ตอนที่36 อยู่ด้วยกันกับเจียงเสี่ยวปิง
ทุกคนต่างเฝ้ารอให้สุนัขนามเจวียงหยวนเอ่ยปากหอน และตัวเขาในตอนนี้เองก็ไม่เหลือทางเลือกอื่นเพื่อหลบเลี่ยงอีกต่อไป ได้แต่ปลอบใจตัวเองไปว่า เพื่อครอบครัว และเพื่อชีวิตในอนาคต!
“ฮวู้ววว ฮวู้ววว ฮวู้ววว…”
ในที่สุด เจวียงหยวนก็ยอมร้องออกมา ส่วนบรรดาเพื่อนร่วมงานต่างระเบิดหัวเราะขำกันไม่หยุดหย่อน พยายามข่มกลั้นห้ามใจอยู่นานกว่าจะหยุดขำกันได้
“ก็แค่นั้นแหละ รีบๆ ทำแต่แรกก็จบไปแล้วจริงไหม?”
“ถูกต้อง ถ้าแกยอมทำแต่แรก หลายๆ อย่างคงดีขึ้นกว่านี้จริงไหม? แล้วคงไม่ต้องถูกประธานฟางดุหรอก”
เจวียงหยวนคลี่ยิ้มอย่างเชื่องช้าเป็นคำตอบ ตอนนี้เขาไม่สนใจว่าเพื่อนร่วมงานจะพูดกับเขาอย่างไร ยามนี้รีบเอ่ยปากถามจ้าวเฉียนไปตามตรงว่า เขาสามารถช่วยให้คู่ค้ากลับมาร่วมมือได้หรือไม่
จ้าวเฉียนพยักหน้ายิ้มกล่าวว่า
“จะลองดู ฉันที่พยายามแทบตายกว่าจะดิลได้ คงไม่ให้จบลงมือเปล่าแบบนี้หรอกจริงไหม? แต่อย่างน้อยบฉันต้องหาของขวัญแทนคำขอโทษ และพาเธอไปเลี้ยงอาหารด้วยสักมื้อนึง ทุกคนคิดว่ายังไง?”
ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับวิธีนี้ของจ้าวเฉียนในทันใด เจรจากันระหว่างมื้ออาหารค่ำพร้อมของขวัญแทนคำขอโทษจากใจมาสักชิ้น เป็นอะไรที่คลาสสิกและได้ผลที่สุดแล้ว เจวียงหยวนได้ฟังแบบนั้นก็เอ่ยถามจ้าวเฉียนอย่างไม่มีทางเลือกว่า ทั้งหมดต้องใช้เงินจำนวนเท่าไหร่
จ้าวเฉียนส่ายหัวและตอบไปว่า
“ฉันก็ไม่รู้ เอาเป็นว่าพวกฉันกินไปเท่าไหร่ นายค่อยจ่ายคืนมาแล้วกัน ยังไงซะงานนี้ก็เพื่อบริษัท แล้วครั้งนี้นายก็ผิดเต็มๆ หวังว่าจะยอมให้ความร่วมมือ”
“แต่ถ้านายพาอีกฝ่ายไปกินที่โรงแรมตงไห่ เงินกว่าหลายแสนขนาดนั้น ฉันก็ไม่มีปัญญาจ่ายให้อยู่ดี”
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่เอาเปรียบนายแบบนั้นหรอก ฉันจะเลือกโรงแรมเกรดที่ต่ำลงมาหน่อย อืม…เฉลี่ยมื้อนึงก็ประมาณ10,000หยวนได้มั้ง รวมกับของขวัญที่จะให้ก็ประมาณ20,000หยวนเห็นจะได้ ถ้านายจ่ายราคานี้ได้ ฉันอาจจะนำกำไรกว่าหลายสิบล้านกลับมาให้บริษัทได้อีกครั้ง นี่เป็นข้อเสนอที่ดีมากเลยนะ ทุกคนคิดว่าไงกัน?”
ทุกคนต่างพยักหน้าโดยพร้อมเพรียง เห็นด้วยกับคำพูดของจ้าวเฉียน 20,000หยวนแลกกับกำไรหลายสิบล้าน แม้แต่คนโง่ก็ยอมจ่ายด้วยความเต็มใจ และในเวลานั้นเองฟางนี่ก็กล่าวเสริมกับเจวียงหยวนว่า เขาควรเห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าวของจ้าวเฉียน เพราะหากเรื่องนี้ถึงศาล เขาอาจจะต้องจ่ายเงินเพื่อชดใช้ค่าเสียหาย มากกว่า20,000หยวนแน่นอน
ภายใต้แรงกดดันของทุกคน เจวียงหยวนได้แต่พยักหน้าด้วยความจนใจ ถ้าจ้าวเฉียนสามารถนำคู่ค้ากลับมาได้ เงินโบนัสร่วมไปถึงเงินเดือนที่เพิ่มขึ้น จะต้องคุ้มกว่า20,000ที่จ่ายไปในวันนี้แน่นอน เขาลงเสียงตอบอย่างหนักแน่นว่า สองหมื่นก็สองหมื่นวะ!
จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มพยักหน้าตอบเป็นอันว่าตกลงตามแผน ทางด้านหวังเฉียงกับเจียงเสี่ยวปิงยังคงยืนนิ่งไม่คิดว่าทุกอย่างจะลงเอยแบบนี้ ขณะที่ทุกคนกำลังแยกย้ายเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง หวังเฉียงกับเจียงเสี่ยวปิงยังคงยืนนิ่งด้วยความโศกเศร้า พลางจ้องจ้าวเฉียนตาเขม็งด้วยความเกลียดชังสุดหัวใจ
เจียงเสี่ยวปิงตอนนี้โกรธจัดไร้ที่ระบาย เธอก้าวออกไปหยุดต่อหน้าจ้าวเฉียนเพื่อสร้างปัญหาต่อทันที
“เดี๋ยวก่อน! จ้าวเฉียน เจวียงหยวนทำตามเดิมพันแล้ว และขณะนี้ทุกคนต่างคาดหวังในตัวนายอย่างมาก ดังนั้นสัญญากับทุกคนก่อนสิ ว่านายจะสามารถทำให้คู่ค้ากลับมาร่วมมือด้วยได้? ในออฟฟิศแห่งนี้ ไม่มีใครไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างนายกับเจวียงหยวนเป็นยังไง ไม่ใช่ว่านายจะถือโอกาสนี้ฉกเงิน20,000หยวนของเขาไปเฉยๆ แล้วอีกวันค่อยมาบอกว่าเจรจาไม่สำเร็จ? นี่มันไม่ยุติธรรมไปหน่อยรึไง?”
ทุกคนต่างที่กำลังแยกย้ายกลับไปนั่งที่พลันฉะงักหยุดทันที พวกเขาพยักหน้าตอบเพราะรู้สึกว่าสิ่งที่เจียงเสี่ยวปิงพูดไปก็สมเหตุสมผลเช่นกัน ด้วยความไม่กินเส้นระหว่างจ้าวเฉียนกับเจวียงหยวน บางทีเขาอาจใช้โอกาสนี้หวังเอาคืน
จ้าวเฉียนหัวเราะตอบ พลางนั่งไขว้ห่างหันไปพูดกับเจียงเสี่ยวปิงขึ้นว่า
“ดีเลย ถ้าอย่างนั้นให้เธอไปแทนผมล่ะกัน จะได้ไม่ต้องเสียเวลาชีวิตของผมเองด้วย ประธานฟาง ทุกคนในบริษัทควรเติบโตไปพร้อมกัน จะพึ่งพาแต่ผมทุกอย่างก็ไม่ได้เช่นกัน ในเมื่อทำถึงขนาดนี้แล้วยังไม่มีใครเห็นค่าผม งั้นก็ให้คนอื่นไปแทนเถอะครับ”
ฟางนี่ยิ่งเดือดจัด เธอตะคอกใส่เจียงเสี่ยวปิงด้วยความโกรธว่า
“มีอะไรผิดปกติกับสมองเธอรึเปล่า? ช่วงหลังๆ มานี่เธอดูไร้เหตุผลมานะ หาเวลาไปหาหมอบ้างก็ดี! แต่ในเมื่อพูดจาดูฉะฉางมั่นใจซะขนาดนี้ ถ้างั้นก็ไปหาคู่ค้าแทนจ้าวเฉียน เจรจาจนกว่าอีกฝ่ายจะยอมกลับมาให้ความร่วมมือ ถ้าทำได้ฉันจ่ายให้เธอ40,000หยวนเลย!”
เห็นว่าฟางนี่กำลังหัวเสีย กลับไม่มีใครกล้าพูดอะไรต่อ
เจียงเสี่ยวปิงรีบอธิบายทันทีว่า
“ประธานฟาง เข้าใจผิดแล้ว ที่ดิฉันพูดไปแบบนี้ก็เพื่อกระตุ้นให้จ้าวเฉียนตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมาย ไม่ใช่ว่าดิฉันไม่ไว้ใจเขา…”
“หุบปากไปเลย! ในเมื่อเก่งนักก็ไปดิลคู่ค้าให้ได้อย่างเขา!”
ฟางนี่เปลี่ยนหน้าปรับอารมณ์โดยไว กลายเป็นยิ้มแย้มอย่างรวดเร็ว พร้อมหันมาพูดกับจ้าวเฉียนอย่างใจเย็นว่า
“จ้าวเฉียน เอาแบบนี้แล้วกันนะ…นายพาคู่ค้าไปเลี้ยงตามสบายเลย งบเท่าไหร่ค่อยเบิกกับบริษัทก็ได้ เสียงนกเสียงกา นายไม่ต้องไปใส่ใจหรอก”
จ้าวเฉียนส่ายหัวและตอบสั้นๆ แค่ว่า
“งานนี้ผมขอผ่าน ให้เจียงเสี่ยวปิงจัดการเอาเองเถอะครับ”
เจียงเสี่ยวปิงขมวดคิ้วแน่น ตอบสวนกลับไปทันที
“จ้าวเฉียน! นายพอได้แล้ว!”
ทว่าจ้าวเฉียนกลับไม่ได้สนใจอะไรเธอเลย พลางยื่นมือไปเปิดคอมเช็คอีเมลตามปกติ
ฟางนี่หันควับจ้องเจียงเสี่ยวปิงเขม็ง ปริปากตำหนิอีกระลอกใหญ่ว่า
“ผีเจาะปากเธอมาพูดรึไง? ถึงได้พูดมาสร้างปัญหาเก่งจริงๆ! ฉันมีทางเลือกให้เธอสองข้อ ไปขอโทษจ้าวเฉียนซะ แล้วทำยังไงก็ได้ให้เขารับงานนี้! หรือไม่ก็เก็บข้าวของออกไปจากบริษัทของฉันซะ!”
เจียงเสี่ยวปิงไม่กล้าต่อล่อต่อเถียกับฟางนี่ แต่ก็ไม่อยากไปขอโทษจ้าวเฉียนเช่นกัน เนื่องด้วยอับจนหนทาง เธอจึงหันไปมองหวังเฉียงซึ่งเป็นที่พึ่งสุดท้าย
หวังเฉียงเป็นผู้ชายที่ฉลาดหัวไว เขาไม่มีทางทำให้เจ้านายของตนต้องขุ่นเคืองเพราะผู้หญิงคนเดียวแน่นอน ดังนั้นเขาจึงกล่าวเสริม แนะนำให้เจียงเสี่ยวปิงไปขอโทษจ้าวเฉียนจะดีกว่า อนึ่งเธอก็ควรคำนึงถึงผลประโยชน์โดยรวมของบริษัทเป็นอันดับแรก
แววความผิดหวังสาดสะท้อนออกมาจากดวงตาของเจียงเสี่ยวปิง เธอละทิ้งจ้าวเฉียนและไปคบกับหวังเฉียง เพราะตำแหน่งผู้จัดการของเขา ทว่าในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ เขากลับไม่สามารถปกป้องเธอได้เลย แล้วนี่มันจะต่างอะไรกับจ้าวเฉียน?
ณ เวลานี้เอง จ้าวเฉียนส่ายหัวและเอ่ยขึ้นว่า
“ไม่ต้องมาขอโทษผมหรอก ผมไม่คิดจะรับอยู่แล้ว คุณฟาง เรื่องนี้ผมจะไม่ยุ่ง ไปขอร้องคนอื่นเถอะครับ”
เจียงเสี่ยวปิงกัดริมฝีปากแน่นอน ภายใต้สถานการณ์ที่ต้องพึ่งพาตัวเอง เธอโค้งคำนับต่อหน้าจ้าวเฉียนและเอ่ยขอโทษขึ้นว่า
“ฉัน…ฉันขอโทษ ฉันปากไม่ดีเอง ฉันไม่ควรพูดจาแบบนี้เลย วางเรื่องส่วนตัวระหว่างเราลงก่อนเถอะ อย่าเอามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องงาน ถ้านายสามารถทำให้คู่ค้ากลับมาร่วมมือได้ ฉันจะเอ่ยปากขอโทษเท่าที่นายต้องการเลย!”
จ้าวเฉียนยิ้มเยาะคำหนึ่ง เอ่ยตอบขึ้นว่า
“จริงเหรอ? ถ้างั้นเธอก็ไปกับฉันละกัน”
เจียงเสี่ยวปิงใจหายวาบเมื่อได้ยิน เธอเหลือบมองหวังเฉียนทันทีโดยไม่ทันรู้ตัว ถึงหวังเฉียงในขณะนี้สีหน้าจะค่อนข้างสงบ ทว่าภายในใจกลับปั่นป่วนอย่างยิ่ง จ้าวเฉียนไม่ใช่เด็กน้อยใสซื่อบริสุทธิ์ ไม่ใช่ว่ามันจะใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างเพื่อฉวยโอกาสเธองั้นเหรอ?
ซึ่งเจียงเสี่ยวปิงเองก็กังวลว่า จ้าวเฉียนจะใช้โอกาสนี้ลวนลามเธอเช่นกัน ดังนั้นจึงยิ้มตอบไปว่า
“ฉันเป็นแค่ผู้ช่วยตัวเล็กๆ คนนึง จะไปรู้วิธีเจราจากับคู่ค้าได้ยังไง ไปแล้วมีแต่ถ่วงแข้งถ่วงขานายเปล่าๆ”
จ้าวเฉียนแสยะยิ้มบาง บอกอีกเจียงเสี่ยวปิงไปว่า ถ้าเธอไม่ไปเขาก็ไม่ไปเช่นกัน อย่างไรก็แล้วแต่ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเธอ
ฟางนี่ตระหนักดีว่า จ้าวเฉียนหวังใช้โอกาสนี้เพื่อแก้แค้นเจียงเสี่ยวปิงแน่นอน ดังนั้นเธอจึงกล่าวเสริม ช่วยเขาอีกแรงว่า
“เจียงเสี่ยวปิง มีโอกาสไม่บ่อยนักที่จะได้เรียนรู้วิธีเจรจากับคู่ค้ายักษ์ใหญ่ใกล้ชิดแบบนี้ เธอไม่ควรปฏิเสธนะ?”
เจียงเสี่ยวปิงรีบส่ายหัวตอบทันทีว่า
“ไม่ ไม่ประธานฟางเข้าใจผิดแล้ว ยิ่งดิฉันไปด้วยจะมีแต่สร้างภาระให้เขาต่างหาก”
“หยุดพูดได้แล้ว! จะไปกับจ้าวเฉียนหรือขนข้าวของออกไปจากบริษัทนี้ถาวรก็เลือกเอา! ตราบเท่าที่จ้าวเฉียนยอมยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ไม่ว่าใครก็ต้องยอมเขาโดยไม่มีเงื่อนไข! ถ้าแค่นี้ทำไม่ได้ ฉันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องจ่างเธอต่อแล้วเหมือนกัน!”
พอพูดจบฟางนี่ก็หมุนตัวกลับไปยังห้องทำงานพร้อมปิดประตูใส่ดังปัง
เจี่ยงเสี่ยวปิงกับหวังเฉียงต่างมอบหน้าสบตากันไปมาอยู่สักพัก ก่อนท้ายที่สุดพวกเขาก็พยักหน้าให้กันเชิงว่าเห็นด้วย
จ้าวเฉียนลุกขึ้นยืนพร้อมรอยยิ้ม เหลือบไปมองหวังเฉียงที่ยืนอยู่ข้างๆ และกล่าวขึ้นว่า
“ผู้จัดการหวัง ไม่ต้องกังวล ผมจะดูแลเธออย่างดีเลย ไม่ปล่อยให้เธอถูกรังแกแน่นอน”
คล้อยหลังพูดจบ จ้าวเฉียนก็ตรงเข้าไปทักทายเจียงเสี่ยวปิงและเดินออกจากออฟฟิศไปโดยตรง
หวังเฉียงรู้สึกขยะแขยงเกินทานทนราวกับอมแมลงวันเน่าไว้ในปาก แต่เขาในตอนนี้เองก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกันล
เจียงเสี่ยวปิงย่อมทราบว่าแฟนของเธอกำลังกังวลเรื่องอะไร จึงเข้ากระซิบเสียงเบาว่า
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะระวังตัวให้ดี ถ้ามันกล้าคิดเรื่องต่ำช้ากับฉัน ฉันเองก็ไม่ปล่อยมันไปง่ายๆ แน่นอน”
หวังเฉียนทำได้เพียงพยักหน้าและยิ้มตอบออกไป พลางจับจ้องเจียงเสี่ยวปิงที่เดินลับตาออกไป
ทันทีที่เธอออกมา รถของจ้าวเฉียนก็เทียบข้างรออยู่แล้ว เธอขึ้นไปนั่งหน้ารถตามปกติ แต่เนื่องจากรู้สึกแย่จนบอกไม่ถูก จึงรีบเปิดประตูลงไปและขึ้นไปนั่งแถวหลังแทน
รอยยิ้มอันเย็นชาแสยะขึ้นบนมุมปากของจ้าวเฉียน เขาเข้าเกียร์Dและขับตรงไปยังตึก หลู่เจียจุย เซ็นเตอร์
ระหว่างทางทั้งคู่ต่างปิดปากเงียบ บรรยากาศในรถดูกดดันอย่างบอกไม่ถูก และเป็นเจียงเสี่ยวปิงที่ไม่สามารถทนต่อความเงียบนี้ได้ เธอเอ่ยถามขึ้นว่า
“จ้าวเฉียน นี่มันหมายความว่ายังไง? ทำไมต้องให้ฉันออกมาด้วย?”
จ้าวเฉียนกล่าวตอบพร้อมท่าทีแสนผ่อนคลายว่า
“เอ๋า ไม่คิดว่าน่าสนุกเหรอ? เห็นเธออารมณ์เสียแบบนี้ ฉันก็เลยจงใจลากออกมาด้วย เมื่อไปถึงบริษัทของคู่ค้า เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากรถ ต้องนั่งรอฉันจนกว่าจะกลับมา ส่วนฉันจะขึ้นไปคุยกับอีกฝ่ายเองคนเดียว และถ้าเธอไม่เชื่อฟังทำตามที่สั่ง ฉันจะไปรายงานกับประธานฟางว่า เธอก่อปัญหาในระหว่างเจรจา ถึงตอนนั้นฉันขอดูหน่อยสิว่า เธอจะโดนอะไรบ้าง?”
เจียงเสี่ยวปิทั้งรู้สึกผิดหวังและโกรธจนทำอะไรไม่ถูก เธอคิดว่าจ้าวเฉียนหวังใช้โอกาสนี้ เพื่อสร้างสถานการณ์ให้เขาอยู่กับเธอสองต่อสอง คงต้องการง้อเธอกลับมาคืนดี แต่ใครจะไปคิดว่า เขาตั้งใจพาเธอมาทรมาน!
เธอเอ่ยปากด่าสวนไปทันทีว่า
“จ้าวเฉียน ไอ้ชั่ว!”