3: กลิ่น
3: กลิ่น
เสียงฝ่ามือกระทบเนื้อนุ่มดังแสบหู ผู้คนรอบข้างที่หยุดมองเหตุการณ์ต่างส่งเสียงฮือฮาแต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่ง ปลอกคอสีขาวบอกว่าคนที่ตบเป็นโอเมก้าชั้นสูง การมีเรื่องกับเขาไม่ใช่ความคิดที่ฉลาดนัก จึงทำได้เพียงทอดถอนใจกับชายผู้โชคร้ายสองคน
“ลีโอ!” คลินซ์เบิกตากว้าง ข้างหน้ามีร่างลีโอกั้นเอาไว้ระหว่างเขาและโอเมก้าชั้นสูงคนนั้น ฝ่ามือที่ตบลงมาโดนหน้าลีโอเต็ม ๆ แก้มนวลเปลี่ยนเป็นริ้วสีแดงครึ่งหน้า ในปากรู้สึกคาวโลหะปะแล่ม ๆ
คลินซ์ปล่อยมือโอเมก้าคนนั้นหันมาสนใจลีโอแทน “ลีโอ เจ็บมากรึเปล่า”
“ผม… ผมไม่เป็นไรครับ” ลีโอตอบ ใบหน้าครึ่งหนึ่งทั้งชาทั้งเจ็บจนแยกไม่ออก
คลินซ์ดึงลีโอออกห่าง หันไปถลึงตาใส่โอเมก้าคนนั้น “คุณทำเกินไปแล้วนะ!”
“เกินไปงั้นเหรอ! แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำที่กล้ามาแตะตัวผม! สกปรกชะมัด!” โอเมก้าชั้นสูงถูมือที่ถูกคลินซ์จับอย่างรังเกียจ
“บอกว่าสกปรก แต่ตัวเองก็เกิดมาเป็นโอเมก้าไม่ใช่รึไง!” คลินซ์ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นอะไรถึงแสดงท่าทีรังเกียจพวกเดียวกันนักหนา แค่เป็นโอเมก้าชั้นสูงไม่ได้แปลว่าจะมีสิทธิ์ทำอะไรคนอื่นได้
“หุบปาก! เลิกพูดสักทีว่าผมเป็นโอเมก้า!” สีหน้าโอเมก้าชั้นสูงเปลี่ยนสีไปมาระหว่างแดงและเขียวราวกับไม่อยากยอมรับสถานะเพศรองของตัวเอง ทว่าก็ไม่อาจปฏิเสธอำนาจที่มาจากเพศรองของตัวเองเช่นกัน
“ทำไมล่ะ คุณได้ปลอกคอสีขาวมาก็เพราะเป็นโอเมก้าไม่ใช่รึไง” คลินซ์ยักคิ้วกวนเหมือนรู้ความคิดอีกฝ่าย
“บอกให้หุบปากไง!” โอเมก้าคนนั้นง้างมือขึ้นอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้กลับค้างอยู่กลางอากาศ ความรู้สึกเจ็บแปลบอาบรอบข้อมือบาง ตามมาด้วยกลิ่นคุกคามกดดัน โอเมก้าชั้นสูงเบิกตากว้าง ใบหน้าซีดเผือด เขาหันกลับไปมองอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ม่านตาหดเล็กสบเข้ากับน่านน้ำสีฟ้านิ่งสงบ ทว่าอันตราย
“คุณโดโนแวน” ลีโอร้องทักเมื่อเห็นใบหน้าไร้อารมณ์อันคุ้นเคย ทว่าคราวนี้แฝงความขุ่นมัวเล็กน้อย ฉับพลัน ลีโอเห็นเส้นเขียนเขียวข้างขมับของเอริคโผล่ขึ้นมา… อืม เล็กน้อยล่ะมั้ง
สายตาสีฟ้าจ้องลีโอส่อแววสงสัย
“ไม่มีอะไรครับ แค่เข้าใจผิดนิดหน่อย” ลีโอผละออกไปหาเอริค
“เข้าใจผิด?” เสียงทุ้มทวน เหลือบมองโอเมก้าที่ตนคว้าข้อมืออยู่ ปลอกคอสีขาวบอกว่าเป็นโอเมก้าชั้นสูง
“ใช่ เข้าใจผิด คราวนี้ก็ปล่อยมือได้แล้ว!” โอเมก้าคนนั้นว่าพลางสะบัดแขนออก รีบถอยห่างจากเอริคไปหลายก้าว
“เข้าใจผิดตรงไหนกัน นายเป็นคนมาชนลีโอแล้วยังตบเขาอีก” คลินซ์แย้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะหนี
“ผมบอกว่าไม่ได้ชน เขามาขวางทางผมเอง!” โอเมก้าชั้นสูงว่า เหงื่อเย็นผุดเต็มหน้าผาก
“ผมกับเขาอยู่ห่างจากทางเข้าออกตั้งใกล้ ไปขวางคุณตรงไหนไม่ทราบครับ!”
“ขวางก็คือขวางสิ!”
“ขวางหรือคุณตั้งใจมาชนกันแน่!”
เสียงถกเถียงเงียบกริบราวกับถูกปิดสวิตช์ กลิ่นคุกคามสั่นประสาทลอยล่องในอากาศจนหายใจไม่คล่องคอ ดวงตาไร้อารมณ์ของเอริคเบิกกว้างเมื่อเห็นรอยริ้วสีแดงบนแก้มลีโอ
“ตบ?” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างยากลำบาก รอบตัวเต็มไปด้วยรังสีกดดันจนโอเมก้าชั้นสูงคนนั้นทนรับไม่ไหวขาอ่อนล้มพับไปกับพื้น คลินซ์ตัวสั่น อยากเกาะแขนลีโอแต่ไม่กล้า กลัวเกาะแล้วจะถูกกลิ่นของเอริคฆ่าเอา
“ไม่… ไม่เจ็บหรอก ไม่เป็นไร ผมไม่เป็นไร” ลีโอเข้าไปห้าม
“แต่ว่า…” เอริคลูบแก้มเปื้อนรอยแดง แรงลูบแผ่วเบาเหมือนแมลงปอแตะผิวน้ำ
“กลับกันเถอะนะครับ” ลีโอชวน กลิ่นคุกคามรุนแรงของเอริคไม่มีผลต่อลีโอแต่มีผลกับคนรอบข้าง ฝูงชนที่เคยรุมมองพวกเขาแตกฮือเมื่อเห็นเอริค บางคนทรมานเหมือนหายใจไม่ออก รีบเดินผ่านด้วยสภาพเหงื่อแตกพลั่กเต็มหน้า
มือของเอริคกำเข้าหากัน ระมัดระวังไม่ให้ลีโอเห็น เขานิ่งอยู่ครู่หนึ่งคล้ายครุ่นคิดอะไรบางอย่าง จากนั้นจึงหันไปทางโอเมก้าชั้นสูง “คู่ของคุณคือนักธุรกิจชื่อเซบาสเตียนสินะครับ”
“นาย… นาย!” โอเมก้าชั้นสูงรีบยกมือปิดหลังปลอกคอตัวเองซึ่งสลักชื่อคู่อัลฟ่าเอาไว้
“บอกเขาว่าผมจะติดต่อไป” เอริคฉีกยิ้มทว่าดวงตาเย็นเฉียบ เขาจูงมือลีโอให้เดินตาม “กลับกันเถอะครับ”
“นี่นาย… อย่าเพิ่งไป เดี๋ยวก่อน ผม… ผมไม่ได้ตั้งใจ…” เสียงหวาดกลัวตะโกนไล่หลัง แต่ไม่มีใครหันกลับไปดู
“ขอโทษแทนเด็กคนนี้ด้วยนะคะ เอ้า! ก้มหัวลงไปสิ!” ลีฟ อัลฟ่าสาวผมลอนสีน้ำตาลหน้าตาน่ารักราวกับตุ๊กตากดหัวคลินซ์ลงกับพื้น
“โอ๊ย! ทำอะไรของเธอเนี่ย ผมเจ็บนะ!” คลินซ์โวยวายหน้าซุกพรม รู้สึกจั๊กจี้จมูกจากขนนุ่ม
“แหม คลินซ์ พูดอะไรแบบนั้นล่ะ” แรงกดเพิ่มขึ้นสวนทางกับแขนเรียวเล็ก “ถ้าคุณไม่ปากดี คุณลีโอเขาคงไม่ลำบากนะคะ”
“อันที่จริงผมไม่ลำบากอะไรหรอกครับ” ลีโอหัวเราะแห้ง ๆ พลางโบกมือปฏิเสธ
“ผมไม่ได้ปากดีนะ อีกฝ่ายนั้นแหละที่ผิด เขาจงใจเข้ามาชนลีโอก่อนแล้วก็พูดไม่ดีกับลีโอ บอกว่าพวกเราสกปรกทั้งที่ตัวเองก็เป็นโอเมก้าเหมือนกัน” คลินซ์พยายามยกหัวขึ้นอย่างสุดความสามารถ เสียงยามอธิบายสั่นเครือจากแรงกด คิดว่าหากหล่อนยังไม่ยอมยกมือขึ้น หน้าคลินซ์คงทะลุพื้นซีเมนต์ไปถึงห้องข้างล่าง
“ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็เป็นโอเมก้าระดับสูงนะคะ” ลีฟบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แล้วเสริม “แต่นิสัยแย่จังเลยนะคะ”
“อืม” เอริคพยักหน้า
“ขอบคุณคุณเอริคที่ช่วยแก้ปัญหาที่เด็กคนนี้ก่อเอาไว้ด้วยนะคะ เอ้า คลินซ์ขอบคุณคุณเอริคด้วยนะคะ” แขนเล็กสั่นสะท้านออกแรงกดหัวควินซ์ทิ่มพรม เสียงตึงดังขึ้น คลินซ์รู้สึกว่าตัวเองได้ทักทายเพื่อนบ้านห้องข้างล่างเป็นที่เรียบร้อย
“ขอบคุณครับ คุณเอริค” เสียงอู้อี้ดังมาจากพรม
“ไม่เป็นไรครับ” เอริคบอกด้วยสีหน้านิ่งสงบ
“ถ้าอย่างนั้นดิฉันกับเด็กคนนี้ไม่รบกวนพวกคุณแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ” ลีฟลุกขึ้นพลางหิ้วแขนคลินซ์ให้ลุกตาม
“เดี๋ยวก่อนครับ ปลอกคอของคุณคลินซ์” ลีโอถอดปลอกคอยื่นให้คลินซ์ “ขอบคุณที่ให้ยืมนะครับ”
“คุณเก็บไว้ก่อนก็ได้ครับ ไว้ซื้อใหม่เมื่อไหร่ค่อย…” คลินซ์ขนลุกกราวจากสายตาเอริค รีบคว้าปลอกคอคืนแล้วปั้นยิ้ม “รีบไปซื้อนะ”
“ครับ จะรีบไปซื้อครับ” ลีโอว่า มองทั้งสองคนออกห้องไป ทันทีที่ประตูปิดลงก็อดชื่นชมไม่ได้ “ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าคู่ของคุณเอวานาจะเป็นอัลฟ่าผู้หญิง คุณว่า…”
ร่างลีโอถูกผลักลงบนเบาะ ก่อนเอริคจะตามมาคร่อม
“คุณ… คุณโดโนแวน จะ… จะทำอะไรครับ” ลีโอลนลานหน้าแดงก่ำ เอริคก้มลงมาใกล้เรื่อย ๆ จนกลิ่นหอมคุ้นเคยโชยเข้าสู่โพรงจมูก ลีโอห่อไหล่ หลับตาแน่น ในความมืดบางอย่างระโดนคอจนลีโอจั๊กจี้ สักพักความอุ่นนุ่มก็ทาบลงมา สัมผัสวูบวาบแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ลีโอตั้งใจจะหดคอเหมือนเต่าแต่ทำไม่ได้เพราะติดอะไรบางอย่าง เขาลืมตาขึ้น เห็นเอริคซุกใบหน้ากับคอตัวเอง
“คุณโดโน…” ลีโอถูกขัด
“เอริค เรียกว่าเอริค” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู ลมหายใจร้อนเบารดถี่กระชั้น “เรียกผมว่าเอริคนะครับ”
“คุณเอริค” เสียงอ้อนวอนของเอริคเป็นดั่งมนตร์สะกด ลีโอเรียกอีกฝ่ายตามต้องการ รู้สึกไม่คุ้นปากแต่หัวใจเต้นระริก
“เรียกเอริคเฉย ๆ”
ลีโอกลืนน้ำลาย ริมฝีปากขยับทีละคำ “เอริค”
สีไหมนุ่มสีปีกกาซุกไซ้ต้นคอลีโอไปมา “ผมชอบตอนคุณเรียกผมแบบนี้จัง ผมขอเรียกคุณว่าลีโอได้ไหม”
ท่าทางออดอ้อนของเอริคทำลีโอใจอ่อน “ครับ”
“ลีโอ…” เสียงทุ้มแฝงไปด้วยความดีใจ แรงสั่นไหวในอกซ้ายส่งผ่านไปยังร่างข้างใต้จากสัมผัสแนบชิด
หลายคนเรียกลีโอด้วยชื่อต้น พ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนที่ทำงานเก่า แต่พอเอริคเป็นคนเรียก เขาเกิดรู้สึกดีใจอย่างแปลกประหลาดจนอยากให้เอริคเรียกอยู่บ่อย ๆ ขณะกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ต้นคอก็รู้สึกถึงสัมผัสนุ่มที่ทาบลงมา ลีโอสะดุ้ง
“คุณ…” ลีโอยั้งปาก กระวนกระวาย “เอริค ทำอะไรครับ”
“ลบกลิ่น ผมไม่ชอบให้กลิ่นคนอื่นอยู่บนตัวคุณ อยากให้มีแค่กลิ่นของผม” ประโยคสุดท้ายกระซิบแผ่วเบา
“กลิ่นคนอื่น” คิ้วลีโอขมวด จำไม่ได้ว่าใกล้ชิดคนอื่นนอกจากเอริค สัมผัสนุ่มวนเวียนรอบคอลีโอไม่ยอมย้ายไปที่อื่น เอริคจุมพิตซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนลีโอกลัวว่าคอตัวเองจะเปื่อยเข้าจริง ๆ พอนึกถึงคอ เขาก็คิดออก
ปลอกคอของคลินซ์
มันคงมีกลิ่นลีฟติดมาตอนใส่ มิน่าเอริคถึง… หน้าลีโอแดงแปร๊ด เพิ่งรู้สึกตัวว่าพวกเขาแนบชิดกันยิ่งกว่าปกติ แล้วเอริคยังจูบคอลีโอไปทั่ว เขาอ้าปากจะร้องท้วง แต่วินาทีต่อก็ปิดปากลง ปล่อยเอริคทำตามใจชอบ
จูบของเอริคแผ่วเบาและอบอุ่น ริมฝีปากเขานุ่มเหมือนมาร์ชเมลโลว์ ผมสีปีกกาโชยกลิ่นหอมของแชมพูยี่ห้อเดียวกับที่ลีโอใช้ ร่างของเอริคกำยำกว่าลีโอเล็กน้อย แม้จะชันแขนสองข้างรับน้ำหนักตัว แต่ก็รู้สึกถึงกายเนื้อขยับไปมาบนกาย
“คุณไม่หนีผมแล้ว” เอริคเงยหน้าขึ้นถาม นัยน์ตาสีฟ้าครึ่งดวงประกายแววดีใจนิด ๆ
“ผมพยายามทำตัวให้ชินอยู่ครับ” ลีโอตอบ ตัวแข็งทื่อ หดคอเล็กน้อยจากสัมผัสวูบวาบเมื่อครู่
“ถ้าอย่างนั้นเราอยู่แบบนี้กันสักพักไหมครับ”
สายตาลีโอกวาดมองสภาพของพวกเขาโดยอัตโนมัติ หน้าอกแนบชิด ขาเกาะเกี่ยวกัน ใบหน้าใกล้จนได้ยินเสียงลมหายใจ ถ้าอยู่ไปสักพักเขาจะชินรึเปล่า แล้วถ้าชิน หัวใจที่เต้นแรงในตอนนี้จะสงบลงรึเปล่า
“ก็ได้ครับ” ลีโอตกลงด้วยความอยากรู้
เอริคเอนตัวลงนอนด้านข้าง ใช้แขนข้างหนึ่งยันหัว อีกข้างลูบแก้มลีโอ “เจ็บอยู่ไหมครับ”
“ไม่เจ็บแล้วครับ”
“วันนี้คุณไปซื้อเสื้อผ้าเหรอครับ”
“ครับ แล้วก็ไปซื้อปลอกคอด้วย พอดีผมหาปลอกคอตัวเองไม่เจอ”
“ไว้ผมซื้อให้ดีไหมครับ”
“ไม่เป็นไรครับ มันเป็นของส่วนตัวของผม เดี๋ยวผมซื้อเอง”
“แต่ผมเป็นคนถอดนะครับ”
หัวใจซึ่งลีโอคิดว่าอีกไม่นานคงสงบเต้นแรงยิ่งกว่าเดิม “เอริค” ลีโอปรามเสียงเบา เบนสายตาไปทางอื่น รู้ว่าที่เอริคพูดหมายถึงอะไร
“ฮีตของคุณเริ่มเมื่อไหร่ครับ” เอริคถาม แต่เมื่อเห็นสายตาลีโอจ้องด้วยความสับสนปนเขินอายก็เสริม “ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะไม่แตะต้องคุณจนกว่าคุณจะพร้อม แค่จะเตรียมห้องอีกห้องให้”
ลีโอก้มหน้างุด “ขอบคุณครับ” ภายในอกวูบโหวงแปลก ๆ “ว่าแต่วันนี้คุณไปทำอะไรที่นั่นเหรอครับ ไม่ใช่ว่าต้องไปทำงานเหรอ”
ถามจบลีโอก็คล้ายคิดอะไรออก “จริงสิครับ คุณทำงานอะไร ผมยังไม่ได้ถามเลย”
“รับราชการครับ วันนี้แวะไปซื้อของให้หัวหน้าแล้วพบคุณเข้าพอดี” เอริคเกี่ยวเส้นผมสีน้ำตาลทัดใบหูเล็ก ลูบอย่างแผ่วเบาเหมือนคนอารมณ์ดี
“ที่แท้ก็รับราชการนี่เอง”
สมาชิกของรัฐบาลโลกทุกหน่วยงานล้วนเป็นพวกหัวกะทิ แต่ละปีมีคนสมัครทั่วโลกมากกว่าหนึ่งล้านคน พวกเขาจะถูกคัดด้วยระบบสุดโหดตั้งแต่แบบทดสอบที่ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันชั้นนำของโลกช่วยกันออกแบบไปจนถึงข้อสอบจากศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยชื่อดังแบบตัวต่อตัว จำนวนผู้ผ่านการทดสอบตอนท้ายมักเหลือไม่ถึงพันคน ใครที่สอบผ่านจะได้บรรจุเป็นราชการหรือคนของทางการ พวกเขาจะได้เงินเดือนเริ่มต้นเจ็ดหลัก และเพิ่มขึ้นตามตำแหน่งในอนาคต นอกจากนี้ยังมีสวัสดิการอำนวยความสะดวกซึ่งครอบคลุมทั่วทั้งโลก
“แล้วคุณล่ะครับ ทำงานอะไร” เอริคถาม
“ผมเป็นแค่พนักงานธุรการในบริษัทก่อสร้างเองครับ เทียบกับคุณไม่ได้หรอก” ลีโอตอบกลั้วหัวเราะ
“เทียบได้สิครับ ทุกตำแหน่งสำคัญนะครับ หากคุณไม่ทำงานตำแหน่งนี้ เราคง…” ดวงตาสีฟ้าพลันกระด้าง เป็นครั้งแรกที่ลีโอเห็นเอริคหลบตา เสียงทุ้มเอ่ย “ไม่มีอะไรครับ”
ลีโอเกิดความสงสัย แต่เอริคพูดขึ้นอีก “วันนี้คุณคงยังไม่ได้ซื้อของ เราไปซูเปอร์ฯ กันอีกรอบไหมครับ”
“จริงด้วย ผมลืมไปสนิทเลยว่าต้องซื้อของ” ลีโอเด้งตัวจากโซฟา เอริคลุกตาม หยิบกุญแจรถออกมาโชว์
“ไปกันเลยไหมครับ”
แก้วเหล้าลอยเคว้งในอากาศแล้วกระแทกลงบนพรมสีแดง เสียงเพล้งดังก้องห้องสี่เหลี่ยม เศษแก้วใสกระจายทั่ว
“แกว่าอะไรนะ!” ชายซึ่งนั่งบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ถามเสียงเกรี้ยว ใบหน้าเคร่งเครียด ข้างขมับมีเส้นเอ็นเขียวเต้นอยู่สองเส้น จากรอยยับบนใบหน้าประมาณอายุว่าสี่สิบ
คนถูกถามคือเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เขายืนอยู่ใกล้กับเศษแก้วเมื่อครู่ ใบหน้างดงาม ดวงตาคมกริบ ที่คอสวมปลอกคอสีขาว เสียงเล็กสั่นเครือ “เขาบอกว่าจะติดต่อมาครับ”
“ชื่อล่ะ มันชื่ออะไร!” ชายวัยกลางคนถาม
“โอเมก้าคนนั้นเรียกเขาว่าโดโนแวน”
ชายวัยกลางคนถอนหายใจ หยิบบุหรี่มาจุด สูบอัดเอาไปเต็มปอดแล้วพ่นออกมา “โดโนแวน” มือหนากุมหน้าผาก ขบเขี้ยวพูดต่อ “บ้าเอ๊ย! เจอใครไม่เจอ ดันมาเจอไอ้เด็กเวรนั่น”
เครื่องสื่อสารบนโต๊ะทำงานถูกกด สักพักก็มีเสียงดังออกมา “ครับ ท่านเซบาสเตียน”
“ยกเลิกตารางงานพรุ่งนี้ของฉันให้หมด” เซบาสเตียนสั่ง
“แต่ว่าพรุ่งนี้ท่านมีนัดกับดยุกดีแลนด์ตอนบ่ายนะครับ” เสียงในสายกังวล
“บอกให้ยกเลิกก็ยกเลิกไปสิ!” เซบาสเตียนทุบโต๊ะสั่ง
“ครับ” เสียงในสายตอบรับ
“แล้วก็ขอนัดเอริค โดโนแวนให้ฉันด้วย ขอเวลานัดที่เร็วที่สุดจากเลขาเขาให้ฉัน”
“คุณโดโนแวนเหรอครับ! เขาค่อนข้างจะ…” เสียงในสายตกใจปนกังวล
“ทำยังไงก็ได้ให้ฉันได้พบเขา จะจ่ายเงินหรืออะไรก็ได้ ฉันต้องการพบเขาพรุ่งนี้! ถ้าทำไม่ได้นายโดนไล่ออกแน่!”
“ได้ครับ ผมจะนำตารางนัดมาให้ท่านให้ได้”
เสียงตัดสายดังขึ้น บรรยากาศเดือดระอุดับลง เซบาสเตียนเอนหลังผิงเก้าอี้ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วอัดบุหรี่เข้าปอด
เด็กหนุ่มไม่เคยเห็นคู่ตัวเองมีท่าทีเคร่งเครียดมาก่อนถามขึ้น “ท่านครับ เขาเป็นใครเหรอครับ”
“เป็นใครน่ะเหรอ” เซบาสเตียนยิ้มหยัน “เป็นคนที่แกไม่ควรไปยุ่งด้วยยังไงล่ะ! ไอ้โง่! ไม่รู้รึไงว่ามันเป็นหัวหน้าหน่วยตรวจสอบบัญชีอากร ตระกูลฝั่งแม่มันเป็นมาเฟียคุมเบื้องหลังรัฐบาลแถบอิตาลีกับนิวยอร์ก ส่วนตระกูลพ่อเป็นนักวิจัยที่วิจัยประชากรโลก เป็นคนที่ทำให้พวกโอเมก้าแบบแกมีที่ยืนในสังคมไง! บัดซบ! ไปยุ่งกับใครไม่ยุ่ง! แม่งเอ๊ย!” เซบาสเตียนตะโกนลั่นห้อง ยกเท้าถีบโต๊ะทำงานจนข้าวของข้างบนล้มระเกะระกะ เขาหยิบบุหรี่อีกมวนขึ้นมาสูบ ควันสีขาวลอยคลุ้งไปทั่ว “คราวนี้แหละ ถ้ามันรู้ว่าเราเลี่ยงภาษีขึ้นมา มีหวังได้จ่ายภาษีย้อนหลังกับค่าปรับกันกระเป๋าฉีกแน่! นี่ยังไม่รวมถ้ามันไปฟ้องพ่อกับแม่มันอีกนะ! แม่มันคงมาถล่มบริษัทฉันแน่ ๆ !”
เพียงแค่ได้ฟังเด็กหนุ่มก็ตัวสั่นระริก ตั้งแต่ปลายเท้าจรดศีรษะอาบด้วยกลิ่นความกลัว เขารีบเข้าไปเกาะขาเซบาสเตียน น้ำตากลบเต็มนัยน์ตา “ท่านครับ ผมขอโทษ ผมไม่รู้ว่าไอ้โอเมก้านั่นเป็นคู่ของมัน ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“ขอโทษไปแล้วได้อะไร! มันจะมาลากไส้ฉันอยู่แล้ว!” เซบาสเตียนสะบัดขาออก หว่างคิ้วขมวดแทบจะติดกัน แต่แล้วก็คลายออก “เมื่อกี้แกว่าอะไรนะ คู่มันงั้นเหรอ”
“ครับ ไอ้โอเมก้านั่นต้องเป็นคู่ของมันแน่ ๆ ไม่งั้นมันคงไม่ปล่อยกลิ่นขู่ผมแบบนั้น” เด็กหนุ่มตอบทั้งน้ำตา
“แต่คนในวงการบอกว่าไอ้โดโนแวนมันยังไม่มีคู่” เซบาสเตียนครุ่นคิด
“ผมแน่ใจว่าไอ้โอเมก้านั่นเป็นคู่ของมันครับ ไม่อย่างนั้นมันจะบอกผมให้มาบอกท่านทำไมครับ ถ้าเป็นแค่เด็กเก็บ มันคงไม่เสียเวลามาเอาเรื่องเราหรอกครับ” เด็กหนุ่มอธิบาย ในแวดวงโอเมก้าชั้นสูง นอกจากจะแข่งขันกันด้วยของใช้ราคาแพง ยังแข่งขันกันด้วยความสนใจจากคู่ของตัวเอง พวกเขาจะโอ้อวดอย่างแนบเนียนว่าคู่ของตัวเองทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง ยิ่งโอเว่อร์เท่าไร สายตาของโอเมก้าด้วยก็ยิ่งร้อนแรงด้วยไฟริษยา
เซบาสเตียนไตร่ตรองพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขากดปุ่มบนโต๊ะที่เพิ่งถีบไป เสียงชายคนเดิมดังขึ้น “ครับท่าน”
“ส่งคนไปสืบเรื่องโดโนแวนให้ฉัน ระวังด้วย อย่าให้มันรู้ตัว” เซบาสเตียนบอก
“แล้วเรื่องนัดพรุ่งนี้…”
“นัดให้เร็วที่สุด” เซบาสเตียนย้ำ
“ครับ” เสียงตัดสายดังขึ้น
“ท่านครับ ทำไมต้องสืบเรื่องของโดโนแวนด้วย” เด็กหนุ่มถามอย่างใคร่รู้
“ฉันรู้สึกแปลก ๆ ถ้าโอเมก้าที่แกมีเรื่องเป็นคู่ของมันจริง ๆ ทำไมถึงไม่มีข่าวอะไร”
“แต่ผมมั่นใจนะครับ มองไม่ผิดแน่” เด็กหนุ่มยืนยัน คลานเข่าเข้าไปหาเซบาสเตียน
“ถึงต้องสืบก่อนไงล่ะ” บุหรี่ในมือหนาถูกบี้ลงบนกระเบื้องเคลือบ ดวงตาเฉยชาเหลือบมองร่างบนพื้น เสื้อบนตัวเด็กหนุ่มอ้าออกเล็กน้อยจนสามารถมองเห็นผิวเนียนนุ่มข้างในได้จากมุมสูง เซบาสเตียนใช้เท้าเฉยคางมนขึ้น น้ำตาบนขอบตาคมกริบไหลผ่านแก้มกระทบร้องเท้าหนัง มือหนาตบหน้าตักเกิดเป็นเสียงแน่นของกล้ามเนื้อ “ขึ้นมานี่สิ ชาลล์”