ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 3 ฉันจ่ายเอง กินตามสบายเลย

ตอนที่3 ฉันจ่ายเอง กินตามสบายเลย
ณ เวลาหนึ่งทุ่มตรง ทุกคนกำลังรอจ้าวเฉียนที่หน้าประตูของโรงแรมตงไห่
“นี่มันหนึ่งทุ่มแล้วนะ ทำไมจ้าวเฉียนยังไม่มาอีก? หรือมันจะแกล้งพวกเรา?”
“ฉันว่าไม่ ถ้ามันกล้าหลอกพวกเราทั้งหมดที่เป็นพนักงานในบริษัททั้งหมดจริงๆ มันทนทำงานอยู่ในบริษัทนี้ต่อไปไม่ได้แน่ๆ”
“แล้วที่มันบอกให้พวกเรารออยู่แบบนี้มันหมายความว่าไง? มันหายหัวไปไหน?”
ขณะที่เพื่อนร่วมงานกำลังพูดคุยกันอยู่นั้นเอง ทันใดนั้นก็มีรถสปอร์ตสีเงินขับเข้ามาพร้อมเสียงเครื่องยนต์แรง ก่อนที่จะจอดอยู่ตรงหน้าทุกคน
พวกเขาต่างหันควับจับจ้องรถหรูคันนี้ที่โฉบเฉี่ยวเข้ามาราวกับสายลม แต่ไม่รู้เลยว่ามันเป็นรถยี่ห้ออะไร เพราะทั้งชีวิตของแต่ละคนไม่เคยเห็นโลโก้รถแบบนี้มาก่อน
เพื่อแสร้งแสดงความอวดรู้ของตนต่อหน้าทุกคน หวังเฉียงจึงรีบหยิบมือถือขึ้นมาค้นหา อันดับรถสปอร์ตที่แพงที่สุดในโลกทันที และเขาก็ได้พบกับรถสปอร์ตคันนี้ที่จอดอยู่ต่อหน้าจริงๆ
“พวกนายรู้หรือไม่ว่า รถสปอร์ตคนนี้ยี่ห้ออะไร?”
หวังเฉียงรีบอ่านข้อมูลรถสปอร์ตคนนี้ในมือถืถือโดยไว ก่อนจะแสร้งทำเป็นอวดรู้ต่อหน้าทุกคนโดยคำถามเปิดประเด็นขึ้นมา และแต่ละต่างส่ายหัวอย่างว่างเปล่า
“นี่คือ… Koenigsegg One: 1 หนึ่งในรถสปอร์ตที่แพงที่สุดในโลก มีมูลค่าสูงถึง100ล้านหยวน! ทีแค่6คันในโลกเท่านั้น และ5คันแรกถูกขายให้กับประเทศของเรา ฉันคิดไม่ถึงเลยว่า ในเมืองแห่งนี้จะมีเจ้าของรถสปอร์ตที่ว่าเหมือนกัน อยากจะรู้จริงๆ เลยว่าเจ้าของเจ้าคันนี้เป็นใครกัน?”
ทุกคนที่ได้ฟังดังนั้นต่างอ้าปากค้างด้วยความตกใจ และด้วยความรอบรู้ของหวังเฉียง ก็สมแล้วที่เขาเป็นผู้จัดการ
หวังเฉียงใบหน้าเงียบนิ่งดูสงบเสงียม แต่ภายในใจรู้สึกมีความสุขอย่างมาก
เจียงเสี่ยวปิงจับจ้องเขาอย่างชอบอกชอบใจ แววตาสวยของเธอสะท้อนให้เห็นถึงความชื่นชมชายคนนี้อยู่ ไม่เพียงแต่เป็นผู้จัดการของบริษัทเกมยักษ์ใหญ่ และยังมีความรอบรู้ก้าวไกล จ้าวเฉียนไอ้ยากจนนั้นเทียบชั้นเขาไม่ติดเลยจริงๆ
รถสปอร์ตแล่นเข้ามาเทียบข้างอย่างช้า ๆ ทุกคนที่เห็นแบบนั้นอดใจเอ่ยปากอุทานชื่นชมไม่ได้
“ว้าว! สุดยอดไปเลย! รถสปอร์ตคันนี้โคตรสวย! ไม่รู้เลยว่าเจ้าของรถคนนี้จะเป็นคุณชายหรือคุณหนูจากที่ไหน!”
“อยู่ห่างๆ เขาไว้เถอะ ระวังพวกแกทำเสื้อผ้าของเขาต้องเปรอะเปื้อน หากเป็นอะไรขึ้นจริง พวกเราไม่มีปัญญาชดใช้แน่นอน!”
“ไม่ว่าใครที่สามารถขับรถสปอร์ตแบบนี้ จะต้องเป็นคุณชายหรือทายาทมหาเศรษฐีแน่นอน เฮ้ออ…พอเทียบกับคุณชายจ้าวของเราแล้ว กลับกลายเป็นเรื่องตลกไปเลย”
“ฮ่าฮ่าฮ่าๆๆ …”
ขณะที่ทุกคนกำลังหัวเราะเยาะนินทาจ้าวเฉียนอยู่นั่นเอง ประตูรถสปอร์ตคันนั้นก็เปิดออก ยามนี้สายตาของทุกคนจ้องเขม็งไปที่ทิศทางประตูรถจนเป็นตาเดียว พวกเขาอยากจะรู้จริงๆ ว่า ใครกันที่เป็นเจ้าของรถสปอร์ตคันหรูนี่
ทว่าทันทีที่คนๆ นั้นก้าวลงมาจากรถ ทุกคนในบริษัทเกมฟางนี่ต่างตกตะลึงอ้าปากค้าง ดวงตาแทบถล่นหลุดออกมา
“จ้าวเฉียน?”
“จ้าวเฉียน!”
บางคนถึงกับหน้าถอดสี และบางคนเผยสีหน้าประหลาดใจยิ่งกว่าเห็นผี เจ้าของรถสปอร์ตคันนั้นคือจ้าวเฉียน? รถสปอร์ตมูลค่า100ล้านจะไปเป็นของจ้าวเฉียนได้ยังไง! เจียงเสี่ยวปิงหัวเราะเสียงแห้ง ภายในใจพลางสงสัยว่า เธอตาฟาดไปหรือไม่? จ้าวเฉียนเหรอคือทายาทเศรษฐี? ทำไมเธอไม่เคยรู้มาก่อน?
ในไม่ช้า เธอก็รับปฏิเสธความคิดนี้ทิ้งไปทันที ถ้าเป็นทายาทเศรษฐีจริงจะตกระกำลำบากได้ยังไง? นี่ต้องเป็นรถเช่าแน่นอนและน่าจะเช่าด้วยเงินกู้ด้วยซ้ำ ช่างเป็นคนไร้เดียงสาอะไรขนาดนี้ ทำเรื่องโง่ๆ และน่าเบื่อจริงๆ หลังจากที่จ้าวเฉียนเดินลงมาจากรถสปอร์ต ก็เดินไปคุยกับพยักงานรับรถเล็กน้อย จากนั้นก็ให้พนักงานขับรถไปจอดในทันที รถสปอร์ตคันนั้นถูกขับออกไปลับสายตาพวกเขาอย่างรวดเร็ว
ทุกคนต่างไม่มีใครเชื่อว่ารถคนนี้เป็นของจ้าวเฉียน และคิดกันไปว่าเจ้านี่ต้องเช่ามาแน่นอน
เจวียงหยวนหัวเราะยกใหญ่และพูดว่า
“จ้าวเฉียน แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร? แค่ต้องการจะเอาคืนพวกฉัน ถึงกับต้องกู้เงินมาเช่ารถสปอร์ตหรูมาเลยเหรอ! หน้าอย่างแกจะไปมีปัญญากู้เงินที่ไหนได้? หรือกู้เงินนอกระบบมา?”
ทุกคนต่างหัวเราะเยาะกันยกใหญ่เมื่อได้ฟังคำอธิบาย ก่อนจะพบว่านี่สมเหตุสมผลที่สุดแล้ว
ในฐานะผู้นำกลุ่ม หวังเฉียงกล่าวขึ้นพร้อมน้ำเสียงจริงจังว่า
“จ้าวเฉียน ฉันว่านายกำลังคิดผิดนะ คงไม่มีใครคิดว่าจู่ๆ นายจะได้รับสืบทอดมรดกแล้วจะรวยขึ้นในข้ามคืน แค่เช่ารถมาอวดกันแค่นี้ ใครจะเชื่อง่ายๆ? ไร้เดียงสาเกินไปหรือเปล่า ถึงขนาดไปกู้เงินมาเพื่อเช่ารถสปอร์ต?”
แน่นอน จ้าวเฉียนคนนี้เป็นทายาทตระกูลใหญ่ที่ร่ำรวยเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศตัวจริงเสียงจริง แม้ก่อนหน้าเขาจะปิดบังตัวตนและแสร้งใช้ชีวิตอย่างคนยากจนมาก่อน แต่จนถึงตอนนี้ที่เขาได้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนมาหมดแล้ว ทว่าเขายังไม่คิดที่จะอธิบายเรื่องราวใดๆ ให้ทุกคนฟังอยู่ดี
“เอาล่ะๆ ฉันหิวแล้ว เข้าไปกินกันเถอะ”
จากนั้นจ้าวเฉียนก็เดินตรงเข้าสู่โรงแรมไห่ตงทันทีที่พูดจบ และเอ่ยปากถามพนักงานเสิร์ฟหน้าฟอนต์ถึงอาหารจานหรูที่แพงที่สุด
ในฐานะร้านอาหารโรงแรมที่หรูหราและแพงที่สุดของเมือง แม้จะสั่งแค่ข้าวไม่กี่จานในชั้นล็อบบี้ แต่ราคาขั้นต่ำก็สูงกว่าหลายหมื่นหยวน ส่วนเซทอาหารที่หรูหราที่สุดของที่นี่มีราคาสูงถึง200,000หยวน พนักงานเสิร์ฟมีความสุขอย่างยิ่งเมื่อได้ยิน แต่เมื่อเธอคนนั้นเห็นเสื้อผ้าการแต่งกายของจ้าวเฉียน เธอก็ถึงกับกลั้นยิ้มแทบไม่ทัน
‘ก็แค่พวกยากจนแสร้งทำเป็นรวย เงินในการเป๋าของนายมันไม่มีเพียงพอแม้แต่จะซื้อข้าวจานหนึ่งของที่นี่ด้วยซ้ำ! นับประสาอะไรกับเซทอาหารหรู?’ พนักงานเสิร์ฟคิดในใจ
“ต้องประทานโทษค่ะ จำนวนเงินขั้นต่ำในการรับประทานอาหารที่นี่คือ10,000หยวน ส่วนเซทอาหารใหญ่จะอยู่ที่200,000หยวน ซึ่งนี่อาจจะไม่เหมาะสมกับคุณลูกค้า…”
“หมายความว่าไง? กลัวผมจ่ายไม่ไหวงั้นเหรอ?”
“ฮิฮิ…คุณลูกค้าอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ดิฉันแค่ไม่อยากให้คุณลูกค้าเสียหน้าต่อเพื่อนๆ ในโรงแรมตงไห่แห่งนี้รับเฉพาะแขกระดับสูงเท่านั้น ต้องขอประทานอภัยด้วยค่ะ”
สีหน้าของจ้าวเฉียนมืดลงเล็กน้อย ก่อนกรนเสียงต่ำกล่าวขึ้นว่า
“ไปเรียกไอ้เจ้าหวังอี้มา!”
พนักงานเสิร์ฟคนนั้นตกใจอย่างมากเมื่อได้ยิน หวังอี้เป็นผู้จัดการล็อบบี้แห่งนี้และไม่เคยมีใครเรียกชื่อของเขาห้วนแบบนี้มาก่อน แต่…ชายคนนี้กลับสั่งให้ไปเรียกหวังอี้มา หาเรื่องตายรึไงกัน?
แต่เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองเดือดร้อน พนักงานเสิร์ฟคนนั้นจึงรับโทรหาผู้จัดการโดยทันที
หวังอี้รีบวิ่งหน้าตั้งมาทันทีที่เห็นจ้าวเฉียน
“คุณชายจ้าว ทำไมจะมาที่นี่ถึงไม่โทรมาบอกล่วงหน้าก่อน? ผมจะได้จัดเตรียมเซทอาหารไว้รอ!”
“ฮิฮิ…หยุดพูดเรื่องนั้นไปเลย ก็พนักงานคนนี้เพิ่งบอกว่า ที่นี่ต้อนรับเฉพาะแขกระดับสูง คนชั้นต่ำอย่างผมจะกล้าโทรหาได้ยังไง?”
หวังอี้ได้ยินอีกฝ่ายประชดประชันแบบนั้นก็สะดุ้งเฮือกขึ้นทันที เขาเหลือบมองไปที่พนักงานเสิร์ฟคนนั้นด้วยความโกรธ ตะคอกเสียงดังลั่นขึ้นว่า
“แกถูกไล่ออกแล้ว! รับเงินเดือนงวดนี้แล้วไสหัวไปซะ!”
เหล่าพนักงานทุกคนในบริษัทเกมฟางนี่ ต่างสับสนงุนงงอย่างยิ่งกับเหตุการณ์ตรงหน้า จ้าวเฉียนต้องแอบยัดเงินให้ผู้จัดการคนนี้ใช่ไหม? ถึงแสดงได้เนียนแบบนี้?
เจวียงหยวนและหวังเฉียง ทั้งคู่แอบหัวเราะกันอย่างลับๆ ขณะนี้กำลังรอสั่งอาหาร อยากจะรู้จริงๆ ว่าจ้าวเฉียนยังจะแสดงตบตาไปได้อีกซักกี่น้ำ
พวกเขาทั้งหมดตรงเข้ามาในห้องรับประทานอาหการส่วนตัวที่ผู้จัดการหวังอี้จัดแจงไว้ให้ ทุกคนรับจับจองที่นั่งจากนั้นก็ลุกไปล้างมือในอ่างทองแดงลวดลายวิจิตสวย นี่แสดงให้เห็นแล้วว่าโรงแรมแห่งนี้หรูหราแค่ไหน
จ้าวเฉียนหยิบเมนูขึ้นมาดูและสั่งอาหารแต่ละรายการที่เหล่าเพื่อนร่วมงานของเขาทั้งรู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง
ยกตัวอย่างเช่น ซอสคาเวียร์ที่มีส่วนผสมของไข่ปลาสเตอร์เจียนสีขาวและสีทอง ปลาชนิดนี้จะใช้เวลาวางไข่ประมาณยี่สิบปีโดยประมาณ ดังนั้นมูลค่าไข่พวกนี้แพงแค่ไหนก็พอจะเดาได้
นอกจากนี้ยังมี หูฉลาม รังนกที่เป็นอาหารทานเล่น เพื่อร่วมงานของเขากวาดสายตามองไปที่โต๊ะอาหารอันแสนล้ำค่าจัดแจงเอาไว้ตรงหน้า พวกเขาไม่กล้าแม้แต่ใช้ตะเกียบคืบกินด้วยซ้ำ
เจวียงหยวนกลืนน้ำลายอึดใหญ่และพูดว่า
“จ้าวเฉียน ฉันขอถามแกก่อน แกไม่คิดที่จะชักดาบให้พวกเราจ่ายเองทีหลังใช่ไหม?”
“ถูกต้องแล้ว! ฉันลืมเอากระเป๋าตัวมาด้วย ถ้าเป็นเรื่องหารจ่ายคงไม่ได้!”
“ใช่ๆ! ฉันเองก็ลืมกระเป๋าเงินกับโทรศัพท์มา ดังนั้นเรื่องหารจ่ายนายลืมไปได้เลย”
เพื่อนร่วมงานเหล่านี้กลัวว่า จ้าวเฉียนจะไม่มีเงินจ่าย หากกินของพวกนี้เข้าไปแล้ว พวกเขาคงเป็นหนี้อาหารมื้อนี้ไปตลอดชีวิต
จ้าวเฉียนรวนหัวเราะเล็กน้อยและตอบไปว่า
“อย่ากังวลไป กินอาหารพวกนี้ให้หมดก็พอ คุณชายคนนี้เลี้ยงเอง!”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ดังออกมา ทุกคนก็แอบเก็บมือถือลงใต้โต๊ะทันที พวกเขาได้บันทึกเสียงและวีดีโอที่จ้าวเฉียนพูดไว้หมดแล้ว ดังนั้นจึงหมดกังวลไปเลยถึงเรื่องที่จ้าวเฉียนจะแอบชักดาบ
โดยไม่รอช้า ทุกคนรีบหยิบช้อนส้อมบนโต๊ะอาหารขึ้นมา และตักอาหารกินอย่างเอร็ดอร่อย ราวกับหิวโหยอดอาหารมาจากไหนก็ไม่ทราบ ทั้งเจวียงหยวนและหวังอี้ยังอาหารเข้าไปไม่ยั้งปากจนแทบหายใจไม่ทัน
ชายสองคนนี้มักจะชอบทำให้จ้าวเฉียนต้องอับอายอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนนี้กลับกินของที่อีกฝ่ายเลี้ยง นี่มันช่างไร้ยางอายเกินไปจริงๆ
ขณะที่ทุกคนกำลังรับประทานอาหารกันอย่างมีความสุข ทว่าเจียงเสี่ยวปิงกลับตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอรู้สึกว่า จ้าวเฉียนแค่พยายามเสแสร้งเท่านั้น ดังนั้นนางจึงยอมตามน้ำมาจนถึงที่นี่ แม้ตัวเธอเองจะมีหนี้ก้อนโตที่ต้องจัดการ แต่อย่างน้อยสภาพทางการเงินของเธอก็ยังดูดีกว่าเขา เหอะ ใช้วิธีนี้เพื่อซื้อความเชื่อใจคืนมาจากเธอรึเปล่า?
เธอรู้สึกเบื่อหน่ายจ้าวเฉียนตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อนแล้ว ช่างเป็นผู้ชายที่โง่เขลาจริงๆ ไม่นานนักเธอก็ไม่มีอารมณ์กินอาหารอีกต่อไป ลัวางช้อนส้อมทันทีลงบนโต๊ะ
เมื่อเห็นว่าเจียงเสี่ยวปิงนิ่งเฉยไม่กินอะไรเลย เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นว่า
“เจียงเสี่ยวปิง บนโต๊ะมีแต่อาหารดีๆ คงไม่มีใครไม่อยากกิน? หรือกินไม่เป็น? จะให้ผมสั่งอย่างอื่นมาให้ไหม?”
เขาแค่ต้องการให้เจียงเสี่ยวปิงรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เธอเคยตัดสินใจลงไป และกลับมาขอร้องอ้อนวอนเขาชนิดที่ว่าต้องมากราบต่อแทบเท้าเขา และเตะเธอออกไปอย่างไม่ใยดี ทั้งหมดก็เพื่อแก้แค้นที่เจียงเสี่ยวปิงเคยนอกใจ
แต่เจียงเสี่ยวปิงตะคอกขึ้นและทุบโต๊ะเสียงดังลั่นทันที พร้อมสีหน้าสุดเหยียดหยามว่า
“จ้าวเฉียน นายก็อายุยี่สิบสี่แล้ว ทำไมยังทำตัวไร้เดียงสาแบบนี้อยู่อีก? แค่สร้างหน้าตาให้ตัวเองแค่นี้ถึงกับยอมเป็นหนี้เลยรึไง? คิดเหรอว่าการทำแบบนี้แล้วจะช่วยให้ฉันกลับไปสนใจ? เหอะ เหอะ คนอย่างฉันไม่มีวันกลับไปหาไอ้งั่งแบบนายแน่นอน! ไร้สาระ!”
เจวียงหยวนและคนอื่นๆ ต่างกินไปดื่มไปอย่างมีความสุข พลางรับชมการแสดงตรงหน้าไปในตัว
จ้าวเฉียนยังคงไม่ได้ปริปากอธิบายอะไร เอาแต่ยิ้มระเรื่อน
เจียงเสี่ยวปิงที่เห็นแบบนั้นยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ และนั่งนิ่งไม่กินอาหารใดๆ อีกเลย
ส่วนหวังเฉียงยิ่งไม่ได้สนใจนางเข้าไปใหญ่ ในเวลานี้อาหารสุดหรูบนโต๊ะคือเป้าหมายสำคัญของเขา
ไม่นานทุกคนก็รับประทานอาหารกันเสร็จสิ้น สายตาเหล่านั้นจับจ้องไปที่จานเปล่าบนโต๊ะพลางเลียริมฝีปาก ลิ้มรสรสชาติที่ยังค้างอยู่ในลำคอไม่รู้จบ
จนถึงตอนนี้ช่วงเวลาสำคัญที่สุดก็กำลังจะมาถึงแล้ว เวลาจ่ายเงิน! จ้าวเฉียนจะมีปัญญาจ่ายค่าอาหารสุดหรูพวกนี้หรือไม่?
เพราะต่อให้พวกเขารวมเงินกันจ่ายก็มีไม่พอเช่นกัน ราคาค่าอาหารไม่ต่างอะไรกับพวกเขากินBMWไปคันหนึ่ง

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

เนื้อเรื่องย่อ จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริง อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฝู บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอด บังเอิญไปเฉี่ยวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตำรวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีที่ไหนไทม่ทราบแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมถูกอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อฉกเถียงยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงขงอตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อำนาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ไล่ไสส่งออกจากตระกูลจ้าว และให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจำนวน 200,000หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้งได้ ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจำต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนควบตามที่กำหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา! “ประธานฟาง ฉันยินดีร่วมหุ้นกับบริษัทของคุณเป็นจำนวนเงิน3ล้านหยวน โดยมีเงื่อนไขว่า คุณไม่ได้รับอนญาตให้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของผม ไม่อย่างนั้นผมจะถอนทุนทั้งหมดออกทันที” “เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว” “ฮิฮิ….ตราบใดที่เข้าใจแล้ว ก็ทำให้ได้ แล้วคุณรู้ไหมว่า ผู้จัดการหวัง เจ้านั้นมันต้องการขับไล่ผมออกจากบริษัท คิดว่าผมควรทำยังไงดี?” “ง่ายมากค่ะ! ฉันจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้!” “ไม่ ไม่… ผมยังเล่นกับเขาไม่จุใจเลย จะไล่ออกไปง่ายๆได้ยังไง?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset