ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 75 ฉันคือVIP

ตอนที่75 ฉันคือVIP
ความพิเศษสุดของโรงแรมตงไห่คือ คือห้องดินเนอร์ส่วนตัวระดับไฮเอนด์บนชั้นที่เจ็ด ทั้งยังเป็นชั้นบนสุดที่สามารถชมวิวเมืองได้ถึง180องศา และเป็นห้องที่หรูหราที่สุดแล้ว ชั้นที่เจ็ดเปรียบเสมือนสวรรค์ชั้นเจ็ด หรือก็คือสวรรค์ชั้นสูงที่สุด หากต้องการเข้ามาดินเนอร์ในชั้นดังกล่าว ไม่เพียงแค่ต้องมีเงินเท่านั้น แต่จะต้องมีสถานะทางสังคมที่พิเศษกว่าคนทั่วไป เพื่อเป็นการเอาใจหวานฮันซูและภรรยาของเขาอย่างฟางนี่ จางหยางจึงต้องการจองห้องอาหารส่วนตัวในชั้นที่เจ็ดหรือสูงกว่าท่าที แต่แรกที่ไปถามราคาก็แทบลมจับ เขาจึงเลือกแค่ห้องอาหารในชั้นที่สองซึ่งมีราคาค่าเปิดห้องถึงหลายแสนหยวน แต่ตอนนี้จ้าวเฉียนกลับบอกว่า ตนมาดินเนอร์ที่ชั้นเจ็ด นี่ไม่ถือเป็นการตบหน้าเขาเหรอ?
“ฉันได้ยินนายพูดไม่ผิดใช่ไหม? ชั้นที่เจ็ดงั้นเหรอ?”
จ้าวเฉียนพยักหน้าและตอบว่า
“ใช่ครับ ชั้นที่เจ็ด ผมบอกไปแล้วว่าผมคือแขกVIPของที่นี่ อย่างที่บอกครับ คุณไม่มีปัญญาจองห้องในชั้นที่เจ็ดได้ หรืออยากให้ผมช่วยจองให้? แต่ค่าออเดิร์ฟคุณก็ต้องออกเองนะครับ ว่าไงสนใจไหม?”
ราคาพื้นฐานของอาหารแต่ละมื้อในโรงแรมตงไห่แตกต่างจากที่อื่นๆโดยสิ้นเชิง ซึ่งราคาพื้นฐานที่ว่าคือสั่งได้แค่ออเดิร์ฟหรืออาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้น และแน่นอนว่าค่าเปิดห้องอาหารก็ไม่ได้รวมอยู่ในราคานี้ด้วย ตัวอย่างเช่น ห้องถูกสุดของโรงแรมตงไห่แห่งนี้ราคา180,000หยวน ยังไม่รวมค่าเครื่องดื่มหรืออาหารแม้แต่จานเดียว และคงไม่มีใครเปิดห้องอาหารเพื่อไปนั่งเฉยๆจริงไหม?
แน่นอนว่าแขกระดับVIPค่ากินพื้นฐานต่อหนึ่งมื้อยิ่งสูงเป็นหลายทวีเท่า และไม่ใช่ทุกคนที่มีเงินจะสามารถขึ้นเป็นลูกค้าระดับVIPได้ คุณสมบัติขั้นต่ำคือ มีทรัพย์สินรวมส่วนตัวมูลค่ามากกว่า100ล้านหยวนขึ้นไป และต้องมีสถานะค่อนข้างโดดเด่นทางสังคม
เช่น คนเก็บขยะข้างถนน ต่อให้เขามีทรัพย์สินส่วนตัวเกินร้อยล้าน แต่ก็ไม่มีสิทธิ์เป็นลูกค้าระดับVIPอยู่ดี แต่หากคุณเป็นเจ้าของกิจการในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่อย่าง อัญมณีหรือก๊าชและน้ำมัน ขอเพียงมีเอกสารยืนยันว่าทรัพย์สินในตัวมีมากกว่า100ล้าน คุณก็ได้รับสิทธิ์อัพเกรดเป็นระดับVIP
หากถ้าเงื่อนไขการเข้าร่วมระดับนี้มันง่ายเกินไป แล้วใครจะยอมจ่ายเงินเข้ากัน? แน่นอนว่าระดับชั้นห้องอาหารในที่แห่งนี้คือจุดวัดศักดิ์ศรีของเหล่าเศรษฐีแต่ละคน การเปรียบเทียบอยู่คู่กับทุกวงการ หากใครสามารถเปิดห้องส่วนตัวในชั้นที่เจ็ดของโรงแรมตงไห่ได้ กล่าวได้ว่าชีวิตนี้เที่ยวเล่นไม่หยุดหย่อนก็สบายไปทั้งชาติ
คำถามคือ ทำไมจ้าวเฉียนถึงได้เป็นแขกระดับVIPของที่นี่?
จางหยางระเบิดหัวเราะเยาะลั่นและกล่าวพร้อมท่าทีสบประมาทว่า
“นี่นายคิดว่า ฉันเพิ่งกลับจากอเมริกาแล้วจะหัวอ่อน โง่ให้ถูกหลอกง่ายๆแบบนี้? นายเป็นแค่พนักงานตัวกระจ้อยคนหนึ่ง คิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติอะไรถึงมาเป็นแขกระดับVIPของที่นี่ได้? ไม่รู้จักเจียมตัวเลยรึไง!”
จ้าวเฉียนไม่ได้ปริปากตอบให้เปลืองน้ำลาย เขาหยิบบัตรVIPสีทองคำออกมาพร้อมมีชื่อและภาพถ่ายติดอยู่
 “ต่อให้ผมไม่ต้องใช้บัตรใบนี้ พนักงานในโรงแรมแทบทุกคนรู้จักผมดี โดยเฉพาะกับผู้จัดการของที่นี่ ฉันทั้งกินและปาร์ตี้ที่นี่อยู่เสมอ จนกลายเป็นบ้านหลังที่สองไปแล้ว ฮ่าฮ่า…”
ฟางนี่พยักหน้าตอบและกล่าวเสริมให้กับจางหยางฟังว่า
“เรื่องที่เขาพูดเป็นความจริง ครั้งแรกที่เขาพาทุกคนในบริษัทมาเลี้ยงฉลองที่นี่ก็จ่ายไปกว่าหลายล้าน แม้ว่าเขาจะไม่ได้ร่ำรวยขนาดนั้น แต่เขาก็เต็มใจใช้มันเพื่อสร้างความสนุกสนานให้กับทุกคน ผู้จัดการที่นี่ก็เป็นกันเองอย่างมาก แถมยังใจดีมอบบัตรVIPให้เขาอีกด้วย ว๊าา…ฉันเองก็อยากลองขึ้นไปที่ชั้นเจ็ดบ้างจัง น่าเสียดาย…”
ยิ่งจางหยางได้ยินแบบนี้เขายิ่งหงุดหงิดใจอยู่ไม่เป็นสุขเข้าไปใหญ่ เขาเป็นถึงว่าที่ประธานบริษัทเกมฟางนี่ แต่กลับไม่มีคุณสมบัติที่จะขึ้นเป็นแขกระดับVIP แต่กับอีแค่พนักงานชนชั้นต่ำอย่างจ้าวเฉียนกลับได้รับบัตรVIPจริงๆ! มันจะน่าอับอายขนาดไหนที่เจ้านายมีศักดิ์ต่ำกว่าลูกน้องตัวเอง?
จ้าวเฉียนวางบัตรVIPลงตรงหน้า เขากล่าวกับพนักงานที่นำทางให้ฟางนี่กับคนอื่นๆว่า
“น้องสาว พาพวกเขาไปที่ชั้นนบนสุดของที่นี่ ใช้บัตรใบนี้ไปเปิดห้องให้พวกเขาได้เลย อ่อ…รบกวนอย่าเสียงดังนะครับ พวกเขาจะคุยเรื่องธุรกิจกัน”
พนักงานคนนั้นโค้งคำนับให้อย่างสุภาพและตอบว่า
“เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว ดิฉันจะพวกเขาขึ้นไปเปิดห้องที่ชั้นบนสุดทันที”
ฟางนี่หัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข เธอไม่เคยรับประทานอาหารที่ชั้นบนสุดของโรงแรมตงไห่มาก่อน แต่ตอนนี้เธอสามารถไปเมาท์กับเพื่อนร่วมแก๊งได้แล้วว่า ฉันเคยกินอาหารบนนั้น
แต่จางหยางกับหวานฮันซูดูไม่มีความสุขเลยสักนิด จ้าวเฉียนจงใจทำให้พวกเขาขายหน้าชัดๆ!
“ไม่เอา!”
ทั้งสองแทบจะตะโกนออกมาพร้อมกัน
จากนั้นก็เป็นหวานฮันซูที่เอ่ยขึ้นว่า
“เราจะไปที่ชั้นหก ไม่จำเป็นต้องไปชั้นสูงขนาดนั้น”
จางหยางกล่าวเสริมทันทีว่า
“ใช่แล้ว ฉัน…ฉันกลัวความสูงน่ะ! แค่ชั้นหกก็น่ากลัวแทบแย่แล้ว ฉันไม่กล้าขึ้นไปชั้นสูงสุดหรอก!”
จ้าวเฉียนไม่โง่จ่ายค่าเปิดห้องให้พวกเขาอยู่แล้ว แค่กล่าวทับถมออกไปเพื่อบังคับให้พวกเขาควักเนื้อจ่ายค่าเป็นห้องระดับหรูรองลงมา ซึ่งค่าเปิดห้องอาหารส่วนตัวในชั้นที่หกก็มีราคาสูงเกือบแปดแสนหยวน
จ้าวเฉียนทำให้ทั้งสามต้องเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ หวังว่าเข้าไปแล้วพวกเขาจะกล้าสั่งอาหารกันนะ?
“เอาล่ะ ถ้างั้นฉันไปชั้นเจ็ดก่อนแล้วกัน ชั้นสูงนี่มันสดชื๊นน…สดชื่น!”
ในขณะเดียวกัน ประตูลิฟต์ก็เปิดออก ซึ่งตามกฎของที่นี่ ลูกค้าในชั้นที่เจ็ดย่อมมีอภิสิทธิ์เหนือกว่าทุกอย่าง รวมไปถึงสิทธิ์ได้ใช้ขึ้นลิฟต์ก่อนไม่ว่าจะมาก่อนหรือหลังคนอื่น
พนักงานคนนั้นรีบยืนกั้นประตูลิฟต์เปิดทางให้จ้าวเฉียนและยื่นมือเชิญว่า
“คุณจ้าว คุณผู้หญิง เชิญครับ”
จ้าวเฉียนขยิบตาให้หวงหยิงเมิงเล็กน้อยและผายมือให้เกียรติเธอขึ้นไปก่อน พร้อมด้วยจ้าวเฉียนที่ตามเข้าไป ซึ่งเวลานั้นเองจางหยางก็ต้องการติดตามขึ้นไปด้วย แต่กลับถูกพนักงานคนนั้นหยุดไว้เสียก่อนและอธิบายว่า
“ต้องขออภัยด้วยค่ะ นโยบายของทางเราคือให้เกียรติแขกระดับVIPใช้บริการก่อน แขกที่อยู่ในระดับอื่นไม่สามารถใช้งานร่วมกันได้ค่ะ กรุณายืนรอลิฟต์รอบใหม่ค่ะ”
ใบหน้าของจางหยางและหวานฉันซูตอนนี้ราวกับแตกร้าวเป็นเสี่ยงเล็กเสี่ยงน้อยประดุจกระจกแผ่นบาง เจอพนักงานทักแบบนี้เข้าไป มัน…มันโคตรเสียหน้าเลยไม่ใช่เหรอ?
จ้าวเฉียนยิ้มกล่าวว่า
“เอาน่า พวกเขาก็คนรู้จักของผมเอง ปล่อยให้เข้ามาเถอะ ไปพูดแบบนี้พวกเขาก็เสียหน้าแย่ ฮ่าฮ่า…เข้ามาๆ น้ำหนักแค่นี้สายสลิงไม่ขาดหรอก”
“ถ้าคุณจ้าวพูดแบบนั้น งั้นเชิญค่ะ”
จางหยางและหวานฮันซูยืนกำหมัดแน่น ไอ้เวรจ้าวเฉียนยังคงขยี้ใบหน้าของพวกเขาไม่หยุด
“ไม่ไป!”
คราวนี้ทั้งสองกล่าวตอบกันอย่างพร้อมเพรียง
จ้าวเฉียนแสยะยิ้มบางให้เล็กน้อย ก่อนบอกให้พนักงานที่อยู่ในลิฟต์กดปิดประตูไป
ขณะที่ประตูลิฟต์กำลังปิดลงอย่างช้าๆ ใบหน้าอันสุดแสนบิดเบี้ยวจนน่าเกลียดของจางหยางและหวานฮันซูก็ค่อยๆปิดลง
จ้าวเฉียนทิ้งท้ายด้วยการขยิบตาพราวเสน่ห์อย่างกวนประสาท ก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดสนิท
ในไม่ช้าพนักงานก็พาจ้าวเฉียนและหวงหยิงเมิ่งไปที่ห้องอาหารส่วนตัวในชั้นที่เจ็ด เมื่อทั้งสองสั่งอาหารเสร็จสรรพ พนักงานก็รีบออกไป ปล่อยให้ทั้งสองอยู่กันแบบสองต่อสอง
หวงหยิงเมิ่งรู้สึกงงงวยอย่างยิ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้าทั้งหมด พอได้โอกาสเธอจึงรีบถามทันทีว่า
“คุณจ้าวนี่ซ่อนคมไว้ลึกจริงๆ! ตอนแรกฉันคิดว่าคุณเป็นแค่ผู้ช่วยบริษัททั่วไป ไม่คิดว่าจะร่ำรวยขนาดนี้! ถึงกับได้รับบัตรVIPของโรงแรมระดับประเทศ! ขนาดประธานบริษัทค่ายนิยายของฉันยังไม่มีคุณสมบัตินั้นเลยด้วยซ้ำ!”
จ้าวเฉียนรีบอธิบายตอบไปว่า
“ผมแค่โชคดีเท่านั้นครับ บังเอิญว่าตอนที่บริษัทกำลังจะก่อตั้งขึ้น เงินทุนกลับไม่เพียงพอ ดังนั้นผมจึงระดมทุนช่วยอีกแรง แต่ไม่คิดว่าปัจจุบันบริษัทจะเติบโตขนาดนี้ ผมก็เลยพลอยได้ผลประโยชน์ไปด้วยน่ะครับ ผู้จัดการที่นี่ก็ใจดี ทำบัตรVIPมาให้กับตัวเลย อีกอย่างตัวงานของผมก็เกี่ยวกับการพบปะผู้คนซะส่วนใหญ่ มีของแบบนี้ใช้รับแขกก็ถือเป็นการให้เกียรติอีกฝ่ายเช่นกันครับ อย่างน้อยที่สุดเวลาพามาตกลงเซ็นสัญญา บรรยากาศการเจราที่ดีก็ส่งผลให้โอกาสสำเร็จเพิ่มขึ้นด้วยครับ”
หวงหยิงเมิ่งพยักหน้าและกล่าวว่า
“โอ้ เป็นอย่างนี้นี่เอง ทุกการกระทำของคุณจ้าวล้วนมีเหตุผลเสมอเลยนะค่ะ แต่ได้ผลกำไรมากขนาดนี้ แสดงว่าตอนลงทุนคงลงไปไม่ใช่น้อยเลย คุณเองก็ยังอายุไม่มาก เวลาจะทำอะไรยั้งมือหน่อยก็ดีนะคะ เรื่องการเก็บอ้อมเงินก็สำคัญนะ ยิ่งตอนแต่งงานมีครอบครัว เรื่องการเงินสำคัญมากเลย มูลค่าบ้านในแทบจีนตะวันออกเดี๋ยวนี้แพงมาก ขั้นต่ำก็ประมาณ6-10ล้านแล้ว ดังนั้นต้องรู้จักเก็บออมตั้งแต่วันนี้เลยนะคะ”
จ้าวเฉียนรวนหัวเราะเล็กน้อยและตอบเธอไปว่า
“เงินมีไว้ใช้ครับ ถ้าเก็บไว้ไม่คิดลงทุนหรือทำอะไรเลย มันก็มีค่าไม่ต่างจากเศษกระดาษเลยจริงไหม? เมื่อเงินถูกใช้จ่ายออกไป ตามธรรมชาติมนุษย์จะต้องหากลับคืนให้มากกว่าเดิม สร้างรายได้ที่มั่นคงและเก็บเงินไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งเมื่อคุณรู้สึกว่าเงินเก็บมากพอ คุณจะดิ้นรนหาเงินเหมือนแต่ก่อนอยู่ไหม? ชีวิตที่สูญเสียความหมายของมันไป ก็ไม่ต่างอะไรกับคนไข้ติดเตียงรอวันตายจริงไหม? จงใช้เงินเพื่อค้นหาความหมายของชีวิตครับ”
หวงหยิงเมิ่งตกใจอย่างมากกับมุมมองด้านการเงินอันแสนลึกซึ้งของจ้าวเฉียน อย่างไรเสีย พอมาคิดดูให้ถี่ถ้วนแล้ว เขาก็พูดมีเหตุผลจริงๆ
หากกล่าวให้ถูกคือ คนธรรมดาใช้เงินเพื่อซื้อความสุขชั่วคราว แต่สำหรับจ้าวเฉียนเ ขาใช้เงินเพื่อหาเงินที่มากกว่ากลับมา ธุรกิจคือเกมที่เหล่าผู้เล่นใช้เงินต่อเงินเพื่อแข่งกัน ดังนั้นแล้วทุกคำพูดของชายคนนี้ล้วนมีความหมาย และนี่ไม่ใช่เรื่องไร้สาระแต่อย่างใด
“คุณจ้าวคง…ชอบเลี้ยงดินเนอร์ให้แขกเป็นประจำเลยใช่ไหมค่ะ?”
จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบว่า
“ใช่ครับ แต่มาเพื่อเจรจาและทานอาหารเพียงอย่างเดียว”
หวงหยิงเมิ่งทั้งชื่นชมอและอิจฉาที่จ้าวเฉียนสามารถมาทานอาหารในที่หรูหราแบบนี้เมื่อใดก็ได้ เธอกล่าวว่า
“อ่า…เมื่อไหร่ฉันจะใช้ชีวิตแบบคุณจ้าวได้บ้าง ทั้งดูเก๋ไก๋และสะดวกสบาย ตอนนี้ฉันพอมีเงินแล้วก็จริง ฉันคงซื้อบ้านเล็กๆสักหลังในหยานจิ้ง และใช้ชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย แต่งนิยายต่อไป”
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจของจ้าวเฉียนทันที ทำไมเขาไม่รับหวงหยิงเมิ่งเข้ามาอยู่ภายใต้คำสั่งของเขาโดยตรงเลยล่ะ? และปั้นเธอให้กลายมาเป็นนักเขียนบทภาพยนตร์ของบริษัทเฉียนเก๋อในอนาคต?
“ฉันจะแนะนำคุณให้เป็นผู้เขียนบทให้กับบริษัทเฉียนเต๋อดีไหม? ผมสนิทกับเจ้าของบริษัทแห่งนี้ในระดับหนึ่ง แถมเขาเองยังเคยให้ฉันช่วยหาคนเก่งๆมาทำงาน ถ้าใครมีทักษะฝีมือโดดเด่นเข้าตา ก็ส่งเงื่อนไขที่เขาให้ไว้ได้เลย เงินเดือนรับประกันที่สูงมากพร้อมกับบ้านจัดสรรติดวิวแม่น้ำที่สวยที่สุดในเมืองตงไห่ ถ้าคุณตกลงที่จะเข้าทำงาน คุณจะได้รับทั้งหมดนี้ไปเลยฟรีๆ! ถึงแม้ว่าบ้านดังกล่าวจะไม่หรูหราแบบในหยานจิ้ง แต่สภาพแวดล้อมก็ไม่ได้แย่เลย มีห้องทำงานกระจกที่เปิดรับวิวทิวทัศน์แบบ180องศาแบบที่นี่ บรรยากาศเหล่านี้เอื้อต่อผลงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์แบบคุณ”
หวงหยิงเมิ่งแค่จินตนากรคล้อยตามก็มีความสุขจนล้นหัวใจแล้ว เธอพยักหน้าเห็นด้วยรัวๆ
จ้าวเฉียนระเบิดเสียงหัวเราะท่าทีดูมีความสุขเช่นกัน และกล่าวต่อทันทีว่า
“งั้นกินก่อนเถอะ แล้วฉันจะพาเธอไปเซ็นสัญญาภายหลัง”

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

เนื้อเรื่องย่อ จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริง อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฝู บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอด บังเอิญไปเฉี่ยวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตำรวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีที่ไหนไทม่ทราบแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมถูกอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อฉกเถียงยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงขงอตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อำนาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ไล่ไสส่งออกจากตระกูลจ้าว และให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจำนวน 200,000หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้งได้ ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจำต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนควบตามที่กำหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา! “ประธานฟาง ฉันยินดีร่วมหุ้นกับบริษัทของคุณเป็นจำนวนเงิน3ล้านหยวน โดยมีเงื่อนไขว่า คุณไม่ได้รับอนญาตให้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของผม ไม่อย่างนั้นผมจะถอนทุนทั้งหมดออกทันที” “เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว” “ฮิฮิ….ตราบใดที่เข้าใจแล้ว ก็ทำให้ได้ แล้วคุณรู้ไหมว่า ผู้จัดการหวัง เจ้านั้นมันต้องการขับไล่ผมออกจากบริษัท คิดว่าผมควรทำยังไงดี?” “ง่ายมากค่ะ! ฉันจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้!” “ไม่ ไม่… ผมยังเล่นกับเขาไม่จุใจเลย จะไล่ออกไปง่ายๆได้ยังไง?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset