ตอนที่284 ราดน้ำมันบนกองเพลิง
ตั้งแต่ที่ทะเลาะกับคุณปู่และพ่อของเธอ หัวเซียงซิ่วก็สาบานกับตัวเองไว้ว่า จะไม่ยอมกลับบ้านจนกว่าจะคืนความยุติธรรมแก่พี่ชายของเธอได้
หัวเซินซวนโทรสายเข้ามาหาในขณะนั้น เพราะต้องการดุด่าเธอยกใหญ่ที่ทำอะไรตามอำเภอใจ หัวเซียงซิ่วทราบดีว่ามันต้องเป็นแบบนั้น จึงจงใจกดตัดสายทิ้งโดยตรง เพื่อเธอจะได้ไม่ต้องทะเลาะกับคุณปู่อีก
หัวเซินซวนที่เห็นว่าหลานสาวของเขาตัดสายทิ้งก็ยิ่งทำให้โมโหเข้าไปใหญ่ เขาวางโทรศัพท์กระแทกบนโต๊ะอย่างแรงและหันไปด่าหัวฉีเฉินต่อว่า
“ดูมันสิ! แกเลี้ยงลูกยังไงให้เป็นแบบนี้! เธอกล้าตัดสายฉันจริงๆ! นี่มันจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว!”
หัวฉีเฉินรีบขอโทษขอโผยทันทีว่า
“พ่อครับ ผมขอโทษ ผมเลี้ยงดูเธอตามใจเกินไป ผมจะรีบติดต่อให้เธอโทรหาพ่อเองนะครับ”
หัวเซินซวนกล่าวน้ำเสียงโกรธเคืองว่า
“รีบโทรหาเธอเดี๋ยวนี้ แล้วฉันจะบอกอะไรให้อย่างนะ ถ้าเธอยังมีนิสัยแบบนี้อยู่ อนาคตของตระกูลหัวเราจบเห่แน่นอน!”
หัวฉีเฉินพยักหน้าและรีบวิ่งออกไปโทรหาลูกสาวตัวเองทันที พอเห็นว่าโดนตัดสายทิ้งไปเช่นกัน เขาเลยส่งข้อความไปหาแทน โดยมีเนื้อความว่า ถ้าไม่รับสายอย่างน้อยก็โทรไปหาคุณปู่หน่อยก็ยังดี แต่คิดเหรอว่าหัวเซียงซิ่วจะสนใจ? เธอเมินข้อความดังกล่าว อ่านไม่ตอบ
หลินเซียะรอหัวเซินซวนโทรกลับมาอยู่นานสองนาน จนในที่สุดมันก็ถึงขีดจำกัด เขาตบโต๊ะเสียงดีงปังระบายความโกรธ คว้ามือถือโทรหาหัวเซินซวนอีกครา
“คุณหัว นี่มันหมายความว่ายังไง!? ไหนบอกว่าจะรีบโทรกลับมา นี่มันนานมากแล้วนะแต่ก็ไม่ยอมโทรมาสักที!”
หลินเซียะตะคอกใส่ครั้งนี้ไม่มีเกรงอกเกรงใจใดๆ
หัวเซินซวนรีบขอโทษหลินเซียะทันทีว่า
“ผมขอโทษ ผมต้องขอโทษจริงๆ ครับ ผู้ว่าหลิน…อย่าโกรธกันเลยนะครับ ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง ตอนนี้ผมกำลังพยายามติดต่อหลานสาวอยู่เพื่อสอบถามสถานการณ์ ช่วย…ช่วยรออีกหน่อยได้ไหมครับ?”
หลินเซียะตอบปฏิเสธกลับไปโดยตรง
“ไม่! ผมรอนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว! แรงกดดันจากสังคมทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกวินาที แล้วคุณยังมัวใจเย็นได้อยู่อีกเหรอ?! คุณหัว ถ้าคุณยังเล่นแง่แบบนี้กับผมอยู่ หลังจากนี้ก็อย่าหาว่าผมไม่สุภาพก็แล้วกัน!”
หลังจากพูดจบหลินเซียะก็วางสายไปทันที
ตอนนี้หัวเซินซวนเริ่มรู้สึกวิตกจริงๆ จังๆ แล้ว ถ้าทำให้ผู้ว่าหลินโกรธขึ้นมา ไม่มีใครทราบได้เลยว่าผลลัพธ์หลังจากนี้จะเป็นยังไง ดังนั้นแล้วเขาจึงตัดสินใจเดินทางเข้าเยี่ยมหลินเซียะที่สำนักเขตเป็นการส่วนตัว และแก้ไขความเข้าใจผิดนี้
หลินเซียะไม่รอให้ตระกูลหัวต้องมาคลานเข่ามาหาเขา ในเมื่อหัวเซียงซิ่ว เด็กสาวไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงกล้าปีนเกลียวสร้างปัญหา ดังนั้นเธอสมควรต้องจ่ายราคาความเสียหายนี้ด้วยตัวเอง เขาออกปากสั่งการกับทางตำรวจให้ไปจับตัวหัวเซียงซิ่วมาสอบสวนโดยตรง
หนึ่งชั่วโมงถัดมา หัวเซียงซิ่วถูกตไรวจกุมตัวกลับเข้า ในเวลาเดียวกัน หัวเซินซวนก็กำลังเดินทางไปเช่นกัน
ในไม่ช้าหัวเซินซวนก็เดินทางไปถึงสำนักงานเขต แต่หลินเซียะกลับปฏิเสธที่จะเข้าพบด้วย ก็เลยปรากฏเป็นภาพฉากที่ชายชรายืนหน้าแตกอยู่คนเดียว
ในความคิดของหัวเซินซวน ด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลหัว เขาไม่มีวันทนต่อความอัปยศแบบนี้ได้แน่นอน ดังนั้นเขาจึงตะโกนชื่อหลินเซียะดังลั่นกลางโถงใหญ่ เพื่อบีบบังคับให้หลินเซียออกมาพบ
สุ้มเสียงตะโกนของหัวเซินซวนยังคงดังต่อเนื่อง ราวกับเด็กเอาแต่ใจที่ผู้ใหญ่ไม่ยอมทำตามใจ
และหากเป็นเช่นนี้ต่อไป ทุกคนในสำนักงานเขตไม่สามารถทำงานต่อไปได้แน่ หลินเซียะที่ไม่มีทางเลือกอื่น เลยจำต้องออกมาพบหัวเซินซวน
แม้ว่ากหัวเซินซวนจะโมโหโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่ง แต่เห็นได้ชัดว่าภายใต้สถานการณ์นี้เขาตกเป็นรอง จึงไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะระบายความโกรธใส่หลินเซียะ เขาได้แต่ฝืนยิ้มและเอ่ยถามขึ้นว่า
“ทำไมผู้ว่าหลินถึงไม่รับสายหรือออกมาพบผมเลย?”
หลินเซียะกล่าวตอบตามตรงชนิดไม่มีไว้หน้า
“ผมไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องเจอกับคุณ หลานสาวของคุณเตรียมรับโทษตามกฎหมายได้เลย”
แม้หัวเซินซวนจะไม่พอใจกับหลานสาวคนนี้มากที่เอาแตจ่สร้างปัญหาให้ แต่สุดท้ายหลานสาวก็ยังเป็นหลานสาว เขาย่อมห่วงเรื่องความปลอดภัยเป็นธรรมดา
หัวเซินซวนรรีบเอ่ยตอบทันที
“ผู้ว่าหลิน ให้โอกาสเธอสักครั้งเถอะครับ ถือว่าเห็นแก่หน้าผม แค่บอกมาก็พอครับว่าต้องการเท่าไหร่ ผมจ่ายได้ทุกราคา!”
หลินเซียะที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับพูดไม่ออก ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่เงินหรือค่าชดเชยอะไรแล้ว เนื่องด้วยสถานการณ์ปัจจุบันมันเลยจุดนั้นมาไกลมาก สิ่งเดียวที่เขาต้องการในขณะนี้คือ คำอธิบายต่อสาธารณชน
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง หัวเซียงซิ่วก็โดนกุมตัวออกจากห้องสอบปากคำ ส่วนหลินเซียะรีบดำเนินการตามคำร้องของจ้าวเฉียนทันที
ในไม่ช้า ตำรวจก็สรุปสำนวนคดีได้ความว่า หัวเซียงซิ่วละเมิดความผิดข้อหาจงใจปลุกปั่นและใส่ร้ายผู้อื่นจนได้รับความเสื่อมเสีย โดนตัดสินให้จำคุกหัวเซียงซิ่ว
หัวเซียงซิ่วมึนงงอย่างมากและไม่เข้าใจสถานการณ์เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เธอกรนด่าสาปแช่งขึ้นทันทีว่า
“สมองฝ่อไปหมดแล้วรึไง? แทนที่จะจับตัวฆาตรกร แต่ดันจับฉันที่เป็นคนเรียกร้องความเป็นธรรม? ปัญญาอ่อนกันไปหมดแล้วรึไง? หรือแรงกดดันจากประชาชนมันไม่มีค่าเลยรึไง!”
หลินเซียะโกรธจัดแทบทนไม่ไหวแล้วง เขาตะคอกสวนกลับไปทันทีว่า
“ทุกอย่างเกิดจากเธอคนเดียว! ถ้าหัดสงบปากสงบคำซะบ้าง ทุกคนคงไม่ต้องเดือดร้อนขนาดนี้! เรื่องนี้จะได้รับการแก้ไขในอีกไม่ช้า ถ้ากังขาหรือข้องใจตรงไหนก็ไปสู้ต่อที่ชั้นศาล!”
หัวเซียงซิ่วรีบตอบทันทีว่า
“ถ้าจับจ้าวเฉียนเข้าตารางตั้งแต่แรก ทุกอย่างก็จบเรียบร้อยแล้ว! หัดเข้าโซเซียลอ่านข่าวบ้างว่าทุกคนในสังคมเขาต้องการอะไร? แต่คุณก็ยังหน้าด้านปกป้องจ้าวเฉียน พวกตำรวจของประเทศนี้มันเป็นอะไรกันไปหมดแล้ว หิวเงินขนาดนั้นเลยรึไง!!”
หลินเซียะหัวเราะอย่างเยือกเย็นและกล่าวว่า
“เราไม่จำเป็นต้องอ่านความคิดเห็นของสังคม ถ้าเอาอารมณ์ของคนหมู่มากมาประกอบกับสำนวนคดี แล้วนี่ยังเรียกว่าความยุติธรรมอยู่ได้ยังไง?”
ในเวลานั้นเอง ลูกน้องของหลินเซียะก็รีบวิ่งมาบอกว่า หัวเซินซวนต้องการพบหลานสาวตัวเอง
ตามกฎหมายแล้วหัวเซินซวนมีสิทธิ์ดังกล่าว หลินเซียะจึงทำอะไรไม่ได้มากนอกจากตอบตกลงเท่านั้น
ในไม่ช้าหัวเซินซวนก็เข้ามาพบกับหัวเซียงซิ่ว ดวงตาคู่นั้นของเขาเปี่ยมล้นไปด้วยความโกรธ ทันทีที่เจอเขาตะคอกด่าขึ้นทันทีว่า
“ทีนี้สบายใจแล้วรึยัง!? วันๆ ไม่ทำอะไร! เอาแต่สร้างปัญหา!”
แม้ว่าหัวเซียงซิ่วพลันรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย แต่เธอก็ยังคิดว่าตนเองเป็นฝ่ายถูกจึงเถียงกลับไปว่า
“ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง อย่างน้อยหนูก็พยายามอย่างที่สุดแล้ว! ไม่ได้เหมือนปู่ที่ยืนทนมองหลานชายได้รับความอยุติธรรมอยู่เฉยๆ! นี่ยังมีคุณสมบัติเรียกตัวเองว่าปู่ได้อีกเหรอ! หน้าไม่อาย!”
“สามหาว!”
หัวเซินซวนสุดจะทนแล้วจริงๆ
“เพี๊ยะ!!”
เสียงตบหน้าดังชัดเจนกึกก้องออกมา หัวเซินซวนตบหน้าหลานสาวตัวเองอย่างแรง
แต่ไม่ว่ายังไงหัวเซียงซิ่วก็รู้สึกว่าตัวเองยังคงเป็นฝ่ายถูก และทุกอย่างที่เธอทำลงไปล้วนเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง และถ้าเธอยังมีโอกาส ย่อมสามารถช่วยคืนความยุติธรรมแก่พี่ชายได้นแน่อน
หัวเซินซวนได้แค่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
“สิ้นหวัง! สิ้นหวังแล้วจริงๆ! แกต้องหัดคิดแบบผู้ใหญ่ได้แล้ว!”
หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังเดินจากออกไปทันที
หัวเซียงซิ่วคลี่ยิ้มอย่างหยามเหยียด ไม่สนใจคุณปู่แม้แต่น้อย
ตำรวจตั้งโต๊ะแถลงการทันที โดยงัดหลักฐานทั้งหมดเพื่อมัดตัวหัวเซียงซิ่วว่า เธอใช้เงินจำนวนมากเพื่อปั่นกระแสข่าวโจมตีผคนอื่นจนเกิดความเสื่อมเสีย ในมุมมองของทางตำรวจสรุปได้ว่า ข่าวที่เธอเผยแพร่ออกไปเป็นข่าวปลอมทั้งสิ้น ซึ่งโทษจำคุกของเธอก็สามารถรอลงอาญาได้
จ้าวเฉียนรู้สึกว่า ต้องโทษแค่นี้มันยังไม่ร้ายแรงพอ สำหรับราคาที่หัวเซียงซิ่งต้องชดใช้ยังน้อยเกินไป ดังนั้นเขาจึงพยายามราดน้ำมันบนกองไฟเพื่อขยับขยายให้กลายเป็นเรื่องใหญ่กว่านี้
จ้าวเฉียนโทรหาประธานสื่อหลักหลายแห่งในหวานจิ้ง รวมไปถึงหยานจิ้งไทม์เช่นกัน และสั่งให้พวกเขาประโคมข่าวโจมตีตัวเองต่อไป และไม่ว่าใครก็ตามที่โทรถามหลังจากนี้ ก็ให้บอกว่าเป็นฝีมือของหัวเซียงซิ่ว
สถานการณ์ยิ่งตึงเครียดเข้าไปใหญ่ สิ่งนี้แทบทำให้หลินเซี่ยะเป็นบ้า เขาโทรหาประธานบริษัทสื่อพวกนี้ทันที และถามไปตามตรงว่าทำไมยังไม่หยุดประโคมข่าว ไม่เห็นที่ตำรวจตั้งโต๊ะแถลงรึยังไง?
หลังจากถามไปถามมา เขาก็ได้รู้ว่าหัวเซียงซิ่วยังไม่สำนึก เล่นแง่เล่ห์เหลี่ยมไม่จบไม่สิ้น เธอพยายามใช้อำนาจของตระกูลหัวบังหน้าเพื่อซื้อสื่อทางโซเซียลโจมตีจ้าวเฉียนต่อไม่หยุดหย่อน ทั้งนี้ก็เพื่อทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตัดสินคดีความด้วยความเป็นธรรม