไม่ต่างอะไรกับการขับไล่ออกจากบ้าน คิดจะย้ายหลุมศพออกก็ไม่ต่างอะไรกับการดูหมิ่นบรรพบุรุษตระกูลจ้าว
จ้าวฝู่ยกเท้าถีบหู่เปาซานจนล้มขมำทันทีด้วยความโกรธจัด โยนนามบัตรออกจากกระเป๋าทิ้งไปและสบถด่าขึ้นว่า
“ไปขุดศพพ่อแม่อแกแทนเถอะ! นี่แกกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าฉันได้ยังไง?!”
บรรดาผู้คนตระกูลจ้าวตรงเข้ามารุมด่าต่อทันควัน บางคนถึงขั้นลงไม่ลงมือ
หู่เปาซานคาดไว้แล้วว่า จุดจบที่ตงจะได้รับคงต้องประมาณนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้โกรธหรือหัวเสียใดๆ พร้อมรีบอธิบายต่อโดยไวว่า
“อย่าเข้าใจผมผิดไป ผมไม่ได้ตั้งใจจะมาดูหมิ่นบรรพบุรุษของทุกคน แต่มีคนจำนวนมากมายที่หลงใหลในศาสตร์ของฮวงจุ้ย ถ้าต้องการเงินเพิ่มก็เสนอมาได้เลย ลูกค้าของผมเป็นมหาเศรษฐี ผมจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อให้สร้างความพึงพอใจแก่ทั้งสองฝ่าย”
จ้าวเฉียนนั่งยองๆ ยิ้มถามขึ้นว่า
“ถ้าอย่างนั้นก็บอกมาว่าใครที่ต้องการแย่งสถานที่แห่งนี้ ฉันจะไปคุยกับเขาเองเป็นการส่วนตัว ไม่ต้องกังวลไป นายได้ค่านายหน้าแน่นอน”
ทันทีที่จ้าวเฉียนเอ่ยกล่าวออกไปแบบนั้น บรรดาญาติๆ ของตระกูลก็ไม่พอใจ ตระกูลจ้าวเคยขาดแคลนเงินที่ไหน? ทำไมถึงต้องไปฟังมัน?
แต่จ้าวฝู฿รู้จักลูกชายของตัวเองเป็นอย่างดี และเขาเชื่อว่า ลูกชายของเขาจะไม่ทำเรื่องโง่ๆ โดยไม่มีแผนการแน่นอน ดังนั้นเขาจึงหันไปมองส่งสัญญาณให้ทุกคนไม่ต้องเคลื่อนไหว ปล่อยให้จ้าวเฉียนจัดการทุกอย่างไปน่ะดีแล้ว เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ถือเป็นเรื่องดีเช่นกันที่จะพิสูจน์ความสามารถในตัวจ้าวเฉียน ว่าจะสามารถแก้ไขสถานการณ์ในครอบครัวได้มากน้อยแค่ไหน
ทุกคนสงบลงอย่างรวดเร็ว เหลือบมองจ้าวเฉียนด้วยความเป็นห่วง
หู่เปาซานยิ้มและเอ่ยถามขึ้นว่า
“เจ้าหนุ่มนี่เป็นใคร?”
“ฉันเป็นลูกชายของเขา เป็นหลานของคุณปู่ และคุณย่าของฉันก็กำลังนอนอย่างสงบในหลุมแห่งนี้”
หู่เปาซานยังคงยิ้มและกล่าวต่อว่า
“ได้ครับ ในเมื่อน้องชายต้องการเจรจาเป็นการส่วนตัว ถ้าอย่างนั้นก็ตามมาครับ”
จ้าวเฉียนพยักหน้า หันกลับไปพูดกับพ่อและทุกคนว่า
“พ่อ เดี๋ยวผมไปคุยกับพวกเขาเอง”
“อืม ไปเถอะ”
จ้าวฝู่กล่าวตอบอย่างใจเย็น
แต่อวีกุ้ยเฟิงสงบสติอารมณ์ไม่อยู่แล้ว อีกฝ่ายเป็นฝครมาจากไหนยังไม่ทราบ แล้วใครจะไปปล่อยให้ลูกชายตัวเองไปเสี่ยงกัน?
บรรดาญาติๆ ของจ้าวเฉียนเองก็คิดแบบเดียวกัน จะปล่อยให้จ้าวเฉียนออกไปเสี่ยงกับใครไม่รู้ได้ยังไง? ถึงอย่างนั้นก็คงนำญาตไม่ก็บอดี้การ์ดติดตัวจ้าวเฉียนไปด้วยยังดีกว่า ไม่ว่ายังไงก็ปล่อยให้ออกไปตามลำพังไม่ได้
ถึงหลายคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกัน แต่ยังไงจ้าวเฉียนก็คิดว่าการไปคนเดียวมันสะดวกกว่ามาก ดังนั้นจึงตอบไปว่า
“ขอบคุณนะครับที่ทุกคนเป็นห่วงกันขนาดนี้ แต่ไม่จำเป็นต้องพาญาตหรือบอดี้การ์ดไปด้วยหรอกคครับ ผมไม่เชื่อว่าจะมีใครในหยานจิ้งกล้าใช้วิธีสกปรกกับพวกเรา ซินแสหู่คิดยังไงครับ?”
หู่เปาซานคลี่ยิ้มอย่างแช่มช้าและกล่าวตอบไปว่า
“ถูกต้องครับ…พวกคุณกังวลมากเกินไปแล้ว ลูกค้าของผมเป็นนักธุรกิจมีชื่อเสียง ไม่มีวันทำเรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียงแน่นอน”
ถึงแบบนั้นทุกคนก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี ดังนั้นจ้าวฝู่จึงต้องออกหน้ากล่าวแทนขึ้นว่า
“เอาล่ะ ปล่อยให้จ้าวเฉียนไปเถอะ ส่งแค่คนคอยคุ้มกันเผื่อฉุกเฉินไปแค่คนสองคนพอ และทุกคนเองก็ควรเชื่อมั่นในตัวเขา ถ้าเรื่องแค่นี้จัดการยังไม่ได้ แล้วในอนาคตจะมาคุมบังเหียนต่อจากฉันได้ยังไง!”
ทุกคนปิดปากหยุดพูดในบัดดล
จ้าวเฉียนโบกมือปัดเชิงว่าไม่ต้องห่วงแก่พวกเขา และขึ้นรถออกไปพร้อมกับหู่เปาซานออกไป
หนึ่งชั่วโมงต่อมา หู่เปาซวานพาจ้าวเฉียนมายังวิลล่าสุดหรูแห่งหนึ่ง
ดูเหมือนว่าหู่เปาซานจะพูดถูกต้อง อีกฝ่ายเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยอย่างมาก
หู่เปาซานยคลี่ยิ้มอย่างแช่มช้า กล่าวขึ้นว่า
“น้องชาย ตามเข้ามาข้างในเลย ส่วนพวกบอดี้การ์ดรออยู่ข้างนอกนี้”
จ้าวเฉียนพยักหน้าและหันไปสั่งพวกบอดี้การ์ดว่า
“พวกนายรอยู่ที่นี่ ถ้าฉันยังไม่ออกมาภายในครึ่งชั่วโมง รีบเข้ามาช่วยทันที อย่าให้ฉันเป็นอันตรายเด็ดขาด เข้าใจไหม?”
พวกบอดี้การ์ดเหล่านั้นพยักหน้ารับคำสั่งทันทีและเอ่ยตอบอย่างพร้อมเพรียงว่า
“เข้าใจแล้วครับ!”
จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบด้วยความพึงพอใจ และเดินตามหู่เปาซวานเข้าไป
ผู้คนที่สามารถอาศัยอยู่ในวิลล่าหรูขนาดนี้ได้แน่นอนว่าต้องรู้จักจ้าวฝู่โดยธรรมชาติ และอาจถึงขั้นรู้จักจ้าวเฉียนด้วยซ้ำ เมื่อคิดได้แบบนี้ ท่าทางการแสดงออกของเขาก็ดูผ่อนคลายลงมาก