ตอนที่ 151 คุณเป็นเทวดารึไง
เขาไม่ปฏิเสธ เสียงในลำคอทุ้มต่ำ
“อืม”
ประตูห้องทำงานปิดลงอัตโนมัติ เธอยืนอยู่ตรงประตูนิ่ง
ป๋อจิ่งชวนยกมุมปากขึ้นน้อยๆ แล้วเงยหน้ามองเธอ ค่อยๆ เอ่ยถามขึ้น “คุณมาได้ยังไง”
เธอกระตุกมุมปาก “พ่อมือขวาคนดีของคุณจงใจย้ำเป็นพิเศษว่า คืนนี้คุณต้องทำโอทีแถมยังไม่ยอมกินมื้อเย็น ระยะห่างระหว่างคอนโดใหม่กับบริษัทคุณใช้เวลาเดินเท้าแค่สิบนาทีก็ถึง”
เขาลดสายตาลงมองกล่องอาหารเก็บความร้อนในมือของเธอ นัยน์ตาสีนิลก็ทอแสงขึ้นมาบางๆ
เธอครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะเดินเข้าไปแล้ววางมันลงบนโต๊ะน้ำชา
“อย่าลืมทานล่ะ ฉันขอตัวก่อน”
เธอยิ้มน้อยๆ แล้วหมุนตัวเดินไปยังประตู
นาทีที่มือจับลงไปบนลูกบิดแล้วเปิดออก มือใหญ่ที่เฉียดผ่านศีรษะของเธอก็ดันมันกลับลงไปอย่างเดิม
กลิ่นหอมอ่อนที่คุ้นเคยห้อมล้อมตัวเธอเอาไว้ แผ่นหลังของเธอแนบกับร่างอันสูงล่ำของเขา
“ไหนๆ ก็มาแล้ว ทำไมต้องไป”
เฉินฝานซิงเม้มปาก “ไม่ใช่ว่าฉันรบกวนคุณหรอกเหรอ”
“ก็ใช่”
เสียงแหบทุ้มเอ่ยขึ้นเหนือศีรษะของเธอ คำพูดขวานผ่าซากที่ทำเอาคนฟังลมออกหู
คำหวานก่อนหน้านี้ คงจะเป็นแค่คำล่อลวงสินะ!
เธอบิดลูกบิดประตูแล้วดึงมันอีกครั้ง มือของชายหนุ่มยังคงค้ำอยู่เหนือศีรษะของเธอจนมันไม่ยอมขยับ
มืออีกข้างเลื่อนมาตะปบที่เอวของเธอ ก่อนที่เธอจะถูกชายหนุ่มดึงเข้าไปกอดจากทางข้างหลัง
เสียงแหบทุ้มเอ่ยขึ้นข้างใบหูพร้อมกับลมอุ่นร้อนที่เป่ารดลงมา
“จริงอยู่ที่ถูกรบกวน แต่ผมชอบเวลาที่ผมถูกคุณกวน”
หัวคิ้วของเธอยกขึ้น
ร่างของเธอถูกชายหนุ่มจับพลิกให้หันมาเผชิญหน้ากับเขา ดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มกำลังจ้องเธอตาเป็นมัน
เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา พบว่านัยน์ตาคู่นั้นสีดำตัดกับสีขาวอย่างชัดเจน ใจกลางของมันถูกเคลือบด้วยสีดำดุจน้ำหมึก สีขาวที่ล้อมรอบมันอยู่นั้นขึ้นสีแดงอ่อนๆ
หัวใจของเธอหยุดเต้นไปชั่วขณะ นัยน์ตาของเธอค่อยๆ อ่อนลง
“ก็จริงอย่างที่คุณว่า ไหนๆ ก็รบกวนแล้วก็รบกวนไปเลย ทานข้าวเถอะ”
“สงสารผม?” เขาจ้องท่าทีเล็กๆ น้อยๆ ของอีกฝ่าย
เธอส่ายหน้า “เปล่า”
เขาขำเสียงต่ำ “โกหก”
“…เอาล่ะ รีบทานเถอะ”
เธอดันเขาออกเดินไปยังโซฟา
อาหารสามอย่างซุปหนึ่งแต่ก็ครบครัน
เธอนั่งลงอีกฝั่ง มองชายหนุ่มที่ค่อยๆ ทานอาหารอย่างไม่รีบร้อน
ชายหนุ่มดูดีแม้จะในเวลาที่ทานอาหารอยู่ก็ยังคงสะกดสายตา
เวลาเดินไปอย่างเงียบงัน ป๋อจิ่งชวนวางตะเกียบลง มืออีกข้ามเอื้อมไปยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบไปหนึ่งคำ
เฉินฝานซิงมองอาหารในถ้วยที่พร่องลงไปไม่ถึงครึ่ง เธอจึงยืดตัวขึ้นแล้วถาม “อาหารไม่ถูกปากเหรอ”
“อร่อยมาก”
“แล้วทำไมคุณถึงกินไปนิดเดียวเอง”
เขายกน้ำขึ้นมาดื่มอีกคำแล้วยกยิ้มขึ้นน้อยๆ “อิ่มแล้ว”
เฉินฝานซิงแหงนหน้ามองเขา “คุณเป็นเทวดารึไง”
“หืม?”
“คุณถือศีลอดรึไง ถึงได้กินน้อยนัก คุณตัวโตขนาดนี้แต่กลับกินเหมือนแมวดม แล้วแบบนี้จะไปเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาทำงาน”
ป๋อจิ่งชวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขาวางแก้วน้ำในมือลง แล้วเอื้อมมือไปคว้าแขนเธอเข้ามากอดเอาไว้ในอ้อมกอดของตน
เธออุทานออกมาด้วยความตกใจ ป๋อจิ่งชวนกลับยิ่งรัดเธอแล้วตรึงเธอเอาไว้ในอ้อมกอด เขาก้มลงไปแนบชิดกับศีรษะของเธอ
ตอนที่ 152 นี่คุณจะหลงผู้หญิงง่ายเกินไปแล้ว
ใบหน้าเธอแดงก่ำ
เธอค้ำไหล่เขาเอาไว้ สร้างระยะห่างของทั้งคู่เล็กน้อย “อย่ากวนสิ คุณจะไม่กินแล้วจริงๆ?”
“ขอกินอย่างอื่นอีกสักหน่อยได้รึเปล่า”
ป๋อจิ่งชวนใกล้เข้าไปกดจุมพิตลงบนคางของเธอ
เธอเนื้อตัวแข็งทื่อ เบี่ยงหน้าหลบแล้วดันชายหนุ่มให้ออกห่าง
“เลิกกวนได้แล้ว คุณต้องทำงานต่อไม่ใช่รึไง”
เขาถอนหายใจแผ่วเบา หันมองอาหารที่เหลือบนโต๊ะน้ำชา ก่อนจะยกตะเกียบขึ้นมา
อันที่จริงอาหารได้เย็นลงแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ยังคงกลืนมันลงไปอย่างไม่สะทกสะท้าน
เฉินฝานซิงหันมองการกระทำของเขาก็ยกมือขึ้นคว้ามือที่จับตะเกียบนั้นเอาไว้ “ไม่อยากกินก็ไม่ต้องกินแล้ว มันเย็นหมดแล้ว”
ป๋อจิ่งชวนหันมามองเธอ แล้วโอบเอวเธอเอาไว้ด้วยมือข้างเดียวแล้วคีบอาหารเข้าปากต่อไป
“นี่ ป๋อจิ่งชวน…”
เธอขบริมฝีปาก เมื่อจู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนกำลังขัดแย้งกับตัวเอง เมื่อกี้เพิ่งบ่นว่าเขากินน้อยไปอยากให้เขากินอีกสักหน่อย พอมาตอนนี้เห็นท่าทีการกินของเขากลับดูเหมือนเธอจะบังคับจิตใจคนอื่นมากเกินไป
เธอยั้งมือของเขาเอาไว้ไม่ให้คีบมันต่อไป
“ไม่ต้องกินแล้ว”
เขามองเธอเงียบๆ ไม่พูดจา
สายตาเช่นนั้น กลับยิ่งทำให้เธอรู้สึกละอายกับความขัดแย้งของตนยิ่งขึ้น
เธอยกใบหน้าเขาขึ้นมาจูบลงไปหนึ่งครั้ง
“ไม่กินแล้วนะ มันเย็นหมดแล้ว”
“แต่ถ้าผมไม่กินผมก็ต้องทำงาน”
ป๋อจิ่งชวนยอมเอ่ยปากขึ้นในที่สุด
“ก็ใช่ไง ยังไงคุณก็ต้องทำโอทีอยู่แล้ว”
เขาโอบเอวเธอไว้แน่นขึ้น “พอผมทำงานคุณก็จะไป?”
เธอชะงักไป “…ก็ใช่นะสิ งานของคุณสำคัญมาก ฉันไม่อยากรบกวนคุณ”
“งั้นผมยอมกินอาหารเย็นชืดนี่ต่อไปสักคำสองคำดีกว่า”
เธอนิ่งงันไปนานครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากถาม
“ป๋อจิ่งชวน นี่คุณจะหลงผู้หญิงง่ายเกินไปแล้ว”
“ก็ดูสิว่าคุณเก่งแค่ไหน”
เธอเงียบไป คำพูดหนึ่งติดอยู่ที่ปลายลิ้น เธอแอบเปลี่ยนทิศทางไปเงียบๆ เพียงแค่เอ่ยออกมาเบาๆ ว่า “ติดหญิงจนเสียคน”
ป๋อจิ่งชวนยกยิ้ม “ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องส่วนรวมกับเรื่องส่วนตัวผมแยกออกหน่า”
เธอเม้มปาก “งั้นก็ดี…เอาล่ะ ตอนนี้คุณต้องเริ่มทำงานจริงๆ แล้วก็อย่าหักโหม”
ป๋อจิ่งชวนกลับไม่ได้ปล่อยเธอ “อยู่เป็นเพื่อนผม เดี๋ยวงานผมก็เสร็จแล้ว คุณนอนบนโซฟาไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่บ้านเอง”
คำพูดไม่กี่ประโยค ทำเอาเธอต้องกลืนคำแก้ตัวที่ใช้ปฏิเสธลงคอ เธอเองก็มองออกถึงความหวังเล็กๆ ในดวงตาของเขา จนสุดท้ายเธอก็ทำได้เพียงพยักหน้า เลือกที่จะรอเขาอยู่บนโซฟา
เขาเกลี่ยแก้มของเธออย่างสนิทสนมด้วยความพอใจ ก่อนจะกลับไปยังโต๊ะทำงานใหม่อีกครั้ง
ทั้งห้องเงียบสงบ
เฉินฝานซิงซุกตัวอยู่บนโซฟา หันมองชายหนุ่มที่กำลังทำงานอยู่เงียบๆ
ใบหน้าสมบูรณ์แบบสุดลึกล้ำ รูปหน้าดูคมชัดขึ้นเมื่ออยู่ท่ามกลางแสงไฟ ร่างกายนั้นถูกสวมทับด้วยเสื้อเชิ้ตสะอาดเป็นระเบียบ นิ้วเรียวยาวเห็นข้อนิ้วชัดเจนกำลังหนีบปากกาด้ามหนึ่งอยู่ เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย สายตาจดจ่ออยู่กับเอกสารในมือ ก่อนจะใช้ปากกาขีดๆ เขียนๆ ลงบนนั้นไปมา
เข้มงวด เงียบขรึม หลักแหลม
ท่ามกลางความเงียบงัน เสน่ห์ที่ไม่อาจบรรยายด้วยคำพูดแผ่ขยายออกมา
เฉินฝานซิงกำลังมองเขา ดวงตาพร่างพราวลึกล้ำจนไม่อาจคาดเดา
แต่สุดท้ายเธอก็ง่วงจนถึงขีดสุด เธอพิงศีรษะซบลงบนโซฟา ก่อนจะปิดตาแล้วหลับไป
ภายในห้องนั้นเงียบจนน่าแปลกใจ นอกจากเสียงปากกาตวัดไปมาบนกระดาษ ก็คือเสียงลมหายใจแผ่วๆ ของทั้งคู่
ป๋อจิ่งชวนยังคงสนใจเฉินฝานซิงอยู่เป็นระยะๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงหายใจของเธอ เขาจึงหยัดตัวลุกขึ้นหยิบผ้านวมออกมาจากห้องพักผ่อนแล้วนำมาคลุมตัวเธอเอาไว้
แม้เธอจะหลับปุ๋ยไปแล้วแต่เมื่อป๋อจิ่งชวนอุ้มเธอขึ้นมาเธอกลับลืมตาตื่น