ตอนที่ 185 งานเลี้ยงครบรอบ (16)
“แน่ใจหรือเปล่า”
ป๋อจิ่งชวนยิ้มมุมปาก “ดูเหมือนเพียงแค่จูบเดียวยังทำให้คุณจำผมไม่ได้ ถ้างั้นจูบอีกสักครั้งแล้วกัน”
ระหว่างที่พูดเขาก็โน้มตัวเข้าไปใกล้เฉินฝานซิง
เฉินฝานซิงรีบหันหน้าไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว ใช้มือดันที่แผงอกเขาเอาไว้พร้อมกับพูดเสียงกระเส่า “คุณอย่าเล่นแบบนี้สิ…”
“ประธานเจียง กรุณาหยุดด้วยครับ”
น้ำเสียงเข้มงวดเคร่งขรึมของอวี๋ซงดังขึ้น บอดี้การ์ดชุดดำสองคนรีบพุ่งตรงมายืนอยู่ด้านหลังของอวี๋ซง
ดวงตาคู่นั้นไร้ซึ่งอารมณ์โดยสิ้นเชิง ราวกับวิญญูชนผู้เย็นชาไม่เกรงกลัวความตายใดๆ ทั้งสิ้น หากพบว่าใครก็ตามที่มีความประพฤติไม่เหมาะสม ก็จะจัดการคร่าชีวิตคนผู้นั้นทุกเมื่อในทันที
ใครๆ ต่างก็มองออกว่า บุคคลเหล่านี้ มีเรื่องด้วยไม่ได้
แน่นอนว่าเจียงหรงหรงเข้าใจสถานการณ์ดีจึงยั้งฝีเท้าเอาไว้ ก่อนจะจ้องอวี๋ซงด้วยคิ้วขมวดมุ่น ดวงตาที่แก่โรยราคู่นั้นยังคงไว้ซึ่งความน่าเกรงขาม
“พวกคุณเป็นใคร”
อวี๋ซงมองเจียงหรงหรงด้วยแววตาเฉยเมยวูบหนึ่ง “คุณไม่มีสิทธิ์ตั้งคำถามกับพวกเรา”
น้ำเสียงเย็นชาของเขาเต็มไปด้วยความเหยียดหยามไม่แยแสอย่างเห็นได้ชัด ท่าทางที่ไม่เห็นใครอยู่สายตาทำให้ไฟความโกรธในใจของเจียงหรงหรงปะทุขึ้นมาอีกครั้งทันที
“ใครเป็นคนอนุญาตให้พวกคุณเข้ามา ที่แห่งนี้เราเหมาไว้หมดแล้ว ขอเชิญพวกคุณออกไปด้วย”
มุมปากของอวี๋ซงกระตุกเล็กน้อย “ประธานเจียงแน่ใจเหรอครับว่าจะพูดเรื่องเหมาสถานที่น่ะ”
“…”
เจียงหรงหรงนิ่งไป ไม่ได้ตอบโต้กลับไปในทันที
ดูเหมือนศึกครั้งนี้ คนที่มาไม่ใช่คนที่จะไปผิดใจด้วยได้เด็ดขาด ฝั่งตรงข้ามเป็นใครก็ยังไม่รู้ เธอจะไปล่วงเกินพวกเขาสุ่มสี่สุ้มห้าไม่ได้
ถึงแม้จะไม่ชอบท่าทางหยิ่งผยองไร้มารยาทของชายหนุ่มตรงหน้า แต่ท้ายที่สุดแล้วเจียงหรงหรงก็พยายามข่มมันเอาไว้
เวลานี้ ทุกต่างก็ค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้ที่นี่ด้วยความสงสัย เฉินเชียนโหรวรีบดึงซูเหิงให้เดินไปทางนั้นด้วยความรีบร้อน
สายตาของเธอมองไปยังบอดี้การ์ดรูปร่างสูงใหญ่นับสิบคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า พยายามชะเง้อคอมองเข้าไปด้านในแต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเฉินฝานซิง
ขณะนั้นภายในใจของเธอยิ่งร้อนรนขึ้นกว่าเดิม เธอหยุดสายตาที่อวี๋ซง ยังจำคนคนนี้ได้ดี คราวก่อนที่จัตุรัสซินซื่อเจี้ย คนที่บิดแขนเฟยเฟยจนหักก็คือเขา
ถ้าอย่างนั้นผู้ชายที่พูดเมื่อกี้ก็คือเจ้านายของผู้ชายคนนี้งั้นเหรอ
เป็นใครกันแน่
หลังจากที่ลองวิเคราะห์ดูแล้ว เธอก็ยกมุมปากขึ้นก่อนจะอมยิ้มให้กับอวี๋ซงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“คุณผู้ชายท่านนี้ ที่นี่อาจจะกำลังมีการเข้าใจผิดกันเกิดขึ้น ไม่ทราบว่าพวกคุณเป็นใครกันคะ”
อวี๋ซงมองเฉินเชียนโหรวที่กำลังแสร้งทำเป็นยิ้มสดใสอยู่ ภายในใจเกิดความรู้สึกดูหมิ่นเหยียดหยามอย่างรุนแรง
แต่เขาเพียงแค่มองไปยังเฉินเชียนโหรวด้วยความนิ่งเฉย มองดูผู้หญิงตรงหน้าที่ทำตัวราวกับนกยูงตัวหนึ่งที่กำลังพยายามทุกวิถีทางเพื่อหาโอกาสที่จะได้รำแพนหางอวดความสวยงามต่อหน้าพวกเขา
เขายิ้มมุมปากประชดประชันราวกับกำลังรอดูละครฉากสำคัญอยู่
เฉินเชียนโหรวเห็นรอยยิ้มของเขาที่เผยออกมาในขณะที่กำลังมองมาทางเธอ ในใจจึงรู้สึกมั่นใจขึ้นมาไม่น้อย
เธอรู้อยู่แล้วว่า ขอเพียงแค่เธอต้องการ ไม่มีผู้ชายคนไหนที่จะไม่ยอมสยบอยู่ใต้กระโปรงเธอ
ส่วนอวี๋ซงเมื่อได้ยินคำถามนั้น เขากลับปิดปากเงียบไม่พูดไม่จา
เฉินเชียนโหรวจึงพูดเองเออเองต่อไปว่า “คุณผู้ชายอย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะคะ ด้านในมีพี่สาวของฉันอยู่…”
เฉินฝานซิงที่ถูกกลุ่มบอดี้การ์ดล้อมอยู่ด้านใน หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ของเฉินเชียนโหรว แววตาก็เย็นชาขึ้น
ป๋อจิ่งชวนเห็นสีหน้าเธอเปลี่ยนไป คิ้วของเขาจึงผูกเริ่มผูกติดกันแน่น นัยน์ตาสีดำทมิฬค่อยๆ ฉายรังสีอำมหิตเล็กๆ ออกมาช้าๆ
เฉินเชียนโหรวเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ก่อนหน้านี้ พี่สาวของฉันก็เคยทำผิดโดยไม่ได้ตั้งใจมาก่อน ฉันกลัวว่าพี่จะเคยไปล่วงเกินอะไรพวกคุณไว้ อยากรู้ว่าพวกคุณจะทำร้ายเธอหรือเปล่า…”
“หุบปาก!”
ทันใดนั้นเอง อวี๋ซงก็ตะคอกออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด บอดี้การ์ดสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขารีบพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว พลันง้างฝ่ามือแล้วฟาดลงไปบนปากของเฉินเชียนโหรวอย่างเต็มแรงหนึ่งที!
ตอนที่ 186 งานเลี้ยงครบรอบ (17) หล่อไม่ไหว
ทันใดนั้นเอง อวี๋ซงก็ตะคอกออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด บอดี้การ์ดสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขารีบพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว พลันง้างฝ่ามือแล้วฟาดลงไปบนปากของเฉินเชียนโหรวอย่างเต็มแรงหนึ่งที!
“โอ๊ย”
เฉินเชียนโหรวมึนงง เธอเสียหลักล้มลงไปบนพื้นพร้อมทั้งส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บจากบริเวณปาก
ผู้คนรอบข้างต่างก็ส่งเสียงร้องฮือฮากันเกรียวเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันโดยไม่มีใครคาดคิดนี้
บอดี้การ์ดรูปร่างล่ำสันกำยำพละกำลังมหาศาล ทั้งยังเป็นผู้ผ่านการฝึกฝนวิชามาโดยเฉพาะ ฝ่ามือที่ฟาดลงไปบนใบหน้าของเธอ ถึงแม้จะยั้งแรงเอาไว้เพราะเห็นแก่ที่เธอเป็นผู้หญิง แต่ก็ยังถือเป็นเรี่ยวแรงที่ดูถูกไม่ได้อยู่ดี
เฉินเชียนโหรวรู้สึกถึงความเจ็บปวดไปทั่วทั้งช่องปาก สัมผัสได้ว่ากระพุ้งแก้มที่สัมผัสกับฟันนั้นแตกยับ กลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปทั่วทั้งปาก
เธอยังรู้สึกได้อีกว่าริมฝีปากบนล่างของตัวเองกำลังบวมเป่งอย่างรวดเร็ว ทั้งเจ็บทั้งชา
“เชียนโหรว”
“โหรวเอ๋อร์”
ซูเหิงและเจียงหรงหรงที่อยู่ใกล้เธอมากที่สุดในเวลานี้ตะโกนร้องออกมาด้วยความโมโหและตกใจ
ซูเหิงรีบพุ่งเข้าไปกอดเชียนโหรวไว้ในอ้อมแขน
“เชียนโหรว…ไม่เป็นไรใช่ไหม”
เขาพูดพลางจะดึงมือที่เฉินเชียนโหรวกำลังใช้ปิดปากเอาไว้ของออก แต่เธอกลับใช้เรี่ยวแรงที่มีอยู่ขืนไว้แน่น ไม่มีทีท่าว่าจะเอาออกมา
“อย่านะคะ…อย่านะ…”
อัปลักษณ์ หน้าฉันจะต้องอัปลักษณ์มากแน่ๆ
ซูเหิงรู้มาตลอดว่าเธอเป็นคนรักสวยรักงาม ผลร้ายที่ตามมาจากฝ่ามือที่ฟาดลงไปเมื่อครู่นี้ เขาพอจะจินตนาการได้
เขารีบเงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดและเคร่งขรึม
“พวกแก…”
แต่เขาเพิ่งจะได้เอ่ยปากพูด เสียงที่แข็งกร้าวและขึงขังของอวี๋ซงก็ดังขึ้นตรงหน้าเฉินเชียนโหรว
“นี่เป็นแค่บทเรียนของคุณเท่านั้น ถ้าหากให้ผมได้ยินคำพูดให้ร้ายคุณหนูเฉินดังมาจากปากของคุณอีก ผมจะฉีกปากของคุณให้ขาดเป็นชิ้นๆ แน่”
คงเป็นเพราะทำงานกับป๋อจิ่งชวนมาเป็นเวลานาน ทำให้ถึงแม้จะมีกำแพงมนุษย์ที่หนาทึบขวางกั้นไว้อยู่ แต่เขากลับรู้สึกได้ถึงรังสีความอำมหิตเยือกเย็นแผ่ออกมาจากร่างของคุณผู้ชายของเขา
แรงกดดันมหาศาลที่ไม่อาจมองข้ามทำเป็นไม่สนใจได้
สำหรับคุณผู้ชายแล้ว จะต้องไม่มีทางยอมให้ใครมารังแกหรือใส่ร้ายคุณหนูเฉินแน่
หลักการนี้ หลังจากที่เขาได้พบกับคุณหนูเฉินไม่นาน เขาก็รับรู้เข้าใจมันได้อย่างลึกซึ้ง
วินาทีที่รับรู้ได้ถึงความโกรธเกรี้ยวของคุณผู้ชาย เขาก็ตัดสินใจตอบโต้ออกไปแบบนั้นทันที
ทุกคนต่างก็ตะลึงงันกับคำพูดนี้ของอวี๋ซง
“พวกแก…พวกแกก็ไม่ต่างอะไรกับพวกอันธพาล มาทำร้ายกันแบบนี้ได้ยังไง มิหนำซ้ำยังรังแกผู้หญิงอีก”
หยางลี่เวยในค่ำคืนนี้ก็นับว่ามีเรื่องให้ทุกข์ใจไม่น้อยอยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นลูกสาวสุดที่รักของตัวเองถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตาแบบนี้ แล้วเธอจะไม่ปวดใจได้ยังไง
เธอทั้งโกรธทั้งห่วง ชี้หน้าอวี๋ซงแล้วตัดพ้อด้วยความโมโห แต่ก็ไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าอยู่ดี
อวี๋ซงชายตามองเธอด้วยความเย็นชาก่อนจะพูดเสียงแข็ง
“สำหรับคนที่ไม่มีคุณธรรมขั้นพื้นฐาน พวกเราก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ศีลธรรมกับพวกเขาอยู่แล้ว ทำร้ายผู้หญิงเป็นเรื่องไม่ดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทำไม่ได้ แถมผู้หญิงคนนั้นยังเป็นคนที่วอนหาเรื่องใส่ตัวอีกต่างหาก”
เจียงหรงหรงรู้สึกเพียงว่างานเลี้ยงครบรอบในค่ำคืนนี้ได้กลายเป็นเรื่องตลกที่น่าอายที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ไปแล้ว
และเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นเพราะเฉินฝานซิง
ถ้าหากไม่มีเธอ คืนนี้ก็คงจะไม่เกิดเรื่องวุ่นวายขนาดนี้ขึ้น
ตัวซวย!
นี่มันตัวซวยชัดๆ !
เธอรู้สึกปวดร้าวไปทั้งทรวงใน แต่ก็ต้องกล้ำกลืนความปวดร้าวนี้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ฉันไม่สนหรอกนะว่าพวกคุณเป็นใคร แต่เฉินฝานซิงเป็นคนในครอบครัวของเรา ยังไงก็ต้องขอให้พวกคุณช่วยคืนเธอให้พวกเราด้วย”
อวี๋ซงรีบพูดตอบ “เมื่อกี้คุณหนูเฉินก็พูดชัดเจนแล้วว่าเธอตัดสัมพันธ์กับสกุลเฉินเรียบร้อยแล้ว”
เจียงหรงหรงหัวเราะด้วยความเย้ยหยัน “น่าขำจริงๆ ความสัมพันธ์ทางสายเลือดเป็นสิ่งที่เธอบอกว่าจะตัดก็ตัดให้ขาดได้เลยอย่างนั้นเหรอ”
ขณะนั้นเอง น้ำเสียงนิ่งเรียบของป๋อจิ่งชวนก็ลอยเข้ามาจากด้านหลังของเหล่าบอดี้การ์ด ถึงแม้จะฟังดูไม่รีบร้อน แต่กลับเผยให้เห็นถึงอันตรายถึงชีวิต
“ถ้าสายเลือดตัดไม่ขาด ก็สูบเลือดของคนสกุลเฉินที่เหลือออกมาให้หมดก็สิ้นเรื่องแล้ว”