หลังคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉันก็ร้องเสียงใสและพยักหน้าให้กับเธอ เคียร่ายิ้มกว้างและลูบหัวฉัน ก่อนจะจัดการทุกอย่างต่อ
พวกเรารอให้ตกกลางคืนเพื่อแอบย่องออกไปในความมืด ถึงอาจจะอันตรายไปหน่อยแต่ก็คงเป็นทางเดียวที่จะไม่ถูกเห็นตัว และตอนนี้พวกเราก็ปีนออกหน้าต่างมาเรียบร้อย
“ริเกล แถวนี้มีคนเฝ้าไหม”
‘อืม ตรงนั้น’
ฉันพยักหน้าตอบเธอและให้หน้าสะบัดไปทางที่มียามอยู่ ในจุดที่ไกลออกไปเห็นคบไฟของทหารกำลังเดินตรวจตราอยู่
แน่นหนาจริง ๆ แฮะ แต่ว่า…ตราบใดที่ฉันยังอยู่ ก็ไม่คณามือหรอก!!
ฉันยืดอกอย่างชื่นใจและสะกิดเคียร่าให้เดินตามมา เพราะแน่นอนว่าฉันทั้งสายตาดี จมูกดี แถมยังเซ้นส์ดีอีกต่างหาก
ตราบใดที่มีฉันอยู่เราก็หนีออกไปได้สบาย!!
“เดี๋ยว จะไปไหนกัน”
ในตอนนั้นเองพวกเราก็สะดุ้งโหยงและหันหลังกลับไปมอง ได้ไงกัน ไม่รู้สึกตัวเลย…ว่าวิลเลตอยู่ด้านหลังพวกเราตั้งแต่เมื่อไหร่
เขาทำสีหน้าดุดันราวกับโกรธและถือตะเกียงในมือ แม้ตอนนี้เขาจะไม่ได้ใส่ชุดดี ๆ อย่างทหาร แต่ก็พกดาบหนึ่งเล่มไว้ข้างเอว ก่อนที่เราจะรู้ตัวเขาก็อยู่ด้านหลังเราไม่ไกลมากนัก ราวกับจับตามองอยู่ตลอด…
“ริเกล! วิ่งได้ไหม”
เคียร่าพูดแบบนั้นพร้อมกับท่าทีลนลาน เหมือนเธอจะตัดสินใจว่าถ้าแอบไม่ได้ก็หนีไปซึ่ง ๆ หน้าเลย แต่ก่อนที่เธอจะได้กระโดดมาบนตัวฉัน อีกฝ่ายก็ตะคอกออกมา
“จะหนีงั้นเรอะ!!”
เป็นเสียงดังราวกับตอนที่เขาสั่งการทหารในหน่วย ทั้งหนักแน่นและเด็ดเดี่ยว จนพวกเราชะงักกันในทันที
“ทั้งที่คิดโทษตัวเอง แต่ดันเลือกที่จะหนีงั้นเรอะ”
และเพราะพวกเราไม่มีท่าทีจะหนีต่ออีกฝ่ายจึงลดฝีเท้าลง พร้อมทั้งก้าวเท้ามาหาอย่างสบาย ไม่รู้ทำไมอย่างกับว่าโดนตรึงเอาไว้เลย…
“เพราะงั้นเลยต้องไปไม่ใช่เหรอคะ…เพราะมีพวกเราอยู่ ทุกคนถึงได้-”
“แต่ถ้าแบบนั้น สิ่งที่ทุกคนทำไปก็จะสูญเปล่า!ทั้งลูกน้องฉันที่ตายไป ทั้งพวกฉันที่สูญเสียงานไป ทุกสิ่งจะสูญเปล่าหมด…ถ้าเธอหนีไปตอนนี้”
เมื่อโดนพูดใส่แบบนั้นเคียร่าก็ทำหน้านิ่ว ขมวดคิ้วเข้าหากันและพูดกลับไปอย่างขุ่นเคือง
“แต่…ถึงจะอยู่ต่อก็สูญเปล่าไม่ใช่รึไงคะ แถมคนบาดเสียก็จะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ จนแม้แต่คนในหมู่บ้านก็คง…”
“ถ้าเธอหนีไป ไม่นานก็ต้องถูกพวกนั้นจับได้แน่ และนั่นทำให้พวกเราที่ทำเพื่อคุ้มครองเธอต้องสูญเปล่า ทั้งหมดเลย”
“! พวกเราไม่โดนจับหรอกค่ะ เพราะว่า—”
“ถ้างั้นก็ทิ้งมังกรนั่นไปซะ!!”
เขาตะคอกกลับมาเสียงดังฟังชัดขัดคำของเคียร่าอีกครั้ง ในครั้งนี้ไม่ใช่แค่เคียร่าที่เปิดตากว้างด้วยความตกใจ ฉันเองก็ด้วย
จะให้เคียร่า…ทิ้งฉันเหรอ?
และผ่านไปครู่เดียวเท่านั้น เคียร่าก็กัดฟันแน่นด้วยความโกรธจัด
“จะไปทำแบบนั้นได้ยังไงกัน!!ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่มีทางทิ้งริเกลไปหรอกค่ะ!!”
‘เคียร่า…’
อาจจะดูแย่ไปหน่อยที่ดันมาซึ้งในเวลาแบบนี้ แต่ฉันผ่อนไหล่ลงและมองเคียร่าด้วยความโล่งใจ ฉันนึกไม่ออกเลย…ถ้าวันนึงฉันโดนเธอไล่ขึ้นมาจริง ๆ
แต่ก็ต้องกลับมาสู่ความจริงอันน่ากดดันนี่ ตอนนี้อีกฝ่ายเดินเข้ามาจนหยุดอยู่แค่ตรงหน้าของพวกเราเท่านั้น
“อยากจะหนีปัญหาไม่ใช่เหรอ งั้นก็ทิ้งมังกรนั่นไปซะสิ เดิมทีเธอไม่จำเป็นต้องหนีตามไปด้วยซ้ำ ก็แค่ปล่อยให้มังกรหนีไปตัวเดียว แค่นั้นทุกอย่างก็จบ ไม่มีใครหมายหัว ไม่มีใครต้องคุ้มครอง ไม่มีใครต้องเจ็บตัว เห็นไหมมันง่ายนิดเดียว”
“ก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ!ว่าฉันจะไม่มีทางทิ้งริเกลไปเด็ดขาด!!”
หนนี้ฉันดันตกใจอีกอย่างนึกแทน…ไม่เคยเห็นเคียร่าเป็นแบบนี้มาก่อนเลย เธอดูโกรธจัดจนเลือดขึ้นหน้า และดูท่าแปลกไป…ไม่ชอบเลย ที่เห็นเธอเป็นแบบนั้น
ฉันหลุบตาลงและเข้าไปสะกิดเคียร่าเพื่อให้เธอใจเย็นลง แต่เหมือนว่านั่นจะไม่ได้ผล เธอยังคงจ้องไปที่อีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ
“ฉันจะไม่มีทางทิ้งริเกลไปเด็ดขาด แล้วก็ไม่อยากจะให้ใครมาเจ็บตัวเพราะพวกเราด้วย ถ้างั้นถ้าจะให้ริเกลหนี ฉันก็จะหนีไปด้วย ไม่มีทางที่พวกเราจะโดนจับได้แน่ค่ะ เพราะพวกเราน่ะ…”
“แข็งแกร่ง จะพูดแบบนั้นสินะ”
เคียร่าเผลอสะดุ้งที่โดนพูดตัด แต่เธอก็พยักหน้าให้กับคำของเขาและน้องไม่วางตา อีกฝ่ายก็เหมือนกัน เป็นสายตาดุดันจนน่ากลัว
แต่เคียร่าไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย จนกระทั่งคำพูดต่อมา
“ผิดแล้วเจ้าหนู ที่แข็งแกร่งน่ะคือมังกร ไม่ใช่เธอ”
เธอเปิดตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะอ้าปากพยายามตะคอกบางอย่างใส่ แต่ก็หยุดลงและหลบตาไปทางอื่น พริบตานั้นก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าที่ราวกับเข้าใจบางอย่าง
ส่งผลให้แสดงความเจ็บปวดออกมาผ่านสีหน้า และนิ่งเงียบไป
“อย่าเข้าใจผิดไปเจ้าหนู ทั้งคนที่แข็งแกร่งทั้งคนที่สำคัญคือมังกร ไม่ใช่เธอ ลืมไปรึเปล่า เธอคือมนุษย์ แถมยังเป็นเด็กตัวแค่นี้ จะไปทำอะไรได้ เพราะงั้นถึงบอก หนีไปก็โดนจับได้แน่…เหมือนกับตอนนี้”
ตอนนี้ความรู้สึกโกรธของเคียร่าหายไปอย่างชัดเจน เต็มไปด้วยความสับสนและกลับมาเยือกเย็นตามเดิม
ก่อนจะกำมือแน่นและพูดออกมา
“ฉันเป็นตัวถ่วงของริเกล…สินะคะ”
‘พะ- พูดอะไรน่ะเคียร่า ก็ต้องไม่ใช่อยู่แล้วหนิ เนอะ?’
“ใช่”
ฉันยิ่งลนลานเข้าไปใหญ่เพราะว่า วิลเลตก็พูดออกมาเสียงดังฟังชัดว่าเป็นความจริง เคียร่าไม่พูดอะไรต่อแล้วคลี่ยิ้มบางมองมาทางฉัน
ด้วยสายตาที่ราวกับกำลังจะร้องไห้ ไม่เอาสิ ไม่เอาน่า เคียร่าน่ะช่วยฉันมาตลอดนะ จะเป็นตัวถ่วงได้ยังไงไม่มีทาง วิลเลตพึ่งจะคุยกับพวกเราจะไปรู้ได้ยังไง
เคียร่าไม่มีทางเป็นตัวถ่วงของฉันได้หรอก…
“ใช่ ถ้าพวกเธอออกเดินทางกันตอนนี้ล่ะนะ”
คำพูดนั้นดึงพวกเราให้กลับไปสนใจที่เขาอีกครั้ง แล้วเฝ้ารอว่าจะบอกอะไรต่อ เขาก็ทำหน้าลำบากใจเล็กน้อยแล้วเกาหัวอีกครั้ง
“ว่าแล้วเชียว ยังไงก็ไม่ถนัดเป็นพี่เลี้ยงเด็กจริง ๆ …สิ่งที่พูดไปมันก็จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อพวกเธอหนีกันนั่นแหละนะ แล้วก็ไม่ใช่แค่ว่าเธอจะทิ้งมังกรนั่นรึเปล่า แต่เดิมมังกรนั่นก็เลือกจะอยู่กับเธอแต่แรกไม่ใช่รึไง…”
“เอ๋”
‘อ๊ะ’
ในตอนนั้นเองเคียร่าก็มองมาหาฉันด้วยสีหน้าตกใจ ฉันเองก็คงไม่ต่างกัน…
“ถ้ามังกรนั่นไม่เลือกอยู่กับเธอก็คงบินหนีไปแล้ว แถมต่อให้เธอจะทิ้งมันไป เจ้านี่ก็คงตามรังควานไม่หยุดแน่”
ก็จริง ฉันเผลอพยักหน้ารับเขา
“เพราะงั้นทุกอย่างมันเกิดขึ้นมาจากสิ่งที่พวกเธอทั้งคู่เลือก เลือกที่จะอยู่เคียงข้างกันในฐานะคู่หู ทุกอย่างมันเลยเกิดขึ้น จำไว้นะเจ้าหนู มังกรมีความแข็งแกร่งในแบบของมังกร งั้นเธอก็จงแข็งแกร่ง ในแบบของมนุษย์ซะ เพราะงั้นน่ะ…”
เขาเว้นช่วงเล็กน้อย ก่อนจะก้มตัวลงจับที่ไหล่ของเคียร่าแน่นและพูดขึ้น ราวกับเป็นการปิดท้ายการอบรมสั่งสอน
“กลับไปเผชิญหน้าสิ่งที่พวกเธอเลือก ในฐานะมนุษย์ซะ”
ว่าแล้วดวงตาของเคียร่าก็สงบลงอย่างเห็นได้ชัด และพยักหน้าให้เบา ๆ ก่อนที่วิลเลตจะหันหลังกลับไปที่หมู่บ้าน พวกเราก็ด้วย
ถึงแม้จะเหมือนว่าเธอเข้าใจแล้ว แต่สภาพที่ดูซึมอย่างเห็นได้ชัดของเธอก็ทำให้อดเป็นห่วงไม่ได้ และเคียร่าก็สังเกตว่าฉันเองก็มองเธอด้วยความเป็นห่วง
จึงได้ยิ้มให้และบอกว่าไม่เป็นไร อืม…ก็อยากจะเชื่ออยู่แหละว่าเธอไม่เป็นไร แต่ก็ยังเป็นห่วงไม่หายอยู่ดี
“ดะ- เดี๋ยว? ทำไรเนี่ยริเกล!”
เธอพูดขึ้นอย่างร้อนรนเมื่อฉันเอาตัวเข้าไปถูกับเธอจนเดินเซ วิลเลตก็หันกลับมามองว่าเกิดอะไรขึ้นเช่นกัน ทำไงได้ฉันอยากให้เคียร่าร่าเริงขึ้นนี่นา
ว่าแล้วฉันก็ดันเธอจนล้มลงไปและนอนลงตามเอาตัวคลุกเคล้าไปกับดิน จนเราทั้งคู่ตัวเปื้อนไปหมด เสียงร้อนรนของเธอก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะ แล้วบอกว่า เข้าใจแล้ว ๆ
เหมือนว่าจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้ว ดีจริง ๆ และพวกเราก็มุ่งหน้ากลับไปที่บ้านโดยมีคุณโรเวิร์ตรอดุอยู่…
“โอ๊ย!”
‘ง่ะ!’
เราทั้งคู่โดนกำปั้นของคุณโรเวิร์ตปล่อยลงมาที่กลางหัว ทำอะไรเนี่ย!มันเจ็บนะไม่เคยได้ยินรึไงว่าไม่ควรให้หัวกระแทกมากน่ะ!
แต่จากสภาพแล้วคงไม่คิดอะไรมากล่ะมั้ง…
“นี่คิดว่ากำลังทำอะไรอยู่ จะออกเดินทางในสถานการณ์แบบนี้มันอันตรายนะ”
เอาแล้ว…ช่วงนี้โดนคุณโรเวิร์ตบ่นบ่อยยิ่งกว่าพ่อกับแม่ซะอีก นี่หน้าที่มันกลับกันรึไงเนี่ย พ่อแม่ยังไม่บ่นขนาดนี้เลยนะ โธ่
“แต่ว่ามัน…”
“…ก็เข้าใจ ว่าเจ้าไม่อยากให้ใครมาเจ็บตัวเพราะตัวเอง แต่เรื่องมาขนาดนี้แล้วการออกเดินทางไม่ใช่ทางเลือกที่ดี รอให้ทุกอย่างจัดการเรียบร้อยตามที่ควรดีกว่านะ”
ถึงจะโดนดุยกใหญ่จากวิลเลตไปแล้วก็ไม่พ้นโดนบ่นอีกรอบโดยคุณโรเวิร์ต ใช่ โดนเทศน์ยาวจนหูแทบชาแหนะ…
เนื้อหาก็วน ๆ อยู่ที่เดิม ว่าถ้าจะหนีให้พ้นจริง ๆ คือการตัดขาดกับสังคม ซึ่งเคียร่าตอนนี้ยังเด็กต้องพึ่งสังคมของมนุษย์เพื่ออะไรหลายอย่าง ไม่เหมือนกับฉันที่เป็นมังกร
ทั้งเสื้อผ้าที่นอนแล้วก็เงิน เป็นสิ่งที่หาเองไม่ได้ถ้าแค่ฉันล่ะก็ของพวกนั้นคงไม่จำเป็น แล้วเก็บตัวแฝงอยู่ในธรรมชาติที่ไหนสักที่ ใครรบกวนก็ไล่กลับไปแบบนั้นมันจะง่ายกว่า
ซึ่งแน่นอนว่าฉันไม่ต้องการ…เคียร่าก็ด้วย ดังนั้นพวกเราต้องจัดการเรื่องนี้ให้เข้าที่เข้าทาง เพื่อความสงบที่ไม่ต้องเอาแต่หนี…สินะ
“เฮ้อ…เพราะงั้นนะเคียร่า จนกว่าจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วแข็งแกร่งพอที่จะดูแลตัวเอง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่อย่างพวกข้าไปก่อนนะ”
“…ค่ะ”
“วันนี้กลับไปพักผ่อนให้หัวเย็นลงเถอะ แล้วทบทวนให้ดี ๆ ถึงสิ่งที่พวกเธอควรทำ”
ว่าแล้วพวกเราก็ถูกปล่อยให้กลับไปที่บ้าน โดยปีนหน้าต่างกลับถามเดิมเพราะว่าที่บ้านยังไม่รู้ตัวเรื่องที่แอบหนีออกมา ส่วนคุณโรเวิร์ตที่รู้ก็เพราะวิลเลตส่งลูกน้องไปแจ้งข่าว
เหมือนว่าเขาจะถูกส่งมาจับตาดูพวกเราแบบใกล้ชิดเป็นพิเศษ ราวกับว่าเดาไว้อยู่แล้วเรื่องที่จะหนี บ้าจริง พวกเรายังอ่อนหัดอยู่สินะ
———— —————-
“นี่น่ะหรือ มังกรกับเด็กในข่าวลือ”
หลังจากวันที่เกิดเรื่องก็ผ่านไปเกือบครึ่งเดือน ตอนนี้มีขุนนางคนหนึ่งเดินทางมาหาพวกเรา เห็นว่าจะมาตั้งนานแล้วแต่ว่าไม่ค่อยได้มีเวลามากนัก
แต่คนนี้รู้สึกต่างไปจากทุกที เพราะว่าคุณโรเวิร์ตจะดูต้อนรับเขาเป็นอย่างดี ทั้งยังดูสุขุมเรียบร้อยกว่าคนที่ผ่านมาเยอะเลย
“ต้องขอขอบคุณที่ตอบรับคำเชิญของข้า ท่านดยุก คาสทอร์”
“ไม่ต้องทางการนักหรอก ยังไงถ้าไม่นับเรื่องยศ ท่านต่างหากที่ควรถูกเคารพ”
จากบทสนทนา เหมือนว่าคราวนี้จะเป็นฝ่ายคุณโรเวิร์ตที่เชิญให้เขามา ชายคนนี้มีผมสีทองหน้าตายังดูหนุ่มยังแน่น ดวงตาสีฟ้าและมีเคราบริเวณใต้คางไม่ยาวมาก
แต่ถึงกระนั้นก็ดูสะอาดสะอ้านอย่างบอกไม่ถูก เขายืนขึ้นและยื่นมือมาหาเคียร่า
“ขออภัยที่แนะนำตัวช้า ฉัน ดาริก คาสทอร์ เป็นหัวหน้าตระกูล ดยุกคาสทอร์ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ค่ะ ฉันเคียร่า ส่วนเด็กคนนี้ริเกลค่ะ”
และทั้งสองก็จับมือกัน ตอนนี้พวกเรานั่งอยู่ในห้องรับรองซึ่งมีโต๊ะตรงกลาง หลังมีชามาเสิร์ฟพวกเราทุกคนก็นั่งลงและเข้าสู่ช่วงจริงจังกันทันที
———— ————
(มุมคนเขียน)
สวัสดีค่ะ ถ้าในเว็บเด็กดีกับ nekopost เราน่าจะเขียนมุมคุยกับคนอ่านเป็นครั้งแรก แต่เนื้อหาที่อยากพูดมีไม่เยอะหรอกค่ะนอกจากขอขอบคุณที่กดเข้ามาอ่าน และติดตามจนถึงตอนนี้ค่ะ(ฮา) แล้วก็อีกเรื่องที่อยากจะแจ้งก็คือต้องเกริ่นก่อนว่า
เรามาลงสองเว็บนี้ทีหลัง หลังจากที่ลงใน RAW ไปแล้วสักพักนึง จนพึ่งนึกได้ว่ายังไงก็ยังไม่มีแผนจะขาย เอาไปปล่อยในเว็บอื่นเพิ่มทางให้คนเห็นน่าจะดีกว่า ก็เลยเอามาลงเพราะเหตุนั้นนั่นเองค่ะ
และกลับมาเรื่องที่อยากจะบอกก็คือ ตอนนี้เป็นตอนล่าสุดที่ชนกับเว็บแรกคือ RAW เรียบร้อยแล้วค่ะ หลังจากนี้ทั้ง 3 เว็บเวลาอัพจะเป็นแบบเรียลไทม์พร้อมกัน คือเราเขียนจบตอนเมื่อไหร่ก็ลงเลย(ฮา)
ดังนั้นหลักๆเลยก็คือ เวลาลงจะไม่แน่นอนหรือตายตัวเลยค่ะ ถ้าแบบก่อนหน้านี้ที่เรามีตุนไว้ตั้ง 18 ตอนคือเราทั้งกักไว้ลงแบบเว้นช่วงเวลา เพื่อขยายการโปรโมท ไม่ก็ลงต่อกันเพราะไม่อยากให้ค้าง หรือแม้แต่เพราะเราตื่นเต้นซะเองด้วย (ฮา)
เพราะงั้นหลังจากนี้อาจจะลงช้านิดหน่อย หรือ ลงเร็วเกินไปก็ไม่อาจทราบได้ค่ะ เราแอบกังวลเลยเพราะก่อนหน้านี้เคยเจอประสบการณ์อย่าง “ลงรัวจนน่ากลัว ไม่กล้าอ่านแล้วนะเฟ้ย!!” จากเพื่อนที่หรือนักอ่านที่เคยอ่านเรื่องเก่าตอนเราดีดมาค่ะ
ดังนั้นหลังจากนี้ถ้าไม่เบื่อหรือรำคาญนักเขียนอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวเขียนช้าเดี๋ยวเขียนเร็วจนเดาทางไม่ถูกแบบเราก็จะขอบคุณมากค่ะ แล้วก็ขอขอบคุณย้ำอีกทีจริงๆที่อ่านจนถึงตอนนี้ และบรรทัดนี้ ที่นั่งอ่านเราร่ายซะยาวเลยก็ต้องขอบคุณมากค่ะ!! ขอบคุณที่ทำให้นิยายคลายเครียดของเราได้สร้างความผ่อนคลายและรอยยิ้้มให้กับเราขึ้นมาจริงๆ ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านมากค่ะ!!