ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 50 โปรเจคนี้เป็นของฉัน

ตอนที่50 โปรเจคนี้เป็นของฉัน
จ้าวเฉียนแนะนำหยวนมี่ให้เฉิยเจียได้รู้จัก จากนั้นก็เข้าประเด็นในทันที
“บทนางเอกของเรื่องนี้ยังว่างอยู่ ในเมื่อผู้กำกับเฉินเองก็ไม่สามารถหาดาราที่แคสได้เหมาะสมพอ ดังนั้นผมกับหยวนมี่จึงลงความเห็นแล้วว่า จะให้อู๋ซินรับบทนางเอก ผู้กำกับเฉินคิดว่ายังไงครับ?”
หยวนมี่พยักหน้าและช่วยกล่าวแนะนำให้เฉินเจี่ยอีกแรง
เฉินเจี่ยรู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายต้องการให้เน็ตไอดอลที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้รับบทนางเอก อย่างไรก็ตามเขาที่เป็นถึงผู้กำกับมากชื่อเสียงในแวดวงนี้ นางเอกแต่ละคนที่เขาคัดเข้ามา ล้วนแต่เป็นดารายอดนิยมคว้ารางวัลมาแล้วมากมาย ตั้งแต่เมื่อใดกันที่จะให้เน็ตไอดอลที่เพิ่งแจ้งเกิดขึ้นกลายมาเป็นนางเอก?
“คุณจ้าวค่ะ ดิฉันไม่ได้จงใจคัดค้านหรือเห็นต่างในเรื่องนี้ แต่คุณเองก็ลงทุนกับหนังเรื่องนี้เป็นจำนวนมหาศาล แต่กลับต้องการเน็ตไอดอลที่เพิ่งเป็นกระแสมารับบทนางเอก ซึ่งเป็นบทบาทสำคัญของเรื่อง อีกทั้งเธอยังไม่มีประสบการณ์การแสดงมาเลย นี่ดูจะไม่ให้เกียรติต่อหนังฟอร์มยักษ์เกินไปหน่อยรึเปล่าค่ะ? ถ้าหาตัวไม่ได้จริงๆ ดิฉันก็สามารถหยิบดาราหญิงมากฝีมือมาแสดงได้ อย่างน้อยที่สุดก็รับประกันได้ว่า คุณภาพหนังต้องออกมาได้มาตรฐาน สามารถรับประกันเรตติ้งพื้นฐานได้ และไม่มีทางตกกระป๋องแน่นอน”
จ้าวเฉียนพยักหน้าและตอบว่า
“ผมเชื่อในวิสัยทัศน์ความเป็นมืออาชีพของผู้กำกับเฉิน แต่ผมสร้างโปรเจคนี้ขึ้นมาก็เพื่อปั้นอู๋ซินให้แจ้งเกิด ผู้กำกับเฉินพอจะเข้าใจความหมายที่ผมพูดใช่ไหม?”
เฉินเจี่ยพยักหน้าตอบแสดงถึงความเข้าใจในทันใด นี่ไม่ใช่เรื่องผิดปกติเลย ดาราหญิงที่โด่งดังในปัจจุบันล้วนมีเจ้าพ่อคอยผลักดันอยู่เบื้องหลัง นี่เป็นเรื่องปกติในวงการบันเทิง ซึ่งเฉินเจี่ยเองก็ไม่ได้แปลกใจ
จ้าวเฉียนพยักหน้าและกล่าวต่อว่า
“ก็ดีครับที่ผู้กำกับเฉินเข้าใจ ผมหวังว่าผู้กำกับเฉินจะกำกับหนังเรื่องนี้อย่างสุดความสามารถนะครับ ผมจะรอดู”
เฉินเจี่ยรีบยิ้มตอบว่า
“นี่เป็นงานที่ดิฉันได้รับมอบหมาย คุณจ้าวไม่จำเป็นต้องกล่าวสุภาพแบบนี้ ดิฉันได้รับค่าจ้าง ดังนั้นก็ต้องสรรสร้างผลงานที่ซึ่งน่าพึงพอใจต่อนายจ้าง”
จ้าวเฉียนค่อนข้างชื่นชอบทัศนคติการทำงานของเฉินเจี่ยเป็นอย่างมาก เขาไม่จำเป็นต้องพูดเยอะ แค่อัดฉีดเม็ดเงินให้เพียงพอเท่านั้น และรออีกฝ่ายสรรสร้างสิ่งต่างๆ จนเสร็จสมบูรณ์ จากนั้นจ้าวเฉียนก็สารภาพกับหยวนมี่และเฉินเจี่ยไปตรงๆ ว่า หลังจากนี้ต้องวานให้เป็นหน้าที่ของทั้งสองแล้ว เนื่องด้วยตันตนของเขาจึงไม่สามารถออกสนามจัดการอะไรเองได้ หากมีปัญหาอะไรในอนาคต ขอให้ทั้งสองปรึกษากันเองได้เลย
ทั้งสองพยักหน้าตอบ จากนั้นพวกเขาก็สั่งอาหารมารับประทานกัน
คล้อยหลังมื้ออาหาร หยวนมี่ก็พาเฉินเจี่ยไปหาอู๋ซินต่อ
“อู๋ซิน ฉันจะแนะนำให้รู้จัก เธอคนนี้คือเฉินเจี่ย ผู้กำกับชื่อดังระดับประเทศ ตอนนี้เธอกำลังจะมากับกำหนังเรื่องหนึ่งของบริษัทเรา โดยที่ทางเราตัดสินใจแล้วว่าจะให้เธอรับบทนางเอก ฉันจึงพาผู้กำกับเฉินมาพบเธอก่อน”
เมื่ออู๋ซินได้ยินว่าเธอกำลังจะได้เป็นนางเอก เธอก็ตื่นอกตื่นเต้นจนทำตัวไม่ถูก
เฉินเจี่ยครี่ยิ้มกว้างและบอกให้เธอทำตัวสบายๆ ตามปกติ
เธอถือเป็นผู้มาใหม่ของที่นี่ และสิ่งต้องห้ามคือการสร้างความกดดันต่อตัวนักแสดงที่มากเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบถึงความตึงเครียด และผลงานการแสดงอาจจะออกมาไม่ดีได้
อู๋ซินรีบตอบกลับไปว่า
“ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำชี้แนะค่ะ คือคุณผู้กำกับค่ะ…ฉันไม่มีพื้นฐานด้านการแสดงมาก่อนเลย กลัวว่าจะแสดงออกมาได้ไม่ดี…”
เฉินเจี่ยพยักหน้า เธอครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนพูดขึ้นว่า
“ทำไมไม่ให้ฉันจัดการให้ล่ะ? มีครูจากโรงเรียนการแสดงหลายคนเลยที่รู้จัก เดี๋ยวฉันจะทาบทามหาเวลามาสอนการแสดงเธอเอง หลังจากนี้แบ่งเวลามาเรียนทุกวัน น่าจะทันก่อนเริ่มกองถ่ายแน่นอน”
อู๋ซินพยักหน้าตอบด้วยความสุขใจยิ่ง และกล่าวขอบคุณเฉินเจี่ยสำหรับความช่วยเหลือนี้
หยวนมี่ให้สัญญาทันทีว่า บริษัทจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดระหว่างการสอนเอง อู๋ซินตั้งใจศึกษาเรียนรู้ให้เต็มที่เป็นพอ ไม่ต้องมานั่งกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด
ตารางงานประจำวันของอู๋ซินในตอนนี้แน่นเอี๊ยด แต่เธอก็มีความสุขอย่างมากกับสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพราะตราบใดที่เธอข้ามผ่านช่วงเวลาเหล่านี้ไปได้ เส้นทางในอนาคตจะต้องสดใสแน่นอน
ครึ่งเดือนผ่านพ้นไป งานประมูลโปรเจคเกมใหม่ของบริษัทซิงหยวนกำลังจะเริ่มขึ้นในอีกสองวัน ทางบริษัทกำลังเตรียมการขั้นสุดท้าย ทุกคนที่ต้องเข้าร่วมการประมูลต่างจัดแจงเอกสารกันวุ่นวาย มีเพียงจ้าวเฉียนที่นั่งชิวจิบกาแฟไปพลาง
หยางหมิงในตอนนี้ก็ตื่นตัวอย่างมากเช่นกัน เพื่อรับประกันว่าโปรเจคเกมนี้จะต้องตกเป็นของเขา เขาจึงเดินทางไปมอบของขวัญแก่เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในการประมูลครั้งนี้ถึงบริษัทซิงหยวนเป็นการส่วนตัว
จ้าวเฉียนคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าเสร็จสรรพแล้วว่า หยางหมิงจะต้องเคลื่อนไหวแนวนี้แน่นอน เขาจึงโทรไปคุยกับกัวหมิงต้าให้ทราบไว้ก่อน ตราบใดที่อีกฝ่ายกล้ายื่นของขวัญมาให้ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็รับมันมาให้หมด
หยางหมิงรู้สึกสุขใจอย่างที่สุด ตราบใดที่อีกฝ่ายยอมรับของขวัญ แสดงว่าต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อเป็นการตอบแทนให้แน่นอน มั่นใจได้เลยว่าโปรเจคชิ้นนี้ต้องเป็นของเขา และท้ายที่สุดนี้ เงินก็สามารถซื้อได้ทุกอย่างจริงๆ
หยางหมิงระงับความตื่นเต้นไว้แทบไม่อยู่ เขาจึงโทรไปหาจ้าวเฉียนเพื่อเยาะเย้ยทันที
“ว่าไงไอ้ยาจก ฉันได้ยินมาว่า บริษัทของแกเองก็เข้าร่วมประมูลเช่นกัน?”
จ้าวเฉียนกล่าวตอบเสียงเรียบว่า
“ทางเราลงมืออย่างเป็นมืออาชีพ ทำไมต้องเสียเวลาไปประมูล? นายน้อยหยางสนใจอุตสาหกรรมพัฒนาเกมด้วย?”
“ฮ่าฮ่า….แน่นอน พอความกดดันในสังคมมากขึ้น พวกเขาก็อยากหาอะไรมาจรรโลงจิตใจ ผู้คนเกมในแต่ละปีเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ฉันจึงมาลงทุนในตลาดอุตสาหกรรมนี้ดูบ้าง คราวนี้คู่แข่งของแกคือฉัน แต่น่าเสียดายนะ…บริษัทกระจ๋อยอย่างพวกนายไม่มีทางได้โปรเจคนี้ไปอยู่แล้ว ครั้งนี้ฉันชนะ!”
จ้าวเฉียนจงใจกระตุ้นให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเหนือกว่า แสร้งตามน้ำกล่าวขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อขึ้นว่า
“มันจะเป็นไปได้ยังไง? ผลยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ นายอย่ามาขู่ฉันเลยดีกว่า”
หยางหมิงเอ่ยตอบอย่างมั่นอกมั่นใจว่า
“มันเป็นไปแล้วไอ้โง่! ฉันเคยพูดไปแล้ว อะไรที่ฉันอยากได้ฉันก็ต้องได้! ไม่เชื่อแกก็แหกตารอดูได้เลย! ฮ่าฮ่า…”
“ได้! เจอกันที่งานประมูลในอีกสองวัน! ฉันขอดูหน่อยว่า บริษัทของนายจะชนะการประมูลจริงๆ ไหม!”
หลังพูดจบจ้าวเฉียนก็วางสายไป
หยางหมิงมันก็แค่นกโง่ตัวหนึ่งที่ไร้เดียงสา หลงระเริงและมั่นใจในตัวเองเกินไป คิดว่าการมอบของขวัญเพื่อติดสินบนแค่นี้ จะช่วยเปลี่ยนทุกอย่างได้จริงๆ?
สองวันถัดมา งานประมูลโปรเจคเกมของบริษัทซิงหยวน ถูกจัดขึ้นในหอประชุมใหญ่แห่งหนึ่งในเมือง
จ้าวเฉียนนำเจียงเสี่ยวปิงมายังงานประมูลแห่งนี้ด้วย ท้ายที่สุดนี้งานที่ต้องพบปะผู้คนมากหน้าหลายตา ก็ต้องหาคนคุยเก่งเปลี่ยนสีไวติดตัวมาด้วยสักคน ดังนั้นเขาจึงพาเจียงเสี่ยวปิงมาด้วย
ขณะที่หวังเฉียงกำลังถูพื้นออฟฟิศอยู่ ก็แอบกรนด่าสาปแช่งจ้าวเฉียนไปในตัว ด้วยวิธีแบบนี้ จ้าวเฉียนจะมีโอกาสอยู่กับเธอแบบสองต่อสองไม่มีสิ้นสุด จะเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างนั้นก็ไม่รู้? ทว่าเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น เพราะคำสั่งทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของจ้าวเฉียน
จ้าวเฉียนพาเจียงเสี่ยวปิงมาในหอประชุใมหญ่และได้พบกับหยางหมิง
เมื่อหยางหมิงเห็นเจียวเสี่ยวปิง ดวงตาของเขาก็สว่างวาบขึ้นมาทันที ซึ่งเจียงเสี่ยวปิงเองก็รู้สึกกำหนัดมาเต็มทนแล้วเช่นกัน เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็มที่ทั้งสองพยายามหาโอกาสออกมานัดเจอกันแบบสองต่อสอง และในท้ายที่สุด เวลานี้ก็มาถึงแล้ว
“โอ้ นั้นผู้จัดการจ้าวเด็กปั้นคนดังของฟางนี่ไม่ใช่เหรอ? ผมขอชื่นชมในความตั้งใจของคุณเลย เป็นหนุ่มไฟแรงที่กล้าชนกับทุกบริษัทจริงๆ จนสร้างผลงานโดดเด่นมาแล้วมากมาย วันนี้ผมเองก็ไม่ยอมแพ้คุณเหมือนกัน ฮ่าฮ่าๆ”
จ้าวเฉียนเมินหยางหมิง และหันไปสนทนากับประธานบริษัทอื่นๆ ที่มาเข้าร่วมการประมูลเช่นกัน เนื่องจากพวกเขาเหล่านี้ล้วนเป็นคนในวงการ ดังนั้นจึงรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของจ้าวเฉียนมาบ้าง โดยเฉพาะกับผลงานที่โดดเด่นมากในระยะนี้ของเขา ทำความรู้จักไว้ในวันนี้ อาจจะได้ร่วมมือกันในวันหน้า ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องเสียหายเลย
หยางหมิงที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกริษยาอย่างยิ่ง จ้าวเฉียนได้รับคำชมไม่หยุดหย่อนจากประธานบริษัทคนอื่นๆ เขาพูดแทรกขึ้นทันอย่างไร้หางเสียงว่า
“พวกคุณพูดอะไรกัน? โปรเจคเกมนี้ต้องเป็นของผมอยู่แล้ว อย่ามาให้เสียเวลาเลยดีกว่า”
พอได้ยินคำพูดแบบนี้ของหยางหมิง ประธานบริษัทคนอื่นๆ ต่างก็ไม่พอใจ และเอ่ยถามสวนกลับไปว่า เขาเป็นใคร ทำไมถึงกล้าพูดจาใหญ่โตขนาดนี้
ในที่สุดหยางหมิงก็ได้โอกาสแนะนำตัวเสียที แต่เขาไม่จำเป็นต้องพูดเอง แค่ยืนเก๊กและปล่อยให้ผู้ช่วยที่อยู่ข้างกายเอ่ยอธิบายให้ว่า
“ท่านคนนี้คือหยางหมิง ประธานบริษัทเกมของเรา แม้ว่าบริษัทจะเพิ่งก่อตั้ง แต่ภูมิหลังกลับไม่สามารถมองข้ามได้เลย พวกคุณทราบหรือไม่ว่า เขาคือนายน้อยหยาง ทายาทบริษัทเฟยอวี่? พวกเรามีทั้งเม็ดเงินและอำนาย การที่บริษัทเล็กๆ อย่างพวกคุณเข้าร่วมการประมูลครั้งนี้พร้อมกับเขา ถือเป็นเรื่องเสียเวลามาก ทีนี้เข้าใจรึยังครับ?”
เมื่อทุกคนได้ยินว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเป็น ทายาทแห่งบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเฟยอวี่กรุ๊ป พวกเขาก็ไม่กล้าปริปากกล่าวอันใดอีก บางคนที่เปลี่ยนสีเร็วหน่อยก็รีบพลิกลิ้น หันมากล่าวเยินยอหยางหมิงในทันใด
“นี่แท้ก็เป็นนายน้อยหยางนี่เอง ขออภัยที่เมื่อครู่ทำตัวไม่สุภาพออกไป โปรดยกโทษให้ด้วยครับ กระผม อู๋ต้าเว่ย มาจากบริษัทเกมเป่ยหยุนครับ”
“ผมชื่อหลี่หยาง เป็นผู้จัดการของบริษัท เม็กทรอน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ ในอนาคต หากบริษัทของนายน้อยหยางต้องการให้พวกเราพัฒนาเกมอะไรขึ้นมา ทางเราจะมอบข้อเสนอที่ดีที่สุดให้อย่างแน่นอนครับ!”
……
ทุกคนต่างเอ่ยปากประจบประแจหยางหมิง ส่วนเขาก็ระเบิดหัวอย่างสุขอกสุขใจ
“ฉันถือเป็นหน้าใหม่ในวงการนี้ ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วย หากมีอะไรฉันจะรีบติดต่อไปหาพวกนายแน่นอน แต่ครั้งนี้อย่าว่ากันนะ โปรเจคเกมใหม่ของบริษัทซิงหยวนต้องเป็นของฉัน”
หลังพูดจบหยางหยิงก็แสร้งยิ้มขอโทษทุกคนที่ต้องทำแบบนี้
“ไม่เลย…ผมเข้าใจในส่วนนี้ดี ใครที่แข็งแกร่งกว่าย่อมได้รับชัยชนะไปครอง สัทธรรมทั่วไปใครๆ ก็รู้ครับ”
“ใช่แล้ว! แพ้การประมูลให้กับนายน้อยหยางนับว่าเป็นเกียรติด้วยซ้ำ ทางผมเองก็เข้าใจได้ครับ”
“ฮ่าฮ่า…งั้นเรามาแสดงความยินดีให้กับนายน้อยหยางล่วงหน้ากันเถอะ ขอให้โปรเจคนี้สร้างรายได้ถล่มทลายนะครับ!”
จ้าวเฉียนจ้องมองภาพฉากตรงหน้า พลางอดส่ายหัวไม่ได้ ทั้งหมดก็แค่เสแสร้ง ทุกคนต่างสวมหน้ากากทับเอาไว้ แต่รีบดีใจก่อนที่จะช่วงเวลาดีๆ เช่นนี้จะจบลงเถอะ เพราะ…ผลการประมูลครั้งนี้ได้ถูกล็อกเอาไว้แล้ว

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

เนื้อเรื่องย่อ จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริง อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฝู บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอด บังเอิญไปเฉี่ยวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตำรวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีที่ไหนไทม่ทราบแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมถูกอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อฉกเถียงยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงขงอตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อำนาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ไล่ไสส่งออกจากตระกูลจ้าว และให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจำนวน 200,000หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้งได้ ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจำต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนควบตามที่กำหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา! “ประธานฟาง ฉันยินดีร่วมหุ้นกับบริษัทของคุณเป็นจำนวนเงิน3ล้านหยวน โดยมีเงื่อนไขว่า คุณไม่ได้รับอนญาตให้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของผม ไม่อย่างนั้นผมจะถอนทุนทั้งหมดออกทันที” “เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว” “ฮิฮิ….ตราบใดที่เข้าใจแล้ว ก็ทำให้ได้ แล้วคุณรู้ไหมว่า ผู้จัดการหวัง เจ้านั้นมันต้องการขับไล่ผมออกจากบริษัท คิดว่าผมควรทำยังไงดี?” “ง่ายมากค่ะ! ฉันจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้!” “ไม่ ไม่… ผมยังเล่นกับเขาไม่จุใจเลย จะไล่ออกไปง่ายๆได้ยังไง?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset