ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร – ตอนที่ 86: ภาค 4 ตอนที่ 3 มาเถอะ มาเป็นอิสระกัน

“บาปที่ 8…เหรอ?”

 

ฉันคิดทวนถึงบทสนทนากับพระสันตะปาปาอีกครั้งในขณะที่อยู่บนรถม้า เพราะว่าหลังจากที่เขาพูดออกมาแบบนั้นก็เหมือนจะมีธุระเข้าพอดีจึงขอตัวก่อน โดยยังไม่ได้อธิบายให้เข้าใจ

แต่ว่าคำทิ้งท้ายที่เจ้าตัวพูดไว้อีกอันก็รู้สึกว่าปล่อยผ่านไปไม่ได้เช่นกัน…

 

‘จงระลึกไว้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็ต่างมีเรื่องราวที่แตกต่างกัน ไม่ว่าท่านจะมาจากที่ใดก็คงไม่เหมือนกับที่นี่…พวกท่านทั้งคู่เลย’

 

ไม่ว่าจะมาจากที่ไหนเหรอ…ระดับเขาคงรู้จักที่มาที่ไปของพวกเราดีอยู่แล้ว ถึงอย่างนั้นก็ยังพูดออกมาราวกับไม่รู้ว่าพวกเราเป็นใคร

หรือว่าหมายถึงที่ฉันเป็นคนจากอีกโลก? ไม่สิ ถ้างั้นทำไมถึงใช้คำว่า ‘ทั้งคู่’ ล่ะ?

 

“…จะถึงแล้วนะ”

 

“อะ งั้นเหรอ…”

 

ในตอนนั้นฉันก็โดนดึงออกมาจากห้วงความคิดด้วยเสียงเรียกของแฟร์ ก่อนจะมองไปยังด้านนอกอีกครั้ง แทบจะไม่อยากเชื่อเลยจริง ๆ

ภายในเมืองนั้นเต็มไปด้วยไอน้ำที่ลอยคลุ้งโขมง เสียงที่ดังเซ็งแซ่สับสนวุ่นวายเต็มไปหมด ทั้งคนที่ตะโกนซื้อขายกันตามปกติ ไปจนถึงเสียงของโลหะกระทบกัน…ไม่ผิดแน่ เครื่องจักรไอน้ำ

ดังนั้นฉันจึงทำได้แค่คลี่ยิ้มออกมาอย่างลำบากใจ

 

“ถ้าเจรจาไม่สำเร็จ สิ่งที่ฉันทำได้ก็คงแค่ยื้อเวลาล่ะนะ”

 

“ฮะ ๆ พูดอะไรน่ากลัวจังนะ”

 

แฟร์หัวเราะร่าให้กับคำพูดของฉัน ซึ่งฉันเองก็หัวเราะในลำคอเบาตามเธอเช่นกัน แต่ว่าพวกเราต่างรู้กันดี

ว่านี่ไม่ใช่มุกตลกแม้แต่น้อย

 

“งั้นก็มีแต่ต้องทำให้สำเร็จล่ะนะ”

 

เธอพูดออกมาเช่นนั้นพร้อมทั้งกุมมือของฉัน ที่สั่นตามการขยับรถม้า แม้จะเป็นเพียงครู่เดียวแต่ฉันก็รู้สึกสบายใจขึ้นมากจริง ๆ จึงได้ยิ้มกว้างออกมาและกุมมือเธอกลับไป

 

“นั่นสินะ”

 

ถ้าเป็นฉันล่ะก็ ทำได้แน่ แม้ไม่ต้องพูดออกมาฉันก็รู้ได้เลยว่าแฟร์คงคิดเช่นนั้น เพราะในขณะที่ดวงตาของเจ้าตัวนั้น เปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจอย่างไม่สั่นคลอน

นั่นสินะ ถ้ามีเด็กคนนี้อยู่ละก็…ฉันต้องทำได้แน่

 

“เหมือนว่าจะถึงแล้วนะ”

 

เมื่อรถม้าหยุดเคลื่อนไหวพวกเราก็พยักหน้าให้กัน แล้วสวมฮูดปิดตัวตนก่อนจะออกมายังนอกรถม้า ตรงหน้าพวกเราซึ่งเป็นสถานที่พบเจอกับทูตของเดเวีย แต่ว่า…

 

“กลิ่นไรเนี่ย!”

 

ทันทีที่ออกมาด้านนอกแฟร์ก็บ่นออกมาเสียงดังพร้อมทั้งใช้มือปิดจมูก…ฉันเองก็ไม่ต่างกัน ตรงหน้าของพวกเราตอนนี้คือโกดังขนาดใหญ่ ที่ด้านนอกเต็มไปด้วยเศษเหล็กกองปะปนกันไป

และกลิ่นที่ฉุนจนต้องปิดจมูกหนีตอนนี้ ไม่ผิดแน่…

 

“น้ำมันเครื่อง…”

 

ทั้งที่ปืนเพิ่งถูกทดลองผลิตแท้ ๆ แต่ที่ตัวประเทศมีถึงขั้นน้ำมันเครื่องแล้วเหรอ ไม่สิ ก็ตั้งแต่เครื่องจักรไอน้ำแล้ว ลำดับการผลิตมันสลับกันไปหมดเลยไม่ใช่รึไง

นี่อาจจะเป็นความหมายที่พร1สันตะปาปาพยายามบอกฉันล่ะมั้ง

 

“เชิญเข้ามาก่อนได้เลยครับ”

 

คนนำทางพูดออกมาเช่นนั้นก่อนจะเดินไปเปิดประตูโกดัง ที่เก่าจนมีสนิมเขรอะทำให้ต้องใช้แรงอย่างมากในการเปิดออก ในระหว่างนั้นทั้งฉันและแฟร์ก็เหลือบไปมองรอบข้าง

ทั้งที่ระหว่างทาง ในเมืองนั้นดูวุ่นวายและเต็มไปด้วยผู้คนแท้ ๆ แต่ว่าแถวนี้กลับเงียบสงัดจนน่าประหลาดใจ ถ้าลองสังเกตดูดี ๆ จะไม่มีคนเดินเข้ามายังซอกหลืบนี้เลย ตอนนี้รถม้าของพวกเราจึงค่อนข้างเด่น และเป็นจุดสายตาของคนที่แต่งตัวโทรมนอนบนพื้นถนน ให้อารมณ์แบบเดียวกับคนไร้บ้านเลยแฮะ

เมื่อแฟร์สังเกตเห็นคนเหล่านั้น ก็ใช้มือดึงปลายฮูดของตนเองพร้อมทั้งก้มหน้า

 

“นี่เป็นที่อยู่ทูตของเดเวียไม่ผิดแน่…คนพวกนั้น สายลับของฟัวกรา”

 

“งั้นเหรอ”

 

“อา แต่ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันฝากลูกน้องจับตาดูไว้แล้วล่ะ”

 

ฉันพยักหน้าให้กับคำพูดของแฟร์ สมกับเป็นเธอ ตั้งแต่สร้างกลุ่มทหารรับจ้างแม้ว่าจะเป็นคนยืดหยุ่นและไม่เคร่งครัดมากนัก แต่ว่าทุกการกระทำนั้นมีระบบแผนการทั้งหมด ทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

 

“? มีอะไรเหรอ?”

 

“เปล่าหรอก ไปกันเถอะ”

 

ว่าแล้วฉันก็ก้าวเท้าเข้าไปในโกดังที่ถูกเปิดออก โดยมีแฟร์ซึ่งยังสงสัยไม่หายตามมาแบบเงียบ ๆ เมื่อร่างของเราทั้งคู่เข้ามาอยู่ภายในโกดังเก่ากึกแล้ว ประตูก็ถูกปิดจนเกิดเสียงดังสนั่น

สถานที่ที่พวกเราอยู่มีเพียงช่องระบายอากาศด้านบนอาคารเท่านั้น ที่มีแสงลอดผ่านเข้ามาได้จนทำให้ทิวทัศน์ค่อนข้างมืดสนิท

อาจจะเพราะบรรยากาศที่น่าวังเวงจนน่าสงสัย แฟร์ที่ทำหน้าที่คุ้มกันก็เอามือเตรียมไว้ที่อาวุธของตัวเอง โดยที่กวาดสายตาไปรอบ ๆ อย่างสงบ

 

‘แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก’

 

ในตอนนั้นเอง ก็เกิดเสียงของไม้กระทบเข้ากับพื้นดังมาจากด้านใน ฉันจึงเพ่งตามองหาต้นเสียงในทันที แล้วก็ได้พบกับร่างของชายผอมบาง เดินมาทางนี้โดยที่ใช้ไม้เท้าพยุงร่างของตัวเอง ทำให้การเคลื่อนไหวดูแปลกไปอย่างชัดเจน นั่นก็เพราะว่า

มีขาที่ทำจากเหล็กมีข้อต่อจนขยับได้เหมือนกับขาจริง แต่ยังฝืดนิดหน่อยอยู่แทนที่ขาซ้ายของชายคนนั้นนั่นเอง

 

“อะ อา อืมม ยินดีต้อนรับ ทูตจากฟาเรเรียใช่ไหม?”

 

ชายขาเป๋ที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับอาจารย์ดาริก พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก แล้วเดินเข้ามาใกล้เพื่อให้มองเห็นพวกเราให้ชัดยิ่งขึ้น

โดยไร้ซึ่งการระวังตัวโดยสิ้นเชิง

 

“ค่ะ ฉันอัศวินมังกรจากฟาเรเรีย ได้รับมอบหมายให้เป็นทูตติดต่อกับเดเวีย เคียร่า ค่ะแล้วท่านล่ะ?”

 

“โอะ โอ้ จริงด้วย แนะนำตัว ฉัน…โทมัส เป็นคนคอยติดต่อกับคนจากข้างนอก ยินดีที่ได้รู้จัก อ้า จริงด้วย จับมือเนอะ”

 

เขาพูดเช่นนั้นพร้อมทั้งหัวเราะร่วนในลำคอก่อนจะยื่นมือขวาออกมา เมื่อเห็นแบบนั้นฉันก็จับมือกับเข้าเป็นการทักทายเช่นกัน เจ้าตัวคว้ามือของฉันไว้แล้วเขย่าแรงจนร่างของตัวเองโซซัดโซเซ

ถึงจะบอกว่าเป็นคนคอยติดต่อกับข้างนอกก็เถอะ จากที่สังเกตเหมือนคนที่ไม่ได้พูดคุยกับใครมานานแล้วมากกว่า

แต่แน่นอนว่าถึงจะสงสัยก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป ก่อนจะยิ้มให้อย่างเป็นมิตร หลังจากจับมือเสร็จแล้วโทมัสก็นำทางพวกเราเข้าไปหาที่นั่ง…

 

“อา…โทษทีนะ พอดีไม่ค่อยมีใครได้เข้ามาเท่าไหร่น่ะ”

 

“ไม่เป็นไรค่ะพวกเราเองก็มาแบบกะทันหัน อะ แฟร์ระวังนะ”

 

ฉันพูดขึ้นมาแบบนั้น เมื่อเห็นว่าแฟร์กำลังจะใช้มือเปล่าปัดเศษเหล็กที่กองกันอยู่บนเก้าอี้ออก ซึ่งเธอหยุดชะงักตามคำเตือนของฉันในทันที จุดที่พวกเราถูกนำทางมานั้นมีที่นั่งพูดคุยกันได้อยู่ แต่ว่าในขณะนี้นั้นมีเศษเหล็กชิ้นน้อยใหญ่กองผสมปนกันไปหมด

มองแล้วก็รู้ได้เลยว่าถ้าใช้มือปัดออก คงมีหวังได้โดนวัสดุปริศนาทิ่มมือเอาแน่ โทมัสเห็นเช่นนั้นจึงพึ่งนึกได้ และใช้ไม้เท้าของตนเองปัดเศษเหล็กพวกนั้นออกนั่นเอง

แต่ก็มีแค่เก้าอี้ตัวเดี่ยวที่นั่งได้ ฉันจึงยกให้เขาเพราะเห็นแก่ขาที่เป๋

 

“ขอบใจนะช่วยได้มากเลย”

 

“เล็กน้อยค่ะ…ว่าแต่ขานั่น ต่างจากขาเทียมทั่วไปสินะคะ?”

 

เมื่อฉันเปิดประเด็นที่นอกเหนือจากที่วางแผนไว้ แฟร์ก็หันมามองด้วยความตกใจทันที ซึ่งโทมัสที่ถูกชวนคุยก็เช่นกัน ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าสดใสต่างจากที่กังวลในตอนแรกทันที

 

“สังเกตด้วยเหรอ? อา ขานี่ ฉันอยู่ที่โกดังนี่ แล้วค้นคว้าไปเรื่อยน่ะ ขานี่ก็คือหนึ่งในนั้น”

 

ขาเทียมส่วนใหญ่ที่ฉันเคยเห็นในโลกนี้นั้น ยังเป็นเพียงแค่ท่อนไม้มาดามแทนขาเดิม แต่ว่าที่เขาคนนี้ใช้อยู่นั้นต่างออกไป ถึงจะดูบอบบางกว่าแต่ก็ประณีตกว่ามาก

 

“ฉันพยายามสร้างมันเลียนแบบ ขามนุษย์น่ะ เห็นไหม ประมาณนี้น่ะ”

 

“อ้า ข้อต่อสินะ”

 

“ใช่ ใช่”

 

โทมัสยกขาเทียมซึ่งเชื่อมกับต้นขาที่ด้วนไปของตนเองให้ดู ก่อนจะจับให้มันขยับพับไปมาอย่างลื่นไหล ราวกับว่าเป็นขาคนจริง ๆ

ไม่สิ เผลอ ๆ อาจจะเคลื่อนไหวได้ดีกว่าขาคนซะอีก

 

“แต่ว่ามันยังขยับได้ไม่สมบูรณ์หรอก…ถ้ามีหินเวท อาจจะทำได้ก็ได้ แต่คง ไม่ไหวหรอกมั้ง”

 

เขาหัวเราะร่วนออกมาอย่างเศร้าสร้อย ก่อนจะทิ้งท้ายอีกครั้งว่า ‘มันแพง’ ซึ่งนั่นทำให้แฟร์ได้แต่เงียบกริบ เพราะเธอเข้าใจแล้วถึงจุดประสงค์ที่ฉันชวนคุย

 

“แล้ว…ฟาเรเรียมีธุระอะไรนะ?”

 

“ค่ะ อย่างที่ท่านน่าจะทราบดี ว่าตอนนี้พวกเรากำลังมีศึกหนักกับฟัวกราอยู่”

 

“อ้า เรื่องนั้นเหรอ…ก็พอจะเดาสิ่งที่ต้องการได้แล้วล่ะ แต่โทษทีนะ”

 

หลับตอบออกมาเขาก็เขย่าเท้าของตนเอง พร้อมทั้งหันซ้ายหันขวาไปมาราวกับอยู่ไม่สุข นั่นทำให้ฉันเผลอขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะถามออกไป

 

“ทำไมถึงกระวนกระวายขนาดนั้นล่ะ?”

 

“อ๊ะ เปล่า แค่…ปกติจะมีคนของฟัวกราคุมตลอด เลยเคยชินน่ะ อย่าใส่ใจเลย”

 

เมื่อได้ยินแบบนั้นฉันก็เปิดตากว้างแล้วหันไปหาแฟร์ ซึ่งเธอก็ส่ายหน้าเบา ๆ เป็นการบอกว่าตอนนี้ไม่มีใครอยู่ ฉันจึงหันกลับไปหาโทมัสอีกครั้ง

ซึ่งฉันแทบจะเดาได้ทันทีว่าทำไม…

 

“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ได้ขอให้เดเวียโจมตีฟัวกราหรอก…แค่ไม่สนับสนุนต่อก็พอ”

 

“บะ แบบนั้นไม่ได้หรอก!!”

 

‘ปัง!’

 

เขาตะคอกออกมาเสียงดังพร้อมทั้งใช้ไม้เท้าเคาะพื้นอย่างแรง แต่ว่าทั้งฉันและแฟร์ต่างยืนมองอย่างสงบนิ่ง นั่นก็เพราะเจ้าตัวเพียงทำเพื่อกลบความรู้สึกตนเองเท่านั้น

โทมัสเปิดตากว้างและกำไม้เท้าตนเองแน่นด้วยมือที่สั่นเทา ตอนนี้เขากำลังกลัวอยู่

 

“พวกเธอไม่รู้หรอก! ว่าฟัวกรามันน่ากลัวขนาดไหน”

 

“รู้สิ”

 

ชายที่ตัวสั่นเทาด้วยความกลัวนั้นสะดุ้งโหยงทันที เมื่อฉันตอบกลับไปอย่างหนักแน่นและสงบนิ่ง ความน่ากลัวของฟัวกราเหรอ…

 

“รู้สิ…อาจจะรู้มากพอ ๆ กับท่านนั่นแหละ ว่าพวกฟัวกราน่ากลัวขนาดไหน”

 

ในตอนแรก เคยคิดว่าเป็นแค่ประเทศที่เหลิงขึ้นมา จนหวังท้าทายการยึดครองโลก แต่พอได้เจอเรื่องของโอเรล…ได้รู้เรื่องของมังกรพิภพ ก็ได้รู้ว่ามันไม่ได้มีแค่นั้น

พอเป็นการที่พวกเขาโลภจนขาดการยับยั้งชั่งใจ มันเหมือนกับเปรียบเทียบกันระหว่าง โจรฝีมือดีกับคนที่เมาจนอาละวาดนั่นแหละ ยังไงซะคนที่ทำไปทั้งที่ไม่มีสติมันก็น่ากลัวกว่าคนที่มีฝีมืออยู่แล้ว

เพราะงั้นในตอนนี้จึงจ้องกลับเข้าไปในดวงตาของโทมัส โดยหวังว่าเขาจะเข้าใจ…

 

“ใช่…พวกนั้นมันบ้า บ้ากันไปหมดแล้ว เพราะงั้น—”

 

“เพราะงั้นแหละ เราเลยต้องโต้กลับไม่ใช่รึไง”

 

“…”

 

“คิดว่าประเทศตัวเองอ่อนแอจริง ๆ เหรอ?”

 

ชายผู้เป็นตัวแทนของประเทศเดเวียไม่ตอบ ทำเพียงแค่ก้มหน้าลงต่ำแล้วหลบตา นั่นคือคำตอบที่เขามอบให้ฉัน…ทำเอาฉันเป็นคนโง่เลยแฮะ ที่กลัวพวกเขาด้วยเหมือนกันในตอนแรก

แต่ว่าเอาเข้าจริงก็คงไม่แปลกอะไร กับการที่โดนกดหัวมาตลอด คงจะเชื่อได้ยากว่าตัวเองมีคุณค่ามากขนาดไหน ดังนั้นฉันจึงสูดลมหายใจเข้าลึกเป็นการทำใจให้สงบ

ค่อย ๆ ตะล่อมไปคงดีกว่า…

 

“พวกท่านเป็นนักวิจัยใช่ไหม? ถ้างั้นลองสมมุติดูสิ ถ้าหากว่าไม่มีฟัวกราเข้ามายุ่งเกี่ยว พวกท่านจะไปได้ถึงขั้นไหน?”

 

“นั่นก็…”

 

เขาเว้นช่วงเล็กน้อยก่อนจะเหลือบตาไปมองขอเทียมของตนเอง พร้อมทั้งลูบมันอย่างอ่อนโยน ราวกับเป็นสิ่งสำคัญสำหรับตนเอง

ไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้ ว่าหากไม่มีสงครามนี้หินเวทคงไม่ราคาสูงขนาดนั้น แล้วอย่างน้อยเขาคงสามารถซื้อมันเพื่อสานฝันต่อได้ แต่ต่อให้ไม่มีสงครามหากว่ายังมีฟัวกราอยู่ คงจะไม่มีทางหาซื้อได้ในราคาที่เป็นธรรมแน่นอน

ดังนั้นหากทบทวนดูดี ๆ เขาคงรู้ดียิ่งกว่าใคร ว่าหากไม่มีฟัวกราจะเป็นประโยชน์ขนาดไหน

 

“ถ้าท่านฟังคำขอของพวกเรา ขอแค่ไม่ส่งอาวุธและวิทยาการต่าง ๆ ให้กับฟัวกราก็พอ ฉันสัญญาว่าจะทำให้ประเทศของพวกเราเป็นคู่ค้าที่ดีต่อกัน และจะให้สิทธิ์การซื้อขายหินเวทกับเดเวียเป็นประเทศแรก ตลอดระยะเวลา 5 ปี”

 

“!? ฉันไม่ได้โง่นะ จะทำได้เหรอ? ถึงจะบอกว่าเป็นทูต แต่ก็ยังเป็นอัศวิน ใช่ว่าจะทำได้ขนาดนั้นเสียหน่อย”

 

โทมัสเงยหน้าขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินข้อเสนอ คงเป็นการตกลงที่หอมหวานเลยล่ะ สำหรับพวกเขาที่ต้องการหินเวทเพื่อค้นคว้าจำนวนมาก

แต่ถึงกระนั้นก็น่ากังวลว่าจะเป็นแค่การยื่นข้อเสนอโดยพลการของฉันรึเปล่า ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ

แต่ก็นะ

 

“ฉันทำให้ได้แน่…ถ้าหากว่าพวกเราชนะฟัวกรา”

 

ใช่ ถึงจะฟังดูมั่นใจเกินไปหน่อย แต่ถ้าหากว่าตัดขาของฟัวกราให้ไม่มีการสนับสนุนจากเดเวียแล้วล่ะก็ จะกลายเป็นการต่อสู้ซึ่ง ๆ หน้า แถมรวมเข้ากับการมีพวกแฟร์คอยหนุน โอกาสในการชนะสงครามก็จะมีเยอะกว่ามาก

แล้วในตอนที่โทมัสกำลังคิดหนักอยู่นั้น ฉันก็ชิงยื่นมือไปหาเพื่อเตรียมจับมือ ก่อนจะพูดประโยคทิ้งท้าย…พระสันตะปาปาพูดถูก มนุษย์ไม่มีทางอยู่ใต้การปกครองของใครสักคนไปตลอดกาลหรอก

เพราะสุดท้ายแล้ว

 

“มาเถอะ มาเป็นอิสระกัน”

 

ทุกคนก็ล้วนโหยหาอิสระกันทั้งนั้น

 

———————- ————————

(มุมคนเขียน)

ตื่นเต้น ไม่รู้คนอ่านเป็นด้วยไหม แต่เราเขียนไปตื่นเต้นไป(ฮา) เนื้อเรื่องค่อยๆเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆเลย รึเปล่านะ? แต่ที่แน่ๆคือพอคิดว่าหลายๆอย่างใกล้จะปะติดปะต่อแล้ว ก็รู้สึกตื่นเต้นแบบบอกไม่ถูก ฮา

ช่วงนี้มีแต่เรื่องน่าตื่นเต้น โดยเฉพาะ นี่เลย!!

หมายเลขบูธในงาน Comic Squar มาแล้วนั่นเอง~ ถ้าใครมีโอกาสก็แวะเวียนไปหากันได้ ในวันที่ 13 มีนาคม 2022 เวลา 11.00-17.00 น. ณ ศูนย์การค้ายูเนี่ยนมอลล์นะคะ!!

ส่วนจะมีอะไรออกบูธบ้างนั้น…กำลังปั่นอยู่ค่ะ!! //ไฟเริ่มลนก้น(ฮา)

อย่างน้อยๆตอนนี้รูปประกอบในเล่มก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วค่ะ~ แอบกระซิบว่าในเล่มจะมีรูปกว่า 21 ภาพ หรืออาจจะมีเพิ่– แค่กๆ ยังไงก็ตามฟีบกันเลยทีเดียว UwU

ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร

ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร

ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร

Comment

Options

not work with dark mode
Reset