ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 309 จะร่วมมือยังไง

ตอนที่309 จะร่วมมือยังไง

จ้านชุนเล่อระเบิดหัวเราะและรู้สึกชื่นชมในความกล้าหาญมากความฉกาจของจ้าวเฉียนเป็นอย่างยิ่ง แม้เขาจะไม่ค่อยทราบข้อมูลเกี่ยวกับอัตรากำไรของธุรกิจเดินเรือขนาดนั้น แต่เขาพอจะคาดคะเนได้จากงบการเงินของบริษัทท่าเรือที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้บ้าง

ทีบริษัทท่าเรือที่จดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศจีนอยู่ทั้งหมดแปดแห่ง และมีเพียงสามแห่งเท่านั้นที่ทำกำไรได้ในปีที่แล้ว สองในสามถ้านำมาหักกลบจากต้นทุนดีๆ ก็แล้วแต่ขาดทุน หากให้พูดตามตรงก็คือ มีเพียงท่าเรือแห่งเดียวเท่านั้นที่สร้างกำไรได้ ส่วนที่เหลือล้วนประสบความล้มเหลว

นี่แสดงให้เห็นแล้วว่าอึตสาหกรรมการท่าเรือในประเทศจีนเริ่มทำเงินได้ยากขึ้นแล้วจากแต่ก่อน และแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำกำไรได้อย่างมหาศาลอย่างเมื่อสิบถึงยี่สิบปีก่อน ดังนั้นการที่จ้าวเฉียนตกลงราคาที่มีส่วนลดแค่5%ถือได้ว่ามีโอกาสขาดทุนที่สูงมาก

แต่ถึงแบบนั้นจ้าวเฉียนก็ยังตอบตกลงเห็นด้วย นี่แสดงให้เห็นแล้วว่า บุคคลนี้สามารถจ่ายได้ทุกราคาเพื่อเป้าหมายเดียวคือชัยชนะ คนสุดขั้วแบบนี้มีเพียงจุดจบสองแบบรออยู่เบื้องหน้าคือ ไม่บรรลุก็บรรลัย

“ตกลง ฉันจะส่งคนไปคุยเรื่องสัญญาอีกทีนะ แล้วจะอธิบายรายละเอียดให้ฟังอีกครั้งก่อนเซ็น ถ้าฝ่ายของคุณจ้าวพร้อมแล้ว ผมจะส่งคนไปทำสัญญาและโอนถ่ายสินค้าลงทันที”

จ้านชุนเล่อกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

จ้าวเฉียนพยักหน้าและกล่าวตอบว่า

“ใกล้ถึงเวลามื้อเย็นแล้ว ถ้าไม่รังเกียจไปร่วมรับประทานอาหารด้วยกันนะครับ”

จ้านชุนเหล่อพยักหน้าตอบตกลงตามคำเชิญของจ้าวเฉียน ส่วนโจวเจียงเฉินเองก็พยักหน้าตอบเก้นพ้องด้วยโดยไว แน่นอนว่าสองพี่น้องและโจวเหว่ยซูเองก็ไม่ได้คัดค้านอะไรเช่นกัน

จ้าวเฉียนพาพวกเขาไปยังโรงแรมหยานจิ้ง เพื่อเข้ารับประทานอาหารหรู

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว โจวเจียงเฉินและจ้านชุนเล่อก็หาข้ออ้างขอตัวกลับไปก่อน ปล่อยให้โจวเหว่ยซูและที่เหลืออยู่ก่อน เพราะพวกเขาทั้งสองต้องการให้จ้าวเฉียนคุยเรื่องสัญญากับลูกๆ ของพวกตนให้เรียบร้อยไปเลย

หากพวกเขาได้รับกาปรนนิบัติดูแลจากบริษัทเฉียนเก๋อเป็นพิเศษ ลูกๆ ของพวกเขาย่อมมีอนาคตที่สดใสรออยู่ตรงหน้า

แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้จ้าวเฉียนจะไม่ได้คำนวณมาก่อนรึอย่างไร เขาคำนวณไปไกลยันวิธีสร้างกำไรเข้ากระเป๋าแล้วด้วยซ้ำ ได้สาวสวยสองคนนี้เข้ามาเสริมทัพให้บริษัทเฉียนเก๋อ ยังไงก็ทำเงินเร็วขึ้นจากเดิมอีกเท่าตัวเป็นอย่างน้อย

จ้าวเฉียนรับโทรหาหยวนมี่ทันทีและกล่าวว่า

“ผู้จัดการหยวน ผมมีเด็กใหม่สองคนที่จะเข้ามาในสังกัด ฉันจะให้พวกเขาบินไปหาคุณที่เมืองตงไห่นะ ลองปรึกษากับพวกเขาดูว่าจะเอายังไงกับแผนการเดบิว”

สถานการณ์ตอนนี้ของบริษัทเฉียนเก๋อนับว่าเกิดปัญหาเพราะมีศิลปินในสังกัดค่ายน้อยเกินไป และจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องออดิชั่นศิลปินหน้าใหม่เข้ามาเพิ่มเติม พอหยวนมี่ได้ยินแบบนั้นก็รีบกล่าวตอบทันทีอย่างมีความสุขจว่า

“สุดยอดเลยค่ะ! อ่อ! แล้วฉันเองก็มีเรื่องจะมารายงานประธานจ้าวด้วยเช่นกัน”

“โอ้? เรื่องอะไรงั้นเหรอ?”

“ฉันได้ติดต่อกับทางสถานีโทรทัศน์และทางแพชตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ แล้ว ดิฉันต้องการสร้างรายการเรียลลิตี้เพื่อเฟ้นหาซุปเปอร์สตาร์คนใหม่ในสังกัดของเรา คล้ายๆ กับรายการProduce 101 ดิฉันว่าโครงการนี้พวกเราได้ประโยชน์สองต่อเลยนะคะ ได้ทั้งยอดคนเข้าชมและศิลปินมากความสามารถเข้าร่วมสังกัดในอนาคต”

นี่นับเป็นเรื่องดีอย่างมากและจ้าวเฉียนเองย่อมต้องเห็นด้วยโดยธรรมชาติ แต่อย่างไรหยวนมี่ยังมีความกังวลอยู่เล็กน้อย เพราะว่าแผนการดังกล่าวไม่รู้ว่าจะประสบความสำเร็จตามแผนที่วางไว้หรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือต้นทุนอันมหาศาล ไหนจะค่าซื่อแอร์ไทม์ ค่าดูแลเด็กฝึกในรายการ ค่าสถานที่ และจิปาถะอีกมากมาย ถ้าเกิดล้มเหลวขึ้นมาอาจเรียกได้ว่า เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่

ด้วยความเป็นมืออาชีพของหยวนมี่ เธอไม่กล้าเริ่มโปรเจตนี้ขึ้นมาเองสุ่มสี่สุ่มห้า ถึงยังไงเธอยังต้องขอคำแนะนำจากจ้าวเฉียนก่อน เพราะสุดท้ายเงินทุนทั้งหมดก็มาจากกระเป๋าเขา

ไม่มีความเสี่ยงเท่ากับไม่มีกำไร และไม่มีธุรกิจใดในโลกไม่เคยขาดทุนเช่นกัน

เจ้าของโปรเจครายการ Produce 101 ในตอนเริ่มแรกพวกเขาเองก็ต้องเสี่ยงเช่นกันว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่? และพวกเขากทำสำเร็จ ไม่เพียงแต่ได้รับศิลปินมากพรสวรรค์เข้าร่วมสังกัด แต่พวกเขายังได้กำไรเป็นกอบเป็นกำจากรายการดังกล่าว

และจ้าวเฉียนเองก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินอยู่แล้ว แม้ว่าท้ายที่สุดจะล้มเหลว แต่เขาก็ไม่โทษหยวนมี่อยู่แล้ว อย่างเลวร้ายสุดเขาก็อยากให้เธอคิดซะว่าจ่ายเงินซื้อค่าประสบการณ์

ดังนั้นจ้าวเฉียนจึงกล่าวปลอบขวัญไปว่า

“ผู้จัดการหยวนแค่ทำให้เต็มที่ก็พอ ไม่จำเป็นต้องมากังวลเรื่องเงินเลย ตราบเท่าที่คุณสามารถแสดงประสิทธิภาพออกไปได้เต็มที่ ผลลัพธ์จะออกมาดีหรือแย่ก็ควรภูมิใจที่ได้ทำเต็มที่แล้ว ส่วนศิลปินที่เราหามาได้ถึงสุดท้ายจะไม่ได้สมบูรณ์แบบอะไร แต่เรายังสามารถฝึกฝนพวกเธอให้เก่งขึ้นได้ในอนาคต”

หยวนมี่รู้สึกประทับใจอย่างยิ่งกับคำพูดของจ้าวเฉียนจนพูดอะไรไม่ออก เกรงว่าเธอคงจะไม่มีโอกาสได้พบเจอเจ้านายที่ใจกว้างขนาดนี้อีกแล้วทั้งชาตินี้และชาติหน้า

“ขอบพระคุณอย่างมากค่ะสำหรับที่ไว้ใจในตัวดิฉัน ถึงยังไงฉันต้องขอชี้แจ้งก่อนล่วงหน้านะคะ ว่าโปรเจคดังกล่าวต้องใช้เงินทุนกว่าหลายร้อยล้านหยวนเพื่อสร้างรายการเรียลลิตี้นี้ขึ้นได้ แถมผู้ที่มาฝึกสอนและกรรมการรับเชิญค่าตัวก็ไม่ใช่ถูกๆ เลย คุณจ้าวรับได้ใช่ไหมค่ะที่ต้องอัดฉีดเม็ดเงินขนาดนี้?”

จ้าวเฉียนเอ่ยตอบกลับทันทีด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นยิ่งว่า

“แน่นอนครับ ผู้จัดการหยวน อย่างที่ผมบอกไป คุณไม่จำเป็นต้องมากังวลเรื่องเงินเลย แค่ทำในสิ่งที่ต้องทำให้เต็มที่ก็พอ เข้าใจไหมครับ?”

หยวนที่รีบตอบกลับทันทีด้วยความซาบซึ้ง

“เข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะอุทิศตนทำเพื่อบริษัทเฉียนเก๋อให้ถึงที่สุด! อ่อ…เดี๋ยวประธานจ้าวส่งข้อมูลติดต่อของเด็กใหม่ทั้งสองให้ดิฉันได้เลยนะคะ ให้พวกเธอโทรหาดิฉันได้เลยหลังจากถึงตงไห่แล้ว”

จ้าวเฉียนตอบตกลงและวางสายไป

โจวเหว่ยซูและคนอื่นๆ เองก็นั่งฟังอยู่ข้างๆ เช่นกัน เมื่อเห็นว่าจ้าวเฉียนวางสายเรียบร้อย ทุกคนก็เริ่มจับจ้องเขาอย่างมีความหวังแววตาเปล่งประกายขึ้นมา

จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า

“ผมได้แจ้งให้ผู้จัดการของเฉียนเก๋อทราบแล้ว พวกคุณทั้งสองสามารถเดินทางไปที่เมืองตจงไห่ได้เลยเพื่อเข้าพบเธอ เดี๋ยวผมจะส่งข้อมูลติดต่อของทั้งคู่ไปให้ ส่วนพวกคุณเองก็ควรมีเบอร์ติดต่ออีกฝ่ายด้วยเช่นกัน”

หลังพูดจบจ้าวเฉียนก็เปิดข้อมูลรายชื่อในโทรศัพท์ขึ้นมา และมอบเบอร์โทรติดต่อของหยวนมี่ให้แก่โจวเหว่ยซูและจ้านซูวเหวิน พอพวกเขาบันทึกเสร็จสรรพ จ้าวเฉียนก็ส่งข้อมูลติดต่อของพวกเธอให้หยวนมี่ด้วยเช่นกัน

จ้านซูวเหวินรีบหันไปถามโจวเหว่ยซูทันทีอย่างตื่นอกตื่นเต้นว่า เธอจะบินไปเมืองตงไห่เมื่อไหร่ ถ้าสะดวกพวกเราก็บินไปที่นั้นพร้อมกันเลยดีไหมฦ

ความใฝ่ฝันอันยิ่งใหญ่ที่สุดกว่าสิบปีของโจวเหว่ยซูคือการเป็นดาราดัง เธอกล่าวตอบทันทีแทบไม่ต้องคิดเลยว่า

“พรุ่งนี้เช้าเลยไหม? ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี พวกเราเจอกันที่สนามบินพรุ่งนี้เช้าเลยแล้วกัน!”

ส่วนจ้านซูวเหวินเองก็เป็นพวกไม่มีงานเป็นหลักเป็นแห่งทำอยู่แล้ว ดังนั้นเธอว่างตลอดทั้งวัน ถ้าอีกฝ่ายว่างไปพร้อมกัน พรุ่งนี้เช้าก็พรุ่งนี้เช้าได้เลย

โจวเหวินซูยิ้มและกล่าวกับจ้าวเฉียนว่า

“ถ้าอย่างนั้นฉันกลับก่อนนะคะ ต้องรีบไปซื้อตั๋วรถไฟฟ้าความเร็วสูงกลับบ้านแล้ว ต้องรีบจัดกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางพรุ่งนี้!”

จ้านซูวเหวินเองก็รีบกล่าวขึ้นทันทีโดยไวว่า

“ฉันกลับด้วย ฉันกลับด้วย! ต้องรีบไปจัดเสื้อผ้าแล้ว! คุณโจวเดี๋ยวฉันจองตั๋วเครื่องบินให้เลยตรงนี้ ขอบัตรประชาชนด้วยค่ะ”

โจวเหว่ยซูพยักหน้าตอบและหยิบบัตรประชาชนให้แก่อีกฝ่ายไป

จ้านซูวเหวินรีบลงชื่อเข้าแอปเพื่อจองตั๋วเครื่องบินออนไลน์ผ่านทางมือถือทันที พวกเธอเลือกที่นั่งคู่กัน จากนั้นก็เดินควงแขนพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเดินจากไป

จ้านซูวอู่อาสารินไวน์ให้จ้านเฉียนก่อนจะรินให้ตัวเอง เขากล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า

“คุณจ้าวจัดการเรื่องของสองสาวเรียบร้อยแล้ว ยังไงเรื่องของผมก็ต้องรบกวนด้วยนะครับ”

จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มบางยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบเบาๆ

จ้านซูวอู่จบจากฮาวาร์ดแถมยังมีประสบการณ์ฝึกงานจากวอลล์สตรีทอีก และที่สำคัญที่สุดคือ เขายังมีใจรักและภักดีในประเทศบ้านเกิดตัวเอง ไม่อย่างนั้นคงไม่กลับมาตั้งรกรากในประเทศบ้านเกิด แล้วคงเป็นนกสองหัวขายชาติแบบหวานฮันซูแน่นอน

ถ้าได้ทำงานกับคนมากความสามารถแบบนี้จ้าวเฉียนไม่มีวันขาดทุนแน่นอน และเขาเองก็ต้องการใช้ความรู้ความสามารถของอีกฝ่ายให้เกิดประโยชน์สูงสุด

“เรื่องของพวกเธอเรียบร้อยดีแล้วครับ ที่เหลือก็ปล่อยให้ลูกน้องผมเป็นคนจัดการต่อ ส่วนเรื่องของคุณชายจ้านค่อนข้างละเอียดอ่อนกว่าในหลายแง่มุน ในความเห็นของผมอย่าเพิ่งรีบร้อนเป็นดีที่สุด เราค่อยๆ ปรึกษาหารือกันดีกว่าครับถึงวิธีร่วมมือระหว่างพวกเรา”

จ้านซูวอู่พยักหน้าและเอ่ยถามจ้าวเฉียนทันทีว่า พวกเราจะร่วมมือกันยังไงดี

ในมุมมองของจ้าวเฉียน ตราบใดที่ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินเอื้อมถึง เขาจะได้รับผลกำไรจำนวนมหาศาลแน่นอนถ้าได้ร่วมมือกับจ้านซูวอู่คนนี้ ดังนั้นจำเป็นต้องกำหนดเรื่องสัดส่วนการถือหุ้นให้ชัดเจนไปก่อน จุดเกรงใจแบบนี้ถ้าไม่รีบจัดการให้จัดเจนอาจจะมีปัญหาได้ในอนาคต

ดังนั้นจ้าวเฉียนจึงเสนอความคิดของเขาออกไปว่า

“เราจะเริ่มก่อตั้งบริษัทด้วยกันใหม่ไปเลย ผมจะรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง ผมเป็นเจ้าของถือหุ้น90% และอีก10%มอบให้คุณชายจ้าน เรื่องเงินทุนไม่ต้องกังวลเลยครับ ผมจะจัดการให้ทั้งหมดเอง แค่อยากให้คุณใช้ความรู้จากประสบการณ์ที่เรียนมาให้เกิดประโยชน์สูงสุด พอเราได้กไรก็แบ่งตามสัดส่วนผู้ถือหุ้น แต่ถ้าเกิดขาดทุนขึ้นมาผมจะแบกรับผลขาดทุนทั้งหมดเพียงลำพัง คิดว่ายังไงครับ?”

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

Status: Ongoing
เนื้อเรื่องย่อ จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริง อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฝู บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอด บังเอิญไปเฉี่ยวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตำรวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีที่ไหนไทม่ทราบแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมถูกอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อฉกเถียงยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงขงอตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อำนาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ไล่ไสส่งออกจากตระกูลจ้าว และให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจำนวน 200,000หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้งได้ ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจำต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนควบตามที่กำหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา! “ประธานฟาง ฉันยินดีร่วมหุ้นกับบริษัทของคุณเป็นจำนวนเงิน3ล้านหยวน โดยมีเงื่อนไขว่า คุณไม่ได้รับอนญาตให้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของผม ไม่อย่างนั้นผมจะถอนทุนทั้งหมดออกทันที” “เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว” “ฮิฮิ….ตราบใดที่เข้าใจแล้ว ก็ทำให้ได้ แล้วคุณรู้ไหมว่า ผู้จัดการหวัง เจ้านั้นมันต้องการขับไล่ผมออกจากบริษัท คิดว่าผมควรทำยังไงดี?” “ง่ายมากค่ะ! ฉันจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้!” “ไม่ ไม่… ผมยังเล่นกับเขาไม่จุใจเลย จะไล่ออกไปง่ายๆได้ยังไง?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset