หลังจากนั้นเคียร่าก็รับเงินมาทั้งหมด 500 กิล…เอ๋ มีเหรียญไม่เยอะเลยนี่นา ฉันมองเงินที่เธอรับมาพลางกะพริบตาปริบ ๆ พร้อมกับเอียงคอด้วยความสงสัย
“อ้อ นี่เป็นเหรียญ 10 กิล กับเหรียญ 100 กิล น่ะถ้าให้เป็นเหรียญ 1 กิลจนครบทั้งหมดนี่หอบไม่ไหวแน่”
เธอพูดแบบนั้นพร้อมกับหยิบเหรียญขึ้นมาให้ดูสองเหรียญ อันหนึ่งเป็นสีเงินอีกอันเป็นสีทอง บนเหรียญด้านหนึ่งมีเลขบอกจำนวนค่า อีกด้านหนึ่งเป็นรูปหน้าคน
คงจะเป็นราชาอะไรทำนองนั้นมั้ง
จากนั้นเคียร่าก็ใช้เวลาพักหนึ่งในการนับเงินที่ได้มาได้เป็นว่า เหรียญทอง 4 เหรียญ เงินอีก 10 เหรียญ ซึ่งได้ครบพอดี 500 กิล
เนื่องจากมันเป็นเงินก้อนใหญ่มากเคียร่าจึงตัดสินใจรีบกลับไปที่บ้านทันที แล้วเอาเงินนี่ให้พ่อกับแม่ดู พร้อมทั้งเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ฟัง
“สุดยอดเลย เคียร่าลูกมีพรสวรรค์ด้านการค้านะเนี่ย”
“นั่นสินะ ถ้าเป็นแม่ค้าล่ะก็…”
รุ่งแน่นอน พวกพ่อกับแม่คุยกันแบบนั้นอย่างสนุกสนาน โธ่ เคียร่าไม่ได้จะเป็นแม่ค้าซะหน่อย นักผจญภัยต่างหาก
ทำไมถึงสนับสนุนอันนี้แต่ไม่สนับสนุนทางเลือกที่เคียร่าต้องการล่ะ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ …และฉันก็เหลือบไปมองเคียร่า เธอไม่แสดงความไม่พอใจแม้แต่น้อย ทั้งยังคิดอะไรบางอย่างอยู่อีก
“ถึงจะใช้เงินนี้เพื่อซื้อของจำเป็นอยู่แล้วก็เถอะ แต่ว่า…เอ้านี่”
พูดจบ พ่อก็ยื่นเหรียญทอง 1 เหรียญมาให้กับเคียร่า ทำให้ดวงตาของเด็กสาวเปิดกว้างขึ้นทันที
“ใช้ได้ตามสบายเลยนะ”
“เอ๋ จะดีเหรอ!”
“แน่นอน ลูกเป็นคนหามานี่นา”
เคียร่ายื่นมือไปรับเหรียญนั้นด้วยสีหน้าเบิกบาน และดีใจจนแทบจะกระโดดโลดเต้น ถึงแม้ว่าฉันจะรู้สึกเฉย ๆ พลางมองเขม่นก็เถอะ
‘น้อยไปแล้ว’
และก็ครวญครางออกมาแบบนั้นในใจ ก็คิดดูสิ ได้แค่ 100 จากทั้งหมด 500 เลยนะ ทั้งๆ ที่เราเป็นคนหาเองทำเองทั้งหมดแท้ ๆ แต่ครึ่งนึงก็ยังไม่ถึงเลย
แต่บรรยากาศแบบนี้ก็ยากที่จะขัดได้ แถมเคียร่ายังตื่นเต้นแล้ววิ่งออกจากบ้านไป ก่อนจะหันมาเรียกให้ฉันรีบตามไปอีกครั้ง จะไปซื้อของแล้วใช้เงินที่ได้มาให้คุ้มสินะ
เอาเถอะ สำหรับเด็กตัวเล็ก ๆ ในชนบทแบบนี้ เงินเท่านี้ก็คงทำให้ตื่นเต้นจนแทบทนไม่ไหวแล้วล่ะมั้ง ฉันจึงเดินตามเธอไปแบบเงียบ ๆ
และฉันก็ได้รู้ ว่าทำไมเธอถึงได้ตื่นเต้นขนาดนั้น เพราะถึงจะแค่ 100 จาก 500 มันจะดูน้อย แต่พอเอามาใช้จริง ๆ แล้วนั้น…ทุกอย่างมันถูกจนน่าเหลือเชื่อ
แทบไม่มีสินค้าชิ้นไหนราคาเกิน 10 กิลเลยสักชิ้น ราวกับว่าเราจะซื้ออะไรก็ได้งั้นแหนะ แต่ดูสภาพจากเด็กที่ขายแร่นี้ให้กับคุณบิลลี่ก็เป็นราคาปกติ ไม่ได้สูงเหมือนพวกเรา…แหม เจ้าเล่ห์จริง
“ว้า นี่ริเกล ๆ พืชที่ไม่รู้จักเต็มเลย!”
‘จริงด้วย สุดยอดเลย!’
พวกเราสองคนมาหยุดที่ร้านแห่งหนึ่งซึ่งมีบางอย่างคล้ายผลไม้หลากชนิดวางเรียงรายอยู่ ที่บอกว่าไม่รู้จักนี่คือไม่รู้จริง ๆ ไม่เคยเห็นในโลกก่อนเลย
คงเป็นพืชของโลกใบนี้ล่ะมั้ง แปลกตาจริง ๆ
ฉันจ้องมองภาพเหล่านั้นแล้วส่ายหางไปมาจนเกิดฝุ่นตลบ จนถูกเคียร่าดุและให้ส่ายหางเบาลง…ง่ะ ตัวใหญ่แล้วลำบากจัง ส่ายหางก็ไม่ได้
เมื่อถูกดุฉันก็ทำสีหน้าหงอยลงแล้วส่งเสียงครางในลำคอเบา ๆ แต่เคียร่าก็ไม่ใจอ่อนให้เลยแม้แต่น้อย ในตอนนั้นเองพวกเราทั้งคู่ก็โดนดึงความสนใจด้วยเสียงหัวเราะของพ่อค้า
“ฮะๆ พวกหนูสนิทกันจังนะ”
“อ๊ะ คุณลุงคะ พวกนี้คืออะไรเหรอคะ!”
ด้วยความตื่นเต้นเมื่อโดนเรียกเธอจึงถามกลับไปอย่างไม่รอช้า ชายที่เฝ้าร้านอยู่นั้นเป็นคุณลุงหน้าตาดูใจดี ซึ่งกำลังยิ้มแป้นที่เห็นเด็กมาสนใจร้านของตน
“เป็นผลไม้จากที่เคยเดินทางมาน่ะ ถูกเก็บรักษาอย่างดีด้วยพลังของมังกรน้ำแข็ง เพราะงั้นถึงได้สดใหม่เหมือนพึ่งเด็ดจากต้น”
“ผลไม้จากต่างแดน…มังกรน้ำแข็ง…ไม่รู้จะทึ่งอันไหนก่อนเลยเนอะริเกล!!”
‘อือ!’
เราทั้งคู่ตอบกันและกันอย่างสนิทสนม จนคุณลุงพึมพำเบาๆ ว่าสนิทกันจริงๆ ก่อนที่เคียร่าจะถามต่อว่าแต่ละอย่างมีรสชาติยังไง หรือว่ามีอะไรพิเศษบ้าง
เขาก็ทำท่าจะตอบแต่ก็มองที่ฉันอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มจนเห็นฟันราวกับเจอเรื่องสนุก และตอบเคียร่าว่า
“ลองให้เจ้าหนูนั่นบอกสิ มังกรน่ะจมูกดี เลยมีประโยชน์มากเวลาเจอพืชที่ไม่รู้จัก ถึงจะบอกเป็นคำพูดไม่ได้ แต่แค่การแสดงออกมาก็บอกได้แล้วว่าน่ากินหรือเปล่า”
เอ๋ ไหงโยนงานมาให้ฉันเล่า แต่พอได้ยินแบบนั้นเคียร่าก็ลองคิดบางอย่างแล้วหันมามองฉัน และเธอก็ทำหน้าคล้ายคุณลุงคนนั้นเลย
อะไรเล่า ฉันไม่ใช่ของเล่นนะ!!
และลุงคนนั้นก็ยื่นผลไม้ลูกหนึ่งมาให้ทดลองดมดู โธ่…ฉันหลับตาลงแล้วขยับจมูกฟุดฟิด ๆ เพื่อรับกลิ่นของผลไม้รูปร่างประหลาด มีสีเหลืองอร่าม
กลิ่น…เป็นกลิ่นหวาน ๆ แล้วก็กลิ่นอะไรสักอย่างที่พูดไม่ถูกว่าเป็นยังไงผสมอยู่ แต่กลิ่นนั้นทำให้รู้สึก…สดชื่น? เหมือนกับว่าถ้ากินเข้าไปจะมีแรงขึ้นเยอะเลย
แต่ฉันไม่รู้ว่าจะตอบยังไงได้แต่ยิ้มและส่งเสียงร้องออกไปพลางส่ายหาง
“อันนี้น่าอร่อยเหรอ?”
‘อื้ม!’
ฉันพยักหน้ารับ พร้อมกันกับที่คุณลุงเองก็พยักหน้าเช่นกัน
‘นั่นเป็นผลไม้ที่มีรสหวานจากประเทศ ริมิร่า ซึ่งพวกพืชผลที่นั่นมีพลังเวทแฝงอยู่ ทำให้พวกมังกรจับกลิ่นง่ายขึ้น อย่างผลนี้ช่วยฟื้นฟูพลังกายน่ะ’
อ้อ งี้นี่เอง ถึงได้กลิ่นแปลกๆ แบบนั้นสินะ ว่าแต่…นั่นคือกลิ่นของเวทมนตร์เหรอ? สุดยอดเลยแฮะ เพราะไม่เคยเห็นเวทมนตร์แบบจริง ๆ จัง ๆ มาก่อน เลยไม่รู้เลยว่าเวทมนตร์ก็มีกลิ่นด้วย
แต่จากการอธิบายต่อเหมือนว่าจะมีแค่มังกรเท่านั้นที่ได้กลิ่นเวทมนตร์ มันเป็นเหมือนสิ่งที่มนุษย์ไม่อาจรู้สึกได้นั่นเอง
หลังจากนั้นก็ได้ลองดมหลาย ๆ อย่าง ผลไม้พวกนี้มีหน้าตาพิลึกพิลั่นจนแอบคิดว่ามันจะกินได้จริงเหรอ แต่สุดท้าย พอได้ลองดมดูส่วนมากก็มีรสที่ค่อนข้างดี
คงคัดมาสำหรับทำอาหารนั่นแหละจะไม่อร่อยได้ยังไง แต่จะมีบางผลที่มีรสเผ็ดกับฝาดบ้าง ซึ่งฉันไม่ชอบเลยส่งเสียไม่พอใจออกมา แต่คนอื่น ๆ ดันหัวเราะให้ซะงั้น แย่ที่สุด!
“ขอบคุณมากนะคะ ได้รู้อะไรหลายอย่างเยอะเลย”
เคียร่ากล่าวแบบนั้นพร้อมกับผลไม้ที่ใส่ถุงกระดาษในมือจำนวน 20 ผลคละชนิดกันไป แต่เชื่อไหม พวกนี้ทั้งหมดแค่ 20 กิลเองแต่คุณลุงบอกว่าราคานี้ถือว่าแพงมาก
ถ้าในฟัวกราสามารถซื้อได้ 10 ลูกใน 1 กิลเลยด้วยซ้ำ ถ้าในริมิร่ายิ่งได้ 50 ลูกเลย แต่นี่ที่แพงเพราะค่าเดินทางเอามาขายนั่นเอง
“เล็กน้อย ๆ ในกองคาราวานก็มีเด็กกับมังกรเหมือนกัน เวลาเห็นอะไรแบบนี้ก็เลยบันเทิงใจดี เอ้านี่ ลุงให้เจ้าหนูนะ”
เขาพูดแบบนั้นพร้อมกับยื่นผลไม้ลูกแรกมาให้กับฉัน เพราะมันเป็นผลไม้ที่ฉันทำท่าว่าชอบมากที่สุดนั่นเอง จะดีเหรอ! ใจดีจัง!
แต่ในตอนที่ฉันจะยื่นมือหรือขาหน้าไปรับก็ต้องชะงักลง ฉันเดินสี่ขามาตลอดถ้าจับคงเปื้อนแน่ และถ้าอาหารเปื้อนก็คงไม่ดี แถมถ้ามันเปียกแล้วโดนดิน…
‘เคียร่า หยิบให้หน่อยสิ’
ฉันร้องออกมาไม่ดังมากนัก แล้วเปลี่ยนเป็นการใช้มือดึงชายกระโปรงของเธอ สร้างความฉงนให้กับคุณลุงเป็นอย่างมาก แต่เคียร่าเข้าใจความหมายที่ฉันจะสื่อในทันที
สมแล้วที่เป็นเธอ!
“ริเกลไม่ชอบจับอาหารเวลามือเปื้อนน่ะ เดี๋ยวหนูเก็บไว้ให้เจ้าตัวเองค่ะ”
“โอ้ เป็นมังกรที่ฉลาดจังนะ”
เขาหัวเราะร่วน ๆ พลางเปลี่ยนเป็นยื่นให้เคียร่าแทน และพวกเราก็บอกลาเขาแล้วเดินออกมา ก่อนที่จะขายผลึกเราเดินแล้วรอบนึงก็จริง แต่ดูเหมือนตอนนั้นจะมีบางคนพึ่งถึง ไม่ก็พึ่งจะตั้งร้าน
แถมตอนแรกเราก็ยังเดินไม่ทั่วอยู่แล้วด้วย เหมือนกลายเป็นตลาดใหญ่กลางป่าเลยล่ะ แทบจะล้นออกไปนอกเมืองเลย และเพราะแบบนั้น…เงิน 100 กิลจึงหมดไปภายในพริบตา
ซึ่งของที่พวกเราซื้อก็ไม่มีอะไรมาก มีแต่ของกิน ของกิน แล้วก็ของกินก็มันน่าสนใจแล้วก็แปลกตานี่นา นอกจากผลไม้ที่มีพลังเวทแล้ว เนื้อสัตว์บางชนิดก็มีเช่นเดียวกัน
แล้วก็การสำรวจกองคาราวานเราก็ได้เจอกับมังกรน้ำแข็งด้วย แต่ตอนแรกจินตนาการไว้ว่ามังกรน้ำแข็งจะต้องสง่างาม แล้วก็สวยมากแน่ ๆ แต่เอาเข้าจริงนั้น…
พวกมันเหมือนซาลามันเดอร์ตัวยักษ์ที่หัวใหญ่แล้วก็หลังแทบจะติดกับพื้น ดูเอื่อยๆ อย่างบอกไม่ถูก แต่หัวที่แบนออกด้านข้างแล้วก็ดวงตาที่ใหญ่ พร้อมกับปากที่เหมือนยิ้มตลอดเวลานั้นก็ทำให้พวกมันดูน่ารักไปอีกแบบ
ในขบวนคาราวานมีมังกรอยู่เต็มไปหมดเลย อย่างมังกรน้ำแข็งนั่นก็จัดเป็นมังกรน้ำ ถ้าตามปกติจะไม่อยู่บนพื้นแต่ถ้าเป็นเพื่อนของมนุษย์จะขึ้นมาบ้างเหมือนกัน แต่ก็ต้องระวังไม่ให้มังกรปฐพีเห็นตัวเช่นกัน
แต่พวกเราก็ได้แต่มองอยู่ห่าง ๆ แล้วออกมาเพราะไม่อยากรบกวนพวกเขา มังกรหลายชนิดนี่ดีจังเนอะน่าสนใจมากเลย และพ่อค้าที่เดินทางไปทั่วทวีปก็คงได้เจอมาหมดแล้วสินะ
ในตอนนี้พวกเราที่ซื้อของกันจนเกลี้ยงก็มานั่งอยู่ค่อนข้างไกลจากตัวหมู่บ้าน เป็นจุดสงบที่พวกเราชอบมานั่งเล่นกันเพราะไม่มีใครกวน ทั้งยังเห็นทั่วทั้งหมู่บ้านอีก แล้วมองเหล่าผู้คนที่ซื้อของกันอย่างคึกคัก โดยที่เคียร่าก็กลับมาทำสีหน้าคิดหนักอีกครั้ง
“นี่ริเกล ถ้าพวกเราออกเดินทางพร้อมกองคาราวานล่ะ ว่าไง?”
‘เอ๋’
ฉันเผลอส่งเสียงแห่งความตกใจออกไปทันที ก็มัน…เคียร่าจะเป็นนักผจญภัยไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมถึงจะไปกับกลุ่มพ่อค้าล่ะ?
เหมือนว่าจะเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่อยู่จนแสดงออกทางสีหน้า เด็กสาวจึงหัวเราะเล็กน้อยและเริ่มอธิบายให้ฉันฟัง
“ถ้าเป็นพ่อค้า พ่อกับแม่ก็จะสนับสนุน คุณบิลลี่ที่เป็นหัวหน้ากองคาราวานก็เหมือนจะชอบใจพวกเรา ดังนั้นถ้าเลือกทางนี้ก็จะมีโอกาสเป็นไปได้มากกว่า”
อ้อ ก็ใช่…ถูกของเธอ ถ้าทำแบบนั้นทุกอย่างก็จะราบรื่น ได้ออกเดินทาง แถมยังหาเงินไปด้วยอีก ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวนะคนในกองคาราวานก็น่าจะอัธยาศัยดีด้วย
เมื่อฉันลองคิดตามสิ่งที่เคียร่าพูดมาก็สมเหตุสมผล จึงร้องตอบกับเธอไปเป็นการแสดงให้เห็นว่า ตกลง ไม่สิต่อให้ฉันไม่ชอบใจ ก็คงไม่ขัดอยู่แล้ว
เพราะไม่ว่ายังไงฉันก็จะตามเคียร่าไปทุกที่ ต่อให้เธอจะเลือกหนทางที่ยากลำบากแค่ไหนก็ตาม
“ตกลงตามนี้เนอะ”
‘อื้ม!’
พวกเราสองคนยิ้มและพูดคุยกันด้วยความสดใส ภายใต้ท้องฟ้าที่พระอาทิตย์เริ่มตกดินอีกหน่อยก็คงถึงเวลากลับบ้านได้แล้ว เดี๋ยวทุกคนจะเป็นห่วงเอา
ถึงแม้จะเป็นป่าที่คุ้นเคยและอยู่ไม่ไกลจากตัวหมู่บ้านมากนัก แต่ก็ยังอันตรายอยู่ดีถ้าปราศจากแสงสว่าง พวกเราจึงยืนขึ้นและเคียร่าก็หันมามองฉัน
ได้กลิ่นแปลก ๆ ที่บอกไม่ได้ว่ากลิ่นอะไรโชยมา จาง จางมากจนไม่รู้ว่ามาจากทิศไหนและคืออะไร แต่ก็คงมาจากคนในกองคาราวานล่ะมั้ง? คงไม่เกี่ยวกับพวกเรา
และตอนนั้นเองสีหน้าของเคียร่าก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป เป็นการเพ่งมองอะไรบางอย่างที่อยู่ด้านหลังฉัน ทำให้ฉันได้แต่เอียงคอด้วยความสงสัย และเคียร่าก็ทำสีหน้าตกใจทันที
อะไรเหรอ? มีอะไรน่ะเคียร่า-
“ริเกลระวัง!!”
เคียร่าพูดแบบนั้นแล้วรีบกระโจนกอดคอฉัน และบังคับให้ล้มไปอีกทางคือด้านขวาของฉัน ถึงแม้ฉันจะตัวใหญ่กว่าเธอมากแต่ถ้าไม่ตั้งตัวก็ต้องล้มได้อย่างง่ายดาย
พร้อมกับกลิ่นที่พุ่งเข้าจมูกและซึมเข้าไปสู่สมองของฉันจนแทบอ้วก มันคือกลิ่นฉุนของเวทมนตร์ที่รู้สึกแย่ และ กลิ่นคาวของเลือด