ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร – ตอนที่ 15: ลมหายใจมังกร

ภาพมังกรที่โกรธจัดประชันหน้าอยู่ตรงนี้ ใกล้จนอีกฝ่ายเดินมาก้าวเดียวก็คงเหยียบพวกเราทั้งคู่ได้…ฉันเองที่คิดว่าตัวเองตัวโตพอควรแล้วยังขนาดเท่าอุ้งเท้าของอีกฝ่ายเท่านั้น

มันจ้องฉันอยู่พักหนึ่งก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศผ่อนคลายลง ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบ ๆ และหยุดที่เคียร่า ซึ่งล้มพับอยู่กับพื้น

และแยกเขี้ยวขู่จนมีบรรยากาศน่ากลัวกลับมาอีกครั้ง ก่อนจะทำท่าเหมือนจะเดินไปเหยียบเธอ ในตอนนั้นเองฉันก็…

 

‘หยุดนะ!!’

 

คำรามออกมาเสียงดัง แม้จะดังไม่ได้เศษเสี้ยวของมังกรตัวนั้น ทั้งยังเป็นเสียงที่ดูสั่นและอ่อนแรง แต่ฉันก็กระโดดเอาตัวไปขวางระหว่างเคียร่ากับมังกรตัวนั้น

กลัว…แต่ฉันจะหนีไม่ได้ จะเบือนหน้าหนีหรือแสดงความกลัวออกมาไม่ได้ เพราะฉันยึดมั่นไว้แล้ว…ว่าฉันจะปกป้องเคียร่า ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม

มันทำสีหน้าประหลาดใจออกมาแวบหนึ่ง ก่อนจะแยกเขี้ยวและพูด ด้วยน้ำเสียงที่ชวนให้รู้สึกแปลกใจ

 

‘หลบไป! ข้าจะขยี้พวกมนุษย์ให้สิ้นซาก!!’

 

เสียงนี้…เสียงที่เคยได้ยินจากในฝัน เสียงของแสงสีทองที่ห่อหุ้มตัวฉันเอาไว้ สรุปแล้วมันคืออะไรกันแน่ แล้วมังกรตัวนี้เป็นใครกัน…

แต่เรื่องนั้นจะยังไงก็ช่าง ความจริงที่ตอนนี้เคียร่ากำลังตกอยู่ในอันตรายเป็นความจริง เพราะเสียงของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกโกรธแค้น ทั้งยังจ้องเขม่นไปที่เคียร่า

เจตนาทำร้ายออกมาอย่างชัดเจน พร้อมทั้งเสียงคำรามที่ชวนให้หางหด…ไม่สิ ตอนนี้เป็นแบบนั้นเลยต่างหาก

ฉันนั้นยืนตั้งท่าขาหน้าแยกออกอย่างมั่นคง แต่ว่าหดหัวกลับมาก้มหลังและหางตกจนมาโดนท้อง เป็นท่าทีของสัตว์ที่ตกอยู่ในความหวาดกลัวอย่างชัดเจน

แต่ถึงตัวจะสั่นก็ตามฉันก็ยังฝืนแยกเขี้ยวออกมา และจ้องตากลับไปอย่างหนักแน่น แสดงให้เห็นว่าไม่คิดจะถอยให้แม้แต่ก้าวเดียว

อีกฝ่ายเปิดตากว้างและผ่อนบรรยากาศลงเล็กน้อย แต่ก็ยังแสดงท่าทีเป็นศัตรูอย่างชัดเจน

 

‘เจ้าคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่? หลบไปได้แล้ว!’

 

‘ถามโง่ ๆ ก็กำลังปกป้องเคียร่าอยู่ไง ไม่มีทางหลบหรอก!’

 

‘ปกป้องมนุษย์งั้นเรอะ!!’

 

ฉันที่กลั้นใจสวนกลับอีกฝ่ายไปก็ต้องสะดุ้งโหยงและเผลอถอยหลังเล็กน้อย น่ากลัว เสียงคำรามที่ดังไปทั่วก็ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่

ไม่สิ ตอนนี้เขาก็กำลังโกรธจัดยิ่งกว่าเดิม จะไหวจริงเหรอ? ฉันจะปกป้องเคียร่าจากสิ่งมีชีวิตนี่ได้จริงเหรอ? ตอนนี้สังเกตไปทางหมู่บ้านก็เห็นกลุ่มพวกคุณโรเวิร์ตรีบมาดูด้วยความแตกตื่น

แต่ต่อให้เป็นเด็กแค่ไหนก็รู้…ว่าพวกเขาไม่มีทางเอาชนะสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังตรงนี้ได้แน่ ภาพในฝันนั่น…มันย้อนกลับมาอีกครั้งราวกับกำลังย้ำเตือน

 

‘เจ้าจะปกป้องมนุษย์ไปทำไม ไม่คิดรึว่าการทำแบบนี้จะเป็นการทิ้งชีวิตไปอย่างเสียเปล่า!’

 

‘ฉะ- ฉัน…’

 

เสียท่าโดยสมบูรณ์ ต่อให้ตั้งใจยึดมั่นแค่ไหนพออยู่ต่อหน้าพลังที่มากมหาศาล อยู่ต่อหน้าช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย พอคิดย้อนไปตอนที่เกิดใหม่โดยรู้ว่าชาติก่อนตัวเองตายแล้วก็กลัวขึ้นมา

กลัวว่าซ้ำรอย ทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยได้ใช้ชีวิตอย่างที่อยากทำ ก็ต้องตายไปอีกครั้ง…ถ้าฉันหนีไปจะยืดเวลาได้อีกสักหน่อยไม่นะ

 

“ริเกล…”

 

ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากเคียร่า และเธอก็เข้ามากอดคอของฉันเอาไว้…เธอกำลังตัวสั่น กำลังกลัวอยู่เหมือนกัน

แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะคิดอะไรต่อ เธอก็พูดสิ่งที่ไม่คาดคิด แต่ก็สมกับเป็นเธอออกมา

 

“ไม่ต้องห่วงฉัน ถ้าเป็นริเกลจะต้องหนีทันแน่…”

 

เธอกระซิบแบบนั้นอย่างแผ่วเบา ก่อนจะปล่อยมือจากคอของฉันและเผยให้เห็นรอยยิ้ม…ที่สั่นเพราะความกังวล รู้ได้เลยว่าต่อให้เป็นเคียร่า เจอขนาดนี้ก็ต้องอยากร้องไห้เป็นธรรมดา

ทำให้ฉันได้แต่อ้าปากค้าง

ทำไมเธอถึงเข้มแข็งได้ขนาดนั้นกัน…ไม่ใช่แค่ครั้งนี้ แม้แต่ตอนโดนโจรทำร้ายก็เหมือนกัน เธอเลือกที่จะปกป้องฉันอย่างไม่ลังเล

ทำไม? เธอน่ะอ่อนแอนะ เป็นแค่เด็กมนุษย์ตัวเล็กและอ่อนแอ ถึงจะอายุเยอะกว่าฉันแต่โดยรวมถ้าฉันออกแรงยังไงก็เหนือกว่าเธอได้สบาย ๆ

แล้วทำไมถึงออกตัวได้ตลอด ต่อให้เจ็บตัวก็ยังยิ้มให้ และช่วยฉันเอาไว้ตลอด ไม่เข้าใจเลย…แล้วที่ไม่เข้าใจที่สุดก็คือตัวเอง

ไม่เข้าใจที่ทำไมถึงปล่อยให้เป็นแบบนั้น เมื่อกี้ก็ดันคิดอะไรอย่างการ ทิ้ง เคียร่าเอาไว้แล้วหนีไป ฉันนี่มัน…ใช้ไม่ได้จริงๆ

 

‘…’

 

มังกรที่จ้องพวกเราอยู่แม้จะมีสีหน้าไม่สบอารมณ์และโกรธ แต่ก็ไม่บุ่มบ่ามเข้ามาโจมตีในทันที ราวกับกำลังรอให้พวกเราจัดการกันเสร็จ…

และฉันที่ด่าตัวเองชุดใหญ่ก็ใจเย็นลงอย่างน่าประหลาด หางก็ผ่อนแรงลงและไม่หดจนถึงท้องแล้ว ตัวที่สั่นก็กลับมาสงบนิ่ง และคราวนี้แหละ ฉันก็จ้องกลับไปที่อีกฝ่ายอย่างหนักแน่น

จนเขาขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ

 

‘ปกป้องทำไมเหรอ…ก็เพราะพวกเขาน่ะ’

 

ฉันเว้นช่วงนิดหน่อยแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะหลับตาลงตั้งสติ และคำรามกลับไปให้เสียงดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อบอกเขา

 

‘พวกเขาน่ะ เป็นครอบครัวของฉัน!!’

 

เมื่อฉันพูดจบเสียงคำรามที่ดังออกมานั้น คล้ายคลึงกับอีกฝ่ายอย่างบอกไม่ถูกก็กระตุ้นให้สัตว์รอบ ๆ แตกตื่นอีกครั้ง

และเวลาก็ผ่านไปครู่หนึ่งบรรยากาศกดดันเมื่อครู่ก็หายไป มังกรตัวนั้นเปิดตากว้างด้วยความตกตะลึง อ้าปากขึ้นเล็กน้อยราวกับไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน

ดวงตาสั่นเครือทั้งยังใสขึ้นมา…อย่างกับคำกำลังจะร้องไห้เลย

 

‘กรร!!’

 

และก่อนที่จะได้สังเกตต่อ อีกฝ่ายก็ขบฟันแน่นและยกเท้าขึ้นเหนือหัวพวกเรา ในตอนที่มันกดเท้าลงมาแน่นฉันก็หลับตาลงด้วยความกลัว

 

‘ตึง!!’

 

เสียงกระแทกดังขึ้นตรงหน้า พื้นสั่นจนตัวลายขึ้นเล็กน้อย แต่ยังมีชีวิตอยู่…ฉันจึงลืมตาขึ้นมามอง ก็พบว่ามันกระทืบเท้าลงมาเฉียดหน้าฉันไปเพียงนิดเดียว

ก่อนจะทำสีหน้าไม่พอใจสุดขีดและสะบัดหลังให้

 

‘งั้นก็ตามใจ!!แต่จงจำไว้ ข้าคือ เฟรริเคีย!!’

 

พูดจบ เฟรริเคียก็สยายปีกกลาง และออกบินไปโดยก่อให้เกิดลมพัดไปทั่วจนต้นไม้แทบจะหัก ก่อนที่ร่างของเขาจะทะยานขึ้นสู่ฟ้า

และหายลับไปด้านหลังของผา…รอดแล้วเหรอ?

 

“เคียร่า! ริเกล! เกิดอะไรขึ้น”

 

เสียงของคุณโรเวิร์ตดังขึ้นจากด้านหลัง เมื่อหันไปมองก็พบกับคนในหมู่บ้านที่ถืออาวุธที่คุณภาพไม่ดีนักติดมือมา แต่ฉันที่รู้ว่าทุกอย่างจบลงแล้วก็ได้แต่หมดแรงจะยืน

ก่อนจะเข่าอ่อนล้มลงสบตากันกับเคียร่า ความรู้สึกโล่งอกถาโถมเข้ามาหาพวกเรา และเคียร่าก็เริ่มสะอื้น…ฉันเองก็เริ่มสะอื้น

ราวกับว่าความกลัวที่เก็บซ่อนไว้พุ่งออกมาพร้อมกัน ใช่ พวกเราสองคนร้องไห้ไม่หยุดจนทุกคนต้องเข้ามาปลอบโยน…

 

———– ———

 

“ลำแสงทำลายล้างแบบนั้น ไม่ผิดแน่ เฟรริเคีย”

 

หลังจากร้องไห้จนเหนื่อยและหลับไป ตื่นเช้ามาพวกเราก็ได้พักกันเป็นกรณีพิเศษ และตอนนี้ก็กำลังฟังคำอธิบายของคุณโรเวิร์ต ที่ชี้เนื้อหาในหนังสืออยู่นั่นเอง

 

“สิ่งที่ถูกแสงอาบจะถูกทำลายจนไม่เหลือซาก พื้นติดแตกพังจากความเสียหาย เป็นมังกรที่มีลมหายใจทำลายล้างรุนแรงมากที่สุด และเป็นหนึ่งในมังกรพิภพ เฟรริเคีย”

 

“…แล้วทำไมตัวตนระดับนั้นถึงโผล่มาไล่พวกเราล่ะคะ”

 

“ข้าก็ไม่รู้…”

 

แม้จะรู้ถึงตัวตนอีกฝ่ายได้แล้วแต่พวกเราก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี นี่รึเปล่านะ ที่คนเขาบอกว่าตัวตนระดับเทพมักจะทำในสิ่งที่เกินความเข้าใจ และแน่นอนว่าเคียร่าก็ถือวิสาสะตั้งชื่อให้เขาว่า ไคซารัส

แต่จากคุณโรเวิร์ตเล่าเหมือนว่าหลังจากนี้อาจจะเกิดเรื่องยุ่งยากแน่ เพราะว่ามันอาละวาดหนักจนขนาดเมืองที่ไกลออกไปยังเห็นเลย

และสิ่งที่น่าปวดหัวที่สุดก็คือ…

 

“ริเกล อาจจะมีคนอยากเจอตัวเจ้าเยอะหน่อยนะ”

 

มีคนอยากเจอฉันเหรอ…และถ้าพูดแบบนั้นแสดงว่าคนที่อยากเจอก็ไม่ใช่คนธรรมดาน่ะสิ อย่างขุนนางหรือคนมีอำนาจ อะไรเทือกนั้น

 

“และเพราะแบบนั้นจึงดึงดูดคนที่ไม่ประสงค์ดีนักมาด้วย ข้าจะให้ดีอาร์เร่งสอนการป้องกันตัวให้เจ้าก่อนที่จะเกิดเรื่องเลวร้ายอีก”

 

พูดจบเขาก็ให้พวกเราเริ่มเรียนเวทมนตร์กันเลยทันที คงเป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ สินะ เพราะว่าขนาดตอนนั้นที่อีกฝ่ายเป็นโจรธรรมดายังบาดเจ็บหนักเลย ต้องรีบป้องกันเอาไว้ให้มากกว่านี้

ฉันนั่งฟังคำอธิบายการใช้เวทมนตร์ของมนุษย์จากคุณโรเวิร์ต ซึ่งสรุปง่าย ๆ ก็คือให้ภาวนาถึงเวทมนตร์ เพื่อให้สัมผัสได้ และก็ร่ายเวทเพื่อให้ออกผล

หลังจากนั้นก็ต้องควบคุมพลังที่ได้ออกมาจากคำร่าย เพื่อให้เป็นไปตามที่เราต้องการ ทำนองนั้น…ฟังดูไม่ยากเลยแฮะ?

 

“สัมผัสเวทมนตร์…งี้นี่เอง ยากตรงนี้สินะคะ”

 

เคียร่าพึมพำแบบนั้นออกมาราวกับเข้าใจแล้ว เอ๊ะ เคียร่าสัมผัสเวทมนตร์ไม่ได้เหรอ ฉันแค่หลับตาตั้งสมาธิก็มองเห็นแล้ว เผลอ ๆ ก็ได้กลิ่นด้วย

แต่ฉันได้มารู้ทีหลังจากดีอาร์ ว่ามนุษย์ไม่สามารถสัมผัสเวทมนตร์ได้โดยตรงเหมือนมังกร จากนั้นพวกเคียร่าก็แยกตัวไปฝึกสัมผัสเวทมนตร์ ฉันเองก็รับการฝึกจากดีอาร์

 

‘เจ้าเองก็สังเกตเห็นแล้วสินะ เวทมนตร์’

 

‘แสงที่ห่อหุ้มตัวฉันเอาไว้เหรอ?’

 

‘ใช่ และเวทมนตร์ที่ใช้ง่ายที่สุดของมังกรก็หนีไม่พ้น ลมหายใจมังกร’

 

ชื่อท่าที่ดูคลาสสิคดังออกมาจากคำพูดของดีอาร์ ก่อนที่เขาจะหันไปที่โล่งพลางบอกให้ฉันมองเวทมนตร์ให้ดี และอ้าปากกว้างสูดหายใจเข้าลึก

ฉันหลับตาสัมผัสถึงเวทก็พบว่ามีแสงสีเขียวที่ห่อตัวดีอาร์อยู่นั้น ไหลไปรวมกันอยู่ที่ปากที่เดียว เมื่อฉันลืมตามามองที่โลกจริงก็พบว่า

ที่ปากของเขาเต็มไปด้วยแสงสีเขียว ก่อนที่ดีอาร์จะปิดปากลงกะทันหัน และพ่นออกไปด้านหน้า มีลำแสงสีเขียวพุ่งไปใส่พื้นโล่งด้านหน้า เป็นแสงที่คล้ายกับของเฟรริเคีย

เกิดพลังทำลายพอควรจนพื้นร้าวเล็กน้อย แต่ไม่ถึงขั้นแตกเป็นเสี่ยง ๆ เหมือนตอนเฟรริเคียยิง

 

‘หลักการทำงานก็ง่าย ๆ เจ้าแค่รวบรวมเวทมนตร์ที่ไหลในร่างให้มาตรงปาก แล้วก็พ่นออกไปให้สุดแรงแบบนี้ ลองทำดูสิ’

 

ฉันพยักหน้ารับเขาและมองไปทางเดียวกันกับที่เขายิงไป และตั้งสมาธิอ้าปากกว้าง พร้อมทั้งสูดลมเข้าให้เต็มปอด ทั้งยังพยายามควบคุมแสงรอบตัวให้มารวมกัน

อ๊ะ มันขยับมาง่ายแล้วก็ตามใจนึกกว่าที่คิดเยอะเลยแฮะ เมื่อรวบรวมจนได้ระดับหนึ่งฉันก็เว้นช่วงและปิดปาก ก่อนจะปล่อยออกไปเหมือนกับหายใจออก

และตอนนั้นก็รู้สึกเหมือนมีความอุ่นออกมาจากปากฉัน ใช่ มีลำแสงสีฟ้าออกมาจากปาก และทำลายล้างพื้นที่โดนแสง…มันแตกเป็นเสี่ยง ๆ

แม้แต่ดีอาร์ก็ยังทึ่งกับพลังของฉัน มันรุนแรงยิ่งกว่าที่เขาแสดงให้ฉันดูซะอีก…

 

‘อะ- โอ้…เจ้ามีพรสวรรค์นะ’

 

ไม่ใช่ว่าของแบบนี้อยู่ที่สายพันธุ์เหรอ…แต่ดีอาร์ก็มองข้ามส่วนนั้นไป ก่อนจะเริ่มอธิบายต่อ

 

‘การใช้เวทมนตร์สำหรับมังกรนั้นจะง่ายกว่ามนุษย์ เพราะพวกเราสัมผัสและควบคุมเวทมนตร์ได้ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ซึ่งนอกจากลมหายใจมังกรอันเป็นเวทพื้นฐาน ก็สามารถใช้ได้หลากหลายเช่นกัน จะลองทดลองหลาย ๆ แบบดูก็ได้นะ’

 

ดีอาร์พูดแบบนั้นแล้วก็บอกว่าให้ไปฝึกตามสบาย…แค่นี้เหรอ? แน่นอนว่าฉันเผลอถามออกไปแบบนั้น ซึ่งดีอาร์ก็ตอบกลับมาว่า

 

‘ขอบเขตเวทมนตร์ที่ใช้ได้ของมังกรจะอยู่ที่สายพันธุ์ ข้าไม่ใช่เจ้าข้าบอกไม่ได้หรอก’

 

ว่างั้นแหนะ สุดท้ายก็เพราะสอนไม่ได้สินะ…เอาเถอะ ลองดูหลาย ๆ อย่างตามที่บอกแล้วกัน

 

 

 

 

ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร

ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร

ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร

Comment

Options

not work with dark mode
Reset