“ฟ่อ!!”
งูซึ่งมีหัวสีดำถัดลงไปตรงคอเป็นสีเหลือง และสลับกันพาดเป็นลายทางที่ดำเหลืองนั้น ส่งเสียงขู่ฟ่อดังก้องกังวานไปทั่วทำให้ฉันได้แต่ตื่นตระหนกจนสติกระเจิงเล็กน้อย เคียร่าจึงดึงบังเหียนฉันแรงขึ้นเพื่อเป็นการดึงสติกลับมา
“ริเกลใจเย็น ยืดขาออกให้บนกล่องมีที่ว่างหน่อย ฉันจะลงไปรับมือเอง”
เอ๊ะ ยังไงนะ…ถึงจะยังไม่เข้าใจก็เถอะ แต่ฉันก็ยืดแขนที่อุ้มกล่องเอาไว้ให้ห่างจากตัวเองเล็กน้อย และเมื่อกล่องขยับงูที่โผลหัวออกมาก็ยิ่งดิ้นอยู่ภายในกล่อง พร้อมทั้งพยายามเลื้อยออกมา…
โดยไม่ปล่อยให้งูตัวนั้นออกมา เคียร่าปล่อยมือจากบังเหียนของฉัน แล้วกระโดดลงเหยียบบนหัวของงูตัวนั้น จนคางของมันกระแทกเข้ากับฝากล่องอย่างรุนแรง
มันพยายามเลื้อยออกมาจากรูที่ขนาดไม่ใหญ่ไปกว่าตัวมันมากนัก ก่อนที่เหมือนจะสังเกตเห็นว่าพวกเราบินอยู่บนฟ้าจึงหยุดชะงักไป…ก่อนจะเริ่มสลัดหัวให้เคียร่ากระเด็นออก
‘เคียร่าระวัง!’
และแน่นอนว่าร่างของเธอที่ อยู่บนหัวโดนปัดออกอย่างง่ายดาย ทำเอาฉันใจตกลงไปอยู่ที่หางเพราะเสียวว่าเคียร่าจะร่วงลงไป แต่ระดับนี้แล้ว เธอใช้หอกยึดตัวเองไว้กับกล่องได้อย่างฉิวเฉียด
ฟู่ นั่นสินะ ตกใจหมดเลย…
“จำทางได้ใช่ไหม เร่งความเร็วให้สุดไปเลย”
พอได้ยินคำสั่งแบบนั้นฉันก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบตาไปมองเธอด้วยความเป็นห่วง ถ้าเร่งความเร็วก็ยิ่งเสี่ยงที่จะร่วงลงไป และดูเหมือนว่านั่นตะเป็นสิ่งที่งูตัวนั้นเล็งไว้เช่นกัน
“ฟ่อ!”
ถึงแม้ว่าจะไม่พยายามออกมาจากกล่องแล้ว แต่ว่าส่วนที่อยู่ด้านนอกนั้นก็ยังใช้โจมตีได้อยู่ โดยพุ่งเข้ามาพยายามกัดเคียร่า ซึ่งพอหลบได้ก็เจอเข้ากับลำตัวที่ยาวกระแทกอีกที
“อึก!”
เธอใช้เพียงแขนซ้ายขึ้นมากันการกระแทกเพราะว่ามือขวานั้นถือหอกที่ยึดตัวเองกับกล่องเอาไว้…เข้าใจล่ะ เพราะงั้นเลยต้องรีบสินะ
เมื่อฉันตัดสินใจได้ว่าจุดประสงค์ของเคียร่าคือให้ถึงที่หมายก่อนจะได้ลงพื้นได้อย่างปลอดภัย ดีกว่าเสี่ยงต่อสู้กันบนฟ้าแบบนี้ จึงกระพือปีกสะบัดอีกรอบอย่างรุนแรงเพื่อออกแรงพุ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
ทำให้ทั้งคู่ที่ฉันแบกอยู่นั้นโดนแรงลมปะทะเข้าอย่างจัง จนเคียร่าต้องหมอบตัวลงต่ำเพื่อไม่ให้โต้ลมเกินไป กลับกันงูตัวนั้นแม้จะโดนแรงลมที่ไม่คุ้นเลย แต่ก็ยังพยายามโจมตีไม่หยุดจนกล่องสั่นไปหมด
‘อย่าขยับเยอะสิเฮ้ย ถ้าร่วงลงไปนี่เจ็บหนักหน่า’
“ฟ่อ!!”
ไม่ไหว พูดอะไรไปก็ไม่ฟังเลย โมโหอะไรมาจากไหนกันล่ะเนี่ย ในตอนนั้นเอง งูทะเลตัวนั้นก็อ้าปากพุ่งเข้ากัดเคียร่าที่นั่งย่อตัวอยู่ และเพียงชั่ววูบก่อนที่ร่างของเธอจะโดนกลืนเข้าไป
เคียร่าปล่อยมือจากหอกและหมอบตัวลงไปนอนกับฝากล่อง ก่อนจะเด้งตัวขึ้นมาอีกครั้งโดยใช้สองมือโอบลำตัวของอีกฝ่ายเอาไว้ ซึ่งขนาดตัวของมันไม่ใหญ่มากแขนสองข้างของเธอจึงบรรจบกันได้ และเริ่มออกแรงล็อกลำตัวเอาไว้
บะ- บ้าพลังเกินไปแล้ว! จับล็อกมังกรด้วยมือเปล่าเนี่ยนะ! น่ากลัว…แต่ก็สมกับเป็นเคียร่าล่ะนะ
แต่ก็แน่นอนว่าโดนจับเอาไว้แบบนั้นอีกฝ่ายไม่อยู่เฉยแน่ จึงเริ่มยกตัวขึ้นคงหวังจะเหวี่ยงเคียร่าออกอีกครั้ง แต่ก่อนที่จะได้ทำเช่นนั้นเคียร่าก็เริ่มร่ายเวทออกมา
“—”
‘ตึง!!’
ทันทีที่เสียงพึมพำของเธอจบ เจ้าตัวก็เหวี่ยงให้คอของงูทุ่มลงกับฝากล่อง ตามมาด้วยเสียงกระแทกเข้ากับไม้อย่างแรงอีกครั้ง เหมือนว่าเธอจะใช้เวทโบราณบางอย่างที่ทำให้ร่างของงูตัวนั้นโดนกดเข้ากับพื้นไม่ให้ขยับ ทำให้การเคลื่อนไหวของทั้งคู่สงบไปพักหนึ่ง
“ใกล้ถึงรึยัง!”
สายตาของฉันพุ่งไปที่ด้านหน้าอีกครั้งเมื่อเสียงของเคียร่าดังสวนออกมา ในขณะที่เข้าใกล้ช่องว่างที่ไม่มีภูเขากั้นซึ่งเป็นชายแดนของประเทศเรานั้น ฉันก็ค่อย ๆ ลดความเร็วลงทีละน้อย เพื่อชะลอตัวให้ไปหยุดที่ป้อมปราการของฟัวกรา ซึ่งน่าจะถูกทัพหลักของพวกเรายึดได้เรียบร้อยแล้ว
และก็เป็นไปตามคาด เมื่อมีคนเห็นพวกเราธงของฟาเรเรียก็ถูกยกขึ้นและส่ายไปมา เพื่อบ่งบอกว่าที่แห่งนี้ปลอดภัย ฉันจึงไม่รอช้ารีบกระพือปีกบินใกล้กับพื้นอย่างพอดี
“กรร…”
เป็นครั้งแรกที่งูตัวนั้นส่งเสียงขู่ออกมาจากลำคอทำให้ต่างไปจากเดิม เมื่อเหลือบตาไปมองก็เห็นว่าสายตาของมันจับจ้องไปที่พื้นดินซึ่งอยู่ในระยะที่จัดได้ว่าถึงตกไปก็ไม่อันตรายสำหรับมังกร
และอีกอย่าง บริเวณที่เป็นสีเหลืองของมันนั้นเริ่มมีแสงกะพริบเล็กน้อย…
“ซ่า!!”
เสียงขู่ที่ดังก้องกังวานอีกครั้งพร้อมทั้งแสงสว่างวาบที่ปล่อยออกมาจากลำตัวสีเหลือง พร้อมกับความรู้สึกเจ็บแปล๊บที่ไหลไปทั่วร่างกาย ฉันจำความรู้สึกนี้ได้จากชีวิตก่อน…นั่นก็คือไฟฟ้าช็อตนั่นเอง
“อ๊าก!”
“กรร!!”
แต่แน่นอนว่าความเจ็บปวดในตอนนั้นเทียบไม่ได้กับกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านทั่วร่างของฉันในตอนนี้ จนเราทั้งคู่ซึ่งโดนช็อตเข้าเต็มๆ นั้นได้แต่ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เส้นทางการบินของฉันจึงโอนเอียงและเซไปมา
จนในที่สุดก็ลงพื้นโดยใช้ไหล่ไถลกับพื้นไปแทน พร้อมทั้งกล่องที่กระแทกเข้ากับพื้นจนเทกระจายและเสียหายเล็กน้อย คงต้องบอกว่าเหมือนร่วงมากกว่าลงจอด
เจ็บ!! ไม่คิดไม่ฝันว่าจะโดนไฟฟ้าช็อตอีกในโลกนี้แล้วนะเนี่ย ฉันละเกลียดความรู้สึกที่โดนช็อตจริงๆ เลย!! เพราะมันเหมือนมีบางอย่างไหลผ่านไปทั่วร่างกายจนรู้สึกชาไปหมดทั้งตัว บรึ้ย แย่ที่สุด และที่สำคัญ…บริเวณที่ฉันใส่เกราะอยู่นั้นร้อนสุด ๆ
“เคียร่า! เกิดอะไรขึ้น!!”
คนที่รีบวิ่งมาก่อนคนแรกพร้อมทั้งถามสถานการณ์อย่างเร่งรีบนั้นคือโอเรล เคียร่าที่ล้มไถลไปกับพื้นนั้นดันตัวเองให้ลุกขึ้นมาอย่างโซซัดโซเซ พร้อมทั้งงูทะเลที่ในที่สุดก็สามารถออกมาอยู่ด้านนอกได้แล้ว
“มีมังกรวารีติดมากับสินค้า! ระวังด้วย!!”
ว่าแล้วมันก็ส่งเสียงขู่ฟ่ออีกครั้งพอดีกับที่ฉันพยายามลุกขึ้น พริบตาเดียวก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมา งูตัวนั้นพุ่งเข้ามารัดตัวของฉันเอาไว้ ก่อนที่ลำตัวสีเหลืองของมันจะเรืองแสงไล่จากหัวไปหาง มองแบบนี้ก็ดูสวยดีแฮะ…
แต่มันใช่เรื่องที่ต้องคิดตอนนี้ไหมล่ะเนี่ย!!
‘จ๊ากก!!’
ไฟฟ้าแล่นผ่านทั่วทั้งร่างกายพร้อมทั้งแรงบีบรัดที่แน่นขึ้น ซึ่งฉันพยายามออกแรงขัดขืนการรัดนั้นแต่มันก็แทบไม่เป็นผลแม้แต่น้อย จริงสิ แล้วเคียร่าล่ะ
ฉันที่ไม่ได้ยินเสียงของเธอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เพื่อตามหาเคียร่า ก็ได้พบว่าเธอเองก็โดนจัดรวมเข้าด้วยเหมือนกัน ถึงจะมองไม่เห็นสีหน้าเพราะหมวกอัศวิน แต่การที่เธอไม่ส่งเสียงทั้งยังแทบไม่ขยับเลย นั่นเป็นไปได้ว่าเธออาจจะเจ็บหนัก…เวรแล้วไง!! ต้องรีบให้มันคลายออกแล้ว
แต่ว่าผลที่ออกมากลับตรงกันข้าม ยิ่งดิ้นมากเท่าไหร่มันก็รัดแน่นขึ้นเท่านั้น
‘เอาไงดี…อา!! หยุดช็อตได้แล้ว!!’
หลังคำรามออกมาเสียงดังทำให้กระแสไฟฟ้าหยุดชะงักไป ฉันก็ใช้เท้าเตะเข้าที่ลำตัวมันอย่างรุนแรง อีกฝ่ายสะดุ้งโหยงจนคลายตัวที่รัดแน่นเลื้อยถอยออกไปในทันที ราวกับว่าไม่อยากให้ท้องของตัวเองโดนความเสียหาย
“อึก…”
‘ทำใจดี ๆ ไว้ เคียร่า’
ฉันส่งเสียงออกมาด้วยความเป็นห่วง พร้อมทั้งเอาหัวไปรองรับตัวของเคียร่าที่กำลังทรุดลงกับพื้น ตัวเธอที่อยู่ในชุดเกราะเหล็กคงโดนความเสียหายจากไฟฟ้าเข้าไปหนักมาก เห็นได้ชัดจากควันที่ลอยฟุ้งออกมา
จะว่าไป ถึงจะเอาแต่เป็นห่วงเคียร่าก็เถอะ ฉันเองก็…เจ็บจังวุ้ย
และเรี่ยวแรงที่ขาก็หมดไป ฉันเองก็ทรุดตัวหมอบลงไปกับพื้นเพราะชาจากการโดนช็อตเช่นกัน
“ทหาร!! ล้อมมังกรวารีเอาไว้!!”
เสียงตะโกนที่ดังก้องกังวานลอยมาจากด้านหลัง เมื่อหันไปมองก็พบกับแม่ทัพหลักซึ่งตอนนี้มีหน้าที่ให้คำปรึกษาเจ้าชายในการนำทัพนั้น กำลังออกคำสั่งทหารให้รับมือกับสถานการณ์ตรงหน้า
ทันใดนั้น ก็มีทหารราว 20 คนวิ่งมาล้อมปิดทางหนีของมังกรวารีเอาไว้ ก่อนที่เจ้าตัวคนสั่งการจะเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้าพลางผลักตัวโอเรลที่อยู่ใกล้ให้ถอยออกไป
“เฮ้ยเจ้าสามัญชน ลุกไหวรึเปล่า”
“…ค่ะ”
เคียร่าที่ยืนพิงหัวของฉันเอาไว้ไม่ให้ล้มลงกับพื้นนั้น กระตุกมือเล็กน้อยและตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ชายทหารชายตามองเคียร่าจากมุมที่ตัวเองนั้นตัวสูงกว่าด้วยสายตาที่ราวกับหงุดหงิด ก่อนจะเอ่ยปากต่อ
“งั้นก็ดี ถอยไปได้แล้วอยู่ตรงนี้ไปก็เกะกะเปล่า ๆ แกเองก็พายัยนี่ไปหาหน่วยแพทย์ซะ”
พูดจบ เขาก็เอาเท้าสะกิดที่แก้มฉันดัง ‘ปัก’ ไม่ต้องบอกก็รู้น่าไอ้ลุงนี่ ฉันส่งเสียงครวญครางเบา ๆ ในลำคอด้วยความไม่พอใจ แต่เคียร่าก็ใช้มือตบที่จมูกฉันอย่างอ่อนแรงเพื่อบอกให้ใจเย็น ช่วยไม่ได้ ฉันทำเพื่อเคียร่าหรอกนะ!!
สุดท้ายฉันก็ไม่แสดงท่าทีอะไรมากแล้วดันร่างตัวเองให้ยืนขึ้น แล้วช่วยพยุงเคียร่าให้เดินถอยออกมา ในระหว่างนั้นก็ยังไม่เกิดการปะทะกันระหว่างมังกรวารีกับกลุ่มทหาร ต่างฝ่ายต่างดูท่าทีของคู่ต่อสู้โดยไม่ละสายตา งูตัวนั้นระวังตัวน่าดูเลยแฮะ…
“มา เดี๋ยวฉันช่วยพยุงต่อเอง—”
“กรร!!”
คราวนี้ต่างจากเหตุการณ์เมื่อครู่ ฉันแยกเขี้ยวและส่งเสียงขู่ใส่โอเรลที่ทำท่าจะเข้ามาแตะตัวเคียร่าในทันที ไอ้หมอนี่มันฉวยโอกาสทำแต้มจีบเคียร่าอะดิ ไม่ยอมหรอกเฟ้ย!!
เมื่อเป็นแบบนั้น เจ้าตัวก็สะดุ้งโหยงและก้าวถอยหลังไปด้วยความตกใจทันที ก่อนจะขมวดคิ้วมองมาที่ฉันด้วยความไม่พอใจ…อะไร? หรือจะเอาสักหมัดไหมล่ะ หะ! ถึงฉันจะปล่อยหมัดใส่ไม่ได้ก็เหอะ
“กรร…”
เมื่อรู้สึกถึงความไม่สบายใจที่ทางนี้ส่งมาอย่างชัดเจน ฉันจึงยิ่งส่งเสียงขู่จากลำคอลากยาวไม่หยุดเหมือนเวลาเตรียมต่อสู้ คราวนี้ไม่ใช่ความรู้สึกที่หวงเคียร่าแล้ว แต่นี่เป็นสัญชาตญาณตามธรรมชาติ…เวลาเจอใครสักคนที่เกลียดเราเข้าไส้ จนอยากให้หายไป
“พอแล้วริเกล เดี๋ยวหลังจากนี้ให้โอเรลพยุงฉันไปคงง่ายกว่า เธอเองก็จะได้ไปพักผ่อนด้วย”
‘…ถ้าเคียร่าว่างั้นละก็’
ฉันค่อย ๆ หุบเขี้ยวของตัวเองลงและหลุดส่งเสียงขู่ ทางโอเรลเองก็ผ่อนสีหน้าลงก่อนจะถอนหายใจออกมาพลางใช้มือกุมอกราวกับว่าหัวใจจะวาย…ไอ้หมอนี่!
“ฟู่…ตกใจหมดเลย”
“ฮะ ๆ โทษทีนะ เพราะเพิ่งผ่านการต่อสู้มา ริเกลเลยระวังเลยระวังตัวเป็นพิเศษละมั้ง”
“ไม่เป็นไร ๆ ฉันเข้าใจ…”
เขาพูดเว้นช่วงเล็กน้อยพลางเดินเข้ามาใกล้จมูกของฉัน และช้อนตัวเคียร่าให้โอบไหล่ของตัวเองเพื่อใช้สำหรับทรงตัว จากนั้นก็เหลือบตามามองทางนี้ ก่อนจะพูดต่อจากประโยคเดิม
“…ว่ามันเป็นมังกรล่ะนะ”
ทันใดนั้นความรู้สึกไม่สบายตัวก็แล่นผ่านไปทั่วร่างกาย เพราะสายตาที่จ้องเขม็งมาทางนี้งั้นเหรอ หรือว่าเมื่อกี้เจ้านี่มันเพิ่งจะ…ปล่อยจิตสังหารใส่ฉันงั้นเหรอ? ฉันจึงขมวดคิ้วจ้องมองกลับไปโดยไม่ส่งเสียงขู่ในทันที
การจ้องตากันอย่างเงียบเฉียบของเราสองคนในหนนี้นั้น ทำให้เข้าใจได้ในทันทีว่าที่ผ่านมาฉันคิดผิด เคยคิดว่าเจ้านี่เหมือนกับเจ้าชายที่อาจจะมีไม่ชอบฉันบ้างเพราะเหมือนเป็นตัวขัดขวางการจีบเคียร่า ถึงกระนั้นก็ยอมรับได้ว่าเราทั้งคู่นั้นเป็นคนสำคัญของกันและกัน ซึ่งแบบนั้นฉันยังพอยอมรับแล้วยอมสนิทด้วยได้อยู่บ้าง แต่ว่าฉันกับเจ้าโอเรลนี่…
คงไม่มีทางเข้ากันได้แน่
———————- ———————
(มุมคนเขียน)
เอื้อ ก่อนอื่นเลยก็ต้องขอโทษที่หายไปนานเป็นอย่างแรกเลยค่ะ ช่วงไม่กี่เดือนก่อนขึ้นปีใหม่นี่มี Event เยอะเหลือเกิน…และมักจะมาพร้อมกับงานที่ผุดขึ้นมาจากไหนก็ไม่รู้เยอะแยะเลยนั่นเอง ฮ่า
นั่นแหละค่ะ ช่วงหลายวันมานี้แทบจะไม่มีโอกาสได้แตะมือถือหรือนั่งหน้าคอมเลย แล้วตลกร้ายคือดันอยากเขียนแบบสุดๆ แต่ก็วางมือไปเขียนไม่ได้ ทำได้แค่ขอให้เวลาผ่านไปเร็วๆ จะได้มานอนเขียน สรุปก็…สลบคาหน้าเขียนนิยาย แอ๊ก—
แต่แน่นอนค่ะ ได้โผล่มาให้เห็นกันแบบนี้แสดงว่าพอมีเวลาบ้างแล้วนั่นเอง มั้ง? อย่างน้อยก็ได้ช่วงพักหายใจมานิดหน่อย ฮ่า…ก่อนจะถึงงานรอบถัดไป ระหว่างนี้ก็จะใช้เวลาในการปั่นนิยายทั้งเว็บและเล่ม คู่กับการพักผ่อนเพื่อเตรียมสะสางงานที่รุมเร้าในอนาคตอันใกล้นั่นเอง!!
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม และอ่านจนมาถึงตรงนี้กันนะคะ!