แปล๊บๆๆๆ!!!!!!!
〝จ๊ากกกกกก!!!!!!!!!!〞
หลังจากที่กรได้หลั่งน้ำตาออกมาเพราะความรู้สึกหลายๆอย่างที่สั่งสมมานาน จากทั้งแรงกดดันและความเครียดทั้งหลายที่สะสมมามากเสียจนทะลุปรอทได้จบลง จู่ๆกรก็สัมผัสได้ถึงกระแสไฟฟ้าแรงสูงไหลผ่านไปทั่วร่างตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างกระทันหันจนถึงกับล้มลงไปนอนกับพื้นในท่าหงายท้องมองดูดาวเลยทีเดียว ทั้งยังเกิดควันสีดำคลุ้งออกมาจากร่างจนทั่วเลยทีเดียว รวมทั้งผมยาวๆของตัวกรเองก็ยังตั้งฟูเป็นผมทรงแอ็ฟโฟร่ฟูฟ่องอย่างหนาเพราะกระแสไฟฟ้าที่ว่าไปพร้อมๆกันจนดูน่าขบขันไม่ใช่น้อย นั่นเลยทำให้ตัวของกรชาไปหมดแล้วก็ล้มลงไปกองกับพื้นตามระเบียบ
อึ๊ก! อะไรกันเนี่ย…. หลังจากที่ต้องรับภาระทางจิตใจที่มากเสียยิ่งกว่ามากจนล้นออกมาแล้ว ยังต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อีกงั้นเหรอ!? นี่มันจะเกินไปแล้วนะเฮ้ย!!!
ยะ…อย่าบอกนะว่านี่เป็นผลข้างเคียงของสกิล หรือไม่ก็เป็นบทลงโทษของคนที่ใช้โปรแกรมโกง———
เดี๋ยวๆๆๆ….ฉันไม่ได้ใช้โปรแกรมโกงหรือชีตทูล(Cheat Tool) หรืออะไรเทือกๆนั้นซักกะนิดเดียว…ถ้าจะโทษก็ไปโทษไอ้คนที่จัดสกิลมาให้ฉันซะสิ….แต่เดี๋ยวดิ แล้วคนที่จัดมันเป็นใครหว่า!?
แล้วนี่ฉันกำลังบ่นให้ใครฟังอยู่กันละเนี่ย!!!
กริ๊ง!!!
〝!!!!!!!!!!〞
ในขณะที่กรกำลังคิดหาสาเหตุของเรื่องบ้าๆที่เกิดขึ้นกับตัวเองอย่างกะทันหันตามปกติอยู่นั่น จนเวลาผ่านไปพอสมควรพอรู้สึกตัวอีกทีก็ขยับตัวได้อีกครั้งแล้ว จากนั้นเสียงกระดิ่งที่คุ้นหูก็ดังขึ้นมาในหัวของกรอีกครั้งแทบจะในทันที แล้วหน้าต่างเล็กๆที่คุ้นเคยซึ่งเป็นหน้าต่างย่อยแสดงรายละเอียดสกิลก็ถูกแสดงขึ้นมาในระดับสายตาของกรทั้งที่ตัวกรกำลังนอนหงายท้องอยู่อย่างนั้น
『Ogre Arm(ต้นฉบับ)』
《 คำอธิบาย : เป็นสกิลจากการได้รับฉายา〘แขนยักษาแห่งการทำลายล้าง〙สามารถเพิ่มสเตตัสทั้งหมดได้ 50 เท่า ตามแต่พลังเวทย์ที่จ่ายเข้าไปในวงเวทย์ซึ่งสลักอยู่บนแขนขวา และจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เมื่อเวลาผ่านไปทุกๆ 30 วินาที *ตัวอย่างเช่น จ่ายพลังเวทย์ลงไป 1,000 จุด ก็จะทำให้สเตตัสทั้งหมดเพิ่มขึ้น 50,000 จุด และหากเวลาผ่านไปตั้งแต่เริ่มใช้ 90 วินาที ก็จะทำให้สเตตัสทั้งหมดเพิ่มขึ้น 200,000 จุดนั่นเอง **สกิลนี้จะคงอยู่ตลอดจนกระทั่งผู้ใช้ปลดการใช้งานลงด้วยตัวเองหรือการตอบสนองแบบอัตโนวัติภายใต้อำนาจจิตใจ ***หากใช้สกิลนี้ไปแล้วครั้งหนึ่งร่างกายจะอยู่ในสถานะขยับตัวไม่ได้ 10 วินาทีและต้องรออีก 6 ชั่วโมงเพื่อใช้งานในครั้งต่อไป 》
หะ…..ห่ะห๊ะ!!! เอาหล่ะสิ….มีสกิลที่โกงซะยิ่งกว่าโกงโผล่ออกมาอีกแล้ว
….ฮึก เปล่านะ ฉันไม่ได้ร้องไห้ซักหน่อย
และแน่นอนว่าผลลัพธ์ของคำอธิบายนั่น ก็ทำให้กรต้องหนักใจอย่างหนักเช่นเคย จนน้ำตาที่หมดไปแล้วในครั้งก่อน แทบจะไหลออกมาอีกเป็นครั้งที่ 2 เพราะความรู้สึกที่หนักอึ้งกว่าเดิมถาโถมเข้ามาพร้อมกันมากมายเลยทีเดียว
แล้วถ้างั้น จะให้ฉันทำไงกับมันกันเล่า ห๊ะ!!!!
จะบ้าเรอะ!!!! มีที่ไหนกัน เพิ่มสเตตัสทั้งหมดได้ 50 เท่าเนี่ย นี่มันจะมากเกินไปแล้ว!!!
แถมยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกครึ่งวินาทีอีก งั้นเมื่อกี้ที่ฉันจ่ายพลังเวทย์ลงไปเฉลี่ยแล้วก็ประมาณ 8 หมื่น ส่วนเวลาที่ผ่านไปตั้งแต่เริ่มใช้ก็ประมาณ 3-4 นาทีได้….
….นี่แสดงว่าสเตตัสของฉันตอนที่ใช้สกิลเมื่อกี้นี้ก็คือ เอิ่ม… 8 คูณ 5 คูณ 3 คูณ 2………. 24 ล้านจุดงั้นเหรอ!!!!!
โกง!!! โกงเกินไปแล้ว!!! นี่มันมากกว่าสเตตัสของเคลเบรอสตั้ง 2 เท่าเลยนะเฮ้ย…ตัวฉันนี่มันจะโกงไปถึงไหนกันเนี่ย!!! หะ…ให้ตายสิ เริ่มกลัวตัวเองขึ้นมาอีกแล้วแฮะ
ตะ…แต่ว่า เห็นบอกว่ามีคูลดาวน์ 6 ชั่วโมงด้วยสิ เพราะงั้นก็เลยใช้ต่อเนื่องไม่ได้ แถมหลังใช้ก็ขยับตัวไม่ได้อีกตั้ง 10 วิเลยแหน่ะ…อีแบบนี้ถ้าเกิดยังจัดการศัตรูไม่ได้ด้วยสกิลนี้ในการโจมตีสุดท้าย ตัวเราก็จะกลายเป็นกระสอบทรายไปเลยหน่ะสิ!!!
โอ้ว!!! งั้นเหรอ สกิลโกงโคตรนี่ก็มีความเสี่ยงอยู่สินะ แบบนี้คงต้องเก็บไว้เป็นไม้ตายก้นหีบแล้วหล่ะ แบบนี้ก็ค่อยพอรับได้หน่อย…
….ฟู่!!! ทั้งที่สกิลมีข้อจำกัดผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดแท้ๆ แต่เราดันดีใจกับมันซะงั้น ไอ้เรานี่ก็แปลกดี…ไม่สิ คิดว่าเราก็ปกตินั่นแหล่ะ…มั้งนะ ก็แค่สกิลมันเกินธรรมดามากเกินจนทำใจยอมรับไม่ได้ต่างหาก
〝เห้อ!!!〞
แล้วกรก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนักราวกับจะรีบปัดเป่าความอัดอั้นที่อยู่ในใจให้มลายหายไปเพื่อปรับจิตใจและความคิดให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้งหลังจากที่เจอความกดดันอย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกับที่กรกำลังพูดบ่นกับตัวเองพร้อมกับหัวเราะแห้งอย่างไร้อารมณ์อยู่นั่นเอง ก็มีเสียงของบุคคล?ปริศนาดังขึ้นมาแทรกความคิดของกร
〝ฮะ.. ฮ่ะ!!! ให้ตายสิ! ตัวเรานี่มันโกงซะจริง…. เอาซะจนตัวเองยังกลัวเลยนะเนี่ย……. 〞
แกร็กๆ!!
〖อะไรกันเจ้าหนู! การแข็งแกร่งขึ้นก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่รึ…. จะยินดีกับมันมากกว่านี้ก็ได้หล่ะมั้ง!!!〗
〝หนวกหูน่า เจ้าหมา! อย่างแกจะมาเข้าใจความทุกข์ของฉันที่ต้องคอยรับแรงกดดันจากตัวเองได้ยังไ——— 〞
.
.
.
〝หา!!!!!!!〞
แล้วพอกรตอบกลับเสียงปริศนาที่ฟังดูเหมือนเพิ่งเคยได้ยินเมื่อไม่นานมานี้นั่นไปอย่างไม่ใส่ใจจึงไม่ได้รู้เลยแม้แต่น้อยเลยว่าเป็นต้นเสียงนั้นมาจากใครแต่ก็ยังตอบกลับในทันทีราวกับคุ้นเคยกับคู่สนทนาที่ว่าอยู่ก่อนแล้ว แต่พอดึงสติขึ้นมาได้ก็รู้ในทันทีว่าเสียงนั้นเป็นของใคร จึงได้ตะโกนออกมาจนลั่นเพราะความตกใจนั่นเอง…
〝คะ…เคลเบรอสงั้นเหรอ!?〞
〖หืม! ก็ใช่หน่ะสิ…. มีอะไรงั้นรึเจ้าหนู!?〗
〝ยะ…ยังจะมาถามว่ามีอะไรอีก! แกหน่ะไม่ใช่ว่าตายไปแล้ว!? ….มะ ไม่สิ…ที่ฉันอยากจะถามหน่ะ คือตอนนี้แกอยู่ที่ไหนต่างหากหล่ะ!!!!!!!〞
ใช่แล้ว คนที่พูดขัดจังหวะความคิดของกรอยู่นี้ก็คือเคลเบรอสนั่นเอง แต่ถึงแม้กรจะได้ยินเสียงของมันแต่ก็ไม่ได้ตั้งท่าเตรียมพร้อมสู้แต่อย่างใด นั่นเพราะเขามั่นใจ 100% ว่าเคลเบรอสตายไปแล้วแน่ๆ ไม่เช่นนั้นไอเทมดรอปทั้งหลายจะออกมาได้ยังไง พอคิดแบบนั้นได้ก็เลยใช้ตาเหยี่ยวกับสุดยอดการประมวลผลหาที่อยู่ของมันอย่างรวดเร็ว …แต่ก็ยังไม่เจอ แล้วพอกรคิดดูอีกที เพราะหากว่าเคลเบรอสซึ่งเป็นบอสมอนสเตอร์ปรากฏขึ้นมาอีก『หน้าต่างตั้งค่า』ต้องร้องเตือนตนอีกแน่อยู่แล้ว นั่นเลยทำให้ตัวเขาสับสนมากไปกันใหญ่
แกร็กๆ!!
〝ยะ…อยู่นั่นงั้นเหรอ!?〞
ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก!
แล้วพอกรได้ยินเสียงที่คล้ายกับโลหะเสียดสีกันเล็กน้อยอีกครั้ง ซึ่งหากนึกย้อนไปก่อนหน้าก่อนที่เคลเบรอสจะเริ่มทักกรก็ได้ยินเสียงแบบเดียวกัน มาจากกลุ่มสมบัติที่กองเป็นพะเนินซึ่งเป็นไอเทมดรอปของเคลเบรอสนั่น นั่นเลยทำให้กรที่พอมีประสบการณ์จากอนิเมะและเกมจากโลกเดิมพอคาดเดาได้บ้างแล้วว่าสภาพของเคลเบรอสในตอนนี้นั้นจะเป็นอย่างไร จึงได้รีบวิ่งเข้าไปยังกองสมบัตินั่นอย่างรวดเร็ว แล้วก็ทำการใช้มือทั้งสองข้างทั้งขุดและปัดเหรียญทอง และไอเทมต่างๆที่ขวางทางอยู่อย่างรีบร้อนในขณะเดียวกัน
〝เห้ยเคลเบรอส! อยู่ตรงไหนกันแน่ฟ่ะ!!!〞
〖ข้าอยู่ตรงนี้เจ้าหนู! จะแทงตาอยู่แล้วเนี่ย!!!〗
〝!!!!!!!!!!〞
แล้วพอกรควานหาตามเสียงของเคลเบรอสที่กำลังบอกตำแหน่งของตัวเองอยู่ จนกระทั่งพบแหล่งกำเนิดเสียงเข้าจนได้ ก็ทำให้เขาตกใจกับภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ามากจนถึงกับจ้องมันเขม็งเลยทีเดียว
วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง!
สิ่งที่กรกำลังจับจ้องอย่างไม่วางตาอยู่นี้ก็คือ ดาบสองคมสีดำสนิทไม่ว่าจะเป็นใบดาบหรือด้ามดาบความยาวทั้งหมดประมาณ 80 เซนติเมตร กำลังถูกวางอยู่บนกองสมบัติในแนวขนานกับพื้น ตรงโคนดาบซึ่งเป็นที่กั้นระหว่างใบดาบและด้ามดาบ ถูกประดับด้วยรูปสลักโลหะมันวาวเป็นรูปศีรษะของเคลเบรอสหัวหนึ่งและมีสีดำสนิทเช่นเดียวกับตัวดาบ ลวดลายบนใบดาบแบบยุโรปเองก็มีความวิจิตรงดงามและซับซ้อนราวกับภาพวาดแนวแอฟแตค แต่ก็สมมาตรกันทั้งซ้ายขวาหากแบ่งครึ่งดาบเป็นสองซีก ส่วนด้ามดาบแม้จะไม่มีการตกแต่งเป็นพิเศษ แต่ลวดลายดั้งเดิมเองก็ดูดีอยู่แล้ว นั่นเลยทำให้โดยรวมแล้ว ดาบสีดำทมิฬเล่มนี้คือผลงานระดับสุดยอดอย่างไม่ต้องสงสัย
〝กะ…โกหกน่า!!!〞
แกร็กๆ!!
〖จะตกใจอะไรกันเจ้าหนู!!!〗
〝ยังจะมาถามอีก ไอ้เจ้าหมานี่! ละ…แล้วทำไมแกถึงกลายเป็นดาบไปได้หล่ะเนี่ย!〞
〖หืม! ข้าไม่ได้บอกหรอกเหรอ…ว่าหากผ่านบททดสอบได้ และข้ายอมรับความแข็งแกร่งของเจ้า เจ้าก็จะกลายเป็นนายของข้าหน่ะ… 〗
〝ไม่ได้บอกซักนิดเลยเฟ้ย!!! 〞
〖อ้าว…งั้นหรอกเหรอ! ห๊ะห่ะห่ะ….สงสัยจะเป็นเพราะการต่อสู้ของเรามันดุเดือดมากกระมั้ง เลยทำให้ข้าลืมบอกไปซะสนิทหน่ะ〗
〝คะ….คนอย่างแกนี่มัน !!! 〞
แล้วหลังจากที่กรเกิดความสงสัยในตัวเคลเบรอส ก็เลยรัวคำถามใส่เป็นชุด แต่เคลเบรอสที่ตอบออกมาแบบทีเล่นทีจริงทั้งที่กรถามอย่างจริงจัง บวกกับสีหน้าและการเคลื่อนไหวของใบหน้าที่อยู่บนโคนดาบซึ่งตอนนี้เป็นโลหะทั้งหมดก็ถูกแสดงออกมาราวกับกำลังพูดกับเคลเบรอสในตอนที่เป็นบอสมอนสเตอร์ยังไงอย่างงั้น นั่นเลยทำให้เขาหงุดหงิดเล็กน้อย แต่กรก็ปรับอารมณ์ตัวเองใหม่ เพื่อให้กลับมาสุขุมอีกครั้งในทันที แล้วจากนั้นก็ถามคำถามเคลเบรอสต่อไปเรื่อยๆ
〝ระ..เรื่องนั้นช่างมันก่อน! แต่ไม่เห็นสัมผัสได้เลยซักนิดว่าแกเป็นมอนสเตอร์… แล้วแกในตอนนี้จะอยู่ในสถานะอะไรกันหล่ะ…..〞
〖ถ้านั่นหมายถึงว่าข้าเป็นศัตรูรึเปล่าละก็…ข้าก็บอกไปแล้วนะ ว่าเจ้าในตอนนี้เป็นนายของข้า ….ส่วนถ้าถามว่าตอนนี้ข้าเป็นมอนสเตอร์รึเปล่า แค่ใช้สกิลตรวจสอบดูก็รู้แล้วไม่ใช่รึ!?〗
พอกรถามออกไปแบบนั้น เคลเบรอสก็ตอบกลับมาเป็นเชิงเชิญชวนให้กรตรวจสอบตัวเอง ที่เคลเบรอสทำแบบนั้นเอง นั่นก็เพื่อทุ่นเวลาอธิบายกับเพื่อให้กรพิสูจน์ด้วยตัวเองเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือก็ด้วย กรเองก็ไม่คิดว่าเคลเบรอสโกหก แต่ก็ยังไม่เชื่อเต็มร้อย ก็เลยรีบใช้สกิล『ตรวจสอบขั้นสูง』กับเคลเบรอสที่ตอนนี้เป็นดาบไปแล้วในทันที แล้วผลลัพธ์ที่เกินคาดก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้ากรอีกครั้ง…..
『เคลเบรอสซอร์ด』【SSS】
《 คำอธิบาย : ดาบสีดำทมิฬอันน่าเกรงขามซึ่งเป็นที่สิงสถิตของจิตวิญญาณเคลเบรอส โดยเงื่อนไขการได้รับก็คือ การผ่านบททดสอบและการยอมรับจากเคลเบรอสซึ่งเป็นบอสมอนสเตอร์เท่านั้น ทำให้ผู้ที่ครอบครองได้รับพลังมหาศาล *ความสามารถและความทนทานของดาบเล่มนี้จะเติบโตตามความสามารถของผู้ใช้ ทั้งยังสามารถใช้สกิลของเคลเบรอสได้ทั้งหมด ความรุนแรงขึ้นอยู่กับพลังเวทย์และเลเวลของผู้ใช้ **เนื่องจากดาบเล่มนี้มีจิตวิญญานของตัวเอง จึงจัดเป็นอินเทเลเจนท์ซอร์ด ซึ่งมีความคิดและสติปัญญาเป็นของตัวเองและมีอิสระในการกระทำโดยไม่ขึ้นกับคำสั่งของผู้ใช้ 》
〝อึก!!〞
เดี๋ยวก่อนสิ…จะบอกว่าไอ้ดาบเนี่ยเป็นไอเทมดรอปงั้นเหรอ อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะ『หน้าต่างตั้งค่าอัตราการดรอปไอเทม』นั่นหน่ะ… แต่เคลเบรอสก็บอกเองนี่นาว่าจะกลายเป็นดาบในตอนที่ตัวเองยอมรับคู่ต่อสู้….. ว้าก!!! งงไปหมดแล้วโว้ยยย!!!!!!!!
ตะ…..แต่คิดเรื่องนั้นไปก็ไม่มีข้อพิสูจน์ที่แน่ชัดซะด้วยสิ เพราะงั้นคิดไปก็คงเหนื่อยเปล่าละมั้งเนี่ย…..
แล้วไอ้ที่กลายเป็นดาบเนี่ยก็น่าตกใจพอแล้วนะ….แต่ว่าที่น่าตกใจกว่าคือ ระดับความหายากของมันกับความสามารถของมันต่างหากหล่ะ….
ในตอนที่ฉันสร้าง『เอ็กซ์คาลิเบอร์』กับ『ดูแรนดัล』จากพื้นห้องโถง เจ้าหมานี่ยังบอกเลยว่า ระดับ 【SSS】เป็นไอเทมระดับสูงสุดๆ
เหลือเชื่อ…เหลือเชื่อเกินไปแล้ว!!!! นี่แค่สกิลยังไม่พอ แต่ยังได้อาวุธระดับตำนานมาอีกงั้นเหรอ นี่เราจะโกงไปถึงไหนกันเนี่ย….
แล้วยังมีความสามารถที่โคตรโกงติดมาด้วยอีก….เติบโตตามผู้ใช้งั้นเหรอ จริงๆมันก็ฟังดูดีอะน่ะ….ถ้าไม่ติดว่าคนใช้เป็นฉันหล่ะก็ อีแบบนี้ก็หมายความว่าสเตตัสของดาบนี่ก็เป็นแสนเหมือนกันสินะ ….งั้นมันก็เป็นดาบที่โกงไม่แพ้คนใช้อย่างฉันเลยหน่ะสิ…
…แต่ที่น่าตกใจกว่าก็คือ มันดันสามารถใช้สกิลของเคลเบรอสได้ด้วยนั่นแหล่ะที่โกงยิ่งกว่า ทั้ง『ตัดสายลม』ที่ติดตามเป้าหมายได้ 『กรดเดือดหลอมละลาย』ที่รุนแรงถึงขนาดย่อยพื้นห้องโถงที่แข็งโคตรๆนั่นได้ก็ด้วย แล้วยังมี『เพลิงทมิฬ』ที่ร้อนโคตรๆ แถมยังสามารถทำให้เป้าหมายติดสถานะผิดปกติอะไรก็ได้ตามใจอีก…
…ก็ใช่สิ ฉันโดนมากับตัวเองนี่หว่า ทำไมจะไม่รู้ว่าไอ้สกิลพวกนี้มันน่ากลัวขนาดไหน ละ….แล้วไอ้สกิลบ้าๆพวกนั้นก็จะมาอยู่ในมือฉันอีกแล้วงั้นเหรอ!!!
〖จะตกใจมากเกินไปแล้วมั้งเจ้าหนู!?〗
〝หนะ..หนวกหูน่า เจ้าหมาบ้า! ขอเวลาให้ฉันได้พักบ้างเหอะ!!!〞
〖จะเศร้าไปทำไมกันเจ้าหนู ทั้งที่ได้พลังอันมหาศาลมาไว้ในมือแท้ๆ…..〗
〝ฮึก! ขอร้องหล่ะ อย่าตอกย้ำกันเลยนะ… ขอร้อง….〞
พอเคลเบรอสถามออกไปแบบนั้น น้ำตาของกรก็ปริ่มขึ้นมาเล็กน้อยอีกครั้งหลังจากตอบกลับเคลเบรอสด้วยสีหน้าที่อ้างว้างเสียเหลือเกิน แล้วพอเคลเบรอสถามออกมาอีกครั้ง กรก็น้ำตาไหลพรากออกมาในทันที แล้วก็ตอบเคลเบรอสด้วยเสียงสะอึกสะอื้นราวกับเด็กน้อย ทั้งยังพูดคำว่า〝ขอร้อง〞ขึ้นมาถึงสองครั้งในประโยคเดียวอีกต่างหาก….
〖น่าแปลกใจจริงๆ…ข้าไม่เคยเห็นคนที่ได้รับพลังอำนาจมาแล้วมานั่งกอดเข่าร้องไห้เช่นเจ้ามาก่อนเลย….เจ้าหนู แกนี่แปลกคนชะมัดเลย…〗
〝ฮึก! กะ…ก็มัน กะ…กดดันนี่หว่า ฮึก! แล้วจะให้ฉัน ทำยังไงเล่า…〞
〖โอ๋ๆ ไม่ร้องนะเจ้าหนู ….มีอะไรก็ค่อยๆคุยกันได้น่า…〗
แล้วกรก็ยังร้องไห้ออกมาเบาๆไม่หยุด เคลเบรอสก็เลยปลอบกรแทบจะทันที หากมองทั้งคู่ในตอนนี้แล้วหล่ะก็ มันเหมือนกับจะเห็นภาพของพ่อแม่ที่กำลังให้กำลังใจลูกโดยการลูบหัวในขณะที่ปลอบโยนไปด้วยทับซ้อนอยู่ยังไงอย่างงั้นเลย สาเหตุหนึ่งก็เป็นเพราะตัวเขาต้องเผชิญหน้ากับศัตรูสุดโหดในดันเจี้ยนเพียงลำพังมาตลอด นั่นเลยทำให้ตัวเขาต้องรับแรงกดดันแบบนั้นอยู่คนเดียว เพราะเหลือตัวคนเดียวกรจึงต้องทำจิตใจของตัวเองให้แข็งแกร่งมากพอที่จะรับสภาพทุกอย่างรอบตัวได้ด้วยตัวเองให้ได้ ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถเอาตัวรอดในดันเจี้ยนนี้ได้ แต่ถึงจะทำทุกอย่างที่ว่ามาได้ กรก็ยังไม่สามารถเอาชนะความกลัวและแรงกดดันต่อความแข็งแกร่งของตัวเองได้อยู่ดี
แล้วพอกรมาเจอกับศัตรูสุดแกร่งอย่างเคลเบรอสเข้า ทั้งกรและเคลเบรอสที่ทุ่มเททั้งจิตวิญญาณเข้าปะทะกันอย่างเปิดเผย ทั้งสองที่เอาทุกสิ่งที่ตนมีเข้าห้ำหั่นกันและเดิมพันด้วยชีวิตอย่างซื่อตรง เลยทำให้ใจจริงของทั้งคู่ส่งไปถึงอีกฝ่ายจนหมด เหมือนกับคำพูดที่ว่า 〝นักสู้ที่แท้จริง แค่แลกหมัดกันก็สามารถสื่อใจถึงกันได้โดยที่ไม่ต้องใช้คำพูด〞นั่นแหล่ะ นั่นเลยทำให้ทั้งคู่รู้สึกเคารพอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก ราวกับการต่อสู้นั่นทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า『มิตรภาพของลูกผู้ชาย』ขึ้นมาต่อทั้งสองฝ่ายยังไงอย่างงั้นเลย กรก็เลยแทบจะปลดปล่อยอารมณ์ทั้งหมดที่สั่งสมมาตลอดออกมาต่อหน้าเคลเบรอส อย่างไม่มีอาการอายเลยซักนิด นั่นเลยเป็นตัวพิสูจน์ว่าทั้งคู่ไว้ใจกันมากพอสมควรแม้จะเพิ่งปะทะกันอย่างดุเดือดมาก็ตาม แล้วพอกรปลดปล่อยความรู้สึกออกมาเป็นสายธารซักพักหนึ่ง เขาก็ตั้งสติใหม่อีกครั้ง ด้วยการตบหน้าตัวเองแรงๆด้วยมือทั้งสองข้างแล้วเริ่มการตรวจสอบต่อในทันที
.
.
.
〝เห้อ! เอาหล่ะ แค่นี้ก็พอแล้วมั้ง….โทษทีนะเจ้าหมา ดันให้แกเห็นด้านที่อ่อนแอของฉันซะได้ !〞
〖ห่ะห่ะห๊ะ! อย่าใส่ใจเลยน่าเจ้าหนู กลับกันข้าตกใจมากกว่าที่เจ้าทนรับภาระจากการลงดันเจี้ยนเพียงลำพังมาได้นานขนาดนี้เนี่ย ….นี่ก็แสดงให้เห็นว่าเจ้าก็ยังปกติดีอยู่…..ข้าคิดว่างั้นนะ〗
〝ประโยคหลังนี่ไม่ต้องพูดก็ได้เฟ้ย!!! อะ….เอาเถอะ เสียเวลามามากพอแล้ว! งั้นฉันจะเริ่มการตรวจสอบไอเทมให้ว่องเลยก็แล้วกัน…. แกมีอะไรแนะนำฉันรึเปล่าหล่ะเจ้าหมา…〞
〖หืม…ข้าเพิ่งเป็นคนที่ทำให้เจ้าปางตายมาหยกๆเลยนะเจ้าหนู…เจ้านี่ก็แปลกดีนี่ เชื่อใจข้าง่ายไปแล้วมั้ง….〗
〝อะไรกัน….เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปสิ ฉันไม่ใช่คนที่จะมาคิดเรื่องเล็กน้อยพรรค์นั้นหรอกนะ…. 〞
〖งั้นเหรอ แต่เอาเถอะ….แบบนี้ก็ดีแล้ว ข้าเองก็ไม่อยากเสียแรงอธิบายให้มากความซะด้วย เจ้าเข้าใจง่ายๆก็ดีแล้วหล่ะนะ…..〗
〖หึ…ห่ะห่ะห๊ะ!〗
〝หึ…ห่ะห่ะห๊ะ!〞
แล้วทั้งคู่ก็ยิ้มให้กันอย่างร่าเริงจนเห็นฟันแทบจะทุกซี่และหัวเราะให้กันเบาๆราวกับเด็กๆที่เพิ่งคืนดีกัน อันเป็นสัญญาณทางอ้อมว่าทั้งคู่ได้ร่วมมือกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง แล้วจากนั้นกรก็ทำการตรวจสอบดรอปไอเทมรวมถึงเงินทั้งหมดที่ดรอปออกมาตามคำแนะนำของเคลเบรอสไปเรื่อยๆ….
….จากคำบอกเล่าคร่าวๆของเคลเบรอส ดูเหมือนว่าไอเทมในโลกนี้ทั้งหมดจะถูกแบ่งระดับความหายากตั้งแต่น้อยไปหามากเป็น E, D, C, B, A, S, SS, SSS แน่นอนว่ายิ่งระดับความหายากสูงโอกาสดรอปก็ยิ่งต่ำ แต่ความสามารถพิเศษและสเตตัสที่ได้รับก็จะมากตามไปด้วย ในระดับ E ถึง C นั้นคือไอเทมระดับพื้นฐานซึ่งคนทั่วไปใช้กัน ส่วนตั้งแต่ระดับ B ขึ้นไปนั้นก็นับเป็นของชั้นเยี่ยม
หากถึงระดับ S ก็ยิ่งเป็นไอเทมที่หายากมากขึ้นไปอีก ส่วนในระดับ SS และ SSS นั้นได้ชื่อว่าเป็นไอเทมที่หายาก ซึ่งปรากฏในเรื่องเล่าปรัมปราหรือเทพนิยายเท่านั้น ทั้งยังมีเพียงชิ้นเดียวในโลกอีกต่างหากแน่นอนว่า『เคลเบรอสซอร์ด』ที่เป็นระดับ SSS เองก็เช่นเดียวกัน แล้วเคลเบรอสยังบอกอีกว่า ระดับ SSS ที่ถูกเผ่าพันธุ์มนุษย์ค้นพบแล้วมีเพียง 5 ชิ้นเท่านั้นเอง
แล้วหลังจากที่กรใช้เวลาตรวจสอบไอเทมทั้งหมดร่วม 1 ชั่วโมงเศษ กรก็ได้ผลลัพธ์ที่น่าเหลือเชื่อมากมาย โดยไอเทมทั้งหมดรวมถึงอาวุธ ชุดเกราะและวัสดุต่างๆ ที่ดรอปออกมานั้นมีอยู่มากมายก็จริง แต่ที่มีความสามารถและความหายากโดดเด่น และกรคิดจะนำมาใช้งานจริงในตอนนี้นั้นมีแค่ 2 ชิ้น ดังนี้….
『ดาร์คเนสเซ็ทโค้ท』【SSS】
《 คำอธิบาย : ชุดเซ็ทเสื้อคลุมที่มีตั้งแต่เสื้อซับในไปจนถึงรองเท้าบูท ซึ่งเมื่อสวมทั้งหมดแล้วจะเพิ่มความต้านทานทางกายภาพและเวทย์มนต์ รวมถึงสเตตัสทั้งหมดขึ้นอีก 50% จากสเตตัสในปัจจุบัน แล้วยังเพิ่มความเสียหายจากการใช้เวทย์มนต์ของผู้สวมใส่ได้อีก 50% เช่นกัน 》
『ดูอัลไดเมนชั่นริง』【SS】
《 คำอธิบาย : ชุดเซ็ทแหวนทั้ง 2 วง ซึ่งหากใส่ครบทั้งสองวงจะทำให้เกิดผลดังนี้ *สามารถเปิดมิติเฉพาะของตัวเองขึ้นมาได้ โดยพื้นที่นั้นไร้ขีดจำกัด ซึ่งสามารถใช้เป็นคลังเก็บไอเทมทุกอย่างได้เช่นกัน ทั้งยังสามารถคงสภาพไอเทมทั้งหมดให้อยู่ในสภาพเดิมได้เหมือนกับก่อนที่จะนำเข้ามิติได้ **หากใส่เพียงข้างเดียวจะต้องร่ายเวทย์ในการใช้งาน แต่หากใส่ทั้งสองข้างจะสามารถเรียกไอเทมในมิติเฉพาะออกมาได้ในทันทีดังใจนึก 》
เนื่องจากผ่านการต่อสู้อันดุเดือดมาตลอดเลยทำให้ชุดเกราะเบาที่ได้รับมาจากกองอัศวินในตอนแรกของกรนั้นเละเทะจนไม่มีชิ้นดี แม้ในการปะทะกับกลุ่มมอนสเตอร์ที่กรจุติครั้งแรกนั้นจะมีเพียงชุดเกราะส่วนแขนและส่วนขาเท่านั้นที่ถูกทำลาย สาเหตุหนึ่งก็เป็นเพราะเกราะเบาที่ว่ามันไม่ครอบคลุมบริเวณหน้าอกไปจนถึงหน้าท้องก็ด้วย แล้วพอผ่านการปะทะกับเคลเบรอสเข้าไปอีก ความทนทานของเกราะเบาจึงหมดลงแล้วแหลกสลายไปในที่สุด นั่นเลยทำให้กรต้องหาชุดเกราะใหม่ แต่สเตตัสด้านป้องกันของกรก็มากอยู่แล้ว
ในตอนแรกกรนั้นคิดจะสวมใส่เกราะโลหะที่ถึงจะมีระดับความหายากอยู่ที่ระดับ【S】และเพิ่มสเตตัสเป็นค่าตัวเลขที่แน่นอน ซึ่งจะเพิ่มสเตตัสอยู่ที่ประมาณ 10,000 จุด รวมถึงเพราะใส่แล้วสบายใจและคิดว่ามันมีความทนทานมากกว่าก็ด้วย แต่ก็ถูกเคลเบรอสท้วงติง นั่นเพราะสเตตัสของกรในตอนนี้นั้นสูงจนอยู่ในระดับที่ไม่จะเป็นต้องพึ่งพาพวกชุดเกราะที่มีการเพิ่มสเตตัสเป็นเลขที่คงที่ กลับกันหากใส่ชุดระดับสูงที่เพิ่มพลังขึ้นโดยคำนวณเป็นร้อยละจะมีประสิทธิภาพกว่า รวมถึงร่างกายอันแข็งแกร่งของกรในตอนนี้ไม่จะเป็นต้องพึ่งเกราะโลหะเลยด้วยซ้ำ นั่นเลยทำให้กรเปลี่ยนใจตามในทันทีเพราะความเห็นที่สมเหตุสมผลของเคลเบรอส
แล้วหากลองดูเครื่องประดับที่เหลือแล้วละก็ แม้จะเป็นไอเทมระดับ【A】หรือใกล้เคียงก็ตาม แต่กรก็ยังไม่คิดจะสวมใส่มันในตอนนี้ นั่นเพราะเคลเบรอสบอกว่า หากใส่ไอเทมที่มีความสามารถตรงข้ามกัน จะทำให้ผลพิเศษต่อต้านกันเองจนแสดงผลได้ไม่เต็มที่ กรจึงใส่ไอเทมที่คิดว่าจำเป็นไปก่อน แล้วจึงจะปรับแก้เครื่องแต่งกายให้มีประสิทธิภาพที่สุดอีกครั้ง
แล้วจากนั้นกรก็ลองดูหนังสือเล่มที่หนากว่า 100 หน้านั่นทั้งหมด แล้วก็พบว่ามันเป็น『หนังสือสกิล』นั่นเอง แล้วกรก็ไม่รอช้าที่จะเรียนรู้มันทั้งหมด แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรมาก นั่นเพราะทั้งหมดมันเป็นสกิลติดตัวที่มีผลคล้ายกับที่กรมีอยู่ก่อนแล้ว ซ้ำยังมีผลน้อยกว่าที่เป็นอยู่เสียอีก แต่ในหนังสือสกิลที่ว่าก็ยังมีสกิล 『ตัดสายลม』『กรดเดือดหลอมละลาย』และ『เพลิงทมิฬ』อยู่เช่นกัน แต่พอกรคิดจะเรียนรู้สกิลพวกนี้ เคลเบรอสก็แสดงอาการงอนราวกับเด็กออกมา นั่นเพราะหากกรใช้『เคลเบรอสซอร์ด』ก็จะมีผลออกมาคล้ายกัน เคลเบรอสจึงไม่อยากรู้สึกเหมือนถูกทิ้งไปก้าวนึง แม้ตอนแรกกรจะคิดว่าไม่เห็นต้องทำแบบนั้นก็ตาม แต่พอเคลเบรอสบอกว่าหากใช้สกิลพวกนั้นจากตัวดาบเคลเบรอสแล้ว จะให้ผลที่รุนแรงกว่าที่กรใช้เองเพราะมีพลังเวทย์ของเคลแบรอสอยู่ด้วย ก็เลยทำให้กรยอมทำตามที่เคลเบรอสบอก
ส่วนไอเทมที่เหลือทั้งหมด ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกวัสดุไว้ทำอาวุธและเครื่องป้องกันต่างๆ จากที่เคลเบรอสแนะนำ ดูเหมือนว่าหากไม่มีสกิลและความชำนาญเฉพาะด้าน ก็จะไม่สามารถสร้างของดีๆขึ้นมาได้ กลับกันของที่ดรอปจากดันเจี้ยนยังจะมีผลพิเศษและเพิ่มสเตตัสได้มากกว่าเสียอีก แต่กรก็คิดว่าบางทีตนอาจจะทำแบบนั้นได้เพราะมี『ตั้งค่าอาชีพ』อยู่ แต่กรก็ยังไม่มีโอกาสเหมาะๆบอกเรื่องนี้กับเคลเบรอส ส่วนเหรียญเงินและเหรียญทอง เพชรนิลจินดาและของมีค่าอื่นๆอีกมากมายซึ่งเป็นของที่มีค่ามากมายมหาศาลนั้น รวมถึงไอเทมทั้งหมดที่กรยังไม่ได้ใช้งานทั้งหมดก็ได้ถูกกรเก็บลงไปใน『ดูอัลไดเมนชั่นริง』เรียบร้อย แล้วพอการตรวจสอบจบลง กรจึงเริ่มเตรียมตัวในการเดินทางลงไปยังชั้นที่ 26 ในทันที
.
.
〖โอ้ว!….ใส่โค้ทแล้วเหมาะดีนี่นาเจ้าหนู!〗
〝เหอะ….โดนตัวผู้เหมือนกันชมแล้วมันรู้สึกแปลกๆชะมัดเลยฟ่ะ เจ้าหมา….〞
หลังจากที่กรถอดชุดเกราะทั้งหมดออก จึงเปลี่ยนเสื้อปกติเป็นเสื้อยืดเนื้อผ้าสีแดงสดมีคุณสมบัติต้านทานเวทย์มนต์ แล้วสวมทับด้วย『ดาร์คเนสเซ็ทโค้ท』ซึ่งมีลักษณะเป็นโค้ทหางยาวจนถึงน่อง ส่วนด้านหน้านั้นไม่มีซิบ แต่ถูกกลัดไว้ด้วยเชือกแบบเบาๆ แต่ก็ไม่ง่ายนักที่จะทำให้หลุด การดีไซน์เองก็มีความสวยงามคล้ายๆกับดาบเคลเบรอสเช่นกัน รวมกับชุดที่มีสีดำทมิฬตลอดทั้งเนื้อผ้า ซึ่งสีเข้ากับผมของกรที่เป็นคนเอเชียพอดี ตัดกับเสื้อสีแดงที่สวมอยู่ภายในนั่นเลยทำให้พอใส่แล้วมันเข้ากันแบบสุดๆ
〝ทางลงเนี่ย ทางนี้สินะ….〞
แกร็กๆ!!
〖โอ้ว…ใช่แล้วหล่ะ เจ้าหนู! แค่เดินลงบันไดนั่นไปเดี๋ยวก็จะไปโผล่ที่ชั้น 26 เองแหล่ะ〗
〝อา…ถ้างั้นละก็ เริ่มออกเดินทางกันได้แล้วหล่ะ…..〞
แล้วไม่รอช้า กรก็นำเคลเบรอสที่ตอนนี้เป็นดาบเข้าฝักแล้วสะพายไว้ที่หลังโดยให้ด้ามดาบโผล่ออกมาทางด้านไหล่ขวา แต่พอกรถามคำถามกับเคลเบรอสไป มันก็โผล่ขึ้นมาจากฝักเล็กน้อยทั้งอย่างงั้นด้วยตัวเอง เพื่อให้ส่วนที่เป็นใบหน้าโผล่ออกมา แล้วก็ตอบกลับกรไปแทบจะทันทีด้วยน้ำเสียงที่ดูร่าเริง แล้วในระหว่างทางลงไปชั้นที่ 26 กรก็พูดคุยกันเล็กน้อยกับเคลเบรอส
〝เห้ย เจ้าหมา! แกเพิ่งจะจากที่อยู่ของแกมาไม่ใช่เหรอ ไม่รู้สึกเหงาซักนิดรึไงกัน!!!〞
〖โห้! ยังเร็วไปแสนปีนะเจ้าหนู ถ้าจะมาห่วงข้าคนนี้ แต่ก็เอาเถอะ… ข้าเองก็เบื่อกับที่พรรค์นั้นแล้วหล่ะนะ…การได้ติดตามเจ้าไปเนี่ยคงจะสนุกไม่ใช่น้อย…เพราะงั้นก็อย่าทำให้ข้าผิดหวังซะหล่ะ..〗
〝อย่าคาดหวังกับฉันมากจะดีกว่านะ…〞
〖อย่าดูแคลนตัวเองไปเลยเจ้าหนู เจ้าหน่ะเป็นเพียงไม่กี่คนเลยนะที่ทำให้ข้าสนุกได้ถึงขนาดนั้นหน่ะ….เพราะงั้นก็… ขอฝากตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งทั้งในฐานะข้ารับใช้และในฐานะ『เพื่อนพ้อง』ก็แล้วกันหล่ะ เจ้าหนู!!!〗
〝………………..〞
พวกพ้อง…..งั้นเหรอ…….
〖หืม!?….เป็นอะไรไปเจ้าหนู รึว่ารู้สึกไม่ค่อยดีกับคำพูดของข้า!?〗
แล้วพอเคลเบรอสฝากตัวกับกรอีกครั้ง ทั้งยังบอกกับกรอีกว่าตัวเองเป็นพวกพ้อง ก็เลยทำให้กรนึกถึงความหมายของมันวนเวียนอยู่ในหัวครู่หนึ่ง แล้วพอเคลเบรอสสังเกตเห็นกรเงียบไปพักใหญ่ก็เลยถามออกมาด้วยความเป็นห่วง แต่รูปประโยคกลับคล้ายกับจะประชดประชันกรเล็กน้อย แต่กรที่กำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ก็ไม่ได้คิดมากแต่อย่างใด
〝เปล่าหรอก……ก็แค่ …..ตั้งแต่เกิดมา ฉันมีคนที่สามารถเรียกแบบนั้นได้อย่างเต็มปากแค่ 6 คนเท่านั้นเอง….〞
〖……………….〗
กรที่ตอบเคลเบรอสออกไปแบบนั้นเบาๆด้วยเสียงที่หนักแน่น แต่กลับก้มหน้าลงต่ำจนเหมือนกับกำลังเศร้าใจ ทั้งยังแผ่บรรยากาศน่าสลดออกมาเล็กน้อยโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ นั่นเลยทำให้เคลเบรอสครุ่นคิดเรื่องของกรขึ้นมาเล็กน้อย และแม้ก่อนหน้านี้กรจะบอกว่าไม่ได้คิดมากเรื่องนั้นเพราะตัวเขาต้องการมีชีวิตอยู่ด้วยตัวคนเดียวเพื่อตัวเขาคนเดียวก็ตาม แต่เพราะเคลเบรอสสังเกตเห็นว่า ในประโยคที่กรพูดออกมานั้น มันมีคำว่า〝แค่〞อยู่ เพราะนั่นมันหมายความว่า กรไม่ได้ต้องการแค่นี้นั่นเอง แม้ตัวกรจะไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย แต่เคลเบรอสที่สังเกตเห็นจุดนั้น จึงได้คิดว่ากรก็เป็นแค่เด็กขี้เหงาที่พยายามทำตัวแข็งแกร่งเพื่อมีชีวิตรอดในนรกสุดโหดที่เรียกว่าดันเจี้ยนแห่งนี้ ก็สัญญากับตัวเองอยู่ในใจว่าจะเป็นเพื่อนพ้องกับเด็กคนนี้และจะปกป้องเขาอย่างสุดชีวิตให้ได้
〖งั้นเหรอ…เจ้าเองก็คงลำบากมาเยอะสินะ〗
เคลเบรอสพูดแบบนั้นออกไปเป็นเชิงปลอบใจกรเล็กน้อย แต่กรก็ไม่ได้ตอบกลับเคลเบรอสแต่อย่างใด แล้วกรก็ยังคงมุ่งหน้าลงไปยังชั้นที่ 26 ต่อไป โดยที่ระหว่าทางหลังจากนั้นทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีกเลย แล้วหลังจากนั้นไม่นานกรก็ลงมาจนถึงปากทางเข้าชั้นที่ 26 ในที่สุด…..
❖❖❖❖❖
Facebook Page : https://www.facebook.com/HatthAnant