ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร – ตอนที่ 77: ภาค 3 ตอนที่ 22 คอยก่อนเถอะ…

‘เหวอ!!’

 

ฉันที่สะดุ้งตื่นจากฝันร้ายเผลอส่งเสียงออกมาพร้อมกับเด้งตัวลุกขึ้น ทำให้ทุกคนที่นอนพักอยู่ก็สะดุ้งตามขึ้นมาในทันที

 

“เกิดอะไรขึ้น!”

 

หัวหน้าที่ลุกขึ้นและจับดาบเตรียมปกป้องเจ้าชาย ถามพลางมองไปรอบ ๆ เพื่อหาสิ่งผิดปกติ ส่วนเคียร่าที่รู้ได้ทันทีว่าฉันแค่ฝันร้ายนั้นก็ยกมือให้ลดอาวุธลง

 

“ไม่ค่ะ ฉันคิดว่า…ฝันร้ายเหรอริเกล?”

 

ฉันที่ยังตื่นกลัวจนสงบใจไม่ค่อยได้นั้น กลืนน้ำลายอึกใหญ่พร้อมทั้งพยักหน้าให้เธอ คนอื่น ๆ จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก…ส่วนเคียร่าก็เข้ามาปลอบประโลมฉัน

 

“ไม่เป็นไรนะ ฉันอยู่นี่แล้ว ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก เนอะ?”

 

‘อืม…’

 

ฉันส่งเสียงร้องออกไปอย่างหงอย ๆ พลางก้มหัวลงซุกไซร้กับตัวของเคียร่าเป็นการอ้อน จริงด้วย ฉันก็มีเคียราอยู่ด้วยนี่นา กะอีแค่มีมังกรหันมาแสยะยิ้มใส่ มันจะน่ากลัวสักแค่ไหนกันเชียว!!

…ขอโทษค่ะ โคตรน่ากลัวเลย นั่นมันฝันบ้าอะไรกัน! นอกจากรอยยิ้มนั่นจะสยองแล้ว ยังมีบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจอย่างประหลาดอีก แต่เดิมที มังกรตัวสีเหลืออร่ามนั่นมันอะไรกัน…

ภาพในฝันนั่นยังติดตาฉันอยู่เลย!! อา!! ออกไปนะ!!

 

“อ๊ะ ใกล้ถึงเวลานัดแล้ว รีบเตรียมตัวกันเถอะริเกล”

 

‘…อืม’

 

ฉันพยักหน้าตอบเธอด้วยเสียงแผ่วอีกครั้ง พร้อมทั้งยืนนิ่งปล่อยให้เธอสวมชุดเกราะให้อย่างเต็มยศ และในขณะที่พระอาทิตย์กำลังขึ้น พวกเราก็ออกเดินทางตรงไปยังหมู่บ้านตรงหน้าทันที เพียงแค่ฉันกับเคียร่าเท่านั้น

อาจจะเป็นเพราะเพิ่งเจอกับฝันที่น่ากลัวมา ฉันในตอนนี้จึงระแวงรอบข้างทุกอย่างก้าว แต่ว่ายามเช้าแบบนี้นั้นเงียบมาก ไม่ว่าจะพยายามตรวจสอบมากขนาดไหนก็ไม่เจออะไรเลย ทางสะดวกสุด ๆ

 

“นั่น โอเรลนี่นา”

 

ในตอนที่พวกเรามาถึงกำแพงของหมู่บ้านแล้ว เคียร่าก็พูดออกมาเช่นนั้นโดยที่ฉันยังมองไปรอบข้างอยู่ จึงได้หันกลับไปมองตรงหน้าเพื่อมองโอเรลที่เธอส่งเสียงทัก

และเมื่อได้เห็นเขาหัวใจฉันก็เต้นระรัวราวกับจะระเบิดออกมา

 

“กรร! กรร! กรรรร!!”

 

แล้วปากก็ตอบสนองกับร่างกายโดยการส่งเห่าออกไป ก่อนจะขู่ลากยาวในทันที ทั้งที่ดวงตายังสั่นคลอนด้วยความกลัว

ที่ด้านหลัง ไม่สิ…ที่ตัวของโอเรล มีหมอกดำมืดปกคลุมอยู่ มันก่อตัวขึ้นมาเป็นเงาของมังกรซึ่งมีดวงตาสีเหลืองอร่าม และแสยะยิ้ม…แบบเดียวกับในฝันเลย

 

“เดี๋ยวริเกล อย่าเสียงดังสิ ยังกลัวอยู่อีกเหรอ?”

 

“เกิดอะไรขึ้นกับมันน่ะ”

 

“ริเกลฝันร้ายน่ะ บางทีอาจจะยังตื่นกลัวอยู่ก็ได้”

 

“อ้า…แบบนี้นี่เอง”

 

เขาที่เข้าใจแล้วก็พึมพำออกมาแบบนั้น พร้อมกับก้าวเท้าเข้ามาใกล้ฉันเรื่อย ๆ อย่าเข้ามานะ! แต่ว่าเสียงของฉันส่งไปไม่ถึง โอเรลยังเดินใกล้เข้ามา เคียร่าพยายามให้ฉันสงบสติอารมณ์

ไม่เห็นเหรอ? มองไม่เห็นหมอกนั่นเหรอ? มันกำลังจ้องมาทางนี้ มันกำลังแสยะยิ้มอยู่ มันกำลัง…เล็งไปที่เคียร่า

 

“ไม่ต้องกลัวนะริเกล มานี่สิ ฉันไม่ทำอะไรแปลก ๆ หรอก”

 

โอเรลพูดออกมาแบบด้วยรอยยิ้ม พร้อมทั้งยื่นมือออกมาทางฉัน…ไม่ ดวงตาของเขาแปลกไป ไม่ใช่แค่แปลกที่ยิ้มให้กับฉัน แต่แปลกไปถึงตัวตน…ราวกับกลายเป็นคนละคนอย่างแท้จริง

ความกลัวต่อเขาที่เป็นเช่นนั้นทำให้ฉันเผลอถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แต่ก็ดึงสติตัวเองมาได้ว่าเคียร่ายังอยู่ด้วย ไม่ได้…ยิ่งเพราะน่ากลัวนั่นแหละ ฉันต้องอยู่กับเคียร่า

 

“กรรร!!!”

 

ฉันหยุดเท้าของตัวเองที่จะก้าวหนี ให้ตั้งหลักอย่างหนักแน่นและแยกเขี้ยวขู่เขาออกไป เป็นการขู่ที่มีความมุ่งร้ายอย่างชัดเจนจนเคียร่ายังตกใจ เธอไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้อย่างแท้จริง…

รอยยิ้มบนใบหน้าของโอเรลก็ค่อย ๆ ผันแปรกลายเป็นหน้าบึ้ง เงามังกรด้านหลังก็เช่นกัน มันกำลังโกรธอยู่

 

“แกก็เป็นแบบนี้ตลอด…น่ารำคาญจริง”

 

ในตอนนั้น กลิ่นฉุนก็ลอยคลุ้งเข้ามาในจมูก ฉันจึงรีบยกแขนขึ้นมาพร้อมกับโอเรลที่ชี้นิ้วมาทางเคียร่า ทันทีที่แสงรวมตัวตรงปลายนิ้วของเขา ฉันก็บังร่างของเคียร่าเป็นการป้องกันเวทนั้น

แต่

 

“ก๊าสสส!!!”

 

“อ๊ากก!!”

 

เสียงคำรามและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของฉันกับเคียร่าดังขึ้นพร้อมกัน เพราะทันทีที่มีเวทออกมาจากปลายนิ้วของโอเรลนั้น…มันก็พุ่งมาชนหลังเท้าของฉัน ทำลายเกราะที่สวมอยู่เป็นเสี่ยง ๆ และทะลุเนื้อจนไปโดนไหล่ซ้ายของเคียร่าในที่สุด

 

“ฮะ ฮะ ฮะ สุดยอด…ทำเอาเกราะของอัศวินเหมือนกับเนยเลย นี่น่ะเหรอ…พลังของมังกรพิภพ”

 

ไอ้เวรนั่นหัวเราะออกมาอย่างเชื่องช้าด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พร้อมทั้งพึมพำออกมาอย่างรื่นเริง…พลังของมังกรพิภพ? หมายความว่าไงกัน

และด้วยการโจมตีที่กะทันหันทำให้เคียร่าเสียหลัก ก่อนล้มคุกเข่าลงกับพื้นโดยใช้มือกุมแผลซึ่งยังมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด

 

“หมายความว่าไงกัน…โอเรล”

 

“อะไรกัน…เคียร่านี่หัวช้ากว่าที่คิดนะ”

 

‘หุบปากไปเลยไอ้เวร!!’

 

ฉันคำรามออกมาและอ้าปากพ่นลมหายใจออกไป เขาสะดุ้งและกระโดดหลบทันอย่างหวุดหวิด เพราะถ้าโดนเข้าไปละก็คงไม่เหลือซากแน่ หึ นี่แหละ พลังของมังกรพิภพ

คงเป็นเพราะความเจ็บปวดที่แล่นผ่านไปร่างกาย ในตอนนี้ฉันจึงลืมความกลัวไปจนหมดแล้วยืนหยัดอยู่ตรงหน้าเขา โดยที่บังตัวของเคียร่าเอาไว้ใต้ท้องของตัวเอง

คิดว่าแค่มีพลังเพิ่มขึ้นมานิดหน่อยจะชนะฉันได้เรอะ ฝันไปเฟ้ย!!

 

“หึ ไม่ว่าจะกี่ครั้งแกก็เข้ามาขวางฉันตลอดเลยนะ”

 

‘จนกว่าแกจะหมดลมนั่นแหละ’

 

เขาพูดจบก็ยกมือขึ้นมาอีกครั้ง ฉันเองก็เตรียมจะหลบแล้วกระโจนใส่เช่นกัน แต่ มือนั้นกลับเปลี่ยนขึ้นไปชี้บนฟ้า และยิงขึ้นด้านบนแทน

ทันใดนั้น ก็มีเสียงฝีเท้าจำนวนมากดังออกมาจากในหมู่บ้าน ก่อนจะมีทหารจำนวนมากวิ่งกรูออกมาล้อมพวกเราไว้และใช้ปืนจ่อมาที่พวกเรา

อย่างนี้นี่เอง เล่นแบบนี้เลยสินะ

 

“โอเรล ทำไม—”

 

‘หมอบลงเคียร่า!!’

 

เคียร่าที่ดูสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนั้น ลุกขึ้นพร้อมทั้งถามอีกครั้ง ซึ่งฉันไม่ปล่อยให้เธอทำตามใจและล้มตัวดันให้เธอหมอบลง พร้อมทั้งพ่นลมหายใจอีกครั้งพร้อมกับสะบัดปีก

 

‘ปัง! ปัง! ปัง!’

 

ทหารรอบตัวพวกเรายิ่งปืนออกมาอย่างไม่พร้อมเพรียงกันนัก ทำให้บางลูกยังคงหลงมาโดนตัวของฉันแม้จะพยายามผัดกระสุนออกไปแล้ว และระลอกต่อไปก็ต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว

ฉันทั้งพยายามใช้ลมหายใจคร่าชีวิตทหารไปเรื่อย ๆ พร้อมกับสะบัดหางกับปีกเพื่อป้องกันเท่าที่ทำได้ แต่…ความเสียหายได้โดนก็ยังหนักอยู่ดี

 

“ฮ่า ๆ ๆ ต่อให้เป็นมังกร ยังไงซะก็หมดแรงได้อยู่ดีล่ะนะ”

 

เมื่อเสียงปืนสงบหลังจากยิงออกมาหลายชุด โอเรลหัวเราะร่าออกมาด้วยความสะใจพร้อมทั้งเดินมาใกล้ฉัน อย่าเข้ามาใกล้นะเว้ย!!

แน่นอนว่าฉันรีบแว้งกัดเขาในทันที แต่มันก็ไม่โดนพร้อมกับสีหน้าระรื่นของเขา น่าหมั่นไส้จริงไอ้นี่ แต่ตตอนนี้ฉันก็ทำได้แค่หอบหายใจเพราะเสียแรงไปกับการพ่นลมหายใจ และป้องกันการโจมตี ไหนจะความเจ็บปวดจากบาดแผลอีก

แต่ว่าขอแค่เคียร่าปลอดภัย ต้องหาจังหวะหนี…

 

“!??”

 

ในตอนนั้น จู่ ๆ โอเรลก็สะดุ้งโหยงและเบี่ยงตัวออกทางด้านขวา พร้อมทั้งบางอย่างที่พุ่งผ่านจุดที่เมื่อครู่หัวเขาอยู่ไป จนที่แก้มเกิดบาดแผลตื้น ๆ ขึ้น

เคียร่าพุ่งออกมาจากใต้ท้องของฉัน พร้อมทั้งใช้หอกแทงไปทางเขานั่นเอง ด้วยดวงตาที่แฝงไปด้วยหลากหลายความรู้สึก แต่ที่เห็นเด่นชัดน่าจะเป็นความโกรธ

 

“โอเรล!!!”

 

“เธอยังไม่หมดฤทธิ์สินะ ไม่สิ…เธอยังไม่แผลงฤทธิ์ด้วยซ้ำ”

 

หลังบทสนทนาแสนสั้นที่เคียร่าตะโกนออกมาเสียงดัง เธอก็ดึงหอกของตัวเองกลับมาชิดลำตัวอีกครั้ง และแทงใส่เขาไม่ยั้ง

เหมือนเคย แม้ว่าโอเรลจะได้พลังบางอย่างมาอยู่ในมือ แต่ทักษะของเขาก็ยังไม่เปลี่ยน การหลบหอกที่โหมกระหน่ำของเคียร่าทำให้เขาต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ทำได้เพียงตั้งสมาธิกับการหลบอย่างเดียว

แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงได้รับบาดแผลอยู่ จึงหันไปขอความช่วยเหลือจากทหารรอบ ๆ

และเพราะไม่พยายามฆ่ารึเปล่านะ ทหารเหล่านั้นจึงไม่ใช้ปืนและเปลี่ยนเป็นดาบวิ่งเข้าหาเคียร่าแทน

 

‘ฉันจะไปช่วยเดี๋ยวนี้แหละ—’

 

ฉันที่ส่งเสียงร้องพลางพยายามลุกไปหาเคียร่าอีกครั้ง รู้สึกถึงบางอย่างที่โอบล้อมคอและแรงฉุดไปทางซ้ายอย่างรุนแรง

ทหารรอบ ๆ ใช้ปลอกคอเหล็กขนาดใหญ่ล็อกคอของฉันแล้วดึงด้วยโซ่นั่นเอง ใครจะไปยอมกัน— อุ

ในขณะที่ฉันกำลังจะพ่นลมหายใจอีกรอบ ก็มีเหล็กแบบเดียวกัน ลอยสูงขึ้นมาและรัดแน่นที่ปากของฉันอย่างพอดี พร้อมทั้งทหารอีกจำนวนมากที่เข้ามาช่วยดึงโซ่ จนร่างฉันโดนกดลงกับพื้น

 

“ริเกล!! ชิ”

 

เคียร่าที่แม้จะตะโกนขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ไม่อาจมาช่วยได้เพราะว่าทหารที่วิ่งเข้าไปโจมตีนั้นถึงตัวเธอแล้ว และอาจจะเป็นเพราะว่าไหล่ซ้ายได้รับบาดเจ็บหนัก เธอในตอนนี้จึงต้องต่อสู้โดยใช้แค่แขนขวาข้างเดียว

ในตอนที่หอกกลับมาอยู่แนบลำตัวอีกครั้ง เคียร่าก็มองไปทางขวาพร้อมทั้งบิดข้อมือให้หอกอยู่แนวนอน และใช้ส่วนท้ายของหอกทิ่มเข้าที่ตัวทหารทางขวา ก่อนจะเด้งกลับมาใช้ปลายหอกแทงทะลุร่างของทหารทางซ้าย

แต่หลังจัดการทหารสองคนแรกได้พร้อมกับโอเรลที่เว้นระยะห่างนั้น ก็ยังมีทหารเข้ามาอีกไม่หยุดไม่หย่อน เธอหยุดเท้ายืนอยู่กับพื้นอย่างหนักแน่น

 

“—”

 

คำร่ายภาษาโบราณออกมาอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งลมที่โหมกระหน่ำและห่อหุ้มปลายออกเอาไว้ ก่อนที่เคียร่าจะเริ่มควงหอกด้วยมือเพียงข้างเดียว

 

“อ๊าก!!”

 

ทหารรอบ ๆ ส่งเสียงร้องออกมา เพราะการหมุนหอกของเคียร่านั่นปล่อยลมที่คมเป็นใบมีดออกมา และเฉือนเลือดเนื้อของผู้ที่เข้ามาใกล้

ไม่นานการโจมตีนั้นก็หยุดลงเพราะว่าการโจมตีเพียงแบบเดียวไม่อาจหยุดศัตรูได้ เธอใช้สายตามองไปรอบทิศอย่างรวดเร็วเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ ก่อนจะขยับเท้าและแขนไปพร้อมกัน

ทั้งฟัน แทง ปัด เธอทำทุกอย่างด้วยแขนเพียงข้างเดียวและตัวคนเดียว จนรอบตัวมีกองซากศพจำนวนหนึ่งกองอยู่ ยังไม่รวมคนที่บาดเจ็บจนสู้ต่อไม่ไหงแล้วอีกจำนวนมาก

นั่นคือความสามารถของเคียร่า…และขีดจำกัดด้วย

 

“แฮ่ก แฮ่ก…เอาแต่หลบอยู่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ”

 

เคียร่าใช้หอกปักลงกับพื้นแล้วจ้องเขม็งไปที่โอเรล หลังจากการต่อสู้ผ่านไปจนแสงอาทิตย์สาดส่องลงมา ก็ถึงขีดจำกัดของเธอทำ ให้หอบหายใจออกมาอย่างเหน็ดเหนื่อย

ทหารที่เหลือเพียงน้อยนิดเองก็เริ่มลังเลที่จะเข้าโจมตี พวกเขามองเธอด้วยสีหน้าไม่ต่างกับเจอสัตว์ร้าย…ยกเว้นโอเรล ที่รู้ได้ทันทีว่านั่นคือขีดจำกัดของเธอ

 

“ฉันคิดว่าพวกเราเป็นเพื่อนกันซะอีก…”

 

“ใช่…ฉันก็ ‘เคย’ คิดแบบนั้น”

 

“ถ้างั้นทำไม…!!” 
 

 

ในขณะที่ทั้งคู่กำลังคุยกันอยู่ ก็มีทหารเข้ามาจากด้านหลังเคียร่า เธอจึงหันกลับไปแทงกลับ แต่ว่า

 

“อึก…”

 

‘เคียร่า!!’

 

ฉันที่เห็นว่าร่างของเธอโดนดาบจากโอเรลเสียงทะลุจากด้านหลัง ก็เบิกตาโพล่งและพยายามดิ้นสุดแรง แต่ สู้แรงที่โดนจับเอาไว้ไม่ได้เลย เหมือนว่ามันจะมีเวทมนตร์บางอย่างที่ทำให้ขัดขืนได้ยากอยู่

 

“เพราะเธอไม่เคยรู้อะไรเลยไงล่ะ”

 

‘เกร๊ง!’

 

หลังเสียงของหอกในมือเคียร่าร่างลงที่พื้นนั้น มีเพียงความเงียบที่เหลือเพียงเสียงของเลือดเคียร่าซึ่งหยดลงจากปลายดาบของโอเรล

เธอกัดฟันแน่นพร้อมทั้งเลือดที่กระอักออกมา โดยพยายามใช้มือเอาดาบที่แทงทะลุร่างออก แต่สุดท้าย เธอก็หมดสติลงเพราะอาการบาดเจ็บ

 

‘ไม่!! ปล่อยฉันนะเว้ย!!’

 

ฉันที่เห็นแบบนั้นโกรธจนแทบคลั่ง แต่ปลอกคอที่รัดคอกับปากของฉันไว้ก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น โอเรลเห็นแบบนั้นจึงแสยะยิ้มออกมาพร้อมเงามังกรด้านหลัง เขาดึงดาบออกจากตัวเคียร่าและโยนไปให้ทหารแถวนั้นจัดการต่อ

 

“ใจจริงฉันอยากฆ่าแกให้ตายตรงนี้แล้วพากลับไปแค่เคียร่า…แต่ราชาต้องการตัวแกแบบเป็น ๆ รอดตัวไปนะแก..”

 

‘อ๋อเหรอ งั้นหุบปากเน่า ๆ ของแกไปเลยไป๊!! ไอ้เศษเดนนรกเอ้ย!!”

 

ฉันส่งเสียงขู่คำรามออกมาจากลำคอและแยกเขี้ยวขู่ใส่เขา พร้อมทั้งดิ้นจนเกิดเสียงของโซและเหล็กเสียดสีกัน ทำให้หมอนั่นหัวเราะออกมาอีกรอบ และสั่งให้ทหารพาตัวพวกฉันไป…ยังไม่ตาย ฉันสังเกตเห็นว่าพวกนั้นพาตัวเคียร่าไปด้วย เธอยังหายใจอยู่

คอยก่อนเถอะไอ้โอเรล…ฉันจะต้องขยี้แกด้วยตัวฉันให้ได้!

ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร

ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร

ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร

Comment

Options

not work with dark mode
Reset