ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร – ตอนที่ 43: ภาค 2 ตอนที่ 20 ความปั่นป่วนในใจ

 ถึงจะยังแอบรู้สึกหวั่นใจกับเรื่องของประเทศฟาเรเรียก็เถอะ แต่ว่าก็ตั้งสติตัวเองอีกครั้งแล้วมุ่งหน้าทำตามแผน นั่นก็คือประกาศรับสมัครทหารรับจ้างจำนวนมากให้มารวมตัวที่เมืองฟิว ตามที่คิดเอาไว้คือจะทาบทามพวกเขาให้เข้ากลุ่ม แล้วเริ่มการบังคับเรียนที่เคยคิดเอาไว้

ในจุดนี้มีเคียร่าช่วยในเรื่องของการจัดเวลา เพราะว่าถ้าเป็นปกติพวกชาวบ้านคงไม่เต็มใจเรียนเนื่องจากมันเสียเวลาทำมาหากิน สำหรับพวกเขาการทำงานเลี้ยงตัวเองในแต่ละวันนั้นสำคัญกว่ามาก แต่ด้วยความช่วยเหลือการจัดเวลาจากเคียร่าก็ได้เสียงตอบรับที่ดี อย่างน้อยตอนนี้ทุกคนที่อยู่มาก่อนเต็มใจทำตาม

กลับมาที่เรื่องทหารรับจ้าง เป็นไปตามคาดพอบอกเนื้อหางานที่ให้รวมกันเป็นกลุ่ม และฝึกการรบร่วมกับคนอื่นก็เกิดเสียงคัดค้านด้วยความไม่พอใจไปทั่ว แม้ว่าคนที่ไม่มีปัญหาขอแค่มีเงินจ่ายให้นั้นถึงจะมีเยอะพอควร แต่ก็ยังรู้สึกไม่มากพอ วันนี้ฉันจึงคิดคำปราศรัยที่จะโน้มน้าวให้เหลือเยอะมากที่สุดไว้แล้ว

แต่ถ้ายังไม่ได้ผลก็คงปล่อยไปแหละนะ

 

“ขอขอบคุณทุกท่านที่มารวมกันในวันนี้!”

 

คฤหาสน์ขนาดใหญ่ของฉันนั้นเป็นหนึ่งในอาคารไม่กี่แห่ง ที่มีลานกว้างอยู่ด้านหลัง ซึ่งตอนนี้มีคนมารวมตัวตามการประกาศรับสมัครอยู่ ซึ่งเกินครึ่งนั้นไม่พอใจมากกับข้อเสนอชวนเข้ากลุ่ม หรือแม้แต่ตอนนี้ที่หัวหน้าอย่างฉันนั้นยืนอยู่ระเบียงของคฤหาสน์ และโผล่ออกมาคุยกับพวกเขา

แม้จะมีข่าวลือว่าเป็นกลุ่มที่ถูกนำโดยเด็กก็เถอะ การมาเห็นด้วยตาตัวเองแบบนี้ก็ทำให้พวกเขาหงุดหงิดกว่าเดิมไม่น้อย แต่เรื่องนั้นจะยังไงก็ช่าง สิ่งที่ฉันต้องทำก็ยังคงไม่เปลี่ยนไป จึงยิ้มกว้างออกมาอย่างร่าเริง คนละแบบกับการยิ้มตามมารยาทที่เคยทำตอนต้อนรับบาทหลวง และนี่คือรอยยิ้มจากใจจริงของฉันที่คงไม่ได้เรียบร้อยอะไรมากนัก

 

“ฉันรู้ดี ว่าพวกนายที่อยู่ตรงนี้ไม่พอใจสิ่งที่ฉันทำกันเท่าไหร่หรอก คงกำลังคิดอยู่สินะว่า นี่น่ะเหรอทหารรับจ้าง? จะให้รบร่วมกับคนอื่นและสังกัดอยู่กลุ่มเดียวแบบนี้ จะไปต่างจากทหารทั่วไปตรงไหน? คงกำลังคิดแบบนั้นกันอยู่สินะ เลยปฏิเสธการมีอยู่ของกลุ่มพวกเราขนาดนี้”

 

 

เมื่อฉันเว้นช่วงแบบนั้นราวกับเป็นคำถาม พวกเขาก็ทำสีหน้าบึ้งตึงและพยักหน้า บ้างก็มีเสียงตะโกนสวนขึ้นมาบ้างว่า ‘ใช่ ๆ แบบนี้ไม่ใช่ทหารรับจ้างแล้ว!!’ บ้างก็ ‘นี่ไม่ใช่การเล่นของเด็กนะ!!’ ซึ่งทุกอย่างดูวุ่นวายมากจนหากคนทั่วไปคงกลัวกันหมดแล้ว

แต่แน่นอนว่าฉันไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย ทั้งยังกอดอกพยักหน้ารับอย่างสงบนิ่ง

 

“อืม นั่นสินะ ฉันเองก็เคยคิดแบบนั้น คิดมาเสมอเลยว่าแบบนี้เรายังเรียกตัวเองว่าทหารรับจ้างได้อีกเหรอ แถมจะยังต้องออกคำสั่งกับคนที่ตามฉันในฐานะหัวหน้าของกลุ่มทหารรับจ้าง กังวลมากเลยล่ะ”

 

“หัวหน้า เรื่องนั้น…”

 

โบลที่ยืนดูลาดเลาประกบอยู่ด้านหลังฉันนั้นส่งเสียงเรียกอย่างแผ่วเบา บนใบหน้าก็เต็มไปด้วยสีหน้าไม่สบายใจ เพราะว่าเรื่องนี้ฉันไม่เคยบอกกับใครมาก่อน เรื่องที่จะพูดในวันนี้ก็ไม่ได้บอกทุกคนเอาไว้ คนที่ทำสีหน้าเหวอก็ไม่ได้มีแค่โบล ทุกคนเลยต่างหาก…ฉันนี่มีลูกน้องที่ดีจริง ๆ

เมื่อคิดได้แบบนั้นก็เผลอยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อย ก่อนจะหลับตาลงและปรับลมหายใจให้หนักแน่นขึ้น ลืมตามองไปข้างหน้าอย่างไม่หวาดหวั่น และตะโกนออกไปสุดเสียง

 

“แต่ว่าฉันคิดผิด!!”

 

ด้วยคำพูดที่ราวกับตะคอกและต่อว่าอยู่ของฉันนั้นดึงให้ทุกคนอยู่ในความสงบ ทุกสายตาจับจ้องมาที่ฉันราวกับถูกมนตร์สะกด ฉันได้เรียนรู้มาว่าการตะโกนเสียงดังอย่างหนักแน่นแบบนี้ทำให้ทุกคนเงียบได้ ราวกับเป็นการบอกว่าจงฟังให้ดี

 

“ไม่สมกับเป็นทหารรับจ้าง? ถ้างั้นแล้วทหารรับจ้างคืออะไร!! เป็นพวกคนสันโดษทำงานคนเดียว เร่ร่อนไปเรื่อยไม่มีหลักแหล่ง ไม่ฝักใฝ่อยู่กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แบบนั้นเหรอ? ไม่ใช่!!”

 

ประโยคนี้ของฉันทำให้ทุกคนสะอึก เพราะถ้าหากไม่ชอบแนวทางของฉันล่ะก็ แสดงว่าพวกเขาคิดแบบนี้กันอยู่แน่ ถึงจะยังมีบ้างที่หงุดหงิดกว่าเดิมแต่เพราะบรรยากาศที่ฉันกดดันเอาไว้จึงยังคงเงียบอยู่

ดังนั้นการประกาศกร้าวตอนนี้ก็ยังคงดำเนินต่อไป

 

“ทหารรับจ้างคืออะไร? อย่าบอกนะว่าลืมไปแล้ว เราน่ะคือพวกหิวเงินที่ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ เป็นพวกขี้ขลาดที่หากมีอันตรายก็จะหนีในทันที ผู้คนเรียกเราแบบนั้น และพวกเราก็เป็นแบบนั้นกันไม่ใช่เรอะ!!”

 

ทุกคนที่ได้ยินต่างสีหน้าแผ่วลงและขบฟันแน่นอย่างเจ็บใจ ทั้งยังเบือนสายตาหลบก้มหน้าหนีคำพูดของฉัน เพราะว่านี่คือคำที่ผู้คนต่างเรียกและดูถูกพวกเรา แม้จะไม่ชอบแต่นั่นก็คือความจริง ทุกคนที่เป็นทหารรับจ้างต่างรู้ในจุดนี้…และยังคงทำงานในฐานะทหารรับจ้างกันต่อไป

 

“แต่ว่า มันผิดตรงไหนกัน”

 

ทุกคนสะดุ้งกับคำพูดที่เบาเสียงลงเล็กน้อยของฉัน แล้วเงยหน้าขึ้นมองราวกับต้องการฟังอีกรอบ เหมือนกับว่าเมื่อครู่นั้นยังคงไม่เชื่อหูพวกเขา ในตอนนี้พวกเขาคงจดจ่อไปเรื่องความหมายของทหารรับจ้าง และการโดนคนดูถูกกันอยู่ล่ะมั้ง

 

“พวกเราที่เห็นแก่เงินเพื่อมีชีวิตรอดในแต่ละวันผิดตรงไหนกัน พวกเราที่ขี้ขลาดและหวงชีวิตของตัวเองมันผิดตรงไหนกัน ไม่ว่าใครก็ใช้วิถีชีวิตเพื่อแบบนั้น แล้วทำไมเราต้องก้มหน้าให้กับตัวตนของเรากันเล่า!! เงยหน้าขึ้นมาสิ ยอมรับให้ชัด ๆ ไปเลย ว่าพวกเราหิวเงินเพื่อรักษาสิ่งที่รัก และหวงชีวิตเพราะมันคือสิ่งที่พวกเรารัก เพราะว่านั่น ก็คือวิถีชีวิตของพวกเราเหมือนกัน!!”

 

หลังตะเบ็งเสียงตะโกนออกไปสุดอีกครั้งพร้อมทั้งความรู้สึกเจ็บคอ ฉันก็กำมือข้างขวาแน่นและชูขึ้นจนสุดแขน พอเป็นแบบนั้นทุกคนก็คล้อยตามและส่งเสียงเฮลั่นพลางยกมือขึ้น เสียงที่ดังสนั่นคงทำให้คนตื่นตกใจกันไม่น้อย แต่เรื่องนั้นก็ช่างมันก่อน

ฉันค่อย ๆ ลดมือลงแล้วกุมมันไว้ที่อกอย่างนุ่มนวล ทำให้ทุกคนมองด้วยแววตาสงสัยว่าจะทำอะไร แล้วฉันก็พูดออกมาด้วยเสียงที่ไม่ดังมาก แต่ก็พอให้ทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน

 

“เพราะงั้น…ฉันเองก็ทำทุกอย่างเพื่อปกป้องสิ่งที่รักเหมือนกัน”

 

ว่าแล้วฉันก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ข้างหน้า…มองออกไป ไกลกว่าจุดที่ทุกคนยืนอยู่ ทอดสายตาเข้าไปในเมืองที่เต็มไปด้วยท่าเรืออย่างคึกคัก ไล่สายตาใกล้เข้ามาไปหาลูกน้องที่ยืนคุมสถานการณ์เผื่อมีอะไรฉุกเฉิน และ เหลือบตาไปมองลูกน้องคนสนิทที่คอยช่วยเหลืออยู่ด้านหลัง

และหันกลับไปยิ้มร่าอย่างทุกที

 

“ในตอนนี้ฉันเองก็ยังคงต้องการเงินเพื่อมาปกป้องสิ่งที่ฉันรัก เป็นเงินก้อนใหญ่จำนวนมากจึงต้องสร้างเป็นกลุ่มขนาดใหญ่เพื่อสนับสนุน และสิ่งที่ฉันรัก…ก็คือกลุ่มนี้ เมืองแห่งนี้ที่พวกเราอยู่ตอนนี้!! พอเป็นแบบนั้นแล้วฉันกับทุกคนที่นี่ต่างกันตรงไหน!!”

 

พูดจบฉันก็แบมือและยืดแขนออกทั้งสองข้างราวกับให้เห็นทุกสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ซึ่งรู้สึกว่าเคยชินกับท่าทางแบบนี้ซะแล้วสิ ในสายตาคนอื่นจะมองเป็นแบบไหนกันนะ

 

“เป็นไงล่ะ ไม่คิดจะเข้าร่วมความเห็นแก่ตัวของฉัน เพื่อความเห็นแก่ตัวของพวกนายหน่อยเหรอ ฉันมอบงานให้พวกนาย พวกนายทำงานให้กับฉัน ทุกคนต่อสู้ร่วมกันเพื่อรักษาชีวิตของกันและกัน เป็นไงล่ะ สวยหรูจนเหมือนกับข้อเสนอจากปีศาจเลยไหมล่ะ”

 

หลังทิ้งท้ายเอาไว้แบบนั้น ก็มีเสียงหัวเราะคิกคักอย่างตลกขบขันดังมาจากกลุ่มคนด้านล่าง ชวนให้บรรยากาศผ่อนคลายลงอย่างรวดเร็ว เพราะว่าฉันนั้นพูดทั้งหัวเราะในลำคออย่างสนุกสนาน

 

“อ้อแล้วก็ ถึงพวกเราจะไม่ได้ผิด แต่การที่โดนพวกคนอื่นที่ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ มาต่อว่าและดูถูกมันก็น่าหงุดหงิดไม่ใช่เหรอ ฉันน่ะหงุดหงิดมากเลยล่ะ ดังนั้น…”

 

ฉันเว้นช่วงเล็กน้อยแล้วยื่นมือไปด้านหน้า บดบังดวงอาทิตย์ที่สาดส่องราวกับพยายามคว้าเอาไว้ ก่อนจะกำแน่นเพื่อกุมพระอาทิตย์เอาไว้ในมือ

 

“ฉันจะแสดงให้ทุกคนได้เห็น! ว่าพวกเราเองก็ทำได้และในสักวัน…พวกเราจะทำให้พวกนั้นตกใจจนหงายหลังทั้งหมดเลย!!”

 

“โอ้!!”

 

ในที่สุดสิ่งที่จะพูดก็ออกมาหมดแล้ว พร้อมทั้งชูมือขึ้นเหนือหัวอีกครั้งจนมีเสียงกู่ร้องก้องกังวานไปทั่ว ฉันลดมือลงและหันหลังกลับเป็นการแสดงออกว่าเรื่องที่จะพูดหมดแล้ว มองเห็นลูกน้องทุกคนยิ้มกว้างและไหลไปตามบรรยากาศคึกครื้นในตอนนี้

ส่วนหลังจากนั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกโบลถามหาคนสมัครเข้ากลุ่มต่อ ส่วนฉันก็เข้าไปพักด้านใน…

 

“เฮ้อ!! เจ็บคอเป็นบ้าเลย”

 

“ฮะ ๆ เหนื่อยหน่อยนะคะหัวหน้า”

 

วิเวียนที่วันนี้ไม่ได้ไปเลี้ยงเด็กและอาสามาช่วยงานจุกจิกในวันนี้นั้น นำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว ฉันจึงรีบคว้าเอาไว้แล้วดื่มรวดเร็วทันที

 

“อ้า! คอก็แห้งด้วย ช่วยได้เยอะเลยล่ะขอบใจมากนะ ค่อยยังชั่วขึ้นหน่อย”

 

“หุ ตั้งแต่วันที่เจอกับหัวหน้าครั้งแรกก็ใช้เสียงเสมอเลยนะคะ แถมยัง…สุดยอดมากด้วย”

 

เมื่อเห็นว่าวิเวียนเริ่มเปิดหัวข้อสนทนาที่แปลกไปจากเดิม จึงมองด้วยสีหน้าสงสัยเล็กน้อย เธอเองก็เว้นช่วงเล็กน้อยพลางรินเครื่องดื่มเพิ่มให้อย่างเป็นงาน

 

“จากที่หัวหน้าพูดวันนี้…พวกทหารรับจ้างก็ไม่ต่างจากคนทั่วไปเลย…สินะคะ”

 

“อา แค่งานของพวกเรามันเปื้อนเลือดล่ะนะ นอกเหนือจากนั้นพวกเราก็ไม่ต่างกันหรอก”

 

พอพูดแบบนั้นออกไปอย่างสบาย ๆ พร้อมทั้งยกเครื่องดื่มค่อย ๆ จิบ เธอก็เอามือกุมไว้ที่อก และกำแน่นโดยที่เม้มปากด้วยความรู้สึกที่ฉันไม่เข้าใจ วิเวียนก็พูดประโยคต่อมา

 

“ฉันเอง…ก็เคยเป็นแบบที่หัวหน้าพูดค่ะ มองว่าพวกคุณแตกต่าง อาจจะเคยดูถูกเหยียดหยามพวกคุณที่เป็นทหารรับจ้างกันด้วย”

 

“…ก็ไม่แปลกล่ะนะ แต่ฉันไม่รู้หรอกว่าทำไม…ฉันไม่ได้ฉลาดขนาดนั้น” ถ้าเป็นเคียร่า…อาจจะตอบได้ก็ได้

 

“นั่นสินะคะ…แต่ว่า ตอนนี้ฉันดีใจนะคะ ที่ได้ทำงานให้คุณ”

 

เมื่อเธอพูดแบบนั้นฉันก็หยุดมือที่ยกดื่มน้ำในแก้วอยู่ แล้วหันไปมองเธอด้วยสีหน้าประหลาดใจ วิเวียนในตอนนี้นั้นผ่อนมือที่กำแน่นอยู่แล้วยิ้มอ่อนออกมา ผสมเข้ากับเรือนร่างที่สวยงามได้รูปของเธอก็ทำให้ยิ่งงดงามเข้าไปอีก จนเผลอกลั้นหายใจไปชั่วขณะ

อะไรน่ะ ความรู้สึกนี้?

 

“ตั้งแต่ถูกหัวหน้าช่วยเอาไว้ก็อยากจะขอโทษมาโดยตลอดเลยค่ะ ที่เคยมองด้วยสายตาเลวร้าย…ที่ได้มาทำงานให้คุณเป็นโชคดีมากจริง ๆ ค่ะ…จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าสามียังอยู่ด้วยก็คงดี”

 

เธอพูดแบบนั้นพร้อมทั้งก้มลงมองมือของตัวเองที่ใส่แหวนอยู่ ถึงจะดูไม่ใช่ของหรูหรามากแต่ก็รู้กันดีว่าเป็นของต่างหน้าที่สำคัญของสามีเธอ ทำให้ใจที่ปั่นป่วนสงบลงอย่างน่าประหลาด แถมยังเผลอนึกถึงเคียร่าขึ้นมาอีกด้วย…สีหน้าเมื่อกี้สวยมากจริง ๆ แหละ ทำเอาเกือบหลงเลยล่ะมั้ง

แต่ก็ยังโชคดี! ที่ในใจของฉันยังเป็นเคียร่าไม่เปลี่ยน!! ฉันรู้สึกได้รับชัยชนะ และโล่งอกอยู่ในใจเพียงคนเดียว ก่อนจะปรับอารมณ์ใหม่และหัวเราะออกมาจากลำคอ

 

“หึ ช่างหัวผู้ชายที่พลาดท่า แล้วทิ้งเธอกับลูกเอาไว้เถอะน่า ไม่รู้หรอกนะว่าตอนมีชีวิตอยู่เขาเป็นคนยังไง แต่ก็อย่าเป็นแบบหมอนั่นล่ะ เพราะหนนี้จะกลายเป็นลูกเธอที่ต้องอยู่คนเดียว”

 

ไม่รู้ทำไมถึงพูดจาปากร้ายอย่างน่าประหลาด นั่นทำให้วิเวียนหัวเราะให้ด้วยความเอ็นดู ไม่ไหว ดันมองว่าฉันเป็นเด็กน้อยไปซะได้

 

“ฮะ ๆ เข้าใจแล้วค่ะ…แต่ถึงจะเป็นอะไรไป เด็กคนนั้นก็ยังมีทุกคนอยู่นี่คะ…หัวหน้าสร้างครอบครัวให้ได้แน่ค่ะ”

 

“หึ จะไปรู้เรอะ”

 

แต่มันก็จริง หลังจากนี้ฉันวางแผนจะสร้างสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเอาไว้ นอกจากจะดูแลเด็กที่ไม่มีครอบครัวแล้ว ก็ยังเป็นสถานที่ไว้รับฝากดูแลเด็กเวลาพวกผู้ใหญ่ทำงาน แถมยังให้มีการเรียนการสอนสำหรับเด็กโดยเฉพาะด้วย

แล้วก็ปิดท้ายวันนี้ด้วยการเขียนจดหมายถึงเคียร่า แน่นอนว่าเล่าเรื่องที่คุยกับวิเวียนให้เธอฟังด้วย ผลลัพธ์ในวันนี้ออกมาค่อนข้างดีเลย แค่คิดว่าเธอจะชมฉันก็ยิ้มกว้างและตื่นเต้นจนตัวสั่นไปหมดแล้ว

ว่าแล้วเชียว ไม่มีใครทำให้ใจของฉันปั่นป่วนไปด้วยความสุขแบบนี้ได้มากเท่าเคียร่าอีกแล้ว ไม่ว่ายังไงเธอก็ยังคงเป็นที่หนึ่งในใจฉันเสมอ

 

———————————— —————————-

 

“พูดปราศรัย…เหรอ”

 

ฉันอ่านเนื้อความด้านในจดหมายแล้วพึมพำออกมาอย่างแผ่วเบาด้วยรอยยิ้ม จะว่ายังไงดี ตั้งแต่ที่แฟร์สร้างกลุ่มและเริ่มกลายเป็นเมือง ถึงจะเป็นความรับผิดชอบที่ใหญ่หลวง และมีเรื่องกลุ้มรุมเร้าเธอมากก็ตาม แต่ว่าเธอก็ดูมีชีวิตชีวามากเลย

จะต้องสนุกอยู่แน่ ๆ

 

“แต่ว่า วิเวียนเหรอ…”

 

ทำไมกันนะ…พอเห็นชื่อของคนนี้ในจดหมายที่แฟร์กำลังคุยกับฉันอยู่ถึงเผลอขมวดคิ้วทุกทีเลย ถึงแม้ว่าเรื่องที่เธอคุยกันจะมีใจความสำคัญที่อยากบอกก็เถอะ แต่การอ่านข้อความที่เธอเล่าเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นก็ดูไหลลื่นอย่างบอกไม่ถูก ทำให้รู้สึกหงุดหงิดอย่างประหลาด

ในหัวใจรู้สึก…ปั่นป่วนไปหมด ฉันวางจดหมายลงแล้วใช้มือขวาแตะไปที่หัวใจตัวเองอย่างแผ่วเบา หลังจากอยู่นิ่งสักพักใหญ่ก็ทั้งได้ยินและรู้สึกถึงแรงเต้นของหัวใจอย่างชัดเจน ประหลาดจัง พักหลังมานี้หลังจากคุยกับแฟร์หัวใจก็ปั่นป่วนไปหมด

ทั้งความรู้สึกที่ดีและเจ็บปวด

 

“คืออะไรกันนะ ความรู้สึกนี้…”

 

———————- ————————–

รูปแฟร์เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ~

(เครดิตผู้ออกแบบ : Okumura )

 

ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร

ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร

ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร

Comment

Options

not work with dark mode
Reset