“อย่าเอามือเน่า ๆ นั่นมาแตะต้องตัวเคียร่านะเว้ย!!”
ฉันที่เดือดดาลจนถึงที่สุดนั้นตะคอกออกมาเช่นนั้น พร้อมกับเดินเข้าไปใกล้เขาซึ่งพยายามลุกขึ้นด้วยท่าทีทรมาน แล้วทำการถีบเข้าที่หน้าของเขาให้กลับลงไปนอนกลับพื้นเหมือนเดิม
“อ็อค—”
เสียงร้องที่เหมือนอุดอยู่ในลำคอดังออกมาจากชายคนนั้น ที่สำลักเลือดและน้ำลายออกมาจนไม่เหลือแรงลุก แต่ว่าฉันเองก็ไม่หยุดเช่นกันแล้วกระชากคอเขาให้ลุกขึ้นก่อนจะเหวี่ยงทุ่มลงพื้น
หนนี้ไม่มีเสียงร้องเล็ดลอดออกมาสักนิด ถ้าให้เดาคงใกล้จะสติหลุดเต็มทนแล้ว แต่ไม่ปล่อยให้สลบไปทั้งอย่างนี้หรอกเว้ย!!
“อย่าเพิ่งชิ่งหลับไปก่อนสิวะ!!”
ฉันขึ้นคร่อมบนตัวเขาแล้วใช้หมัดซ้ายและขวา ต่อยไปที่หน้าของเขาสลับกันไม่หยุด แม้ว่ามือจะอาบไปด้วยเลือดของไอ้เวรนี่แล้วก็ตาม
“กรร! กรร!!!”
ในตอนนั้น ก็ได้ยินเสียงลองของอิกนิสดังขึ้นมาไม่หยุดราวกับต้องการเรียกฉันอยู่ แต่เพราะว่าหมกมุ่นกับการต่อยไอ้คนที่ทำร้ายเคียร่าอยู่จึงไม่แม้แต่จะหันไปมอง ราวกับว่าตอนนี้สติตัวเองกำลังโดนความโกรธครอบงำ…
“กรร!!”
ในตอนนั้นเอง ฉันก็ต้องสะดุ้งโหยงทันทีเพราะว่าอิกนิสใช้หางของตนเอง ฟาดเข้าที่หลังของฉันจนล้มกลิ้งไปด้านหน้า
“ทำอะไรของนายเนี่ย—”
“อือ…”
ในตอนที่กำลังจะหันไปโมโหใส่อิกนิสนั้น ฉันก็สะดุ้งโหยงทันทีราวกับเพิ่งได้สติ เพราะเสียงที่ดังขึ้นมานั่นคือการโอดครวญของเคียร่า
จริงด้วยเอาแต่สนใจไอ้คนที่ทำร้ายเคียร่า จนเกือบลืมไปซะสนิทเลย…
“เคียร่า ทำใจดี ๆ ไว้นะ!!”
ฉันใช้ง้าวทำลายโซ่ที่ล่ามร่างของเธออยู่ออก แล้วใช้มือประคองเธอที่อยู่ในสภาพย่ำแย่มากขึ้นมา และนอกเหนือจากร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลแล้ว ตอนนี้สภาพของเธอยัง…
“ใคร…น่ะ”
“ฉันเอง แฟร์ไง!!”
เธอลืมตาขึ้นมาเล็กน้อยอย่างเลื่อนลอยและถามออกมา แม้ว่าจะตอบไปแบบนั้นแต่จากสภาพแล้ว ตอนนี้เธอน่าจะไม่มีสติเหลืออยู่แล้ว
แต่ถึงกระนั้นมือก็ยังคว้าเสื้อฉันไว้และกำแน่น
“แฟร์ ฉัน…ร้อน”
“…เอ๊ะ? ร้อน?”
ร้อน? ทั้งที่ตอนนี้เราอยู่ในห้องใต้ดินที่อับชื้นแถมยังเป็นเวลากลางคืนของฤดูหนาวอีก เคียร่าในตอนนี้เองก็ใส่เสื้อน้อยในระดับที่เรียกว่าไม่ได้ใส่ก็ยังได้ แต่ว่า ร้อน?
ถึงแม้จะสงสัยและคิดตามไม่ทันว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าใบหน้าของเคียร่าก็เต็มไปด้วยความทรมาน…ใช่ไหมนะ? เธอในตอนนี้ขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วหายใจหอบราวกับเหนื่อยล้า แต่ ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อขึ้นมา?
แถมขาทั้งสองข้างก็บิดไปมาเข้าหากันอีก หมายความว่าไงเนี่ย?
“กรร?!”
แล้วจู่ ๆ แฟลชที่มองพวกเราอยู่ก็ร้องเสียงหลงออกมา พร้อมทั้งยกปีกทั้งสองข้างมาปิดใบหน้าของตัวเองเอาไว้…ก่อนจะแอบเหลือตามามอง โดยใช้แฝงอะไรสักอย่างที่อยู่บนจมูกหุบขึ้นหุบลง เป็นการบ่งบอกว่าได้กลิ่นอะไรบางอย่าง…แล้วไหงถึงมีท่าทีแบบนั้นล่ะฟะ
“อุ อือ…”
“ปะ- เป็นไรไหมเคียร่า”
ในคราวนี้เองพอเคียร่าส่งเสียงทรมานออกมาที่ฟังดูแปลกเล็กน้อย ฉันก็รู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าที่ร้อนผ่าวทันที กะ- เกิดอะไรขึ้นเนี่ย!!
แล้วในขณะที่ทำตัวไม่ถูกอยู่นั้นฉันก็เหลือบไปเห็น ขวดยาบางอย่างที่ยังมีของเหลวสีม่วงเหลืออยู่เล็กน้อย และที่ริมฝีปากของเคียร่าก็มีสีเดียวกันเปื้อนอยู่…หรือว่า
ว่าแล้วฉันก็วางตัวเคียร่าลงอย่างนุ่มนวล ก่อนจะไปหาชายที่อยู่กับเคียร่าก่อนหน้านี้ แล้วกระชากคอเขาขึ้นมาอีกครั้ง
“เฮ้ย ตื่นดิ๊”
“ขะ- ขะ- ขอโทษครับ ขอโทษครับ!!”
ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมันหลอนอะไรรึเปล่า พอลืมตาตื่นขึ้นมาก็รีบขอโทษด้วยใบหน้าที่บวมเป่งเพราะโดนต่อยไม่ยั้ง แต่แน่นอนว่าฉันไม่สนใจเรื่องยิบย่อยแล้วยิงคำถามออกไปในทันที
“แกทำอะไรกับเคียร่าไปวะ”
“อ๊ะ อา..เรื่องนั้นเหรอ ฮะ ๆ ก็ทำให้เธอกลายเป็นของผมไง”
ไอ้นี่ท่าจะหลอนของจริงแล้วแหละ เมื่อกี้ยังร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่เลยแต่ตอนนี้ดันยิ้มแล้วก็หัวเราะออกมาซะงั้น แต่ฉันไม่มีเวลามาเอาใจคนป่วยหรอกเฟ้ย
“ฉันถามว่าทำอะไรกับเธอ!!”
“อุ๊ก—”
แล้วฉันก็ยกเข่ากระทุ้งเข้าไปที่กลางหว่างขาของเขาอย่างแรง จนเจ้าตัวแสดงสีหน้าแห่งความจุกออกมา พร้อมกับที่ฉันปล่อยมือให้ร่างนั้นร่วงลงสู่พื้น และนอนขดตัวกุมเป้าของตัวเองด้วยสีหน้าทรมานยิ่งกว่าตอนโดนต่อย
จากนั้นฉันก็ใช้เท้าเตะเอวของหมอนั่นให้นอนหงายขึ้นมา แล้วถามซ้ำอีกรอบพร้อมทั้งยกเท้าขึ้นเหนือร่างของเขาอีกครั้ง
“จะบอกมาดี ๆ หรืออยากให้ฉันขยี้ของหวงแกก่อนดีล่ะ”
“ยะ- อย่า!! จะบอก จะบอกแล้ว!!”
พอเห็นแบบนั้นเขาก็ลนลานพูดออกมาด้วยความกลัว แล้วอธิบายให้ฟัง…แบบวกไปวนมาจนฟังแทบไม่รู้เรื่อง คงจะเสียสติจริง ๆ แล้วมั้งอีกแบบนี้
อะไรน่ะ จับใจความได้ประมาณ…’ เป็นหนึ่งเดียวกัน?’ ‘เชื่อมต่อ?’ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย…
“สรุปสั้น ๆ ดิ๊ ว่าฉันต้องทำอะไร”
“ผู้หญิงด้วยกันไม่รู้ว่าได้ไหม…”
“ห๋า?!”
ว่าแล้วฉันก็ทิ้งเท้าลงต่ำเกือบเหยียบเข้าที่ตัวเขา ทำให้หมอนั่นรีบพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำอีกครั้งนึง
“จูบ!! จูบไง! ถ้าผู้หญิงด้วยกันแบบนั้นก็น่าจะทำได้นะ”
“หะ จูบ?”
ในตอนนั้นฉันที่กำลังจะกระทืบเท้าลงไปก็หยุดชะงัก แล้วครุ่นคิดเล็กน้อย จูบนี่…เมื่อนึกออกว่ามันคืออะไรฉันก็รู้สึกว่าบนใบหน้าร้อนรุ่มขึ้นมา อะ จะ- จะ-
“จูบเรอะ! อย่ามาล้อเล่นนะเว้ย!”
“ไม่ได้ล้อเล่นนะ! ถ้าไม่ทำ…เคียร่าก็จะทรมานต่อไปเรื่อย ๆ”
อุก ยาบ้าอะไรวะเนี่ยฉันที่หัวยุ่งเหยิงไปหมดนั้นระบายอารมณ์ด้วยการกระทืบเขาไปทีนึง แต่เพราะฉันใจดีล่ะนะจึงเหยียบลงไปที่ท้อง ไม่ใช่ตรงหว่างขาที่เล็งไว้ตอนแรก
จูบ…เคยได้ยินว่าเป็นการแสดงความรักแบบว่าเอาปากดูดกัน อะไรประมาณนั้น? บ้า!! จะให้ฉันทำแบบนั้นกับเคียร่าเรอะ บ้าไปแล้ว!!
“กรร!”
ในตอนนั้นเอง เสียงร้องของอิกนิสก็ดึงสติฉันที่เดินคิดวนไปวนมาอยู่ไม่หยุด เมื่อหันไปมองก็พบว่าตลอดที่ฉันเสียเวลากับไอ้หมอนี่นั้น เขาก็คอยสกัดการโจมตีของทหารที่ตามมาเรื่อย ๆ และการเรียกครั้งนี้ราวกับกำลังจะบอกว่าใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว
เมื่อลองเงี่ยหูฟังก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจำนวนมากวิ่งมาทางนี้ เวร กำลังเสริมคงมาแล้วอีแบบนี้
“อา!! ช่วยไม่ได้โว้ย”
ฉันขยี้หัวตัวเองด้วยความรู้สึกที่ยุ่งเหยิง ก่อนจะนั่งลงข้างเคียร่าและช้อนร่างของเธอขึ้นมา…ใบหน้าที่เปรอะเปื้อนของเธอนั้นเมื่อเช็ดคราบพวกนั้นออกก็เผยให้เห็นใบหน้าที่สวยงาม ดวงตาของฉันจ้องไปที่ริมฝีปากของเธอที่รู้สึกว่าชวนให้ใจเต้นอย่างน่าประหลาด
ทะ- ทำไม่ได้!!
“กรร!!”
“ขะ- เข้าใจแล้วน่า ขอเวลาทำใจอีกนิด!”
“กรร…”
ฉันตอบกลับอิกนิสที่เหมือนพยายามเร่งให้ฉันรีบลงมือไปแบบนั้น ซึ่งทำให้เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ และจดจ่อกับการต่อสู้กับศัตรูจำนวนมากต่อ
ไม่ได้การ…เป็นไงเป็นกันวะ!!
“ขอโทษนะเคียร่า!”
พอขอโทษออกมาเสร็จ ฉันก็ก้มหัวลงเอาริมฝีปากชนกับเคียร่าพร้อมทั้งหลับตาแน่น…แต่ว่าเธอก็ยังส่งเสียงอย่างทรมานและดิ้นทุรนทุรายเหมือนเดิม
งะ- ไหงงั้นเล่า! แค่แตะไม่พอเรอะ นี่ต้องถึงขั้นนั้นเลยเรอะ!
แล้วในตอนนั้นเองแฟลชที่ดูทนไม่ไหวกับท่าทีของฉันนั้นก็…บินขึ้นและทิ้งตัวลงบนหัวฉันเพื่อกดให้ก้มหัวลงทำ และเพราะความตกใจจึงเผลออ้าปากในขณะที่ชนเข้ากับเธอ
ทำให้ตอนนี้อยู่ในท่าเหมือนกับงับปากของเคียร่าเอาไว้อยู่…
“อะ- อา…”
เคียร่าที่ควบคุมสติไม่ได้ร้องออกมาอีกครั้งพร้อมทั้งอ้าปากเล็กน้อย ซึ่งพอเป็นแบบนั้น…ปากของพวกเราก็ประกบกันโดยสมบูรณ์ คะ- แค่นี้ก็พอสินะ!!
“อือ!!??”
ในตอนที่ฉันกำลังจะยกหัวขึ้นด้วยความเขินอาย จู่ ๆ ร่างของเคียร่าที่ไม่ได้สติก็กระตุกกึก และจับชายเสื้อของฉันเอาไว้แน่นพร้อมทั้งดันลิ้นเข้ามา ด้วยความตื่นตระหนกฉันจึงทำตัวไม่ถูกและขยับลิ้นแบบเก้ ๆ กัง ๆ แต่ถึงกระนั้นน้ำลายของเราทั้งคู่ก็ยังผสมเข้าด้วยกันอยู่ด้านในปากอยู่ดี
หะ- หายใจไม่ออก…ฉันจึงฝืนดึงปากออกมาด้วยความเขินอาย พร้อมทั้งหอบหายใจเอาอากาศเข้าปาก
“อา!! ดะ- เดี๋ยว เคียร่า—”
หลังจากได้พักหายใจเพียงครู่เดียว เธอก็เข้ามาจูบฉันเข้าอีกครั้ง ถ้าให้เดาเจ้าตัวตอนนี้คงทำไปเพราะฤทธิ์ของยา…แต่ถึงงั้นก็เถอะ!!
มีความสุขชะมัด ถึงจะตกใจเพราะไม่ได้ตั้งตัวก็เถอะ แต่พอคิดว่าอีกฝ่ายเป็นเคียร่าแล้ว…รู้สึกดีชะมัดเลย!! แล้วในระหว่างนั้นก็มีอะไรบางอย่างไหลเข้ามาในร่างกาย และแล่นผ่านไปทั่วร่างจนรู้สึกเสียวสันหลัง ทำให้ฉันสะดุ้งโหยงและเด้งตัวออกมาจากเคียร่าในทันที
“เหวอ!”
เอ๊ะ ความรู้สึกเมื่อกี้มัน…กระแสเวทมนตร์หนิ? ทำไมถึงไหลผ่านไปทั่วแบบนั้น…
“กรรรร!”
“จริงสิ! อิกนิสทนไว้อีกนิดนะ!”
ฉันรู้สึกตัวถึงสถานการณ์ในตอนนี้ แล้วรีบเข้าไปดูเคียร่าที่ฉันเผลอปล่อยให้ล้มลงกับพื้นไป เมื่อจับตัวเธอขึ้นมาอีกครั้งนั้น…หายแล้ว ในตอนนี้ถึงจะมีใบหน้าเจ็บปวดจากบาดแผลอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ทรมานแบบแปลก ๆ เหมือนเมื่อกี้อีกแล้ว
“โล่งไปที…อิกนิส! เราจะเตรียมตัวหนีกัน! แฟลชไปตามหาริเกลซะ”
“กรร!”
ทั้งคู่ขานรับคำสั่งของฉันแล้วขยับตัวพร้อมกัน แฟลชบินออกไปจากห้องเพื่อตามหาสถานที่ขังริเกลต่อ ส่วนอิกนิสนั้นรวบรวมลมหายใจเอาไว้ที่ลำคอ และปล่อยออกไปเป็นเพลิงปิดทางเดินเอาไว้ ก่อนจะวิ่งมารับฉันกับเคียร่า
ฉันรีบใช้เชือกที่พกมามัดร่างของเคียร่ายึดไว้กับตัวของอิกนิสอย่างแน่นหนา พร้อมทั้งกระโดดขึ้นบนหลังเขาและออกวิ่งต่อทันที
“กรร!!”
แฟลชร้องออกมาพร้อมทั้งบินย้อนมาอยู่ใกล้พวกเรา คงจะเจอริเกลแล้วจึงได้กลับมานำทางพวกเรา ฉันควบอิกนิสไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อทิ้งระยะห่างกับทหารที่ตามมาจากด้านหลัง
แล้วในตอนนั้นเอง…
‘วี้ด—’
จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงสูงแหลมเล็กที่ดังมากยิ่งกับใต้ดินที่เสียงก้องแบบนี้ ทำให้อิกนิสเผลอหยุดเท้าและงอหัวด้วยความรู้สึกปวดหู แฟลชนี่ถึงกับร่วงลงมาทั้งที่ยังบินอยู่เลย ฉันเองก็ปิดหูของตัวเองเอาไว้เช่นกัน เคียร่าเองก็เหมือนถูกปลุกด้วยเสียงดังเกล่า
“อุ๊…เกิดอะไรขึ้น—”
‘บึ้ม!!’
หลังจากเคียร่าถามออกมานั้น เสียงถัดไปก็คือการระเบิดที่หนักมากดังอยู่ไม่ไกลมากนัก จนรอบตัวพวกเราสั่นสะเทือนจนมีเศษหินตกลงมา คงเป็นผลจากแรงระเบิดที่ใหญ่มากแน่
และเสียงที่ปิดท้ายการระเบิดอย่างรุนแรงนั้นก็คือ…
“กรรรร!!!!”
“มังกรเรอะ!?”
“!!? ริเกล!!”
เคียร่าที่ได้ยินเสียงคำรามนั้นก็รู้ได้ทันทีถึงตัวตนเจ้าของเสียง ฉันจึงตั้งสติตัวเองอีกครั้งแล้วเร่งให้อิกนิสวิ่งไปตามเสียง เท่านี้ก็จะได้หนีออกไปจากที่นี่กันแล้ว!
—————————– ———————————
วันนี้ได้ยินเสียงเอะอะวุ่นวายมาจากด้านนอก พอดีเลยฉันเองก็อยากจะออกไปจากที่นี่เต็มทน อาศัยช่วงวุ่นวายแบบนี้น่าจะดี…
ฉันตั้งสมาธิไปที่เข็มขัดดึงพลังเวทอีกครั้ง แล้วรอเวลาที่มันจะดึงไปอีกครั้งคือ สาม สอง…หนึ่ง
‘วี้ด—’
เสียงของบางอย่างดังขึ้นทันทีที่ฉันอัดพลังเวทเข้าไปในเครื่องดูดพลังงาน ราวกับกำลังจะบอกว่าถึงขีดจำกัดของตนแล้ว อะไรกัน อยากได้นักไม่ใช่เรอะพลังของฉัน ก็เอาไปสิ!!
ฉันคำรามออกมาด้วยเสียงต่ำในคอ และเพ่งพลังเวทเข้าไปตามเส้นทางลำเลียงอย่างรุนแรง พลังเวทของฉันที่เอ่อล้น จนไหลผ่านไปถึงจุดที่รวบรวมพลังเวทนั้นเหมือนไปจุดประกายบางอย่าง ทำให้แสงสีฟ้าซึ่งคือเวทมนตร์ของฉันนั้น พุ่งขึ้นไปบนฟ้าอย่างรวดเร็ว และ…
‘บึ้ม!!’
เกิดการระเบิดตามจุดที่แสงนั่นพุ่งผ่านจนทุกอย่างสั่นสะเทือนไปหมด แม้แต่โซ่ที่รัดตัวฉันแน่นอยู่ก็โดนแรงระเบิดนั้นทำลายเป็นเสี่ยง ๆ แรงระเบิดนั้นมากเพียงพอที่จะเจาะเพดานให้กลายเป็นรูจนมองเห็นท้องฟ้า แม้ว่าจะอยู่ส่วนที่ลึกสุดของคุกใต้ดินก็ตาม
แม้ว่าการไม่ได้ขยับตัวนานจะทำให้รู้สึกว่าร่างกายแข็งทื่อไปบ้าง แต่ฉันก็ค่อย ๆ ใช้เท้าดันร่างของตัวเองให้ลุกขึ้น และสยายปีกออกกว้างเพื่อยืดเส้นยืดสาย พร้อมทั้งเงยหน้าสูดอากาศเข้าให้เต็มปอดอย่างสบายใจ
แล้วก็อ้าปากผ่อนลมพร้อมร้องคำรามออกมา ด้วยความโกรธเกรี้ยว
‘เคียร่า!!’