2: จัดของ
2: จัดของ
พนักงานจากบริษัทขนส่งยกกล่องกระดาษสีน้ำตาลหลายสิบใบเข้ามาในห้อง หลังตรวจเช็กความเรียบร้อยและไม่พบว่ามีอะไรเสียหาย ลีโอก็เซ็นรับรองเอกสารแล้วบอกขอบคุณ
“ขอบคุณที่ใช้บริการนะครับ” พนักงานสามคนกล่าวลา ปิดประตูห้องให้เจ้าของตามมารยาท
ลีโอมองประตูห้องปิดลง พลันรอยยิ้มบนหน้าก็แห้งเหือด ตอนนี้ในห้องมีแค่ลีโอกับเอริค บรรยากาศจึงกึ่งหนักอึ้งกึ่งวาบหวามอย่างบอกไม่ถูก
“เหนื่อยไหมครับ” เสียงเอริคดังมาจากข้างหลัง
ลีโอสะดุ้งหันกลับมา ใบหน้าหล่อไร้อารมณ์อยู่ห่างไปไม่กี่คืบ เอริคสูงกว่าจึงโน้มตัวลง ลีโอก้าวถอยหนึ่งก้าวโดยอัตโนมัติ พลางยิ้มเจื่อน “ไม่ครับ ไม่เหนื่อยเลย”
“แล้วหิวรึเปล่าครับ” เอริคยืดตัวตรง ก้าวเท้าตามลีโอหนึ่งก้าว
“ยังไม่ค่อยหิวครับ” ลีโอก้าวถอยอีก
“ใกล้จะเที่ยงแล้วนะครับ คุณควรทานอะไรหน่อย” เอริคก้าวตามอย่างไม่ลดละ “ถ้าคุณถอยหนีอีก หลังคุณคงติดประตูแน่ ๆ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็อย่าตามมาสิครับ”
“ไม่อยากให้ตามเหรอครับ”
“มันใกล้ไปน่ะครับ ผมไม่ชิน” ลีโอยิ้มแห้ง ๆ
“อยู่ด้วยกันมันเลี่ยงได้ยากนะครับ” เอริคตามมาจนกักลีโอไว้กับประตูห้อง
“คุณโดโนแวน ใกล้เกินไปแล้วนะครับ” ลีโอใจเต้นแรง ไม่กล้าสบตากับเอริค แต่รู้ว่าเอริคกำลังก้มลงมา
“คุณจะได้ชินไงครับ” เสียงทุ้มดังข้างใบหูแดงของลีโอ ลมหายใจอุ่นเป่ารดสร้างความจั๊กจี้แปลก ๆ
“ครับ” ไม่รู้อะไรดลใจให้ลีโอรับคำเอริค แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าชีวิตคู่ยากจะหลีกเลี่ยงเรื่องใกล้ชิดกัน ดังนั้นลีโอควรทำใจให้ชิน
“หิวรึยังครับ ทำอะไรง่าย ๆ ทานกันไหมครับ” เอริคชวน ลีโอพยักหน้า เดินตามไปยังห้องครัว
“ผมยังไม่ได้ซื้อของสดมาใส่ตู้เย็น ตอนนี้มีแค่อาหารแช่แข็ง คุณไม่ว่าอะไรใช่ไหมครับ” เอริคถามขณะเปิดตู้เย็นหยิบกล่องพลาสติกสีขาวออกมา
“ไม่เป็นไรครับ ผมทานได้ มาครับ ผมช่วย” ลีโอแกะพลาสติกรอบกล่องแล้วยัดใส่ไมโครเวฟ
เมื่อสองวันก่อนเอริคโทรบอกลีโอว่าเขาจะย้ายเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้เข้ามาก่อน ลีโอแค่เอาเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวมาก็พอ ทันทีที่ขนของเข้ามาในห้อง ลีโอพบว่ารสนิยมของเอริคตรงข้ามกับเขาสุดขั้ว เฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นของเขาเรียบหรูมีระดับ แค่มองด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าราคาแพงระยับจนลีโอรู้สึกโล่งใจที่ไม่พลาดขนเก้าอี้โยกตกยุคของตัวเองมาให้ขายหน้า
“ผมจะสั่งพิซซ่ามาเพิ่ม คุณชอบท็อปปิ้งอะไรเหรอครับ” เอริคถามพลางหยิบมือถือมากด
“แล้วคุณชอบท็อปปิ้งหน้าอะไรเหรอครับ” ลีโอละสายตาจากกล่องพลางหมุนตัวไปยังเอริค คนผมสีปีกกาเหล่มอง นัยน์ตาคล้ายคิดเรื่องสนุก ๆ ได้
“นี่เราไม่ได้เปิดศึกหน้าพิซซ่ากันใช่ไหมครับ”
“คงแย่หน่อยนะครับ เพิ่งย้ายมาอยู่ด้วยกันก็ทะเลาะกันเพราะหน้าพิซซ่าซะแล้ว” ลีโอกึ่งยิ้มกึ่งหัวเราะ
“แล้วคุณชอบสัปปะรดบนหน้าพิซซ่ารึเปล่า” สีหน้านิ่งเฉยของเอริคจริงจังขึ้นวูบหนึ่ง
“ผมไม่ใช่คนอิตาลี ฉะนั้นก็ไม่ได้เกลียดหรอกครับ” ลีโอไหวไหล่กวน เหลือบสายตาจริงจังถาม “แล้วคุณล่ะ”
“ผมก็ไม่ใช่คนอิตาลีเหมือนกัน”
ลีโอหัวเราะ “งั้นฮาวาเอียนเพิ่มแฮมครับ”
มื้ออาหารจบลงด้วยดี ระหว่างพักท้องก่อนไปจัดของ ลีโอนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้
“จริงสิครับเรื่องอาหาร คุณมีอะไรที่ชอบหรือไม่ชอบรึเปล่าครับ”
คิ้วเอริคขยับเล็กน้อยคล้ายสงสัย ลีโอเสริม “งานแม่บ้านต้องทำอาหารใช่ไหมครับ”
“เรื่องนี้นี่เอง” แววตาสีฟ้าน้ำทะเลคล้ายจะยิ้ม “ผมทานได้ทุกอย่างยกเว้นของเผ็ดครับ”
“เหมือนผมเลย ผมก็ไม่ชอบรสเผ็ดครับ” ลีโอบอกอย่างดีใจที่พวกเขามีอะไรเหมือนกัน
“ครับ ผมรู้”
“คุณรู้” คิ้วลีโอขมวด
เอริคชะงัก แววตาดูสับสน “เพราะผมเป็นคู่ของคุณมั้งครับ”
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอครับ” ลีโอแปลกใจ ไม่เคยได้ยินมาก่อน
“แค่คาดเดาน่ะครับ”
ชั่วขณะหนึ่ง บรรยากาศในห้องเหมือนถูกถ่วงด้วยตะกั่ว เอริคลุกขึ้นเก็บกล่องพลาสติกว่างเปล่าซ้อนกับกล่องพิซซ่า “คุณอยากไปดูห้องนอนไหมครับ”
เสียงทุ้มผ่าม่านความหนักอึ้งออก ลีโอตัวเบาหวิว ลืมความรู้สึกเสี้ยววิก่อน ตอบอย่างสนอกสนใจ “ครับ อยากเห็นครับ”
รอเอริคทิ้งขยะเสร็จพวกเขาก็ตรงไปยังห้องนอน ประตูไม้เปิดออก ด้านในตกแต่งเรียบง่ายด้วยโทนสีขาวและสีน้ำตาลอ่อน มีตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ โต๊ะวางของ พรมหนานุ่มฟูสีขาว ต้นไม้ประดับตรงมุมห้อง และเตียงขนาดใหญ่… หนึ่งเตียง
“ไม่ใช่เตียงคู่เหรอครับ” ลีโอกะพริบตาเผื่อว่ามองผิด แต่กะพริบเท่าไรเตียงตรงหน้าเขาก็ไม่มีท่าทีแยกออกเป็นสองหลัง
“อ่า… ขอโทษด้วยครับ ตอนย้ายห้องมาที่นี่ผมมีแค่เตียงหลังนี้ ไว้ค่อยไปซื้อทีหลังนะครับ” เอริคบอก
“ครับ”
“หากคุณไม่สบายใจ ผมจะนอนที่โซฟา”
“ไม่เป็นไรครับ คุณทำงานเหนื่อยจะนอนโซฟาได้ยังไง แค่ช่วงนี้เองครับ” ลีโอโบกมือห้ามเป็นพัลวัน
“ถ้าอย่างนั้นช่วงนี้รบกวนด้วยนะครับ”
“ผมต่างหากที่ต้องพูดคำนั้น นั่นเตียงคุณนะครับ”
“ไม่ใช่ครับ ของเราต่างหาก” เอริคบอก
คำว่า ‘เรา’ เขย่าก้อนเนื้อในอกซ้ายลีโออย่างแรง เสียงตึกตักดังขึ้นมาจนน่ากลัวว่าเอริคจะได้ยิน สองแก้มร้อนผ่าวทั้งที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ
“ผม… ผมว่าผมไปจัดของก่อนมื้อเย็นจะดีกว่านะครับ” ลีโอปลีกตัวออกไป
ด้านนอกตรงทางเดิน กล่องกระดาษสีน้ำตาลวางซ้อนกันหลายชั้น ลีโอลงมือแกะทีละกล่องดูว่าข้างในเป็นอะไร ทว่าเขาก็เหลือบไปเห็นเอริคย่อตัวนั่งลงข้าง ๆ จากหางตาแล้วถาม “มีอะไรต้องซื้อเพิ่มไหมครับ”
“คงเป็นพวกเสื้อผ้าทั่วไปครับ” ลีโอตรวจของในกล่องบอก
“นั่นสินะครับ ต่อจากนี้คุณไม่ได้ทำงานแล้ว ต้องซื้อชุดอยู่บ้านเพิ่ม” เอริคขยุกขยิกมือกับกางเกง ลีโอพอเห็นจากหางตาแต่แสร้งตีหน้าซื่อว่าไม่เห็น อัตราการเกิดของประชากรโลกเป็นเรื่องสำคัญ และพวกเขาทั้งสองคือส่วนหนึ่งของกลไก แต่พวกเขาเพิ่งใช้ชีวิตด้วยกันยังไม่ครบยี่สิบชั่วโมง! เอริคจะใจร้อนเกินไปแล้ว!
บัตรเครดิตสีทองยื่นมาตรงหน้าลีโอ เนื้อตัวร้อนรุ่มของเขาดับวูบ มองบัตรสีทองสลับกับมองหน้าเอริคไปมา
“ครับ อะไรเหรอครับ จะให้ผมไปซื้อน้ำผลไม้ให้เหรอครับ” ลีโอขมวดคิ้ว ซื้อของให้สามี—ถึงจะยังไม่ได้แต่งงาน เป็นงานหนึ่งของแม่บ้าน แต่ดูเหมือนเอริคจะไม่ชอบน้ำผลไม้ถึงได้ขมวดคิ้วมุ่นอย่างนั้น
“ถ้าใช้บัตรนี่ซื้อน้ำผลไม้ ผมคิดว่าซื้อโรงงานผลิตน้ำผลไม้จะดีกว่านะครับ” เอริคบอกพลางยัดบัตรใส่มือลีโอ “เอาไว้ซื้อของนะครับ รูดได้ตามสะดวก”
“แต่ว่าเราตกลงเรื่องเงินว่าจะหารกันไม่ใช่เหรอครับ” ลีโอทวนสัญญาซึ่งเคยคุยกับเอริคผ่านทางโทรศัพท์
“เอาไว้วงเงินเต็ม หลังจากนั้นเราค่อยมาหารกัน ดีไหมครับ”
“แล้วเจ้านี่มันวงเงินเท่าไรเหรอครับ” ลีโอพลิกบัตรสี่เหลี่ยมสีทองในมือไปมา ลักษณะผิวของมันแตกต่างจากบัตรเครดิตทั่วไป วัสดุที่ใช้ทำไม่ใช่แผ่นพลาสติกแข็งแต่เป็นโลหะ หน้าบัตรสลักชื่อเอริคเป็นด้วยอักษรเขียนอย่างงดงาม
“ไม่เยอะหรอกครับ อันนี้เป็นบัตรสำรอง” เอริคบอกเหมือนจะยิ้ม
ตกค่ำลีโออยากถอนคำพูดเมื่อตอนบ่าย ถึงจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่เอาเข้าจริงค่อนข้างยากที่จะบอกแบบนั้น ลีโอนอนอยู่บนเตียง ห่างออกไปสามคืบมีใบหน้าหล่อคมของเอริคนอนอยู่ ขนตาเป็นแพหนาปิดสนิท ริมฝีปากอิ่มเผยอออกเล็กน้อย รอบตัวห้อมล้อมไปด้วยกลิ่นสบู่หอม
ลีโอเป็นคนเอาสบู่ไปวางในห้องน้ำกับมือ ไม่รู้ทำไมพอเป็นเอริคกลิ่นสบู่ถึงแตกต่างออกไป มันช่างหอมหวาน ดึงดูด และน่าครอบครอง สบู่ไม่ควรมีกลิ่นพวกนี้ ลีโอขยับเข้าไปใกล้ ดมอยู่ครู่หนึ่งก็เบิกตากว้าง ร่างกายขยับออกห่างทันที
เพื่อป้องกันความวุ่นวาย ที่ทำงานของลีโอจะแบ่งแยกโอเมก้าและอัลฟ่าอย่างชัดเจน ประกอบกับอัลฟ่าส่วนมากมีความสามารถสูง พวกเขาจึงอยู่ในตำแหน่งระดับสูง ครั้งหนึ่งลีโอจัดการเตรียมเอกสารในห้องประชุม บรรยากาศกดดันและกลิ่นหนักอึ้งในห้องทำลีโอเวียนหัววูบ รู้ว่านั่นคือกลิ่นที่อัลฟ่าระดับสูงใช้ข่มขู่กัน แต่ไม่รู้ว่ากลิ่นสำหรับดึงดูดโอเมก้าเป็นแบบไหน
ทุกครั้งที่ได้กลิ่นหอมจากตัวเอริค… หรือเขาจะจงใจ?
“นอนไม่หลับเหรอครับ” เสียงทุ้มถามทั้งที่เจ้าตัวยังหลับตา
ลีโอสะดุ้งเกือบตกเตียง “ครับ พอดีไม่ค่อยชิน”
“ขยับเข้ามาหน่อยสิครับ เดี๋ยวคุณจะตกเตียงเอา” เอริคไม่ว่าเปล่า ขยับมือดึงเอวลีโอเข้าหาตัว
“แต่ว่า… กลิ่น” ลีโอตกใจเผลอหลุดปาก
ดวงตาสีฟ้าเปิดขึ้น ฉายแววงุนงน “กลิ่น? ผมอาบน้ำแล้วนะครับ”
“ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่แบบนั้น”
“แล้วแบบไหนเหรอครับ”
“กลิ่นหอม” ลีโอกลืนน้ำลาย
“กลิ่นหอม?” น้ำเสียงเอริคแฝงกระแสสงสัย ดวงตามองแก้มนวลคลอแสงโคมไฟเปล่งสีแดงจาง ๆ “แบบนี้นี่เอง มิน่าคุณถึงเลี่ยงไม่อยู่ใกล้กับผม คิดว่าผมปล่อยฟีโรโมนดึงดูดคุณเหรอครับ”
“ผมไม่รู้ว่าฟีโรโมนดึงดูดของพวกอัลฟ่าเป็นยังไง” สมาธิของลีโอถูกรบกวน แรงดึงจากมือเอริคขยับร่างเขาให้เข้าไปใกล้ขึ้น
เสียงครางอืมอยู่ในลำคอเอริค ลมอุ่นเป่ารดหูลีโอ “คุณไม่เคยคบใครก็เลยไม่รู้สินะครับ อีกอย่างการปล่อยกลิ่นดึงดูดคนอื่นนอกจากคู่ตัวเองเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ว่าแต่อยากรู้ไหมครับว่ามันเป็นยังไง”
ดวงตามรกตเบิกกว้างเต็มไปด้วยความรู้สึกหลายอย่าง เอริคจ้องลึกเข้าไป สักพักกลิ่นหอมเย้ายวนก็โชยไปทั่วห้อง ร่างลีโอสั่นกระตุก เส้นประสาทคล้ายมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่าน บางสิ่งบางอย่างในตัวค่อย ๆ ลืมตาตื่น
“เอ… เอริค” ลีโอขยุ้มเสื้อเอริคแน่น ปลายเท้าร้อนผ่าวเหมือนถูกไฟลน ความรู้สึกอยากครอบครองคนตรงหน้าคืบคลานเข้ามาในความคิด สติสัมปชัญญะจมสู่บ่อน้ำผึ้งหวาน
“คุณไม่เคยได้กลิ่นนี้จริง ๆ ด้วย” เอริคมองมือสั่นเทาพยายามแกะกระดุมเสื้อและใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความกระหายของลีโอ ริมฝีปากหยักทาบลงบนหน้าผากมน ไม่นานกลิ่นหอมเย้ายวนก็จางหายไป
สติลีโอเริ่มเข้าร่องเข้ารอย “เมื่อกี้มัน…” ประโยคทั้งหลายถูกกลืนลงคอพร้อมน้ำลายเหนียว แก้มสองข้างแดงไปถึงหู
“ขอโทษที่ผมทำตามใจชอบ ผมจะไปนอนข้างนอกนะครับ” เอริคบอกอย่างสำนึกผิด เปิดผ้าห่มเหยียดตัวขึ้น ก้าวเท้าออกไปแล้วปิดประตู
นาฬิกาข้างหัวเตียงบอกเวลาตีสอง ลีโอนอนไม่หลับ เขาเอาแต่ผลิกตัวไปมาบนเตียงกว้าง จิตใจว้าวุ่นจนข่มตานอนไม่ได้ ในเสี้ยวความรู้สึกของลีโอมีบางสิ่งบางอย่างขาดหายไป บางอย่างที่เขาพยายามหนีเพราะรู้ว่าหากเข้าใกล้อาจถอนตัวไม่ขึ้น
ขายาวก้าวลงจากเตียงมายังห้องรับแขก บนโซฟาทรงตัวแอลขนาดใหญ่มีเอริคที่ห่มผ้าหลับสนิท หน้าอกยกขึ้นลมตามจังหวะหายใจสม่ำเสมอ ลีโอก้มลงไปใกล้ ทันทีที่จมูกได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จิตใจดั่งทะเลคลั่งก็สงบลง ลีโอขดตัวนอนบนพรมข้างเอริค คร่ำครวญเรื่องที่เกิดขึ้นในสมอง ไม่นานก็ผล็อยหลับไป
ท่ามกลางแสงสลัวจากอาคารสูงนอกห้อง ร่างบนโซฟาขยับตัวลุกขึ้น ดวงตาสีฟ้ามองคนตัวเล็กบนพื้นพรมก่อนคลานลงไปหา ก้มสำรวจใบหน้างามละมุน แก้มสีแดงฝาด และริมฝีปากสีอ่อน เอริคจ้องริมฝีปากนุ่มอยู่นาน แววตาทื่อสนิทพลันเกิดระลอกบางอย่างขึ้นมาครู่หนึ่ง จุมพิตเบาบางประทับลงบนหน้ามนของลีโอ
“ขอโทษนะครับ แต่ผมอยากให้คุณขาดผมไม่ได้” เสียงทุ้มกระซิบเบาดุจขนนกร่วงลงพื้น เอริคช้อนร่างลีโอกลับไปยังเตียง ห่มผ้า แล้วนอนลงข้างกัน
“วันนี้ต้องซื้อของ พวกของใช้จำเป็นก็…” มือลีโอจับปากกาอยู่เหนือกระดาษสีขาวแผ่นเล็ก ขยับซ้ายขวาขีดเขียนรายการจำเป็น สักพักเสียงถอนหายใจก็ลากยาวออกจากปาก
ลีโอเริ่มต้นการเป็นแม่บ้านได้ย่ำแย่ที่สุด เขาตื่นตอนเก้าโมงเช้า พอดีกับที่เอริคเตรียมตัวจะออกไปทำงาน ในครัวมีแก้วกาแฟใช้แล้ววางอยู่แก้วหนึ่ง ไม่มีขนมหรือจานอาหาร ลีโอเร่งรีบจะทำไข่ดาวทอดกับเบคอนให้ แต่ในตู้เย็นกลับมีแค่พิซซ่าเย็นชืด
แม้เอริคไม่พูดอะไรแต่ลีโอกลับรู้สึกผิดอย่างประหลาด ปากกาเหล็กแตะลงบนปากลีโอเป็นจังหวะ สายตามรกตเหม่อไปยังโซฟาห้องนั่งเล่น พลันใบหน้าก็ร้อนผ่าว
“เมื่อคืนมันอะไรกัน… อันตรายเป็นบ้า” ลีโอพึมพำพลางส่ายหัว ก่อนลงมือเขียนรายการซื้อของต่อ ถึงอย่างนั้นก็หยุดคิดเรื่องกลิ่นของเอริคเมื่อคืนไม่ได้ ความหอมหวานดุจมวลดอกไม้ผสมความมัวเมายากนักจะลืมได้ลง
“อยากได้กลิ่นอีกจัง” พูดจบลีโอเบิกตาโตทันควัน ขยี้หัวตัวเองจนยุ่งเหยิง
เขียนใบรายการเสร็จ ลีโอก็แต่งตัวออกไปข้างนอก ทว่าปลอกคอโอเมก้าเป็นสิ่งเดียวที่เขาหาไม่เจอ
“ไม่ได้เอามาด้วยเหรอ” ลีโอยืนเกาหัวท่ามกลางกล่องกระดาษที่เปิดอ้าหลายกล่อง ลมหายใจพ่นออกจากปากเป็นครั้งที่สองของวัน “เอาเถอะ ซื้อใหม่ก็ได้”
ลีโอถือกระเป๋าผ้าออกจากห้องด้วยใบหน้าเหมือนคนนอนไม่พอ ซึ่งก็นอนไม่พอจริง ๆ ประตูห้องปิดดังขึ้นติดต่อกันสองครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน เมื่อลีโอเหลือบมองห้องข้าง ๆ เห็นมีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ ในมือถือถุงผ้า ตรงคอใส่ปลอกคอโอเมก้าสีดำ หน้าตางดงาม ดวงตาสีทองส่อแววเข้มแข็ง ตัดกับผมสีดำเป็นประกาย
“สวัสดีครับ” ลีโอทักทายตามมารยาท
“สวัสดีครับ เพิ่งย้ายมาเหรอครับ” ชายผมดำทักทาย ก้าวย่างเข้ามาหา
“ครับ ผมเพิ่งย้ายมาเมื่อวานชื่อลีโอ แบรนโดครับ ฝากตัวด้วยนะครับ” ลีโอยื่นมือออกไป อีกฝ่ายจับไว้เบา ๆ
“ผมชื่อคลินซ์ เอวานา ฝากตัวด้วยเช่นกันครับ” ดวงตาสีทองหรี่ลง “คุณเป็นโอเมก้านี่ครับ ทำไมไม่ใส่ปลอกคอตอนออกมา”
ลีโอลูบคอ “พอดีมันน่าจะหาตอนผมย้ายห้องครับ ตอนนี้กำลังจะไปซื้อใหม่”
“มันอันตรายนะครับ รอผมตรงนี้ก่อน เดี๋ยวผมมา” คลินซ์กลับเข้าไปในห้องแล้วกลับออกมาพร้อมกับปลอกคออีกอัน “อันนี้ผมให้ยืมใส่”
“ขอบคุณครับ รบกวนคุณซะแล้ว” ลีโอหัวเราะแห้ง ๆ หยิบปลอกคอมาสวม “ว่าแต่คุณเอวานาเก่งจังเลยนะครับ รู้ว่าผมเป็นโอเมก้าด้วย”
“คนที่ว่างพอไปจ่ายตลาดในช่วงบ่ายส่วนมากเป็นแม่บ้านโอเมก้านั่นแหละครับ อีกอย่างคุณดูออกง่ายจะตาย”
“ผมน่ะเหรอครับ” ลีโอที่เพิ่งใส่ปลอกคอเสร็จชี้นิ้วเข้าอก
คลินซ์พยักหน้า “ตัวเล็ก บอบบาง ผิวเนียน ส่วนมากโอเมก้าเป็นแบบนี้”
ลีโอมองคลินซ์ ตัวสูง เอวหนา ผิวสีน้ำผึ้งเนียนละเอียด หากไม่มีปลอกคอคงแยกไม่ออกว่าเป็นโอเมก้า
“คุณจะไปซื้อของใช่ไหมครับ ถึงแถวนี้จะไม่อันตราย แต่ไปด้วยกันจะดีกว่านะครับ” คลินซ์แนะนำ
“ได้สิครับ ผมกำลังกังวลเรื่องนี้พอดีเลย” ดวงตาสีมรกตเปล่งประกายวิบวับ ก้าวเท้าเดินตามข้าง ๆ
คลินซ์อาศัยอยู่แถวนี้มานานจึงรู้จักร้านดี ๆ หลายร้าน เขาแนะนำร้านขนมปังโฮมเมดรสชาติดีข้างสถานีรถไฟฟ้าให้ลีโอ ซูเปอร์ฯ ที่ขายนมสดและวัตถุดิบมีคุณภาพ ร้านอาหาร ร้านซ่อมเสื้อผ้า และร้านอื่น ๆ อีกมากมาย ด้วยหน้าตาสวยแกร่ง ท่าทางปราดเปรียวทะมัดทะแมง ภายนอกคลินซ์จึงดูเป็นคนแข็งกระด้าง แต่สำหรับลีโอ คลินซ์นิสัยดี มีน้ำใจ เป็นจริงใจคนตรงไปตรงมา
“ผมว่าเราควรไปซื้อปลอกคอก่อนซื้อของนะครับ” คลินซ์แนะนำ
“แถวนี้พอจะมีร้านขายรึเปล่าครับ” ลีโอมองร้านซูเปอร์ฯ ขนาดกลางซึ่งข้างในเต็มไปด้วยอาหารสดและผักผลไม้
“แถวนี้ไม่มีหรอกครับ ต้องไปซื้อที่ห้างสรรพสินค้าสถานีข้างหน้า”
พวกเขาแวะซื้อครัวซองต์ใส่ถุงผ้าก่อนเข้าไปในสถานี รถไฟจอดใต้ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ข้างในเต็มไปด้วยร้านค้าชื่อดังมากมาย
“มีแบรนด์ที่ชอบเป็นพิเศษรึเปล่าครับ” คลินซ์ถามขณะเดินผ่านร้านปลอกคอสำหรับโอเมก้า
“ไม่มีครับ ปกติผมใส่ปลอกคออะไรก็ได้อยู่แล้ว” ดวงตาสีมรกตสำรวจหุ่นโชว์ในตู้กระจก เห็นว่าปลอกคอส่วนมากไม่ต่างกัน ยกเว้นชื่อแบรนด์และราคา
“มีงบกำหนดไว้รึเปล่าครับ เดี๋ยวผมแนะนำให้”
ปลอกคอเป็นของส่วนตัว ไม่ควรใช้เงินของเอริค ขณะกำลังคิดถึงยอดเงินคงเหลือในธนาคาร ไหล่ของลีโอก็ถูกชนอย่างแรงจนเซกระแทกเข้ากับคลินซ์
“โอ๊ย…!” ลีโอหน้านิ่ว ได้ยินเสียงร้องของคลินซ์ดังอยู่ข้างหู พอเงยหน้าก็เห็นชายคนหนึ่งเหลือบมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ที่คอมีปลอกคอสีขาวสวมเอาไว้
โอเมก้าชั้นสูง?!
ถึงจะแยกไม่ออกว่าปลอกคอปกติแตกต่างกันยังไง แต่ปลอกคอสีขาวเป็นที่ทราบโดยทั่วไปว่าผู้ใส่คือโอเมก้าของอัลฟ่าระดับสูง เตือนไม่ให้คนอื่นเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือมีปัญหากับโอเมก้าคนนั้น
อีกฝ่ายแสยะยิ้มอย่างรังเกียจ เอ่ยเสียงเบา “พวกชั้นต่ำ สกปรก”
ลีโอตัวแข็งทื่อ โอเมก้าชั้นสูงสะบัดหน้าเดินไปทางอื่น เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหู “นี่! ชนคนอื่นแล้วทำไมไม่ขอโทษ”
โอเมก้าปลอกคอขาวหันกลับมา ลีโอหันตามเสียง เป็นคลินซ์ที่พูด สีหน้าแสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจ
สายตาคมกริบปรายมองคลินซ์และลีโอ สำรวจตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาถึงใบหน้า แล้วหัวเราะอย่างสมเพช “ทำไมผมต้องขอโทษคนแบบพวกคุณด้วยล่ะครับ”
“นายเป็นคนชนเขานะ” คลินซ์ว่า
“ช่วยไม่ได้นะครับ เขาขวางทางผมเอง” โอเมก้าคนนั้นไหวไหล่อย่างไม่แยแส
“นี่นาย!” คลินซ์ขบฟัน ตำแหน่งที่พวกเขายืนห่างจากประตูร้านหลายสิบก้าว ถ้าโอเมก้าคนนี้ไม่จงใจก็คงตาบอด
“คุณเอวานา พอเถอะครับ ผมไม่เป็นไร” ลีโอรั้งแขนคลินซ์
“ไม่เป็นอะไรได้ยังไงครับ เขาเป็นคนผิดนะ เกิดเมื่อกี้คุณล้มหัวฟาดขึ้นมาจะทำยังไง” คลินซ์บอกด้วยแววตาเป็นห่วง
เมื่อกี้ลีโอเซไปโดนคลินซ์จึงไม่ทันคิด และหากชนแรงกว่านี้ คนที่ล้มหัวฟาดพื้นอาจไม่ใช่ลีโอ แต่จะเป็นคลินซ์
“คือว่าผม…” ลีโอรู้สึกผิดขึ้นวูบ
“เฮ้อ เสียเวลาชะมัด” โอเมก้าชั้นสูงถอนหายใจ ก้าวเท้าเดินผ่านพวกเขาไป ทว่าต้องชะงัก เขาหันกลับมาเห็นคลินซ์คว้ามือไว้ ดวงตาคมกริบฉายแววรังเกียจ ขยะแขยงราวกับเห็นเศษขยะ “ปล่อย! ไอ้พวกชั้นต่ำ”
“ขอโทษมาก่อนสิ ผมถึงจะปล่อย” คลินซ์จ้องกลับไม่สะทกสะท้าน
“ทำไมผมต้องขอโทษพวกชั้นต่ำอย่างคุณด้วย!” โอเมก้าคนนั้นขบฟันพูด ใบหน้างดงามดูสะอิดสะเอียนเหมือนอยากอ้วก
“งั้นเหรอครับ ดูเหมือนการเป็นโอเมก้าชั้นสูงจะเป็นแค่ชนชั้น แต่ไม่ใช่การศึกษาสินะครับ”
“แก!” เส้นเลือดในตาคมแดงก่ำ มืออีกข้างง้างขึ้น แล้วฟาดลงบนแก้มนุ่มอย่างแรง
เพียะ!