ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร – ตอนที่ 1: ความเร้าใจหลังออกจากไข่

 เจ็บ ความทรงจำสุดท้ายที่จำได้คือความเจ็บปวดที่มากที่สุดเท่าที่จะเคยเจอในชีวิต ฉันโดนอะไรกันนะ? เรื่องนั้นจะยังไงก็ช่างแต่เจ็บราวกับว่าร่างกายแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เลย

จากนั้นทุกสิ่งก็เลือนราง ตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหน? หรือแม้แต่ตัวเองเคยเป็นใคร ความทรงจำที่เคยใช้ชีวิตอยู่นั้นยังคงชัดเจนแต่ห่างไกล ราวกับไม่ใช่ความทรงจำของตนเอง

ช่างแปลกประหลาดจังนะความรู้สึกนี้ ยังไงก็เถอะ ฉันควรจะตื่นจากการหลับใหลได้แล้วสินะ?

ฉันคิดแบบนั้นพลางค่อย ๆ ขยับเปลือกตาที่หนักอึ้งให้เปิดขึ้นมองด้านหน้า มืด ด้านหน้าของสายที่มองไปมีแต่ความมืดมิด นี่ร่างกายของฉันมาอยู่ที่ไหนกันแน่เนี่ย?

หลังจากพยายามกะพริบตาอยู่หลายครั้งอย่างเชื่องช้า เพื่อให้มั่นใจว่าตัวเองลืมตาอยู่จริง ผ่านไปครู่หนึ่งก็เหมือนเริ่มปรับสายตาในที่มืดได้แล้วมองเห็นภาพด้านหน้า

หนังเหรอ? สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าฉันคือมีบางอย่างปิดร่างเอาไว้อยู่ โดยมีลายคล้ายกับหนังสัตว์ แต่ว่า ขยับตัวลำบากชะมัดที่นี่เนี่ย

นอกจากดวงตาที่เปิดขึ้นเปิดลงได้ ร่างกายส่วนอื่นก็ขยับไม่ได้เลย มันเหมือนชา ๆ ไร้ซึ่งความรู้สึกอื่น ไม่รู้ตัวซ้ำว่าส่วนต่าง ๆ ของร่างกายตัวเองเป็นยังไงหรือว่ากำลังอยู่ท่าไหน

เหมือนมีแค่ตาที่เดียวเป็นร่างกาย น่ากลัวแฮะ

พอคิดแบบนั้นก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ และค่อย ๆ รู้สึกจังหวะเต้นของหัวใจที่สั่นไหวรุนแรงเพราะความกลัว อ๊ะ ความรู้สึกเริ่มกลับมาแล้วแฮะ เหมือนส่วนอื่นของร่างกายพึ่งถูกจุดให้ขยับได้เมื่อกี้นี้เอง

ถ้างั้นก็…ฝืนขยับตัวให้มากที่สุดเลยก็แล้วกัน!

และเมื่อทำแบบนั้น ความรู้สึกที่ส่วนต่าง ๆ ก็กลับมาพร้อมกับการเคลื่อนไหวทีละน้อย เริ่มที่แขนและขา ตามด้วยหัวและคอ และเมื่อทุกอย่างเริ่มออกแรงได้มากขึ้น ฉันก็ใช้หัวชนเข้ากับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าทันที

 

‘แกร๊ก’

 

เสียงคล้ายของแข็งแตกหักดังขึ้นทันทีที่หัวของฉันกระทบกับตรงหน้า พร้อมทั้งแสงสว่างที่สาดส่องเข้าที่ดวงตา รอยแตกงั้นเหรอ? เรื่องนั้นจะยังไงก็ช่าง ถ้าพังสิ่งนี้ออกไปก็จะออกไปสู่อิสระ!!

 

‘แกร๊ก ๆ ๆ ’

 

เมื่อยิ่งออกแรงดิ้นทุกส่วนในร่างกายมากขึ้น ก็มีแสงสว่างสาดส่องเข้ามาจากทุกทิศทาง รอยแตกก็เพิ่มมากขึ้นจนรู้สึกว่าต้องมุดหัวออกไปได้แน่ ในตอนนั้นคอของฉันก็ตอบสนองโดยการยื่นออกไปด้านหน้า และ ออกสู่โลกภายนอก

 

‘ฟุอ้า!’

 

ฉันออกเสียงร้องในใจเมื่อในที่สุดก็เป็นอิสระ รู้สึกได้ถึงสายลมบาง ๆ ที่กระทบเข้ากับใบหน้า กลิ่นเหม็นเขียวที่ถูกทำให้จางลงด้วยดินที่แฉะผสมกลายเป็นกลิ่นที่ชวนให้ผ่อนคลาย

เสียงของนกและแมลงรอบ ๆ ดังขึ้นอย่างชัดเจน จนอดสงสัยไม่ได้ ว่าจมูกและหูของฉันมันดีขนาดนี้เลยเหรอ? เมื่อฉันลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบกับป่าเขียวขจีที่มีต้นไม้สูงใหญ่อยู่จำนวนมาก

กิ่งก้านที่ยื่นออกมาจากลำต้นเต็มไปด้วยใบไม้หนาจนมีแสงจากพระอาทิตย์ผ่านมาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตอนนี้มีเพียงหัวของฉันอย่างเดียวเท่านั้นที่อยู่ด้านนอก แต่ก็มีเสียงเหมือนบางอย่างแตกออก พร้อมทั้งลมที่ปะทะเข้ากับร่างกาย

เอ๋ นี่ฉันอยู่ด้านนอกแล้วเหรอ?

 

‘แกร๊บ’

 

เสียงคล้ายแบบเดิมดังขึ้นอีกครั้งแต่แปลกออกไปเล็กน้อย เป็นเสียงที่เหมือนโดนบดมากกว่ามันดังมาจากตรงด้านข้างของฉัน แต่น่าแปลกที่กลับรู้สึกว่ามีส่วนของร่างกายทับบางอย่างจนกลายเป็นเศษเล็ก ๆ อยู่

ดวงตาที่จับจ้องไปทิวทัศน์ด้านบนหันนั้น ค่อย ๆ เลื่อนลูกตาลงมามองที่พื้นก็พบกับบางอย่าง ที่คาดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ห่อหุ้มฉันเอาไว้เมื่อครู่ สิ่งนั้นคือ…เปลือกไข่?

ใช่ สิ่งที่กระจายอยู่ตามพื้นคือเปลือกบาง ๆ ของไข่ที่มีลวดลายสีฟ้าสลับน้ำเงิน ฉันได้แต่เอียงคอด้วยความสงสัยต่อภาพตรงหน้า ทำไมฉันถึงมาอยู่ในไข่ได้ล่ะ?

แล้วทันใดนั้นก็รู้สึกเมื่อยขาขึ้นมา ฉันในตอนนี้นั้นยืนด้วยขาสองข้างยึดตัวให้สูงขึ้นเล็กน้อย มือทั้งสองข้างก็ปล่อยแรงเอาไว้ไม่ได้ยกขึ้นมา และเพราะรู้สึกเมื่อยขาจึงตัดสินใจโน้มไปด้านหน้าแล้วเอามือสองข้างยันพื้น

เอ๋ รู้สึก สบายตัวขึ้นเยอะเลย ได้ยังไงกัน? ฉันคิดแบบนั้นพร้อมทั้งกะพริบตาปริบ ๆ แล้วเอียงคอซ้ายขวาไปมาด้วยความงงงวย ในตอนนั้นฉันจึงก้มลงไปมองที่มือของตัวเองที่วางไว้บนพื้น แล้วก็ต้องตกใจกว่าเดิม

มันเป็นเท้าคล้ายสัตว์เลื้อยคลานสีฟ้าอ่อนแต่งแต้มด้วยลวดลายเล็กน้อยบริเวณข้อนิ้ว ที่ดูมั่นคงและแข็งแรงพร้อมทั้งกรงเล็บสั้น ๆ ที่แหลมคม เอ๋ นี่…มือของฉันเรอะ?

หลังความตกใจที่เข้ามาในหัวสมอง ฉันก็เลยตัดสินใจลองเดินดู แน่นอนว่าร่างกายของฉันขยับไปตามธรรมชาติ โดยยื่นมือไปด้านหน้าต่อตามด้วยขาหลังทำให้เคลื่อนไปด้านหน้า

เป็นความรู้สึกแปลกประหลาดยิ่งกว่าเดิม เพราะว่าฉันรู้สึกคุ้นชินกับการเคลื่อนไหวแบบนี้ อา คงเรียกว่ามือไม่ได้ แต่ต้องเรียกว่าขาหน้ามากกว่าสินะ โอเค๊

นี่ฉันกลายเป็นตัวอะไรไปแล้วฟะเนี่ย…แต่อีแบบนี้คงไม่ใช่แบบที่เคยเป็นแหง ๆ ถ้าจำไม่ผิดล่ะก็…สิ่งที่ฉันเคยเป็นเรียกว่ามนุษย์สินะ? เป็นสิ่งที่ชีวิตยืนด้วยสองขาหลังตรงอย่างมั่นคง มีสังคมและวัฒนธรรมที่น่าทึ่ง

ซึ่งนั่นตรงข้ามกับฉันในตอนนี้ ซึ่งต้องยืนสี่ขาเพื่อให้ทรงตัวได้ ร่างกายที่ราวกับนอนอยู่ตลอดเวลา แต่ขาก็ช่วยให้ยกลอยจากพื้นพอสมควร เป็นความรู้สึกที่แปลกดีแฮะ

โดยเฉพาะกับประสาทสัมผัสที่ไม่รู้จักบริเวณหลังกับบั้นท้าย ถึงจะรู้สึกได้แต่เพราะความไม่คุ้นชินจึงควบคุมมากไม่ได้นัก ไม่ใช่ว่าขยับไม่ได้อย่างใจนึก หากแต่เป็นขยับไม่เป็นมากกว่า อนาถเนอะ โธ่

เอาเป็นว่าพอจะรู้แล้วแหละว่าตอนนี้ตัวเองต้องเป็นตัวอะไรสักอย่างที่แปลกประหลาดพอควรแน่ งั้นก็มาสนใจรอบตัวดีกว่า ว่าตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหนและต้องทำอะไรต่อ

เมื่อมองไปรอบๆ อีกครั้ง นอกจากที่ว่าอยู่ในป่าแล้วตอนนี้พื้นที่ฉันยืนอยู่นั้นเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ จนพื้นดินกลายเป็นโคลนแฉะ ๆ เป็นความรู้สึกที่ไม่น่าเหยียบเอาซะเลย

เมื่อคิดแบบนั้นจึงเผลอทำสีหน้าแหยงๆ ออกมาตามความรู้สึก ถึงจะไม่รู้ก็เถอะว่าหน้าตาตอนนี้ของตัวเองเป็นยังไง แต่ก็ยิ่งน่าประหลาดใจเมื่อยกเท้าซึ่งจมอยู่ในโคลนขึ้น ไม่มีอะไรติดมากับเท้าของฉันเลยแม้แต่น้อย ไม่แม้แต่เปื้อนเลยด้วยซ้ำ

นี่ผิวฉันมันเป็นยังไงกันแน่นะ พิลึกชะมัด

 

‘ตึง ตึง’

 

มีเสียงของบางอย่างที่มีน้ำหนักค่อนข้างมากดังขึ้นจนพื้นดินสั่นไหวเล็กน้อย และก็ค่อย ๆ สะเทือนแรงขึ้นจนฉันต้องหันไปมองทางที่มาของเสียงด้วยความสงสัย บางที อาจจะเป็นคนที่ช่วยบอกฉันก็ได้ ว่าฉันอยู่ที่ไหนและต้องทำอะไร

เมื่อหันหลังกลับไปมองที่มาของเสียงด้วยความหวังเล็ก ๆ ก็ต้องหน้าถอดสีทันทีเมื่อเจอร่างของสิ่งที่อยู่ตรงหน้า มันเป็นสิ่งทีชีวิตขนาดค่อนข้างใหญ่ อย่างน้อย ๆ ในมุมของฉันก็ตัวใหญ่สุด ๆ ยืนอยู่

มันยืนด้วยสี่ขาเหมือนกับฉันแต่รู้ถึงความแตกต่างได้ตั้งแต่เท้าของมันที่มีผลึกเหมือนแร่งอกออกมา กรงเล็บที่ใหญ่และโค้งงอกว่ามากอย่างน่ากลัว

เมื่อค่อย ๆ หันขึ้นไปมองบนหัวของอีกฝ่ายก็เจอกับสิ่งมีชีวิตที่ลำตัวเต็มไปด้วยผลึกแข็ง ๆ กำลังแยกเขี้ยวมองมาทางฉันอย่างดุร้าย อีแบบนี้ที่ฉันเคยเห็นเขาเรียกว่าอะไรนะ…มังกร?

หรือไม่แน่ ฉันเองก็เป็นมังกรเหมือนกันเรอะ

 

“กรร!!”

 

จู่ ๆ มังกรตรงหน้าฉันก็แผดเสียงคำรามออกมาดังสนั่นพร้อมทั้งเดินเข้ามาหาฉันใกล้ขึ้น ยิ่งทำให้ได้รู้เลยว่าขนาดตัวของพวกเราต่างกันขนาดไหน ฉันคงตัวเล็กเท่าอุ้งเท้าของมันเองมั้ง

เดี๋ยว นี่ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนั้นซะหน่อยนะเฮ้ย!!

เมื่อตั้งสติได้ ร่างกายของฉันก็ไม่รอช้าออกคำสั่งให้ขาทั้งสีออกวิ่งไปอีกทางอย่างรวดเร็ว พอดีกันกับที่อีกฝ่ายยกเท้าขึ้นมาพยายามตะปบฉัน เฉียดไปแค่นิดเดียวเท่านั้นก่อนที่หางของฉันจะโดนบดขยี้ไป

เอ๋ หาง?

ใช่ ที่ปลายสายตาของฉันซึ่งหันไปมองด้านหลังมองเป็นหางยาวเพรียวอย่างสวยงาม พร้อมทั้งครีบบาง ๆ สีฟ้าเข้มไล่สีจางไปจนเป็นสีขาวสว่าง ครับนั้นแต่งแต้มตรงช่วงกลางหางไปจนถึงปลายหาง มันบางมากเสียจนขยับไปมาตามสายลม

แต่หลังจากคิดเรื่องหางของตัวเองได้ไม่นาน ก็ต้องสะดุ้งโหยงเพราะเสียงกู่ร้องอีกครั้งของมังกรยักษ์ก่อนที่มันจะออกตัวมาหาฉันอีก ทำให้ขอของฉันออกแรงก้าวไปข้างหน้าแล้ววิ่งไปสุดแรงเกิด อะ ฉันเองก็พึ่งเกิดนี่นา

ใช่ ตอนนี้ภาพรอบ ๆ ของฉันนั้นเคลื่อนไปเรื่อยด้วยความเร็วสูง เร็วจนมองไม่ทันเลยด้วยซ้ำเหมือนกำลังขับรถความเร็วกลาง ๆ อยู่เลย ขาทั้งสี่ข้างนี้วิ่งเร็วชะมัดเลยวุ้ย

แต่ถึงแบบนั้นก็โดนไล่หลังมาติด ๆ อาจจะเพราะฉันตัวเล็กกว่าด้วยมั้งจึงคล่องตัวกว่าและหนีออกห่างมาได้เรื่อย ๆ ถ้าเป็นแบบนี้ต้องออกจากสายตาของมันได้แน่…

 

“!!”

 

ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง พร้อมทั้งหยุดขาของตัวเองแทบไม่ทันจนพื้นมีรอยขูดพื้นไปลากยาว จนในที่สุดก็หยุดเคลื่อนที่โดยเกือบชนกับตรงหน้า ที่เป็นด้านล่างของหน้าผาสูงชัน หรือก็คือตอนนี้ฉันติดทางตันแล้วนั่นเอง

และนั่นก็บังคับให้ฉันต้องหันกลับไปทางเดิมซึ่งเป็นทางเดียวที่จะไปได้ และมันก็ถูกมังกรตัวนั้นปิดทางเอาไว้หมดแล้ว ไม่มีทางให้หนีนี่มันแย่สุด ๆ

เวร เวรแล้ว ๆ ควรทำอะไรต่อดีฟะเนี่ยพึ่งเกิดมาได้ไม่ถึงวันนี่จะต้องตายอีกแล้วเรอะ พอคิดถึงความตายอีกครั้งก็นึกถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงเมื่อก่อนรู้สึกตัว ซึ่งคาดว่าเป็นสาเหตุของความตาย

นั่นทำให้กลัวขึ้นมายิ่งกว่ามังกรที่อยู่ตรงหน้า ไม่อยากรู้สึกถึงความเจ็บปวดแบบนั้นอีกแล้ว ง่าย ๆ ก็คือฉันไม่อยากตาย เพราะงั้นต้องลองทำอะไรสักอย่าง อย่างน้อยก็ต้องมีการดิ้นรนบ้าง

ในตอนนั้นฉันก็ตัดสินใจแยกเขี้ยวเล็กน้อย รวบรวมลมหายใจให้รวมตัวกันที่ลำคอ ปากค่อย ๆ ขยับขึ้นสูดลมหายใจเข้ามาให้มากกว่าเดิม ก่อนจะจับจ้องไปที่ดวงตาอีกฝ่าย

แล้วอ้าปากขึ้นออกแรงตะเบ็งเสียงให้สุด

 

“กร้าว!!”

 

เฮ้ย ๆ ฉันว่าออกเสียงให้ดูน่ากลัวที่สุดแล้วนะ แต่ไหงเสียงมันน่ารักขนาดนั้นฟะ ไม่ไหว ขำไม่ไหวแล้วตลกเสียงตัวเองชะมัดโคตรน่ารักเลยเว้ย แต่ว่าใบไม้รอบ ๆ นั้นกลับสั่นไหงราวกับว่าถูกลมพัดอย่างแรงจากทางฉัน

เอ๋ ก็ไม่เห็นรู้สึกถึงลมพัดแรงขนาดนั้นนี่นา แปลกจัง

จากนั้นร่างของมังกรยักษ์ตรงหน้าก็หยุดลง พร้อมทั้งก้าวขาถอยหลังไปเล็กน้อย ถึงแม้ว่าใบหน้าจะยังแยกเขี้ยวขู่อย่างดุร้าย แต่ก็สัมผัสได้ถึงความหวาดระแวงจากดวงตานั้น

และมันก็หันหลังวิ่งหนีไปทันที นี่ฉัน…รอดแล้วสินะ นั่นทำให้ฉันสบายใจแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ พร้อมทั้งขาที่อ่อนแรงลงจนพับลงทำให้ร่างของฉันล้มลงไปกับพื้น

ง่วง ง่วงจัง…รู้สึกเหนื่อยจนไม่มีแรงขยับตัวเลย ยิ่งฝืนให้ขาลุกขึ้นมาก็ยิ่งทรมาน ท้องรู้สึกปั่นป่วนขึ้นมาจนมีเสียงดัง อา หิว…เพราะพลังถูกใช้ออกไปรวดเดียวหมดรึเปล่านะ ถึงได้หิวขนาดนี้

 

‘แซ่ก ๆ ’

 

ในตอนที่สายตาเริ่มพร่ามัวพร้อมทั้งลมหายใจที่โรยริน ก็มีเสียงใบไม้ถูกขยับให้สั่นไหวดังขึ้นด้านข้าง บังคับให้สายตาให้เลื่อนไปมองก็พบกับร่างของสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่แทรกตัวออกมา

ยืนสองขาหลังตรงอย่างมั่นคง ผ้าที่ห่อหุ้มร่างกายไว้แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมที่น่าทึ่ง สิ่งนั้นไม่ผิดแน่…’ มนุษย์’

 

“เอ๋ เป็นมังกรที่หน้าตาไม่คุ้นเลย…”

 

อ้า ฉันเป็นมังกรจริง ๆ สินะ ดีใจจังที่ในที่สุดก็รู้ว่าตัวเองเป็นใคร แต่ก็…ง่วงจัง

 

แล้วฉันก็หลับตาลงและจมสู่ห้วงนิทรา

 

 ———– ———–

รูปเต็มมังกรที่ปรากฏในตอน

(เครดิตผู้ออกแบบ : Kola-rabbit )

มังกรที่วิ่งไล่

 

 

 

 

 

ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร

ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร

ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร

Comment

Options

not work with dark mode
Reset