ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 48 สงบจิตสงบใจ

ตอนที่48 สงบจิตสงบใจ
จ้าวเฉียนไม่มีแม้แต่ลังเล หวดค้อนทุบหัวเข่าอีกข้างจนชายคนนั้นกรีดร้องเสียงหลง ความเจ็บปวดเกินพรรณนาซาบซ่านไปทั่วบริเวณส่วนล่าง อีกหลายคนที่ถูกมัดอยู่เคียงข้าง บางคนตัวสั่นจนนอนล้มลงกับพื้น บ้างก็ฉีดราด กระแสไออุ่นเปียกรดเป็นวงตรงหว่างขา
“ผมพูดแล้ว ผมพูดแล้ว! ทั้งหมดเป็นเพราะหยางหมิง หยางหมิงเป็นคนบงการ! ปล่อยพวกผมไปเถอะ!”
“ใช่ ใช่ หยางหมิงเลย เจ้าหยางหมิงนั้นแหละ…”
“ได้โปรดปล่อยพวกผมไปเถอะ ระหว่างเราไม่เคยมีเรื่องคับแค้นใจกัน ที่หยางหมิงอยากได้ตัวเธอ ก็เพื่อสร้างรอยด่างผร้อยในชีวิต….”
จ้าวเฉียนพยักหน้าพร้อมเซ็นเช็คจำนวนหนึ่งแสน แล้วโยนให้ชายที่ถูกเขาตีเข่าแตกจนพิการ
“เอานี่ หนึ่งแสนหยวน ไปโรงพยาบาลซะ”
“หนึ่ง…หนึ่งแสน…ทุบตีผมขนาดนี้ แค่หนึ่งแสนจะไปรักษาอะไรได้?”
จ้าวเฉียนเปล่งเสียงหัวเราะเล็กน้อย พร้อมใช้ส้นเท้าขยี้กระดูกเข่าที่แตกร้าวของอีกฝ่ายจนร้องครวญครางอีกระลอกใหญ่ พลางเอ่ยตอบขึ้นว่า
“ก็แกเป็นคนของหยางหมิงไม่ใช่รึไง? ขาดเหลือเท่าไหร่ก็ไปขอมันสิ”
พูดจบหยางหมิงก็หมุนตัวกลับไปบอกหยางหู่และคนอื่นๆ ว่ารีบหนีไปได้แล้ว
หยางหู่เอ่ยถามอย่างงุนงงว่า
“ปล่อยพวกมันไปแบบนี้เหรอครับ?”
จ้าวเฉียนพยักหน้าและจากออกไปโดยเร็ว
หยางหู่ไม่พูดไม่จาใดๆ อีก และรีบติดตามจ้าวเฉียนออกไปพร้อมกับบรรดาพวกพ้อง
หลังออกจากที่เกิดเหตุไป จ้าวเฉียนก็ขอให้หยางหู่พาทุกคนกลับไปพักผ่อนที่บ้าน ส่วนเขาจะไปที่เกิดเหตุตอนแรกเองเพื่ออ้างสิทธิ์เจ้าของรถที่เป็นคู่กรณี ทางด้านหยางหู่ก็เอ่ยถามด้วยความกังวลว่า งานนี้ให้เขาคุยกับท่านประธานให้ไหม? ทว่าจ้าวเฉียนกลับส่ายหัวและปฏิเสธไป ไม่จำเป็นต้องให้พ่อของเขาเดือดร้อนโดยใช่เหตุ
ในไม่ช้า จ้าวเฉียนก็มาถึงที่เกิดเหตุและเดินไปหาพวกตำรวจที่กำลังทำคดี เขาบอกทางนั้นไปว่ารถจากัวร์คันนี้เป็นรถของเขา ตำรวจที่ได้ยินดังนั้นจึงเข้ากุมตัวเขาเพื่อนำไปสอบปากคำต่อไป
จ้าวเฉียนอธิบายทุกอย่างโดยไม่มีปกปิดข้อเท็จจริงใดๆ ให้ตำรวจฟัง และเมื่อทางตำรวจได้ยินว่า คดีนี้หยางหมิงมีส่วนเกี่ยวข้อง พวกเขาก็รีบค้นประวัติของจ้าวเฉียนโดยละเอียด และเข้าใจทุกอย่างในทันใด รวมไปถึงสิ่งที่ควรจัดการหลังจากนี้
คนหนึ่งเป็นลูกทายาทเศรษฐีประจำเมืองนี้ ส่วนอีกคนเป็นทายาทมหาเศรษฐีแห่งเมืองหลวงหยางจิ้น เทียบกันชัดๆ แบบนี้ยังต้องให้จัดการแบบไหนอีก? ตำรวจรีบสรุปสำนวนคดีและตัดสินว่า เป็นเพียงอุบัติเหตุทางจารจรธรรมดา
หลังจากจ้าวเฉียนกลับมาถึงคฤหาสน์ เขาก็โทรหาหยางหมิง
“ว่าไงพ่อหนุ่ม? เป็นถึงทายาทเศรษฐีไม่ใช่รึไง? เวลาจะทำอะไรควรตรงไปตรงมา ไม่ใช่หยิบใช้วิธีน่ารังเกียจแบบนี้ เฮ้ออ…เสียชื่อทายาทแห่งบริษัทเฟยอวี่แย่ จริงไหม?”
หยางหมิงโกนธจัด ปริปากสบถด่าปลายสายทันทีไม่หยุดหย่อนว่า
“มึง!! มึงรู้ใช่ไหมว่าพวกมันคือคนของกู! รอจนกว่าบริษัทมึงจะล้มละลายก่อนเถอะ ถึงตอนนี้กูไม่ให้มึงตายดีแน่!”
“โอเคเลย…ฉันกำลังรอให้นายมาจัดการอยู่พอดี แต่อยากเตือนอะไรสักหน่อยน่ะ แม้เงินในมือฉันจะไม่ได้มีมากมาย แต่มันก็เพียงพอสำหรับซื้อใจหยางหู่และพวกของเขา ถ้าจะลงมือก็ควรลงมืออย่างมีศักดิ์ศรี ถ้ายังกล้าใช้วิธีสกปรกแบบนี้อีก ระวังฉันจะเอาคืนนายกลับเป็นร้อยพันเท่า! นอกจากนี้…อย่ามายุ่งกับอู๋ซินอีก ไม่อย่างนั้น หากมันสายเกินไปแล้ว ต่อให้นายคุกเข่าขอขมา ฉันก็ไม่เอาไว้แน่ จะเลือกทางไหนคงต้องเสี่ยงหน่อยนะ”
หยางหมิงระเบิดหัวเราะเยาะใส่และถามจ้าวเฉียนไปว่า แกไปมั่นใจมาจากไหนถึงกล้าพูดจากับเขาแบบนี้ ทว่าจ้าวเฉียนก็ไม่ได้สนใจอะไรและกดวางสายไปทันที

แทบจะไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน จ้าวเฉียนรีบอาบน้ำและอยากจะเข้านอนเต็มแก่ แต่ทันใดนั้นเองอู๋ซินก็โทรเข้ามา
“นี่จ้าวเฉียน ทำไมนายไม่โทรมาหาฉันเลย? บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น ตำรวจเขาทำอะไรนายไหม? แล้วรู้ตัวคนอยู่เบื้องหลังรึยัง?”
“ฉันสบายดี ส่วนคนพวกนั้นถูกหยางหมิงส่งมา พาเรื่องแดงมันก็กลัวว่าคดีนี้อาจกระทบกับภาพลักษณ์เลย ใช้เส้นสายในกรมตำรวจทำให้เรื่องนี้เงียบลงแล้ว”
“เจ้าหมอนั่นอีกแล้ว! ฉันโกรธมาก โกรธมากจริงๆ!! จ้าวเฉียนบอกฉันมาเดี๋ยวนี้ว่า ค่าจ้างคุณหยางหู่ไปฆ่าหยางหมิง เขาคิดค่าเหนื่อยเท่าไหร่? ฉันไม่อยากถูกมันกลั่นแกล้งแบบนี้อีกแล้วในอนาคต ฉันต้องทำให้เรื่องทุกอย่างจบลงตั้งแต่ตอนนี้!”
จ้าวเฉียนที่ได้ยินแบบนั้น พลันตื่นตระหนกอย่างมากและรีบตอบกลับโดยไวว่า
“นี่เธอเป็นผู้หญิงนะ ไม่ควรคิดเรื่องแบบนี้เลย! ปล่อยให้ฉันจัดการเองดีกว่า ส่วนเธอไม่ต้องกังวลไปหรอก สิ่งที่เธอต้องทำคือการรักษาภาพลักษณ์ตัวเอง ในฐานะซุปเปอร์สตาร์ดัง เธอไม่สามารถทำเรื่องอะไรแบบนี้ได้ ในอนาคตถ้ามีมือดีขุดเรื่องพวกนี้ขึ้นมาจะทำยังไง? ฉันขอสัญญาเลย ฉันจะทำให้หยางหมิงต้องคุกเข่าลงต่อหน้าเธอ และขอโทษทุกสิ่งที่มันทำลงไป!”
อู๋ซินกังวลอย่างมากว่า จ้าวเฉียนอาจทำสิ่งอันตรายต่อจากนี้ จึงรีบกล่าวดักทันทีว่า
“ฉันไม่คิดแบบนั้นแล้วก็ได้! แต่ทางที่ดี…นายลืมๆ มันไปดีกว่า ตราบใดที่หมอนั่นไม่สร้างปัญหาให้อีกในอนาคต ฉันก็โอเค”
หากเป็นจ้าวเฉียนเมื่อห้าปีก่อน เขาคงสั่งให้หยางหู่ไปจับต้องหยางหมิงมาให้เขาทรมานเล่นแล้ว แต่ตอนนี้เขาต้องการแก้แค้นด้วยวิถีของเขา ไม่ใช่การใช้อำนาจแบบเด็กๆ และที่สำคัญกว่านั้นคือ จ้าวเฉียนต้องการโค่นล้มตระกูลหยาง มันต้องบรรลัยกันทั้งครอบครัว และสูญเสียทุกอย่างที่มีในตอนนี้ นี่ก็เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ก็ควรมีวิธีในแบบที่ผู้ใหญ่พึงมี
หลังจากวางสายไป จ้าวเฉียนก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที แต่ขณะที่เขากำลังหลับไป จู่ๆ จ้าวฝูก็โทรเข้ามาหา
“ไอ้เด็กเวรนั่นสร้างปัญหาให้แกอีกแล้วเหรอ?”
จ้าวเฉียนอุทานขึ้นทันทีด้วยความตกใจว่า
“พ่อรู้เรื่องนี้ได้ไง? ผมแค่ช่วยเหลือเพื่อนของผมเท่านั้นแหละ ปล่อยให้ผมจัดการเถอะ เข้าใจไหมพ่อ?”
“เอ็งเป็นลูกชายคนเดียวของฉัน เอ็งจะไปผสมพันธุ์กับใครพ่อไม่สน แต่จะปล่อยให้พ่อไปเยี่ยมเอ็งอีกที่ในโรงบาลเลยรึไง ไอ้เด็กเวรนั้นก็หาเรื่องแกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ครั้งนี้พ่อไม่เอามันไว้แน่!”
“พ่อ อย่ามาขวางทางผม เรื่องนี้ผมจะจัดการทุกอย่างเองได้ นี่ถือเป็นบทพิสูจน์ที่ต้องผ่านไปให้ได้เช่นกัน ผมพยายามแทบตายเพื่อหาเงินสองแสนหยวนภายในห้าปี แล้วถ้าพ่อออกโรงมาจัดการเองตอนนี้ ความพยายามทั้งหมดของพ่อที่ต้องการดัดนิสัยผมจะไม่สูญเปล่าเอารึไง?”
จ้าวฝูถึงกับพูดไม่ออก เพราะจ้าวเฉียนเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของเขา ดังนั้นเขาจึงกำชับทุกคนที่อยู่รอบกายลูก ให้ดูแลอย่างสุดความสามารถ ทั้งยังสั่งให้คนเบื้องล่างเขาทำตามสิ่งที่ลูกชายต้องการ อย่าให้เขาทุกอย่างด้วยตัวเองไปซะหมด
จ้าวเฉียนเข้าใจดีว่า พ่อของเขาเป็นห่วงเป็นใยมากขนาดไหน พอรู้ตัวว่าพูดจาแรงไปหน่อย จึงรีบกล่าวปลอบโยนทันทีว่า
“พ่อ ผมรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร หลังจากจัดการเจ้าหมอนี่ได้แล้ว ผมจะกลับไปหาพ่อที่หยานจิ้ง”
“แม่แกคิดถึงแกมาก เธอยังบอกอีกว่าจะไปตะวันออกเพื่อหาเยี่ยมแกสักครั้ง ช่วงนี้ฉันงานยุ่งทุกวันจนไม่มีเวลาพักหายใจด้วยซ้ำ เลยไม่ได้ไปหาแกกับเธอด้วย ฝากดูแลแม่ด้วยล่ะ”
“ได้เลยครับ ผมจะรอ ยังไงก็ขอตัวไปนอนก่อนนะพ่อ อยู่ในสถานนีตำรวจมาทั้งคืน นี่ยังไม่ได้นอนสักงีบเลยเนี่ย”
จ้าวฝูตอบลูกชายกลับไปว่า ดูแลตัวเองดีๆ ด้วยก่อนจะกดวางสายไป อย่างไรก็ตามแต่ เขายังคงไม่ค่อยสบายใจนักกับเจ้าลูกชายตัวแสบคนนี้ คิดได้ดังนั้นจึงโทรหาหวังฉี เลขาของเขาทันที
“ท่านประธาน มีอะไรรึเปล่าครับ?”
“หวังฉี ติดต่อไปหาบริษัทของเราที่เมืองตงไห่ให้หน่อย ฉันอยากจะรู้ว่า เจ้าลูกชายตัวแสบมันไปทำอะไรมาบ้างช่วงนี้ ขอข้อมูลทั้งหมดก่อนเวลาอาหารเที่ยง”
“เข้าใจแล้วครับ ผมจะรีบจัดการทันที”
หวังฉีรีบต่อสายตรงติดต่อหาผู้รับผิดชอบบริษัทในเครือสาขาเมืองตงไห่ทันที เพื่อขอให้พวกเขาตรวจสอบทุกอย่างเกี่ยวกับที่จ้าวเฉียนกำลังทำอยู่ในขณะนี้
สิ่งที่ทุกคนควรทราบ ถึงจะเป็นระดับCEOหรือกรรมการบอร์ดบริหาร แต่ทุกคนก็ยังทำงานอยู่ในบริษัทในเครือของจ้าวฝูสาขาเมืองตงไห่ ดังนั้นแล้วพวกเขาก็ไม่ต่างอะไรจากลูกน้องคนหนึ่งเลย โดยธรรมชาติ ทันทีที่ได้รับคำสั่ง พวกเขาก็รีบดำเนินการในทันทีตลอดคืนนั้น
ไม่นานเกินรอ หนึ่งชั่วโมงต่อมา ข้อมูลทั้งหมดก็ถูกส่งต่อมาถึงมือหวังฉี เขารีบจัดเรียงข้อมูลตามลำดับเวลาและสถานการณ์อย่างเป็นระเบียบ ก่อนปริ้นออกมาเป็นเอกสาร พร้อมส่งมอบให้จ้าวฝูเสร็จสรรพ
หลังจากได้อ่านเนื้อความทั้งหมดบนเอกสารเหล่านั้น จ้าวฝูก็คลี่ยิ้มกว้างด้วยความพึงพอใจ
“ดูเหมือนว่า ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา เขาจะเติบโตขึ้นมากจริงๆ รู้จักวางแผน ใช้สมองในการจัดการแก้ไขสิ่งต่างๆ เขาไม่ใช่จ้าวเฉียนเด็กเอาแต่ใจคนนั้นอีกต่อไปแล้ว”
หวังฉีที่อยู่ข้างๆ กล่าวเสริมพร้อมรอยยิ้มว่า
“ท่านประธาน อันที่จริงคุณไม่จำเป็นต้องกังวลขนาดนั้นเลย ไม่นานมานี้ ผมเพิ่งเดินทางไปพบคุณชายจ้าวเองครับ ผู้รู้สึกได้เลยว่า ทุกการกระทำของเขามีแบบแผนและคล้ายกับคุณมาก ตราบใดที่ท่านประธานยังมีทายาทผู้มากความสามารถขนาดนี้ไว้สืบทอด ต่อไปก็ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วครับ ผมดีใจแทนท่านประธานจริงๆ”
จ้าวฝูระเบิดหัวเราะอย่างมีความสุข ถ้าจ้าวเฉียนเก่งถึงขนาดนี้แล้ว เขาไม่จำเป็นต้องกังวลแล้วว่า อนาคตต่อไปอาณาจักรแห่งธุรกิจของตระกูลจ้าวจะเป็นยังไง ขอเพียงอยู่ในมือจ้าวเฉียน บริษัททั้งหมดในเครือก็ยังสามารถเติบโตได้อย่างไม่มีสิ้นสุด
หลังจากที่เรื่องนี้กลายมาเป็นประเด็นใหญ่โต ตำรวจก็ติดต่อมาหาหยางเฉิงและเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง ซึ่งเขาเองก็โมโหอย่างมากจนไม่อนุญาตให้หยางหมิงกลับมาเด็ดขาด มิฉะนั้นทางครอบครัวจะลงดาบและจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง
ช่วงเวลาดังกล่าวเขาต้องหาที่อยู่อื่นชั่วคราวตามลำพัง และไม่อนุญาตให้ไปก่อปัญหาที่ไหนอีก มิฉะนั้นหยางเฉิงไม่เอาเขาไว้แน่
หยางหมิงเองก็เป็นคนฉลาด เขารู้ว่าเรื่องนี้ใหญ่โตเกินกว่าจะจัดการด้วยตัวเองได้ จึงพยักหน้ายินยอมรับโทษอย่างว่าง่าย แต่กระนั้นเอง ความเกลียดชังของเขาที่มีต่อจ้าวเฉียน นับวันก็ยิ่งฝังลึกมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เขาอาจจะฆ่าจ้าวเฉียนให้ตายด้วยซ้ำ

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

เนื้อเรื่องย่อ จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริง อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฝู บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอด บังเอิญไปเฉี่ยวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตำรวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีที่ไหนไทม่ทราบแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมถูกอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อฉกเถียงยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงขงอตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อำนาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ไล่ไสส่งออกจากตระกูลจ้าว และให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจำนวน 200,000หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้งได้ ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจำต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนควบตามที่กำหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา! “ประธานฟาง ฉันยินดีร่วมหุ้นกับบริษัทของคุณเป็นจำนวนเงิน3ล้านหยวน โดยมีเงื่อนไขว่า คุณไม่ได้รับอนญาตให้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของผม ไม่อย่างนั้นผมจะถอนทุนทั้งหมดออกทันที” “เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว” “ฮิฮิ….ตราบใดที่เข้าใจแล้ว ก็ทำให้ได้ แล้วคุณรู้ไหมว่า ผู้จัดการหวัง เจ้านั้นมันต้องการขับไล่ผมออกจากบริษัท คิดว่าผมควรทำยังไงดี?” “ง่ายมากค่ะ! ฉันจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้!” “ไม่ ไม่… ผมยังเล่นกับเขาไม่จุใจเลย จะไล่ออกไปง่ายๆได้ยังไง?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset