ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 97 ช่างบังเอิญ

ตอนที่97 ช่างบังเอิญ
เสียงตะโกนของพนักงานดังก้องไปทั่วร้านอย่างรวดเร็ว จนผู้จัดการร้านต้องวิ่งออกมาดูทันที ก่อนจะทราบเรื่องทั้งหมดจากพนักงานว่า จ้าวเฉียนกับหลิวเหม่ยจงใจทำกำไรหยกแตก เพื่อจะได้ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
จ้าวเฉียนหยิบเครดิตการ์ดออกมาใบหนึ่ง พร้อมกวาดมือชี้เครื่องประดับทั้งหมดในตู้นั้นและพูดว่า
“ผมขอซื้อเครื่องประดับทั้งหมดในตู้นี้”
พนักงานขายไม่เชื่อว่าจ้าวเฉียนจะมีเงินถุงเงินถังขนาดนั้น จึงตอบอย่างดูแคลนไปว่า
“ราคารวมของเครื่องประดับในตู้นี้มีมูลค่าไม่ต่ำกว่าสามล้านหยวน แค่สามหมื่นหยวนยังจ่ายไม่ได้เลย ยังจะทำมาเป็นซื้อทั้งหมด จะหน้าด้านไปถึงไหนค่ะ?”
จ้าวเฉียนไม่อยากเสวนากับพนักงานขายไร้มารยาทคนนี้อีกต่อไป จึงตอบกลับสั้นๆ ว่า
“จะกี่ล้านก็ผมก็ไม่สน รีบแพ็คของได้แล้ว”
แต่พนักงานขายตอบกลับไปว่าต้องรูดบัตรก่อนถึงจะเตรียมสินค้าได้ มูลค่ารวมของตู้นี้มีมากกว่าสามล้าน ยังไงก็รูดไม่ผ่านวงเงินแน่นอน คิดได้ดังนั้นรอยยิ้มแสนดูถูกพลันแสยะขึ้นบนมุมปากของเธอ เลิกแสร้งทำเป็นรวยได้แล้วมั้ง? คนที่เห็นกำไรหยกราคา30,000แล้วคิดว่าแพง ราคาสามล้านยิ่งไม่ต้องพูดถึง
อย่างไรเสียพนักงานคนนั้นจำต้องผิดหวัง จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบโดยไม่มีลังเลสักนิด
พนักงานถึงกับยืนงงไปชั่วขณะ มีด้วยเหรอพวกคนรวยที่แสร้งทำเป็นจน? เธอนำบัตรของจ้าวเฉียนไปที่เครื่องรูดเพื่อจ่ายเงินจำนวนสามล้านหยวนออกทันที
แต่เสี้ยวอึดใจนั้นเอง ผู้จัดการร้านที่ยืนมองอยู่นาน ก็ตรงมาหยุดพนักงานไว้และหยิบบัตรของจ้าวเฉียนส่งคืนกลับไป
“คุณผู้ชาย เชิญเข้าไปคุยกันข้างในก่อนเถอะค่ะ”
จ้าวเฉียนไม่คิดเสียเวลาคุยกับเธอใดๆ ทั้งสิ้น ตอนนี้เขากำลังรีบ ดังนั้นจึงยื่นบัตรให้พนักงานขายอีกครั้ง และสั่งให้รูดจ่ายเดี๋ยวนี้
แต่อย่างไร หากปราศจากคำสั่งของผู้จัดการร้าน พนักงานขายตัวเล็กๆ อย่างเธอไม่แม้แต่กล้าหยิบบัตรจากมือจ้าวเฉียนด้วยซ้ำ
ผู้จัดการเร่งยิ้มหวานเอ่ยขึ้นว่า
“คุณผู้ชาย อย่าบีบให้พวกเราต้องลำบากใจไปมากกว่านี้เลย เธอคนนี้เป็นพนักงานพาร์ทไทม์ ไม่เคยถูกเทรนรับลูกค้ามาก่อนจึงทำตัวเสียมารยาท หลังจากนี้ทางดิฉันจะไล่ออกทันทีค่ะ หรือคุณผู้ชายต้องการอะไรอย่างอื่นอีกไหม ดิฉันจะทำทุกอย่างเพื่อความพึงพอใจของคุณผู้ชาย”
“จริงเหรอ? อืม…ดูไปดูมาคุณสวยมากเลยนะ จูบผมทีหนึ่ง แล้วผมจะยอมเข้าไปคุยด้วยข้างใน ไม่งั้นก็รีบรูดบัตรสักที ผมมีธุระต้องรีบไป”
ใบหน้าของผู้จัดการสาวแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำในทันใด เธอรีบตอบกลับไปว่า
“คุณผู้ชาย…หยุดล้อเล่นเถอะค่ะ อย่าทำให้ดิฉันลำบากใจเลย”
จ้าวเฉียนยิ้มเยาะ เหลียวหลังไปหาบรรดานักท่องเที่ยวในร้านและตะโกนลั่นดังว่า
“ทุกคนดูนี่เร็ว! ผมต้องการซื้อเครื่องประดับทั้งหมดในตู้นี้ แต่พวกเขาไม่กล้าขายให้ นี่หมายความว่ายังไงกันครับเนี่ย?”
จ้าวเฉียนเว้นช่องไฟเล็กน้อยให้ผู้คนได้ชวนคิด และกล่าวต่อว่า
“หรือนี่แสดงว่า…มีของปลอมปะปนอยู่ในนี้? พวกเขาเลยไม่กล้าขายให้ผม! คุณผู้จัดการ อธิบายให้ผมกระจ่างทีได้ไหมว่า นี่มันหมายความว่ายังไง?”
“หมอนี่พูดถูกนะ ถ้าทั้งหมดเป็นของแท้ แล้วทำไมถึงไม่สะดวกใจขายให้ทั้งหมดในทันที? กำไรไม่รู้เท่าไหร่?”
“เหลือความเป็นไปได้เดียว…นี่คุณหลอกขายของปลอมเหรอผู้จัดการ?”
“ตายแล้ว! ฉันเพิ่งซื้อสร้อยทองไป นี่ก็ของปลอมใช่ไหม?!”
“ฉันต้องการคืนสินค้า!”
“ผมด้วย! คืนเงินมาเดี๋ยวนี้…”
เสี้ยวอึดใจเดียว ภายในร้านก่อเกิดเป็นความโกลาหลในพริบตา คนที่ซื้อไปแล้วได้ยินเข้าต่างแห่เข้ามาขอเงินคืนกันใหญ่ บ้างก็ถามผู้จัดการร้านว่า สรุปของปลอมหมดทั้งร้านใช่ไหม?
ผู้จัดการสาวรีบยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบและอธิบายไปว่า
“ทุกท่านค่ะได้โปรดฟังดิฉันหน่อย สินค้าทั้งหมดภายในร้านของเราเป็นของแท้100% ได้รับการันตีจากสมาคมวิชาชีพ พอดีคุณชายคนนี้มีเรื่องขัดแย้งกับคนของเรานิดหน่อย รวมไปถึงพนักงานขายที่ไร้ประสิทธิภาพ ดังนั้นเขาต้องการแก้เผ็ดเราเฉยๆ ค่ะ อย่าไปเชื่อเขานะคะ”
คล้อยหลังที่กล่าวจบ ผู้จัดการสาวก็ตรงเข้าไปกระซิบข้างหูจ้าวเฉียนว่า
“สุดหล่อ ฉันขอร้องคุณเถอะนะ เข้ามาคุยกับฉันข้างในก่อนได้ไหม? คุณก็เห็นไม่ใช่เหรอค่ะ นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายจะควบคุมเลย ถ้าลูกค้าจับได้ ทางฉันไม่สามารถจ่ายค่าเสียหายทั้งหมดไหวแน่นอน”
สิ่งที่ผู้จัดการร้านพูดไปทั้งหมด เท่ากับเป็นการยืนยันแล้วว่า มีของปลอมปะปนอยู่ในเครื่องประดับของทางร้านจริงๆ
จ้าวเฉียนไม่ต้องการฉีกหน้าใคร แต่การขายของปลอมบนเกาะที่ครอบครัวตระกูลจ้าวมีส่วนผู้ถือหุ้นกว่า60%แบบนี้ เขาจะปล่อยไปง่ายๆ ได้ยังไง?
“โอเค ผมจะเข้าไปคุยกับคุณข้างใน แต่ต้องจูบผมก่อน”
ผู้จัดการสาวถึงกับผงะ เธอกัดริมฝีปากสีแดงฉ่ำเล็กน้อย คล้อยลังเลอยู่พักหนึ่ง เธอก็ตัดสินใจเขย่งเท้าขึ้นประกบจูบกับจ้าวเฉียน
เนื่องจากความโกลาหลภายในร้ายยังคงไม่เสื่อมคลาย จึงไม่มีใครมาสนใจทั้งคู่เท่าไหร่นัก ฉวยจังหวะนี้รีบดึงจ้าวเฉียนเข้าไปหลังร้านทันทีโดยไม่มีลังเล
เรียวคิ้วทรงสวยของหลิวเหม่ยพลันขมวดแน่นเข้าหากัน เธอที่เห็นภาพฉากดังกล่าวก็โมโหอย่างมาก จนแทบอยากโยนผู้จัดการสาวตรงหน้าออกไปในบัดดล
ผู้จัดการสาวที่พยายามลากจ้าวเฉียนเข้าไปหลังร้าน พลางอุทานกับตัวเองว่า
“นี่ฉันกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย…”
จ้าวเฉียนยิ้มพลางพยักหน้าให้หลิวเหม่ย บอกให้เธอรออยุ่ข้างนอก ส่วนเขากับผู้จัดการร้านจะเข้าไปคุยกันสองคน
หลิวเหม่ยพยายามตื้อให้จ้าวเฉียนพาเธอไปด้วย จะอย่างไร ผู้จัดการสาวกับจ้าวเฉียนจูบกันต่อหน้าผู้คนเยอะแยะขนาดนี้ ถ้ามีโอกาสอยู่ด้วยกันสองต่อสอง ไม่ใช่ว่ามันจะเกินเลยไปมากกว่านั้นเหรอ…
“ฉันไม่กล้าอยู่ตรงนี้คนเดียว พวกเราเข้าไปด้วยกันเถอะ”
หลิวเหม่ยกุมมือจ้าวเฉียนแนะ ขอร้องเสียงแผ่วว่า
“พาฉันไปด้วยเถอะนะ ฉันกลัว…”
จ้าวเฉียนเข้าใจเจตนารมณ์ของหลิวเหม่ยดี เขายิ้มตอบแค่เพียงว่า
“เธอรอยู่ที่นี่หรือกลับโรงแรมไปก่อนก็ได้”
พอพูดจบจ้าวเฉียนก็จับมือบางของเธอออก และเดินเข้าไปหลังร้านพร้อมกับผู้จัดการสาวแต่โดยดี หลิวเหม่ยรู้สึกราวกับถูกแย่งชิงบางสิ่งไป ดวงตาคู่สวยเห่อร้อนน้ำตาคลอเล็กน้อย จ้าวเฉียนกับผู้จัดการสาวคนนั้นต้องแอบไปทำเรื่องน่าอายข้างหลังร้านกันแน่นอน ไม่อย่างนั้นจะห้ามเธอเข้าไปด้วยทำไม?
จ้าวเฉียนตรงเข้ามาในห้องทำงานของผู้จัดการสาว เขาเอ่ยปากถามไปตามตรงว่า ต้องการจะคุยเรื่องอะไร
ผู้จัดการสาวเชิญให้จ้าวเฉียนนั่งลงก่อน และเดินไปรินน้ำให้พร้อมเปิดประเด็นเจรจาเรื่องธุรกิจ
“คุณผู้ชายทุนหนาไม่น้อย ดิฉันจะมอบเครื่องประดับของแท้ทั้งหมดให้ในราคาต้นทุน สนใจไหมค่ะ?”
“หุหุ…สุดท้ายก็ยอมรับแล้วใช่ไหมครับว่ามีของปลอมผสมอยู่ด้วย?”
“อันที่จริงมันไม่ใช่ของปลอมหรอกค่ะ แต่ในวงการอัญมณีจะการแบ่งเกรดสินค้า เครื่องประดับเกรดBอาจจะมีตำหนิหรือโปร่งใสไม่สวยเท่าเกรดA นี่รวมไปถึงความหนาแน่นของอนุภาคในอัญมณีชิ้นนั้นๆ ดิฉันทราบว่าคุณไม่ใช่คนในวงการนี้ แต่เงินมากพอจะทำอะไรก็ได้ ดิฉันเลยต้องการชี้แจงให้ทางคุณผู้ชายเข้าใจก่อนนะคะ”
“โอเค! คุณพูดตรงไปตรงมาดี แล้วกำไรหยกขาวบนข้อมือเพื่อนผมล่ะ?”
“หยกชิ้นนั้นเกรดA100% ดิฉันการันตีให้เลย ถ้าเพื่อนของคุณสนใจ ดิฉันจะนำอันใหม่มาให้พร้อมขายในราคา5,000หยวน”
ราคาต้นทุนแค่3,000 แต่ราคาขายหน้าร้านสูงถึง30,000หยวน ส่วนต่างของกำไรเยอะพอสมควรเลย ถ้าเป็นที่อื่นจ้าวเฉียนคงไม่ได้สนใจอะไรนัก แต่ที่นี่เป็นเกาะของครอบครัวเขาที่ถือหุ้นอยู่ ดังนั้นเขาไม่อนุญาตให้ใครมาหากินแบบอยุติธรรมเช่นนี้แน่นอน
“นี่เท่ากับว่า คุณยอมรับเองแล้วว่าค้ากำไรเกินควร ผมไม่อยากทำให้คุณอับอายไปมากกว่านี้นะ โทรเรียกเจ้าของร้านของคุณมา ผมจะไปคุยกับเขาเอง”
“คุณผู้ชายอย่าทำแบบนี้เลย นี่จะยิ่งทำให้ดิฉันแย่นะคะ เอาแบบนี้ล่ะกันนะ…ดิฉันจะเชิญคุณไปรับประทานอาหารเย็นสักมื้อ แล้วปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปตกลงไหมค่ะ?”
จ้าวเฉียนส่ายหัว ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากพูด จู่ๆ เสียงเคาะปะตูก็ดังขึ้นจจากด้านนอก ผู้จัดการร้านรีบวิ่งไปเปิดประตูทันที และรีบโค้งศีรษะทักทายด้วยความกลัว
“สวัสดีค่ะคุณชาย ทำไมวันนี้ถึงมาได้ค่ะ?”
“พ่อฉันอยากจะมาพักผ่อนน่ะ เลยพามากินลมแถวนี้”
ในขณะที่ทั้งสองพูดคุยกับอยู่ จ้าวเฉียนก็เหลือบหางตามองเล็กน้อย ชายหนุ่มคนนั้นที่เพิ่งมาถึงบังเอิญสบตาจ้าวเฉียนพอดี สีหน้าการแสดงออกของเขาดูจริงจังขึ้นมาถนัดตา ผู้จัดการสาวเห็นว่าผิดสังเกตจคงเอ่ยถามขึ้นทันทีว่า
“รู้จักคุณผู้ชายคนนี้เหรอค่ะ?”
“ฮ่าฮ่า…ช่างบังเอิญอะไรแบบนี้ ดันมาเจอคุณอีกแล้ว”
“ขอโทษนะครับเรารู้จักกันรึเปล่า? พอดีคนนอกสายตาเลยไม่อยากจำน่ะครับ”
“เพิ่งผ่านไปไม่นาน จำผมไม่ได้แล้ว? ก็คนที่อยู่ในรถหรูตอนท่าเรือยังไงครับ”
“อ๋อ…ที่แท้คนที่อยู่ในรถคันนั้นคือคุณกับคุณพ่อนี่เอง ถ้าไม่พูดผมลงลืมไปแล้วจริงๆ”
“ฮ่าฮ่า…เป็นคนพูดเก่งดีนะครับ!”
ทันใดนั้นสายตาของชายหนุ่มคนนั้นก็เย็นยะเยือกลงทันที เขาหวังจะสั่งสอนจ้าวเฉียนสักบทเรียนตั้งแต่ตอนที่อยู่บนท่าเรือแล้ว

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี

เนื้อเรื่องย่อ จ้าวเฉียน อายุ23ปี พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา รายได้เดือนละแค่5,000หยวน ทุกคนในบริษัทต่างดูถูกดูแคลนเขา เพราะเจ้านี่ขี้เหนียวเหลือเกิน แม้แต่แฟนเก่ายังทนเขาไม่ไหว และหันมาแอบคบชู้กับผู้จัดการของเขาแทน จนเวลาผ่านไปเขาเพิ่งมารู้ความจริง อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ชวนน่าตกตะลึงกว่าคือ ตัวตนที่ที่แท้จริงของเขาคือทายาทมหาเศรษฐี บุตรชายของจ้าวฝู บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่เมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ฉลองปาร์ตี้ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ เขาก็ขับรถกลับทั้งๆที่อยู่ในอาการเมา จนแล้วจนรอด บังเอิญไปเฉี่ยวชนเข้ากับสาวน้อยคนหนึ่ง จนเธอได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ขาดสติหนัก เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้น ตะโกนโหวกเหวกโวยวายสร้างปัญหาไปทั่วสถานีตำรวจ ระหว่างนั้นเองก็มีมือดีที่ไหนไทม่ทราบแอบถ่ายคลิปเก็บไว้ได้ทัน พร้อมถูกอัปโหลดลงโซเชียลออนไลน์ ก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อฉกเถียงยกใหญ่ของผู้คนในเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็กระทบไปถึงชื่อเสียงขงอตระกูล จ้าวฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้อำนาจเงินตรา เพื่อไล่ลบคลิปวีดีโอเหล่านี้จนหมด ไม่ให้สืบสาวไปถึงตัวลูกชายของเขา คนเป็นพ่อใช้ไม้แข็งตัดขาดจ้าวเฉียน ไล่ไสส่งออกจากตระกูลจ้าว และให้จ้าวเฉียนหาเงินมาชดใช้ค่ารักษาสาวน้อยคนนั้นเป็นจำนวน 200,000หยวน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ถึงจะกลับเข้ามาในตระกูลอีกครั้งได้ ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา จ้าวเฉียนจำต้องทนกับความอัปยศนานาชนิด ทั้งยังต้องใช้ชีวิตอย่างประหยัด จนในที่สุดเขาก็จ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลจนควบตามที่กำหนดไว้ เขาได้ทุกอย่างคืนกลับมาอีกครั้ง และสิ่งแรกที่เขาต้องการคือ การแก้แค้นพวกที่เคยดูถูกเขา! “ประธานฟาง ฉันยินดีร่วมหุ้นกับบริษัทของคุณเป็นจำนวนเงิน3ล้านหยวน โดยมีเงื่อนไขว่า คุณไม่ได้รับอนญาตให้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงของผม ไม่อย่างนั้นผมจะถอนทุนทั้งหมดออกทันที” “เข้าใจแล้วค่ะคุณจ้าว” “ฮิฮิ….ตราบใดที่เข้าใจแล้ว ก็ทำให้ได้ แล้วคุณรู้ไหมว่า ผู้จัดการหวัง เจ้านั้นมันต้องการขับไล่ผมออกจากบริษัท คิดว่าผมควรทำยังไงดี?” “ง่ายมากค่ะ! ฉันจะไล่เขาออกเดี๋ยวนี้!” “ไม่ ไม่… ผมยังเล่นกับเขาไม่จุใจเลย จะไล่ออกไปง่ายๆได้ยังไง?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset