ตอนที่33 รับสมัครคน
เมื่อทุกคนได้ยินว่า เจวียงหยวนท้าให้จ้าวเฉียนไปดิลลิขสิทธิ์นิยายดังมาทำเป็นเกม พวกเขาก็เอ่ยตอบขึ้นแทนทันทีว่า อย่าใช้วิธีแบบนี้ทำให้คนอื่นต้องอับอาย บริษัทภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่แบบนั้น จ้าวเฉียนจะเอาเส้นสายไหนไปนัดคุยได้ แม้แต่เวลาว่างยังไม่มีให้ด้วยซ้ำ
เจวียงหยวนตอบกลับทันทีว่า
“นี่แหละเป็นวิธีที่คุณชายจ้าวจะแสดงความสามารถให้พวกเราเห็นเป็นขวัญตา หากเขาทำสำเร็จบางทีเงินเดือนของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นก็เป็นได้ ไม่ต้องทำงานหนักล่วงเวลาแบบนี้ทุกวัน ตราบใดที่เขาสามารถดิลลิขสิทธิ์ดังกล่าวมาได้ ต่อให้เขาไม่เข้าทำงานเลยในอนาคต หรือนั่งเฉยๆ รอแบมือรับเงินเดือนจากประธานฟาง ฉันก็จะไม่ว่าอะไรเขาสักคำ”
คำพูดของเจวียงหยวนดูจะรุนแรงเกินไปหน่อย ทำเอาทุกคนหุบปากเงียบสงัดในทันใด ฟางนี่กล่าวตำหนิอย่างรวดเร็วว่า
“เจวียงหยวน ระวังปากหน่อย!”
เจวียงหยวนรีบอธิบายต่อทันทีพร้อมรอยยิ้มว่า
“ประธานฟาง คุณเข้าใจผิดแล้วครับ สิ่งที่ผมทำไปก็แค่อยากสั่งสอนพวกขี้เกียจ ถ้าคนอื่นๆ เห็นจ้าวเฉียนเอาแต่หย่อนยานอยู่แบบนี้ แล้วเอาเป็นแบบอย่างจะทำยังไงครับ? นี่ถือเป็นทางที่ดีสำหรับบริษัทเราแล้ว”
หวังเฉียงยับรีบกล่าวเสริมเจวียงหยวนทันทีว่า
“ประธานฟาง ผมว่าเจวียงหยวนพูดถูกต้องแล้ว นอกจากนี้ที่จ้าวเฉียนทำให้ซิงหยวนกลับมาให้ความร่วมมือได้ อาจจะเป็นความบังเอิญ ให้ลองพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งก็ไม่เสียหายนะครับ”
ฟางนี่ที่ได้ฟังแบบนั้นแทบจะสวนกลับทันที แต่จ้าวเฉียนกลับขัดจังหวะเธอขึ้นมาเสียก่อน
“ฮ่าฮ่า…ผู้จัดการหวังกับเจวียงหยวนพูดถูกแล้ว ผมควรลองดูไม่เสียหาย อีกอย่างมันคงไม่เป็นที่ยุติธรรมสำหรับทุกคน ดังนั้นผมจะพิสูจน์ให้ดูครับว่า ที่ช่วงหลังไม่ค่อยอยู่ออฟฟิศเพราะตระเวนดิลกับทางบริษัทอื่นอยู่จริงๆ แล้วก็บังเอิญมากครับที่ผมได้มีโอกาสไปคุยกับผู้เขียนมาแล้วครั้งหนึ่ง หลังจากกลับมา เรามาดูกันว่าผมจะได้ลิขสิทธิ์เรื่องนี้มาสำเร็จหรือไม่ โอเคนะครับประธานฟาง?”
ฟางนี่ยิ้มตอบทันทีและไม่มีท่าทีคัดค้านใด หวังเฉียงและเจวียงหยวนเองก็แสยะยิ้มตอบเล็กน้อย พร้อมกล่าวว่า ก็ลองดู ทว่ารอยยิ้มของทั้งคู่ราวกับกำลังดูแคลนเขาอยู่ชัดๆ
จ้าวเฉียนพยักหน้า โบกมือลาทุกคนออกไป เขาขับรถมายังตึก หลู่เจียจุย เซ็นเตอร์ แม้บริษัทจะถูกก่อตั้งขึ้นมาแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีพนักงานสักคน อย่างไรก็ตาม จ้าวเฉียนก็จัดการเรื่องนี้เรียบร้อย โดยการประกาศรับสมัครงานบนอินเตอร์เน็ตอย่างฉับไว
ไม่นานหลังจากนั้นก็มีผู้คนเริ่มส่งเรซูเม่ [1] กันเข้ามา ทั้งยังมีโทรมาสอบถามเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว จ้าวเฉียนเองก็ไม่อยากให้เสียเวลากับทั้งสองฝ่ายมากเกินไป จึงสัมภาษณ์งานระหว่งาโทรคุยเบื้องต้นกันไปเลย
สำหรับสิ่งที่จำเป็นในตอนนี้ของจ้าวเฉียนคือ เขาต้องการพนักงานที่มีประสบการณ์ซึ่งสามารถเริ่มงานได้ทันที ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน เขาไม่มีเวลามากพอที่จะฝึกเด็กใหม่ นี่ถือเป็นรูปแบบการบริหารงานของเศรษฐี กล่าวคือไม่เสียเวลาฝึกเด็กใหม่ให้เติบโต แต่ใช้เงินซื้อพนักงานที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้วในระดับนึง ตลอดทั้งช่วงเช้าจ้าวเฉียนยังไม่หยุดรับมือถือ ขณะสัมภาษณ์เขาใช้คำถามเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนตอนนี้แทบจะอาเจียนแล้ว
ดังนั้นเขาจึงแก้ไขประกาศสมัครงานใหม่ โดยระบุไว้ว่าต้องมีประสบการณ์ทำงานตามที่กำหนด ถ้าคุณสมบัติที่ต้องการมีครบค่อยโทรนัดหมายเพื่อสัมภาษณ์งาน
ตอนเย็นมีสายหนึ่งโทรเข้ามาหาเขา อีกฝ่ายอ้างตัวว่าเป็นผู้จัดการมืออาชีพ ผ่านงานมาแล้วหลายบริษัท
จ้าวเฉียนที่คุยกับเธอคนนั้นไปสักพัก ก็รู้สึกได้ว่าเธอค่อนข้างมีประสบการณ์มาก เขาจึงชวนเธอออกไปทานอาหารเย็นเพื่อนัดคุยอีกรอบหนึ่ง
เวลาหนึ่งทุ่มตรง ทั้งสองนัดพบกันที่โรงแรมเอ็มเพอเร่อร์ แต่พอได้พบกันปุ๊บ ทุกอย่างกลับตรงกันข้ามกับที่จ้าวเฉียนคาดหวังไว้โดยสิ้นเชิง จินตนาการไปว่าอีกฝ่ายอายุน่าจะเกินสามสิบ เพราะในวัยนี้โดยส่วนใหญ่ล้วนเป็นพนักงานมากประสบการณ์อย่างแท้จริง
ทว่านี่มันอะไรกัน ดูจะเป็นสาวสวยไฟแรง เท่าดูอายุยังไม่ถึงสามสิบปีเลยด้วยซ้ำ และที่สำคัญเธอสวยมาก!
“สวัสดีครับ ผมชื่อจ้าวเฉียน”
เธอยื่นมือออกไปจับอย่างรวดเร็วและตอบกลับพร้อมรอยยิ้มว่า
“สวัสดีค่ะคุณจ้าว ฉันชื่อหยวนมี่ เป็นเกียรติมากค่ะที่ได้ทานอาหารเย็นกับคุณ”
แต่เรื่องงานก็คือเรื่องงาน ไม่มีความสวยเป็นแต้มต่อ
จ้าวเฉียนพาเธอเข้าไปยังห้องอาหารที่จองเอาไว้ พร้อมสั่งอาหารและสนทนากันระหว่างรับประทาน
“ก่อนหน้านี้คุณหยวนเคยทำงานที่ไหนมาครับ?”
“จริงๆ แล้วก็ยังไม่ได้มีประสบการณ์มากขนาดนั้นหรอกค่ะ เคยทำมาที่เฟยอวี่มาก่อน”
“เฟยอวี่เหรอ? ฮ่าฮ่า…บังเอิญอะไรแบบนี้”
“ค่ะ? คุณจ้าวเองก็เคยอยู่ที่เฟยอวี่มาก่อนเหรอค่ะ?”
“เปล่าครับ ผมเหม็นขี้หน้าบริษัทนี้มาสักพักแล้ว พอดีผมมีความขัดแย้งกับหยางหมิง ทายาทเจ้าของบริษัท หรือเป็นไปได้ไหมว่า…เจ้าหยางหมิงมันส่งคุณมาสมัครงานที่นี่ เพื่อสืบข้อมูล? ครั้งนี้มาไม้ไหนครับ?”
หยวนมี่วางตะเกียบกระแทกลงกับโต๊ะเสียงดัง และรีบอธิบายเรื่องราวความเป็นมาทุกอย่างของเธอ เพื่อสร้างความมั่นใจกับจ้าวเฉียน ว่าแท้จริงแล้วเธอไม่ใช่สายลับที่อีกฝ่ายส่งมา ปรากฏว่าเธอเพิ่งออกมาจากงานเมื่อเดือนก่อน สาเหตุเป็นเพราะหยางหมิงที่หลงเสน่ห์เธอ ส่งข้อความขอมีอะไรด้วย ถ้าปฏิเสธเขาจะโยนประวัติเสียต่างๆ นาๆ ไม่ให้บริษัทไหนรับเธอเข้าทำงานอีก แต่เธอตระหนักดีว่า เธอมีความสามารถมที่ดีพอและไม่จำเป็นต้องสละร่างกายเพื่อแลกกับอะไรแบบนี้ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจลาออกมาทันที
จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะและกล่าวตอบไปว่า
“ก็ว่าแล้ว ทำไมประวัติการทำงานถึงดูขัดกับผลงานแบบนี้ ไอ้เจ้าหยางหมิงนี่มันเลวเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ สุนัขจรกินอึข้างถนน เหอะๆ เอ่อ…นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นอึนะครับ คือผมจะสื่อว่าสันดานมันยังต่ำทรามเหมือนเดิม”
หยวนมี่ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นด้วยความชอบใจ เธอส่ายหัวและตอบไปว่า ไม่เป็นไร หยางหมิงมันสมควรแล้วกับคำส่าสุนัขจร
มีศัตรูร่วมกันอย่างหยางหมิง จ้าวเฉียนกับหยวนมี่จึงพูดคุยกันถูกคอเป็นพิเศษ สำหรับเรื่องการจ้างงานใครสักคน จ้าวเฉียนมองว่า มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถเพียงอย่างเดียว มันยังรวมไปถึงทัศนคติของทั้งสองฝ่ายว่าสอดคล้องกันหรือไม่ และเห็นได้ชัดว่า หยวนมี่คนนี้มีคุณสมบัติครบตรงตามเงื่อนไขทั้งหมด
ในตอนท้ายของมื้ออาหารค่ำ จ้าวเฉียนได้เซ็นเช็คจำนวนหนึ่งล้านมาฉบับหนึ่ง และส่งให้หยวนมี่โดยตรง
“นี่คือเงินปีแรกของคุณ ถ้าทำงานได้มีประสิทธิภาพ คุณจะได้รับโบนัสและเงินปันผลเพิ่มอีกในต้นปีหน้า สามารถเอาเช็คนี้นำไปขึ้นเงินที่ธนาคารได้เลยครับ”
หยวนมี่ที่รับเช็คใบนั้นมาดูลังเลอยู่เล็กน้อย เธอกล่าวตอบอย่างจริงใจไปว่า
“คุณจ้าวค่ะ คือ…เงินตั้งหนึ่งล้านมันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ? บริษัทของคุณเพิ่งก่อตั้งมายังจำเป็นต้องใช้เม็ดเงินอัดฉีดอีกมาก ณ จุดนี้ดิฉันเข้าใจดีค่ะ แล้วอีกอย่างฉันเองก็ไม่ได้มีปัญหาทางด้านการเงินอะไรอยู่แล้ว ฉันแค่อยากทำงานเพื่อให้ประสบความสำเร็จในสายงานที่ใฝ่ฝันค่ะ พอเข้าใจที่ดิฉันหมายถึงใช่ไหม?”
จ้าวเฉียนพยักหน้าและตอบว่า
“แม้ว่าบริษัทของผมจะเพิ่งเริ่มก่อตั้ง แต่ผมเองก็ไม่ได้เริ่มจากศูนย์เช่นกัน คุณรู้จักนิยายเรื่อง ล้ำฟ้าย่ำสวรรค์ไหม?”
“รู้จักค่ะ”
“ลิขสิทธิ์นิยายเรื่องนี้อยู่ในมือผมแล้ว ผู้เขียนกำลังปรับบทเรื่องในบ้านพักที่ผมจัดเตียมไว้ให้อยู่ และตอนนี้ยังมีทั้งหนังโรงและหนังซีรีส์ที่กำลังจะเริ่มสร้างขึ้น ตราบใดที่คุณมีความสามารถจริงๆ ก็ลองแสดงให้ผมเห็น ถ้างานนี้สำเร็จ มันจะสร้างชื่อเสียงแก่คุณในสายงานนี้เป็นอย่างมาก”
หยวนมี่ลุกขึ้นพรวดยินขึ้นทันทีที่ได้ยินด้วยความตื่นเต้น และอุทานขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า
“คุณจ้าว หรือว่าคุณ…คุณคือพี่เฉียนที่โด่งดังคนนั้น?”
โดยไม่จำเป็นต้องปริปากตอบเลย จ้าวเฉียนเพียงหยิบมือถือและเปิดแอปนิยาย จากนั้นก็กดเข้าไปที่บัญชีส่วนตัวของเขา ยื่นมือถือออกไปตรงหน้า หยวนที่จับจ้องชื่อบัญชีบนหน้าจอนั้น ก็อ้าปากค้างเติ่ง โพล่งตาโตเท่าไข่ห่านด้วยความตกตะลึงสุดขีด แค่นี้เธอก็เชื่อยิ่งกว่าเชื่อแล้ว พร้อมเก็บเช็คเข้ากระเป๋าทันทีโดยไม่มีลังเลอีกต่อไป
สามารถส่งกำลังใจให้นักเขียนมากถึง60ล้านเพียงไม่กี่ชั่วอึดใจ กับอีกแค่เช็คหนึ่งล้าน นี่มันยิ่งกว่าเศษเงินของเขาอีก
“คุณจ้าวไม่สิ….ประธานจ้าว! จากตอนนี้ต่อฉันจะอุทิศตัวรับใช้คุณ!”
“ฮ่าฮ่า…ดีมากๆ อ่อแล้ว ผมต้องบอกอะไรคุณก่อนเรื่องหนึ่ง ผมไม่ต้องการให้คนนอกรู้ถึงตัวตนของผม ไม่แม้แต่ผู้เขียนนิยายเรื่องนี้ เข้าใจไหม?”
“เข้าใจแล้ว! นี่สิที่เรียกว่ารวยของจริง ไม่คิดเปิดเผยตัวตนใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา! ดิฉันเข้าใจแล้วค่ะ!”
จ้าวเฉียนรวนหัวเราะเบาๆ และเดินออกไปเช็คบิลทันที เขายังมอบกุญแจออฟฟิศให้แกหยวนมี่ และวานให้เธอไปจัดแจงซื้อข้าวของสำนักงานมาให้เรียบร้อยในวันพรุ่งนี้ รวมไปถึงเรื่องรับสมัครพนักงานผู้มีความสามารถมาเพิ่ม ทั้งหมดนี้เธอต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว
หยวนมี่พยักหน้าพร้อมรับกุญแจที่ได้รับการส่งมอบมาจากท่านประธานมาโดยตรง เธอเอ่ยปากสัญญากับจ้าวเฉียนไว้ว่า จะทำให้ดีที่สุดและจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง
จ้าวเฉียนเองก็เชื่อมั่นใจวิสัยทัศน์ของเธอเช่นกัน เขาเลือกคนได้ถูกต้องแล้ว พยักหน้าประดับคู่รอยยิ้มแสนเป็นมิตรและตอบไปว่า เขาเชื่อว่าเธอทำได้
“โอ้ ลืมไปเลย ตอนนี้ผมปลอมตัวเข้าทำงานอยู่ในบริษัทเกมฟางนี่ ทั้งยังควบตำแหน่งผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของที่นั้น แล้วผมต้องการจะนำนิยายเรื่อง ล้ำฟ้าย่ำสวรรค์ มาทำเป็นเกม พรุ่งนี้ก่อนออกไปซื้อข้าวของสำนักงาน ต้องมาพบผมก่อนที่บริษัทเพื่อเซ็นสัญญากัน”
“เข้าใจแล้วค่ะ งั้นพรุ่งนี้เก้าโมงเช้าเจอกันนะคะ ดิฉันจะรีบไปให้ตรงเวลา”
เช้าวันรุ่งขึ้น ยังไม่ทันจะแปดโมงเช้า จ้าวเฉียนก็มาถึงบริษัทแล้ว ทำเอาเพื่อนร่วมงานแต่ละคนต่างแปลกใจกันยกใหญ่ และถามว่าทำไมวันนี้เขาถึงมาเช้าจัง เจวียงหยวนที่เห็นดังนั้น ก็ตรงเข้ามากล่าวแซะจ้าวเฉียนทันทีว่า
“กลับไปนอนเครียดจนนอนไม่หลับทั้งคืนเลยล่ะสิ เลยมาเช้าตรู่ขนาดนี้? จะไปดิลลิขสิทธิ์นิยาย ล้ำฟ้าย่ำสวรรค์มาทำเป็นเกมนี่มันเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ชัดๆ หลังจากนี้ไปก็ทำตัวให้เหมือนคนอื่นหน่อย คิดว่าตัวเองวิเศษวิโสมาจากไหน…”
จ้าวเฉียนเหลือบมองเขาพลางยิ้มเยาะ
“ฮ่าฮ่า…นายพูดถูกแล้ว ฉันตื่นเต้นจนนอนไม่หลับทั้งคืน เพราะทางนั้นตกลงที่จะมาเซ็นสัญญากับฉัน!”
“นี่จริงหรือแกล้งกัน?”
“จ้าวเฉียน นายไม่ได้หลอกพวกเราใช่ไหม?”
“ได้นิยายเรื่อง ล้ำฟ้าย่ำสวรรค์มาทำเป็นเกมจริงๆ เหรอ??”
พอเพื่อนร่วมงานได้ยินแบบนั้นต่างก็เฮลั่นอย่างดีอกดีใจ
แต่เจวียงหยวนตะคอกเสียงเย็นชาสวนในทันทีว่า
“เป็นไปไม่ได้! อย่างนายจะไปดิลลิขสิทธิ์นิยายกับบริษัทยักษ์ใหญ่เร็สขนาดนี้ได้ยังไง? ถ้ามีใครจะมาเซ็นกับนาย คงมีแต่ผีนั้นแหละ!”
จ้าวเฉียนยิ้มตอบว่า
“เอาแบบนี้ดีกว่า นายกล้าพนันกับฉันไหมล่ะ? ถ้าหลังจากนี้มีคนมาเซ็นสัญญากับฉัน นายต้องทำเสียงสุนัขหอนให้ฉันฟังสักสองสามรอบ แต่ถ้าไม่มีใครมาเซ็นสัญญากับฉัน นายอยากให้ฉันทำอะไรก็ว่ามาเลย”
[1] ประวัติย่อส่วนบุคคลสำหรับใช้สมัครงาน